พริมโรสลงลิฟท์โดยสารจากคอนโดมิเนียมหรูชั้นสามสิบหกก่อนเวลาปกติที่ต้องขับรถไปเรียนเองเล็กน้อย เนื่องจากวันนี้ต้องไปเรียนด้วยแท็กซี่ระหว่างรอรถส่งซ่อม
แต่เมื่อร่างบอบบางเดินลงมาถึงหน้าตึก ยังจุดรอคิวแท็กซี่ หญิงสาวก็สะดุดเข้ากับชายร่างสูงในชุดสูทและสวมแว่นสายตา แต่งกายหล่อเนี๊ยบยืนอยู่เบื้องหน้า ความหล่อราวกับนายแบบนิตยสารเป็นจุดดึงดูดสายตาผู้หญิงที่อยู่บริเวณนั้นได้ในทันที
“คุณดีนส์ มาทำอะไรที่นี่คะ” เดินตรงไปหยุดชายหนุ่ม และเขาเองก็หันมามองเธอทันทีที่ได้ยินเสียงคนตัวเล็กเรียก
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณพิมโรส” เขากล่าวทักทายเธออย่างสุภาพ แววตาฉายประกายความสุขุม แตกต่างจากอารมณ์เยือกเย็นที่เห็นเมื่อคืนยามที่ถือปืนในมือ “นายให้ผมเอารถคันใหม่มาให้ครับ”
กุญแจรถลักษณะเดียวกับซุปเปอร์คาร์สีแดงของเธอทำให้หญิงสาวมองอย่างแปลกใจ กุญแจสีดำเหมือนกับกุญแจรถที่เธอให้เขาไปเมื่อวาน แต่มีจุดที่แตกต่างกันด้านความใหม่ไร้รอยขีดข่วน
บ่งบอกว่าไม่เคยใช้งานมาก่อน
ดีนส์เดินนำไปที่จุดจอดรถซุปเปอร์คาร์สัญชาติเยอรมันสีแดงที่จอดอยู่ใกล้ๆ ถึงจะมองผ่านๆ เหมือนรถของหญิงสาว แต่มันใหม่กว่า อีกทั้งยังป้ายทะเบียนเดิม
ไม่สังเกตก็คงไม่รู้
แต่ทำขนาดนี้ภายในวันเดียวได้ยังไงกัน
“นายบอกว่าถ้าให้ใช้รถยี่ห้ออื่นที่บ้านคุณพิมโรสอาจจะสงสัย” น้ำเสียงทุ้มเนิบแฝงไปด้วยความสุภาพกล่าวออกมา
หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ลองกดรีโมตเข้าไปสำรวจด้านในรถก็พบว่าการตกแต่งเหมือนกับรถคันเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
ทำขนาดนี้ได้ภายในคืนเดียวเนี่ยนะ
“พวกคุณเป็นใครกันแน่เนี่ย” พริมโรสถามคนที่ยืนอยู่ฝั่งประตูข้างคนขับอย่างอึ้งๆ
ดีนส์ทำเพียงก้มหน้ายิ้มเท่านั้น ไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว
“นายบอกว่า ถึงมหาลัยแล้วให้คุณโทรหา” เขากล่าวสั้นๆ ออกมา จากนั้นจึงขยับเดินมายืนที่ฝั่งเดียวกันกับคนตัวเล็ก “เสร็จธุระผมแล้ว ขอตัวครับ”
คนตัวเล็กมองตามแผ่นหลังคนตัวสูง ที่เดินไปยังรถยุโรป
สีดำอีกคัน ก่อนจะขับหายออกไปจากคอนโดมิเนียมของตนเอง
ซุปเปอร์คาร์คันหรูสีแดงโลดแล่นบนท้องถนนที่การจราจรติดขัดทุกช่วงเวลา มือเรียวกดโทรออกหาใครบางคนผ่านแอพลิเคชั่นแชต จากนั้นจึงคว้าแอร์พอดใส่หูตนเอง
(ใช้มือถือระหว่างขับรถ ระวังโดนจับนะ)
ปลายสายพูดขึ้นทันทีเมื่อสิ้นสุดสัญญาณการรอสาย คนตัวเล็กขมวดคิ้วยุ่งกันสิ่งที่ได้ฟัง
นี่เขารู้ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเลยหรือไง?
“คุณเป็น FBI เหรอคะ โรสเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ” เธอพูดออกมาพลางหัวเราะ เท้าเรียวเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่ไปด้านหน้าเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว “ไม่ทำงานเหรอคะ”
(รอเธอโทรมา เลิกเรียนกี่โมง?)
คำถามที่ร่างสูงถามออกมาทำให้เธอส่ายหน้าปรายตามองชื่อเขาที่ปรากฏบนหน้าจอ
“รู้เรื่องโรสดีขนาดนี้ ยังจะต้องถามอีกเหรอคะ”
ได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ แม้จะรู้สึกว่ากำลังถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด
อย่างน้อยเหตุการณ์เมื่อคืนก็พิสูจน์ให้เธอเห็นว่า การถูกเขาคอยจับตามองมันอาจจะปลอดภัยกว่าด้วยซ้ำ
(ของสำคัญในรถคันเก่า เดี๋ยวให้คนเอาไปวางที่โต๊ะคอมพ์ในห้อง)
“มีคีย์การ์ดเข้าห้องโรส?”
ไม่อยากจจะเชื่อเลย...วันนี้เธอคิดคำนี้ในหัวกี่รอบแล้วเนี่ย
(กุญแจลิ้นชักหัวเตียงที่เธอทำหายเมื่อสี่เดือนก่อนฉันก็มี จะให้ปั๊มให้ไหม?)
นี่มันโจรชัดๆ ไม่สิ อาชญากรระดับชาติหรือไงเนี่ย!
“ขนลุก”
แล้วปลายสายก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ไม่ได้ติดกล้องในคอนโดโรสใช่ไหมคะ” คำถามทีเล่นทีจริงถูกเอ่ยออกมา
รถยนต์คันสีแดงถูกดับเครื่องภายในลานจอดรถมหาวิทยาลัย ทว่าเจ้าของรถยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะลงจากรถ เนื่องจากยังติดสนทนากับคู่สายอยู่ แม้เวลาจะล่วงเลยใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วก็ตาม
(เปิดให้ฉันดูทุกคืนจะกลัวอะไรอีก)
นั่นสิ
“เดี๋ยวคืนนี้เปิดให้ดูอีก” พริมโรสตอบรับด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ซ่อนความประหม่าของตนเองเอาไว้จนมิด "โรสรอคืนนี้อยู่นะคะ"
@ลานหน้าคณะบริหารธุรกิจ
เจ้าของเรือนร่างผมเพรียว สัดส่วนโค้งเว้าชัดเจนเดินดุ่มๆ เข้ามานั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะวิชาเมื่อกี้พริมโรสต้องแยกไปเรียนคนเดียว เนื่องจากเป็นวิชาเสรีทำให้เธอตามมาสมทบกับเพื่อนอีกสองคนภายหลัง
แน่นนอนว่าคนตัวเล็กไม่ได้เล่าเรื่องตื่นเต้นที่ประสบเมื่อวานให้เพื่อนฟัง ไม่อย่างนั้นคงจบที่การถูกต้อนถามเรื่องของเซนไม่จบไม่สิ้น
“มาช้าไปห้านาที เมื่อกี้พี่แทนเพิ่งแยกไป” ใบเตยเอ่ยชื่อพี่รหัสของหญิงสาวออกมา พร้อมกับยกถุงขนมที่ถูกแกะกินแล้วขึ้น “เสร็จโจร”
พริมโรสพยักเพยิศให้อย่างไม่ใส่ใจ ปกติเธอไม่ทานขนม
ขบเคี้ยวอยู่แล้ว ก่อนจะหันมาสนใจพะแพงที่ทำหน้าตาสับสนอยู่ข้างๆ
“อะไรแพง”
“มันแปลกๆ” เพื่อนคนสวยพึมพำออกมาตามนิสัยที่เป็นคนพูดเสียงเบาจนเหมือนคุยกับตัวเอง “วันนี้ไม่ได้ยินเสียงไอ้เธอร์เลย”
อาเธอร์ที่ปกติมักจะทำตัวเป็นจุดสนใจคนทั้งมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะมีลูกสมุนคอยเดินตาม และส่งเสียงดังสร้างความรำคาญให้คนในคณะอยู่บ่อยครั้ง
“ก็ดีแล้ว แกคิดถึงมัน?” พริมโรสพูดจากค่อนขอดใส่เพื่อนด้วยความขบขัน รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่
“ประสาท คำพูดแกเมื่อกี้ฉันมองว่าเป็นการบูลลี่นะ”
พะแพงทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อน ยกมือมาเปิดผมหน้าม้าสีดำขลับ เอาชีทเรียนมาพัดระบายความร้อนจนเห็นหน้าผากขาวเนียน “แค่แปลกใจ มันหายไป เหมือนหายจากโลกไปเลย”
“วันนี้คลาสวิชาย่อยมันก็ไม่เข้านะ” ใบเตยเอ่ยสำทับ
“จะแปลกอะไร ปกติมันเรียนกับเขา?” พริมโรสพูดพลางใช้มือเปิดขวดน้ำดื่มกระดกดื่มไปพลาง “ปาร์ตี้จนแฮงค์ ไม่ก็ไปเที่ยวต่างประเทศมั้ง”
“แล้ววันหยุดยาวนี้เราไปไหนกันดี~”
“ฉันอยากไปเขาใหญ่” พะแพงพูดเสียงยานคางราวกับเด็กๆ
“ภูทับเบิก ไปนอนโง่ๆ ดูหมอก”
“โง่อยู่แล้ว จะนอนตรงไหนก็เหมือนกัน”
“นังแพง!”
พริมโรสนั่งมองเพื่อนสองคนนั่งหยุมหัวกันด้วยความสนุกสนาน ก่อนจะก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสี่โมงเย็นนิดๆ
คนสวยคว้าขวดน้ำมาถือในมือ ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมสีดำจนพะแพงและใบเตยหันมามองด้วยความสงสัย
“ทำไมวันนี้กลับเร็ว”
“ยุ่ง”
ถ้อยคำที่สนทนาหากเป็นคนไม่รู้จักมาได้ยิน คงคิดว่าทั้งสามคนไม่ถูกกัน แต่ความเป็นจริงนั้นทั้งสามสนิทกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น จบจากโรงเรียนสตรีเอกชนชื่อดัง
“จะกลับไปติ้วกับชายในฝัน?” คำพูดหยาบโลนออกมาจากปากเล็กเป็นกระจับ
พริมโรสแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือลูกหลานจากตระกูลนักการฑูต ทุกวันนี้เพื่อนเธอชอบแอบพูดคำหยาบลับหลังบิดามารดาจนดูเหมือนเด็กเก็บกด
“ไม่ได้ติ้ว” ริมฝีปากอวบอิ่มสวนกลับในทันที ส่วนเพื่อนทั้งสองก็ทำหน้าเหมือนกับไม่เชื่อสิ่งที่คนตัวเล็กกำลังพูด พริมโรสจึงหยักยิ้มมองเพื่อนรัก
“ตอนนี้...นัดไว้ตอนดึก :) ”
“กรี๊ดดดดด~!!”
สะบัดก้นเดินออกจากลานใต้คณะ โดยไม่สนใจเสียงหวีดร้องตามหลังด้วยความตื่นเต้นของพะแพงและใบเตย
◂◂◂♡▸▸▸