อาคารเหอเป่า
ร่างสูงระหงซึ่งเป็นเจ้าของความสูงถึง 170 เซนติเมตร เดินอาดๆ ไปตามเส้นทางผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายที่กำลังยืนเมียงมองคอยลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นนักเรียนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน และอีกอย่างเปิดเรียนมานานกว่าสองเดือนแล้วจนกำลังจะเริ่มสอบกลางภาค แต่ก็ยังอุตส่าห์มีนักเรียนใหม่มาปรากฏให้เห็น “เฮ้ย! พวกเรานักเรียนใหม่เว้ย!”เสียงของผู้ชายวัยรุ่นดังออกมาจากกลุ่มที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างมีอยู่ประมาณสิบคน “เจ้าหล่อนโคตรสวยเลยวะ แถมยังเดินกินลูกอมเอาไว้ในปากด้วย กวนประสาทไม่ใช่เล่นแบบนี้ต้องให้การต้อนรับน้องใหม่เสียหน่อยแล้วเว้ย หรือเธอว่าอย่างไงเหนียงเหนียง”เขาพูดพลางหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยกันห้าคน เด็กสาวเจ้าของชื่อเหนียงเหนียง หรือหม่าฟางเหนียงหันกลับมาตามเสียงเรียกของผู้ชายในกลุ่มซึ่งก็คือแฟนของเธอที่คบหากันอยู่ในสถาบัน เป็นทั้งเพื่อน แฟนและทำหน้าที่เป็นสามีในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในอพาร์เมนท์แทนที่จะอยู่บ้านของแต่ละคน เพราะต่างคนมาจากเมืองอื่นแต่เข้ามาเรียนต่อภายในกรุงปักกิ่งเหมือนกัน ดวงตารีเล็กและมีเพียงชั้นเดียวเบิกกว้างพอเห็นว่านฉีฉีกำลังเดินเข้ามาใกล้ ความสวยของเจ้าหล่อนกระแทกตาเจ้าถิ่นเข้าให้อย่างจังจนแฟนหนุ่มของเธอถึงกับเอ่ยปาก เลือดบ้าและแรงหึงหวงจึงเกิดขึ้นทันทีเพระไม่ชอบให้แฟนตัวเองมองผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เด็กใหม่หน้าตาสวยจะถูกกลั่นแกล้งสารพัดวิธีและจบลงด้วยการลาออกจากโรงเรียน และหนักที่สุดก็คือการฆ่าตัวตาย เพราะพ่อแม่ไม่ให้ลาออกจากโรงเรียนชื่อดัง “นายชมนางเด็กใหม่ว่าสวยอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นก็มาดูสิว่าแม่นั่นจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ได้สักกี่วัน!”เหนียงเหนียงพูดพลางเดินตรงปรี่เข้าไปหาเพื่อเอาเรื่องเด็กใหม่อย่างเต็มที่ “ไม่เอานะเหนียงเหนียง! เธออย่าไปมีเรื่องเลยนะ ลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังอยู่ช่วงทำทัณฑ์บนอยู่ อาเฉินก็แค่พลั้งปากพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจก็เท่านั้นเอง”เพื่อนสนิทของเจ้าหล่อนพยายามห้ามปรามพร้อมตรงเข้าดึงแขนเอาไว้ พรืดดดด!!! หญิงสาวกระชากแขนออกจากมือเพื่อนสาวอย่างรวดเร็ว “เธอไม่ต้องมายุ่ง! คำพูดของอาเฉินบอกว่าไม่ตั้งใจแต่ภายในใจคิด! ฉันรู้นิสัยสันดานของเขาเป็นอย่างดี”ฟางเหนียงพูดพลางเดินตรงเข้าไปหาว่านฉีฉีเพื่อตั้งใจเข้าไปหาเรื่องเต็มที่ ตึก! แต่เจ้าหล่อนกลับต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อเดินมาถึงและกำลังยืนเผชิญหน้าตัวต่อตัว เจ้าหล่อนสบดวงตากับว่านฉีฉีที่กำลังยืนจ้องเขม็งอยู่ในเวลานั้น และสายตาที่จับจ้องนั้นทำให้ก้าวขาแทบไม่ออก ขนหัวลุกขึ้นมาเสียเฉยๆ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายจิ้มลงไปที่กลางหน้าอกเหมือนกำลังบอกเตือนอะไรบางอย่าง “ออกไปห่างๆ ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะมาหาเรื่อง ได้ยินมาว่ากำลังอยู่ช่วงถูกทำทัณฑ์บนไม่ใช่เหรอ มีเรื่องตอนนี้จะเรียนไม่จบเอาได้นะ ทางที่ดีเธอกับฉันไปเจอกันบนชั้นดาดฟ้าตอนเลิกเรียนจะดีกว่า ถึงเวลานั้นอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ...ดีไหม” ว่านฉีฉีพูดพลางยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ นิ้วที่กำลังจิ้มกดอยู่ตรงกลางหน้าอกยกขึ้นมาจับลูกอมที่อยู่ในปาก หยักคิ้วส่งให้ทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเลี่ยงจากไปเพื่อเข้าชั้นเรียนของตัวเอง เพื่อนๆ รวมทั้งแฟนหนุ่มของเธอต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปหาฟางเหนียงด้วยความแปลกใจ ที่เห็นอาการเหมือนกับกำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่าง “เหนียงเหนียง! นี่เธอเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็ยืนให้เด็กใหม่พูดแต่ฝ่ายเดียว ตั้งใจจะไปหาเรื่องไม่ใช่เหรอทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถามไถ่อย่างแปลกใจ “นั่นสิเหนียงเหนียงเกิดอะไรขึ้นเหรอ เด็กใหม่คนนั้นทำอะไรเธอ”แฟนหนุ่มถามอย่างอยากรู้ “ฉะ..ฉัน..เห็นดวงตานางเด็กใหม่เป็นสีเลือด! น่ากลัวมากเลย...พอฉันเห็นดวงตาคู่นั้นขาก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร”เธอบอกเพื่อนๆ ตามความรู้สึก “บ้านะเหนียงเหนียง ฉันว่าเธอตาฝาดไปเองเสียมากกว่า แล้วนี่แม่นั่นพูดอะไรกับเธอเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถาม “นางเด็กใหม่บอกว่าถ้าอยากจัดการมันให้ไปเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นอยากจะทำอะไรนางนั่นก็สุดแล้วแต่”ฟางเหนียงเล่าให้เพื่อนฟัง “เฮ้ย! นางนั่นมันแน่มาจากไหนถึงได้กล้าท้าทายขนาดนี้ แล้วจะเอาอย่างไงไปตามที่มันบอกไหม”เพื่อนสนิทถาม “พวกเธอพอเถอะนะ เมื่อกี้ดูก็รู้แล้วว่าเด็กใหม่ไม่ธรรมดา แม้แต่เธอเองก็เถอะเหนียงเหนียง ยังบอกว่าเจ้าหล่อนน่ากลัวมากเลย ถ้ารู้สึกแบบนั้นก็ไม่ต้องไปข้องแวะยุ่งเกี่ยวกันเสียก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในโรงเรียนขึ้นมาคราวนี้อีกครั้ง เธอถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนเลยนะเหนียงเหนียง”แฟนหนุ่มห้ามปราม คำพูดของเพื่อนสนิทฟังหูซ้ายทะลุหูขวายังทำท่าจะไปตามนัดหลังเลิกเรียน แต่พอได้ยินแฟนหนุ่มพูดเตือนออกมาเท่านั้นแหละ กลับทำให้เจ้าหล่อนเชื่อมั่น ว่านั่นคือความห่วงใยของเขาที่มีต่อเธอ “ฉันเชื่อนายอาเฉิน ปล่อยนางเด็กใหม่ไปไม่ต้องไปยุ่งหรือข้องแวะต่างคนต่างอยู่ก็เพราะฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันมากใช่ไหม”ฟางเหนียงถามกลับ แฟนหนุ่มพยักหน้าติดต่อกัน ยกยิ้มเหยียดขึ้นที่มุมปากให้กับแฟนสาวพลางหันหลังเดินนำหน้าออกไปก่อน “โง่ไม่มีเปลี่ยน”อาเฉินคิดในใจ “รีบไปเข้าชั้นเรียนกันเถอะคาบแรกกำลังจะเริ่มแล้ว เดือนหน้างานเทศกาลหยวนเซียวก็จะเริ่มขึ้นแล้ว อาจารย์ให้แต่งกลอนและเขียนลงในโคมไฟแข่งขันไม่ใช่เหรอ”อาเฉินบอกพลางสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเดินปลีกตัวออกจากกลุ่ม “อาเฉินรอฉันด้วยสิ! จะรีบเดินอะไรกันหนักกันหนา” ฟางเหนียงส่งเสียงมาตามหลัง พร้อมกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นซึ่งมีฐานะทางครอบครัวร่ำรวยกันทุกคนทยอยเดินตามอาเฉินที่เป็นหัวโจกของกลุ่มไปติดๆ กลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นเดินผ่านมุมตึกซึ่งสร้างเป็นห้องน้ำชายและหญิงเอาไว้ของแต่ละชั้น ก่อนจะพากันแยกย้ายเดินเข้าห้องเรียนของแต่ละคน โดยไม่สนใจเด็กใหม่อีกเลย ร่างระหงของว่านฉีฉีเดินออกมาจากซอกมุมตึกพลางยืนมองกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นที่กำลังแยกย้ายเข้าชั้นเรียน พลางยกมือขึ้นเมื่อเธอเดินผ่านกลุ่มแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียงเมื่อครู่ แล้วมีเศษกระดาษยัดใส่เข้าไปในมือ นิ้วเรียวยาวคลี่กระดาษออกอ่านพร้อมแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่ออ่านข้อความนั้น “วีแชทของฉัน แอดเป็นเพื่อนกันอยากจะทำความรู้จักกันหน่อย ฉันแซ่จาง ชื่ออี้เฉินนะคนสวยแล้วเธอละชื่ออะไร” ข้อความในกระดาษทำให้ว่านฉีฉีส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกที่รังเกียจกับพฤติกรรมแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียง พลางมองไปที่กลุ่มนักเรียนที่กำลังเดินผ่านหน้าเธอไป และวิธีดัดสันดานผู้ชายเจ้าชู้ก็คิดขึ้นมาได้ทันที หญิงสาวเดนตรงปรีเข้าไปยัดกระดาษที่อยู่ในมือให้กับผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ “มีคนฝากมาให้เธอ”ว่านฉีฉีบอกหญิงสาวตรงหน้าพลางเดินผละจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก ในขณะที่กระดาษถูกอีกฝ่ายคลี่ออกอ่านพร้อมกับรอยยิ้มและใบหน้าที่เริ่มแดงซ่านด้วยความเขินอาย เมื่ออ่านข้อความที่อยู่ภายในกระดาษนั้น “อาเฉิน! นี่เธอแอบชอบฉันด้วยเหรอเนี่ย”เด็กสาวพูดพลางยืนบิดตัวไปมาด้วยความอายว่านฉีฉีแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทันทีเพราะมีความรู้สึกบางอย่างบอกให้เธอมองไปที่ดวงจันทร์ และดวงตาสีดำกลมโตคู่ใหญ่เห็นพระจันทร์ดวงมหึมาลอยอยู่ใกล้มาก เห็นได้อย่างชัดเจนและที่สำคัญสีของดวงจันทร์กำลังเปลี่ยนเป็นสีเลือดอย่างรวดเร็ว พรึบ!! ดวงตาคู่สวยของเธอจากสีดำกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเลือดเข้ามาแทนที่ พร้อมรังสีอำมหิตฉายวาววับอยู่บนดวงตา “เฮ้ย!..พวกเราดูนางเด็กนั่น!!!”กลุ่มนักเลงส่งเสียงเรียกให้พวกเดียวกันมองร่างระหงที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นเป้าหมายจะต้องจัดการ เหวอออ...เสียงอุทานดังลั่นหลุดออกมาจากปากของแต่ละคน ไม่คิดว่าจะเห็นอะไรที่น่ากลัวแบบนี้ “ทะ...ทำ..ทำไมนางเด็กคนนั่นมันถึงมีไอดำออกมาจากตัว...พวกแก...เห็นเหมือนกันไหม”หัวโจกถามพวกพ้องและแต่ละคนพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “ปะ...ปี...ปีศาจ..นางเด็กคนนี้มันจะต้องเป็นปีศาจแน่ๆ คนดีๆ ที่ไหนจะมีไอดำพวยพุ่งออกมาจากตัวแบบนี้ ไม่มีหรอก”เสียงของหนึ่งในกลุ่
หนึ่งเดือนผ่านไป เวลาเลิกเรียน ร่างระหงของว่านฉีฉีเดินออกจากห้องเรียนพลางถือกระเป๋านักเรียนเหวี่ยงไปทางด้านหลัง หญิงสาวยังคงเดินกินลูกอมไปตลอดทางโนสนโนแคร์มนุษย์เพื่อน และมนุษย์ครูรอบข้างที่หันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน วันนี้เธอถูกอาจารย์ประจำชั้นลงโทษให้อยู่ทำเวรคนเดียวเพราะเถียงอาจารย์ประจำชั้นในวิชาประวัติศาสตร์ ว่าข้อมูลที่นำมาสอนในชั้นเรียนนั้นไม่ถูกต้องทำให้คนรุ่นหลังเข้าใจผิดและบอกว่า “ครูสอนมั่ว” คำว่า “ครูสอนมั่ว” ที่ยืนกรานพูดออกไปก็เลยเจอดีถูกทำเวรคนเดียวยาวไป จึงทำให้หญิงสาวกว่าจะได้ออกจากห้องเรียนก็เกือบห้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ในขณะที่กำลังจะก้าวเดินลงบันได พรืดดด!!!! มือของใครบางคนตรงเข้าจับคอเสื้อของเธอทางด้านหลังพร้อมตรงเข้ากระชากร่างและพยายามปิดปากลากร่างของเธอก้าวขึ้นบันไดชั้นบนซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าของอาคารเรียนหลังนั้น ตุบ!!! กระเป๋าหนังสือหล่นตกพื้นและถูกกลุ่มคนใช้เท้าเหยียบเดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่สนใจ
อาคารเหอเป่า ร่างสูงระหงซึ่งเป็นเจ้าของความสูงถึง 170 เซนติเมตร เดินอาดๆ ไปตามเส้นทางผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายที่กำลังยืนเมียงมองคอยลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นนักเรียนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน และอีกอย่างเปิดเรียนมานานกว่าสองเดือนแล้วจนกำลังจะเริ่มสอบกลางภาค แต่ก็ยังอุตส่าห์มีนักเรียนใหม่มาปรากฏให้เห็น “เฮ้ย! พวกเรานักเรียนใหม่เว้ย!”เสียงของผู้ชายวัยรุ่นดังออกมาจากกลุ่มที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างมีอยู่ประมาณสิบคน “เจ้าหล่อนโคตรสวยเลยวะ แถมยังเดินกินลูกอมเอาไว้ในปากด้วย กวนประสาทไม่ใช่เล่นแบบนี้ต้องให้การต้อนรับน้องใหม่เสียหน่อยแล้วเว้ย หรือเธอว่าอย่างไงเหนียงเหนียง”เขาพูดพลางหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยกันห้าคน เด็กสาวเจ้าของชื่อเหนียงเหนียง หรือหม่าฟางเหนียงหันกลับมาตามเสียงเรียกของผู้ชายในกลุ่มซึ่งก็คือแฟนของเธอที่คบหากันอยู่ในสถาบัน เป็นทั้งเพื่อน แฟนและทำหน้าที่เป็นสามีในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในอพาร์เมนท์แทนที่จะอยู่บ้านของแต่ละคน เพราะต่างคนมาจากเมืองอื่นแต่เข
ค.ศ.2020 กรุงปักกิ่ง รถสปอร์ตสีดำคันงามสุดโออ่าแล่นมาด้วยความเร็วพอประมาณ ด้านหลังมีรถรุ่นเดียวกันและสีเหมือนกันแล่นตามมาติดๆ ก่อนจะจอดสนิทอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูสถาบันศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประตูทั้งสองข้างบริเวณด้านหน้าและด้านหลังถูกเปิดออกจากคนภายในอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งสองคัน ติดตามด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสากลสีดำก้าวออกมาจากรถทั้งสองคันรวมแล้วทั้งหมดหกคน ยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบพร้อมประตูรถคันหลังถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ตึก! ตึก! สองเท้าของหญิงสาวแรกรุ่นในวัย 18 ปี สวมใส่เสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นนำสมัยจากแบรด์ดังเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้พบเห็นด้วยรูปลักษณะภายนอกที่มีใบหน้าสวย คม เฉี่ยว โครงหน้าเก๋ลงตัวน่ามองสุดๆ แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าเธอจะไม่แสดงท่าทียียวนกวนประสาทรับรองได้เลยว่าสวยสมราคาสตรีมีมารยาทงดงาม สมกุลสตรีแม่ศรีเรือนโคตรๆ หญิงสาวก้าวลงมาจากรถคันงามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด พลางเงยหน้าขึ้นมองประตูสถานศึกษาชื่อดังและป้ายชื่อที่เขียนบรรยายคุณสมบัติของสถานที่แห่งนั้นเอาไว้อ
ดวงตาของสตรีนางนั่นเบิกกว้างจ้องหน้าจอมปีศาจด้วยอาการตื่นตระหนกอย่างยิ่งยวด ด้วยเพราะเห็นดวงตาสีเลือดปรากฏอยู่ตรงหน้า ซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับหลี่เหวินฉางอยู่ในเวลานี้ภายหลังจากเสพสังวาสกับนางเสร็จสิ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมาภายใต้ความสุขอันแสนหฤหรรษ์ที่ได้รับจนสุขล้นจบลงพร้อมพลังชีวิตถูกสูบชีพออกกจากกายอย่างรวดเร็ว ร่างที่กำลังเปลือยเปล่าซึ่งเต็มไปด้วยความอวบอิ่มของสตรีสาวตรงหน้าค่อยๆ ซูบซีดลงทีละน้อย ทีละน้อย จนเหลือแต่โครงกระดูกแห้งกรัง พรึบ!!! ซากแห้งกรังค่อยๆ สลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปในชั่วพริบตา บนฟูกนอนอันหนานุ่มในเวลานี้คงเหลือแต่เพียงกายเปลือยเปล่าของหลี่เหวินฉางแต่เพียงผู้เดียว ร่างอันใหญ่โตกำลังสั่นสะท้านเมื่อได้สูบพลังชีวิตเข้าไป ดวงตาสีเลือดฉาบอยู่เมื่อครู่ที่ผ่านมาค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย ทีละน้อย จนกระทั่งความเป็นตัวตนของมนุษย์แต่ดั้งเดิมพร้อมสติหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ดวงตากวาดมองไปโดยรอบ เห็นเสื้อผ้าของสตรีถูกเหวี่ยงกระจายอยู่ที่พื้น พร้อมเสื้อผ้าของตน ตุบ!!!! หลี่เหวินฉางกระแทกร่างเปลือยลงบนฟูกนอนอย่างแรง ดวงตาสีดำจับจ้องอยู่แต่บนเพดานของกระโจม กรอดดดด!!! เสียงฟันกรามขบเข้า
กระโจมแม่ทัพในค่ำคืนนี้แม่ทัพผู้กล้า กำลังจัดการเสพกายกับสตรีที่ถูกนำมาสังเวยเพื่อบำเรอกามราคะให้กับจอมปีศาจแห่งเฉียนฉิน ด้วยร่างกายอันใหญ่โตเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเปลือยเปล่าไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้มของหลี่เหวินฉางกำลังจัดการเสพราคะจากกายสาวที่ถูกนำมาบำเรอในค่ำคืนนี้ เสียงร้องครวญครางกระเส่าดังออกมาไม่ขาดสาย "อู้ย..ย..ย..ซี้ด.ด..ด….อย่าทำอย่างนี้เจ้าค่ะ…ซี้ด..ด..ด.." นางร้องครางเสียงสั่นแม่ทัพหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมประกบปากลงบนริมฝีปากของนางจนหลับตาพริ้ม พร้อมบังคับให้แลกลิ้นกับจอมปีศาจอย่างเมามัน มือก็ค่อย ๆ ลูบไล้ปลดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างของนางจนไม่เหลืออะไรทรวงอกอวบอิ่ม ส่วนเนินสวรรค์ก็โหนกนูนล้ำหน้าช่างน่าลิ้มลองเสียนี่กระไร และมีหรือจะรั้งรอใบหน้าคมคร้ามก้มลงซุกบนเนินสวรรค์เพื่อลิ้มลองอย่างเมามัน ช่างสวยได้รูปเสียจริง ทั้งลาก ทั้งเลีย ทั้งดูด ทั้งเม้ม ไม่รู้สึกว่าเมื่อยปากเลยแม้แต่น้อย มีแต่เสียงครวญครวญของนางร้องครางฮืออออ อื้อออออ และซู้ดปากอยู่ตลอดเวลาก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือมายังเบื้องล่างเลื้อยลงสู่เนิน ซึ่งบัดนี้เนินสวรรค์เปียกชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมันวาวตรียมพร้อมรับมือกับ