LOGINอาคารเหอเป่า
ร่างสูงระหงซึ่งเป็นเจ้าของความสูงถึง 170 เซนติเมตร เดินอาดๆ ไปตามเส้นทางผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายที่กำลังยืนเมียงมองคอยลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นนักเรียนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน และอีกอย่างเปิดเรียนมานานกว่าสองเดือนแล้วจนกำลังจะเริ่มสอบกลางภาค แต่ก็ยังอุตส่าห์มีนักเรียนใหม่มาปรากฏให้เห็น “เฮ้ย! พวกเรานักเรียนใหม่เว้ย!”เสียงของผู้ชายวัยรุ่นดังออกมาจากกลุ่มที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างมีอยู่ประมาณสิบคน “เจ้าหล่อนโคตรสวยเลยวะ แถมยังเดินกินลูกอมเอาไว้ในปากด้วย กวนประสาทไม่ใช่เล่นแบบนี้ต้องให้การต้อนรับน้องใหม่เสียหน่อยแล้วเว้ย หรือเธอว่าอย่างไงเหนียงเหนียง”เขาพูดพลางหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยกันห้าคน เด็กสาวเจ้าของชื่อเหนียงเหนียง หรือหม่าฟางเหนียงหันกลับมาตามเสียงเรียกของผู้ชายในกลุ่มซึ่งก็คือแฟนของเธอที่คบหากันอยู่ในสถาบัน เป็นทั้งเพื่อน แฟนและทำหน้าที่เป็นสามีในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในอพาร์เมนท์แทนที่จะอยู่บ้านของแต่ละคน เพราะต่างคนมาจากเมืองอื่นแต่เข้ามาเรียนต่อภายในกรุงปักกิ่งเหมือนกัน ดวงตารีเล็กและมีเพียงชั้นเดียวเบิกกว้างพอเห็นว่านฉีฉีกำลังเดินเข้ามาใกล้ ความสวยของเจ้าหล่อนกระแทกตาเจ้าถิ่นเข้าให้อย่างจังจนแฟนหนุ่มของเธอถึงกับเอ่ยปาก เลือดบ้าและแรงหึงหวงจึงเกิดขึ้นทันทีเพระไม่ชอบให้แฟนตัวเองมองผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เด็กใหม่หน้าตาสวยจะถูกกลั่นแกล้งสารพัดวิธีและจบลงด้วยการลาออกจากโรงเรียน และหนักที่สุดก็คือการฆ่าตัวตาย เพราะพ่อแม่ไม่ให้ลาออกจากโรงเรียนชื่อดัง “นายชมนางเด็กใหม่ว่าสวยอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นก็มาดูสิว่าแม่นั่นจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ได้สักกี่วัน!”เหนียงเหนียงพูดพลางเดินตรงปรี่เข้าไปหาเพื่อเอาเรื่องเด็กใหม่อย่างเต็มที่ “ไม่เอานะเหนียงเหนียง! เธออย่าไปมีเรื่องเลยนะ ลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังอยู่ช่วงทำทัณฑ์บนอยู่ อาเฉินก็แค่พลั้งปากพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจก็เท่านั้นเอง”เพื่อนสนิทของเจ้าหล่อนพยายามห้ามปรามพร้อมตรงเข้าดึงแขนเอาไว้ พรืดดดด!!! หญิงสาวกระชากแขนออกจากมือเพื่อนสาวอย่างรวดเร็ว “เธอไม่ต้องมายุ่ง! คำพูดของอาเฉินบอกว่าไม่ตั้งใจแต่ภายในใจคิด! ฉันรู้นิสัยสันดานของเขาเป็นอย่างดี”ฟางเหนียงพูดพลางเดินตรงเข้าไปหาว่านฉีฉีเพื่อตั้งใจเข้าไปหาเรื่องเต็มที่ ตึก! แต่เจ้าหล่อนกลับต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อเดินมาถึงและกำลังยืนเผชิญหน้าตัวต่อตัว เจ้าหล่อนสบดวงตากับว่านฉีฉีที่กำลังยืนจ้องเขม็งอยู่ในเวลานั้น และสายตาที่จับจ้องนั้นทำให้ก้าวขาแทบไม่ออก ขนหัวลุกขึ้นมาเสียเฉยๆ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายจิ้มลงไปที่กลางหน้าอกเหมือนกำลังบอกเตือนอะไรบางอย่าง “ออกไปห่างๆ ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะมาหาเรื่อง ได้ยินมาว่ากำลังอยู่ช่วงถูกทำทัณฑ์บนไม่ใช่เหรอ มีเรื่องตอนนี้จะเรียนไม่จบเอาได้นะ ทางที่ดีเธอกับฉันไปเจอกันบนชั้นดาดฟ้าตอนเลิกเรียนจะดีกว่า ถึงเวลานั้นอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ...ดีไหม” ว่านฉีฉีพูดพลางยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ นิ้วที่กำลังจิ้มกดอยู่ตรงกลางหน้าอกยกขึ้นมาจับลูกอมที่อยู่ในปาก หยักคิ้วส่งให้ทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเลี่ยงจากไปเพื่อเข้าชั้นเรียนของตัวเอง เพื่อนๆ รวมทั้งแฟนหนุ่มของเธอต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปหาฟางเหนียงด้วยความแปลกใจ ที่เห็นอาการเหมือนกับกำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่าง “เหนียงเหนียง! นี่เธอเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็ยืนให้เด็กใหม่พูดแต่ฝ่ายเดียว ตั้งใจจะไปหาเรื่องไม่ใช่เหรอทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถามไถ่อย่างแปลกใจ “นั่นสิเหนียงเหนียงเกิดอะไรขึ้นเหรอ เด็กใหม่คนนั้นทำอะไรเธอ”แฟนหนุ่มถามอย่างอยากรู้ “ฉะ..ฉัน..เห็นดวงตานางเด็กใหม่เป็นสีเลือด! น่ากลัวมากเลย...พอฉันเห็นดวงตาคู่นั้นขาก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร”เธอบอกเพื่อนๆ ตามความรู้สึก “บ้านะเหนียงเหนียง ฉันว่าเธอตาฝาดไปเองเสียมากกว่า แล้วนี่แม่นั่นพูดอะไรกับเธอเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถาม “นางเด็กใหม่บอกว่าถ้าอยากจัดการมันให้ไปเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นอยากจะทำอะไรนางนั่นก็สุดแล้วแต่”ฟางเหนียงเล่าให้เพื่อนฟัง “เฮ้ย! นางนั่นมันแน่มาจากไหนถึงได้กล้าท้าทายขนาดนี้ แล้วจะเอาอย่างไงไปตามที่มันบอกไหม”เพื่อนสนิทถาม “พวกเธอพอเถอะนะ เมื่อกี้ดูก็รู้แล้วว่าเด็กใหม่ไม่ธรรมดา แม้แต่เธอเองก็เถอะเหนียงเหนียง ยังบอกว่าเจ้าหล่อนน่ากลัวมากเลย ถ้ารู้สึกแบบนั้นก็ไม่ต้องไปข้องแวะยุ่งเกี่ยวกันเสียก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในโรงเรียนขึ้นมาคราวนี้อีกครั้ง เธอถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนเลยนะเหนียงเหนียง”แฟนหนุ่มห้ามปราม คำพูดของเพื่อนสนิทฟังหูซ้ายทะลุหูขวายังทำท่าจะไปตามนัดหลังเลิกเรียน แต่พอได้ยินแฟนหนุ่มพูดเตือนออกมาเท่านั้นแหละ กลับทำให้เจ้าหล่อนเชื่อมั่น ว่านั่นคือความห่วงใยของเขาที่มีต่อเธอ “ฉันเชื่อนายอาเฉิน ปล่อยนางเด็กใหม่ไปไม่ต้องไปยุ่งหรือข้องแวะต่างคนต่างอยู่ก็เพราะฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันมากใช่ไหม”ฟางเหนียงถามกลับ แฟนหนุ่มพยักหน้าติดต่อกัน ยกยิ้มเหยียดขึ้นที่มุมปากให้กับแฟนสาวพลางหันหลังเดินนำหน้าออกไปก่อน “โง่ไม่มีเปลี่ยน”อาเฉินคิดในใจ “รีบไปเข้าชั้นเรียนกันเถอะคาบแรกกำลังจะเริ่มแล้ว เดือนหน้างานเทศกาลหยวนเซียวก็จะเริ่มขึ้นแล้ว อาจารย์ให้แต่งกลอนและเขียนลงในโคมไฟแข่งขันไม่ใช่เหรอ”อาเฉินบอกพลางสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเดินปลีกตัวออกจากกลุ่ม “อาเฉินรอฉันด้วยสิ! จะรีบเดินอะไรกันหนักกันหนา” ฟางเหนียงส่งเสียงมาตามหลัง พร้อมกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นซึ่งมีฐานะทางครอบครัวร่ำรวยกันทุกคนทยอยเดินตามอาเฉินที่เป็นหัวโจกของกลุ่มไปติดๆ กลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นเดินผ่านมุมตึกซึ่งสร้างเป็นห้องน้ำชายและหญิงเอาไว้ของแต่ละชั้น ก่อนจะพากันแยกย้ายเดินเข้าห้องเรียนของแต่ละคน โดยไม่สนใจเด็กใหม่อีกเลย ร่างระหงของว่านฉีฉีเดินออกมาจากซอกมุมตึกพลางยืนมองกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นที่กำลังแยกย้ายเข้าชั้นเรียน พลางยกมือขึ้นเมื่อเธอเดินผ่านกลุ่มแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียงเมื่อครู่ แล้วมีเศษกระดาษยัดใส่เข้าไปในมือ นิ้วเรียวยาวคลี่กระดาษออกอ่านพร้อมแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่ออ่านข้อความนั้น “วีแชทของฉัน แอดเป็นเพื่อนกันอยากจะทำความรู้จักกันหน่อย ฉันแซ่จาง ชื่ออี้เฉินนะคนสวยแล้วเธอละชื่ออะไร” ข้อความในกระดาษทำให้ว่านฉีฉีส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกที่รังเกียจกับพฤติกรรมแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียง พลางมองไปที่กลุ่มนักเรียนที่กำลังเดินผ่านหน้าเธอไป และวิธีดัดสันดานผู้ชายเจ้าชู้ก็คิดขึ้นมาได้ทันที หญิงสาวเดนตรงปรีเข้าไปยัดกระดาษที่อยู่ในมือให้กับผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ “มีคนฝากมาให้เธอ”ว่านฉีฉีบอกหญิงสาวตรงหน้าพลางเดินผละจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก ในขณะที่กระดาษถูกอีกฝ่ายคลี่ออกอ่านพร้อมกับรอยยิ้มและใบหน้าที่เริ่มแดงซ่านด้วยความเขินอาย เมื่ออ่านข้อความที่อยู่ภายในกระดาษนั้น “อาเฉิน! นี่เธอแอบชอบฉันด้วยเหรอเนี่ย”เด็กสาวพูดพลางยืนบิดตัวไปมาด้วยความอายยุคปัจจุบัน รูปถ่ายบุตรสาวคนเดียวของว่านตงหัว ขนาดครึ่งตัวเท่าคนจริงวางอยู่ในห้องหนังสือตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน เพื่อให้คนเป็นพ่อคอยเฝ้ามองบุตรสาวที่หายสาบสูญไปนานกว่าสองปีในวันเทศกาลหยวนเซียว ซึ่งเกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือดขึ้นในวันนั้น กลุ่มนักเลงที่หวงเจียวจินนำมาเพื่อหวังรุมโทรมและอัดคลิปประจานลงโซเซียลและขายให้กับเวปโป๊ ต่างพากันเสียสติพูดจาไม่รู้เรื่องตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น รวมไปถึงบุตรสาวของหวงจ้านเซี่ยก็ด้วยเช่นกันที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช เพื่อเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสภาพทางจิตใจให้กลับมาเป็นปกติ แม้ว่าจะเสียสติพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่ทุกคนกลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ว่านฉีฉีเป็นนางปีศาจ ปีศาจที่มีดวงตาสีเลือดและมีไอดำทะมึนพวยพุ่งออกจากร่างอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์ในวันนั้นีเพียงว่านฉีฉีเท่านั้นที่หายตัวไป ไม่ว่าจะพยายามสืบค้นหาและแกะร่องรอยอย่างไงก็ไม่สามารถสืบที่มาที่ไปได้ ราวกับว่าเธอสูญสลายหายไปในอากาศธาตุ มีเพียงว่านตงหัวและพ่อบ้านเกาเท่านั้นที่ล่วงรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งลงไปกว่านั้น เขารู้ว่าบุตรสาวจะต้องกลับไป
ในขณะเดียวกันพรึบบบ!!! ร่างสูงทะมึนของหลี่เหวินฉางมาปรากฏอยู่ตรงหน้าตำหนักของฮ่องเต้เฉียนซ่ง ซึ่งมีลานกว้างขวางติดกับสวนหย่อมแต่ในเวลานี้ สวนที่เคยสวยไม่มีอีกต่อไปแล้วด้วยเพราะทั่วบริเวณเต็มไปด้วยซากศพแห้งกรังมากมาย กองรวมสูงท่วมท้นมีจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อครั้นมองตรงไปข้างหน้าแม่ทัพเฉียนฉินพบว่า ฮูหยินของเขากำลังสูบพลังชีวิตของมนุษย์อย่างไม่หยุดยั้ง“พลังปีศาจของฉีฉีเป็นนางพญามารหรือนี่!”เหวินฉางพึมพำเสียงขาดห้วงแต่แล้วแม่ทัพเฉียนฉินพลันต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อเห็นดวงจิตของทารกสถิตอยู่ในกายของเมียรัก ทำให้ล่วงรู้ทันทีว่านางกำลังตั้งครรภ์“ฉีฉีกำลังตั้งครรภ์!...ลูกของข้ากับฉีฉี...”แม่ทัพเฉียนฉินพูดออกมาสียงเบาหวิวความหดหู่วิ่งเข้ามาเกาะกินภายในหัวใจเพียงชั่วขณะ ดวงตาสีเลือดลุกโชนวาววาบขึ้นมาทันที เพราะคิดได้ว่าพลังปีศาจที่อยู่ในกายของเขาเป็นจอมมารย่อมอยู่เหนือกว่านางพญามารอยู่แล้ว วิธีที่จะปิดผนึกพลังปีศาจของว่านฉีฉีลงได้ นอกจากใช้ชีวิตแลกเพื่อให้อีกหนึ่งชีวิตค
ทางด้านว่านฉีฉี เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังทำให้ฮ่องเต้เฉียนซ่งลืมตาขึ้นมาทันใด ควับ!...ฮ่องเต้โฉดหันกลับมาทอดพระเนตรทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของสตรี หมับ! มือเรียวของว่านฉีฉีตรงเข้าคว้าคอฮ่องเต้เฉียนซ่งเอาไว้อย่างง่ายดาย พร้อมยกร่างลอยละลิ่วขึ้นสูงเหนือพื้น ดวงตาสีเลือดจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกผสานกับความยินดีที่ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า เมื่อเห็นเปลวไฟตรงกลางหน้าผากของว่านฉีฉีลุกโชนอยู่ในเวลานั้น “นะ...นาง...นาง..พญามาร...ที่แท้ร่างนี้ก็คือร่างจำแลงของนางพญามารเองหรือนี่...สำเร็จ..ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จแล้ว สิ่งที่ต้องการอยากพบมาตลอดทั้งชีวิต วันนี้ข้าทำสำเร็จแล้ว...นางพญามารได้โปรดประทานอำนาจให้แก่ข้าด้วยเถิด อำนาจของท่านที่ไม่มีผู้ใดสามารถทัดเทียมได้”ฮ่องเต้เฉียนซ่งรีบขอในสิ่งที่ต้องการออกไปทันที บัดนี้พลังปีศาจของว่านฉีฉีถูกปลดผนึกออกมาอีกครั้งจนนางพญามารตื่นจากการหลับใหล เพราะผลของการร่ายเวทและต้องการปลุกอำนาจจอมปีศาจของฮ่องเต้เฉียนซ่งผ่านลูกแก้ว จ
พระราชวังหลวงผิงหยาง ห้องพิธีกรรม ยามจื่อ ร่างของว่านฉีฉีในเวลานี้ถูกวางลงบนแท่นขนาดยาวซึ่งทำขึ้นเพื่อใช้สังเวยจอมปีศาจ หญิงสาวถูกกำยานหอมทำให้หลับใหลไม่ได้สตินำนางเข้าสู่พระราชวังหลวงเพื่อนำมาเป็นเหยื่อสังเวยตามพระบัญชาของฮ่องเต้โฉดที่นับถือจอมปีศาจเป็นชีวิตจิตใจ ทั่วทั้งวังหลวงเต็มไปด้วยไอปีศาจดำทะมึนครอบงำไปทั่ว หากมีขุนนางคนใดขัดขืนไม่ยอมศิโรราบถวายความภักดีให้แก่ฮ่องเต้โฉดก็จะจบลงด้วยความตายทั้งสิ้น แต่ที่เห็นยังเดินไปมาและมีชีวิตอยู่เป็นเพียงหุ่นที่ถูกร่ายเวทให้มาทำหน้าที่แทน หรือถ้าไม่ตายตัวจริงก็ถูกจองจำ ตัวปลอมที่ออกมาเดินให้ผู้คนพบเห็นคือหุ่นที่มาจากการร่ายเวทของฮ่องเต้โฉดทั้งสิ้น แอดดดดด!!! บานประตูห้องพิธีกรรมถูกเปิดออกกว้างพร้อมพระวรกายสูงโปร่งของฮ่องเต้เฉียนซ่งก้าวเข้ามาภายในห้องพิธีกรรม โดยมีเหลียนเปายืนคอยรับใช้อยู่นอกห้องคอยถวายการรับใช้ยามมีรับสั่งหา พระเนตรจับจ้องร่างสตรีตรงพระพักตร์อยู่ตลอดเวลาด้วยความสนพระทัยกับรูปโฉมของนางก่อนจะมาหยุดยืนทอดพระเนตรว่านฉีฉีอยู่ชั่วขณะ “ช่างเป็น
มุมถนนทิศเหนือ “พี่ชายอีกไกลมากไหมกว่าจะถึง”ว่านฉีฉีพูดพลางยกชายแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อที่กำลังผุดขึ้นเต็มหน้าผากกว้างเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้วนอยู่ในเวลานี้ อาการวิงเวียนศีรษะเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน “อยู่ตรงมุมถนนโน้นไงเห็นหรือไม่มีรถม้าจอดอยู่สองคัน เป็นรถม้าที่รับจ้างไปส่งทุกที่ แบ่งกันคนละคัน”พูดพลางรีบก้าวเดินนำหน้าไปก่อนเพราะต้องเตรียมวางแผนต่อจากนี้“รอข้าด้วยพี่ชาย!!!”ว่านฉีฉีตะโกนบอกตามหลังพลางรีบเร่งฝีเท้าพยายามก้าวเดินตามให้ทันเหลียนเปาตั้งใจเร่งฝีเท้าเพื่อไม่ให้เหยื่อที่ต้องการเดินตามได้ทัน ก่อนจะไปหยุดยืนตรงหน้ารถม้าที่มีคนของตัวเองนั่งอยู่สวมหมวกผ้ายาวถึงกลางลำตัวปิดบังใบหน้าเป็นที่เรียบร้อย ส่วนรถม้าอีกคันทหารที่ติดตามมาด้วยนั่งรอคำสั่งอยู่ภายในนั้น“จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วใช่ไหม จุดกำยานนิทราเอาไว้ภายในรถม้าหรือยัง”เหลียนเปาถามย้ำ“เรียบร้อยแล้วขอรับท่านกงกง กลิ่นกำยานจุดเตรียมรอไว้เรียบร้อยแล้ว รับรองว่าพอนางขึ้นไปนั่งบนรถม้าก็หมดสติลงทันทีไม่เสียเว
ทางด้านว่านฉีฉี หญิงสาวเดินแกมวิ่งออกมาจากห้องโดยไม่มีหมวกผ้าคลุมปิดบังเอาไว้แม้แต่น้อย ในขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้นได้เดินผ่านกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนกำลังก้าวเดินลงบันไดหอสุราเพื่อเดินทางกลับหลังจากหารือเรื่องสำคัญตามแผนที่วางเอาไว้เรียบร้อย ผลั่ก! ร่างของว่านฉีฉีที่กำลังเดินเกมวิ่งมาอย่างรีบร้อนเพื่อไปเรียกรถม้าและตามคนมาช่วยพยุงแม่ทัพเฉียนฉินกลับจวนแม่ทัพ ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ทันระวังเดินชนเข้ากับร่างสันทัดของผู้ชายที่ยืนอยู่หัวบันไดโดยไม่ได้ตั้งใจ “ขอโทษด้วยพี่ชาย! พอดีว่าข้ากำลังรีบร้อนไปหน่อย..ขอโทษด้วยจริงๆ”หญิงสาวพูดขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่พลางหันหลังกลับรีบวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทุกสายตาของชายกลุ่มนั้นต่างพากันมองตามหลังว่านฉีฉีตาไม่กะพริบ นึกสงสัยอยู่เต็มกำลังว่าเหตุใดบุรุษผู้นี้จึงมีใบหน้าสวยราวอิสตรีเช่นนี้หนอ หากไม่ติดว่ามีรูปร่างสูงโปร่งเหมือนบุรุษทั่วไปในเวลานี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นสตรีปลอมตัวในคราบบุรุษอย่างแน่นอน และเมื่อหันกลับมามองบางอย่างที่อยู่ในมือของชายที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดกลับพบว่า ลูกแก้วที่อยู่ในมือนั้นส่องแสงเป็นดวงไฟสีนวลก







