หน้าหลัก / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่33ไหว้พระขอพร

แชร์

ตอนที่33ไหว้พระขอพร

ผู้เขียน: ฉู่เฉียว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-24 08:03:21

เช้าวันนี้ ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบาย สายลมอ่อนพัดโชยมาเป็นระยะ พาให้บรรยากาศในเมืองหลวงชุ่มชื่นสดใส และภายในจวนรองเสนาบดีอวี้ ก็คล้ายจะอบอวลด้วยกลิ่นอายของความยินดีไม่แพ้กัน

ช่วงนี้ภายในจวนมีแต่เรื่องมงคลถาโถมเข้ามาราวพรมแดนแห่งโชคชะตาเปิดทาง

เรียกได้ว่าในรอบหลายปีไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่จวนรองเสนาบดีจะครึกครื้นและมีแต่ข่าวดีเช่นนี้

บ่าวไพร่ต่างเร่งจัดเตรียมสิ่งของกันขวักไขว่ ขณะที่ขุนนางผู้เป็นเจ้าของจวนก็ยืดอกได้เต็มที่ ราวกับว่าแม้แต่สวรรค์ยังโปรดปรานตระกูลอวี้ในช่วงเวลานี้โดยแท้

เริ่มตั้งแต่บุตรสาวคนโตของจวน หมั้นหมายกับองค์ชายห้า ข่าวนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนทั้งในและนอกจวนฮือฮา บรรดาขุนนางใหญ่เล็กต่างก็พากันส่งของขวัญมาแสดงความยินดี บางส่วนถึงกับแวะเวียนมาเยือนด้วยตนเองเพื่อสานไมตรี

แต่นั่นยังไม่พอ ข่าวถัดมาก็เรียกความตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะไม่นานหลังจากนั้น บุตรชายคนโตของตระกูล คุณชายใหญ่อวี้เฉิน ผู้ที่หายหน้าจากเมืองหลวงไปนานหลายปีเนื่องจากไปศึกษาต่างเมืองได้เดินทางกลับมา และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ เขากลับมาพร้อมกับขบวนทัพ

บุรุษที่เป็นผู้สนับสนุนเขาไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็น องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง วีรบุรุษผู้ทรงอำนาจแห่งชายแดนเหนือ อีกทั้งพระองค์ยังเป็นอาจารย์ผู้สั่งสอนเขาด้วยตนเอง และยังแสดงความเอ็นดูอย่างเปิดเผย ถึงขั้นเสด็จมาส่งผู้เป็นศิษย์ถึงหน้าประตูเรือน

สำหรับชนชั้นสูงในเมืองหลวงที่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ดี ล้วนรู้ว่าสิ่งนี้หาใช่เรื่องเล็กน้อยไม่ การได้รับความเมตตาจากองค์ชายใหญ่ในระดับนี้ นับเป็นเกียรติยศสูงสุด

บรรดาขุนนางเริ่มลอบส่งสารถึงกันเงียบๆ ต่างคาดการณ์ว่า เมื่อมีเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหนึ่งเป็นคู่หมั้นบุตรสาว และอีกฝ่ายให้ความเมตตาต่อบุตรชาย อนาคตของรองเสนาบดีอวี้จิ้ง… คงยากจะถูกมองข้าม

หลายเสียงเริ่มกล่าวว่า ตำแหน่งอัครเสนาบดีฝ่ายพิธีการซึ่งว่างลงเมื่อไม่นานนี้ คงหนีไม่พ้นจะตกเป็นของเขาในอีกไม่ช้า

ดังนั้น…

พิธีปักปิ่นของคุณหนูรองอวี้หลัน ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงกลายเป็นที่สนใจและจับตามองทั่วทั้งเมืองหลวง

ด้วยฐานะของนางในยามนี้คือบุตรสาวของว่าที่อัครเสนาบดี รวมทั้งน้องชายฝาแฝดของนางยังเป็นคนสนิทขององค์ชายใหญ่ผู้ทรงอำนาจ ยิ่งทำให้นางเป็นคนที่ใครก็มองข้ามไม่ได้

ว่ากันว่า ตระกูลใหญ่หลายสายในเมืองหลวงเริ่มส่งแม่สื่อมาทาบทามก่อนที่งานพิธีจะเริ่มเสียอีก

เพราะเข้าใจกันดีว่า...การได้เกี่ยวดองกับจวนอวี้ในยามนี้ก็ไม่ต่างจากการคว้าเชือกทองเกี่ยวสวรรค์ไว้ในกำมือ

บรรยากาศในเมืองหลวงจึงเริ่มคึกคักขึ้นทีละน้อย ตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่จับจ้องสถานะของจวนอวี้ต่างเริ่มเคลื่อนไหว แม่สื่อผู้มีฝีปากเป็นอาวุธ ต่างเดินเข้าออกจวนเป็นว่าเล่น แต่ละคนล้วนสรรเสริญคุณหนูรองว่างามพร้อมทั้งกิริยา มารยาท และฐานะตระกูล

ไม่ว่าจะเดินทางไปยังที่ใดในเมืองหลวง ชื่อของอวี้หลันก็ถูกเอ่ยถึงไม่เว้นวัน แม้บางตระกูลจะเพียงต้องการเชื่อมโยงผลประโยชน์ แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า บุตรสาวคนรองของจวนอวี้ในเวลานี้ คือสตรีที่น่าจับตามองที่สุดในเมืองหลวง

แต่ยิ่งเปลวเทียนส่องสว่างเพียงใด ก็ยิ่งดึงดูดเงามืดที่รอคอยจะดับมันอยู่เบื้องหลัง

บางคนจับตามองงานพิธีนี้ด้วยรอยยิ้ม

บางคนจับตามองด้วยเพลิงริษยา

และบางคน...วางหมากไว้ แล้วนับถอยหลังอย่างเงียบงัน...

จวนรองเสนาบดีในวันนี้ดูช่างคึกคักเป็นพิเศษยิ่งกว่าทุกวันที่ผ่านมา เหล่าบ่าวไพร่ต่างวิ่งวุ่นอยู่บริเวณลานหน้าจวน คอยจัดเตรียมข้าวของ เครื่องเซ่น และของถวายสำหรับการขึ้นเขาไปวัดประจำเมืองซึ่งตั้งอยู่บนยอดเนินด้านตะวันออกของเมืองหลวง

วันนี้...เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง

เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้า คุณหนูรองแห่งจวนอวี้จะเข้าสู่พิธีปักปิ่นตามธรรมเนียมของบุตรีตระกูลขุนนาง เพื่อแสดงถึงการเติบโตเป็นสตรีโดยสมบูรณ์ และก่อนถึงวันนั้น ตามประเพณีดั้งเดิม คุณหนูอวี้หลันต้องไปไหว้พระขอพรที่วัดประจำเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคล

 อวี้จิ้งในชุดขุนนางเต็มยศยืนอยู่เบื้องหน้าจวน สีหน้าสงบนิ่งสมกับฐานะขุนนางใหญ่แห่งราชสำนัก แต่แววตาเปี่ยมความปลาบปลื้มและพึงใจอย่างเห็นได้ชัด 

ข้างกายเขาคือ อวี้เฉิน บุตรชายคนโตที่เพิ่งเดินทางกลับมา เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย เขาสวมชุดสำนักศึกษาหลวงสีครามเข้มเรียบหรู สีหน้าสงบเรียบนิ่ง

ไม่ห่างกันนัก เซิ่งซื่อ ฮูหยินเอกของจวนยืนเคียงกับบุตรสาวและบุตรชายของนาง 

อวี้เหมยแต่งกายงดงามตามธรรมเนียมสตรีตระกูลสูง เสื้อคลุมสีชมพูปักลวดลายดอกเหมยแลดูอ่อนหวาน 

ส่วน อวี้คุน บุตรชายอีกคนของเซิ่งซื่อ ยืนอยู่ในชุดบุรุษสูงศักดิ์ ดวงตาคมเข้มไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เขาควรใส่ใจ

บรรยากาศเบื้องหน้าจวนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความมงคล ทุกคนต่างสงบสำรวม หากแต่ในความเงียบนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น ก่อนที่ร่างระหงจะปรากฏแก่สายตาผู้คนที่ยืนรออยู่เบื้องหน้า

อวี้หลันในชุดสีขาวปักดิ้นชมพูอ่อนเดินออกมาอย่างสง่างาม ผมยาวถูกถักมัดเกล้าไว้หลวมๆ ผูกด้วยผ้าผูกผมเรียบง่าย แต่แม้ว่าจะเรียบง่าย หากกลับเปล่งประกายความสง่างามจับตา สะท้อนความงามโดยไม่ต้องประดับตกแต่งให้มากความ ผิวพรรณผุดผ่องรับกับแสงแดดยามเช้า งดงามราวกับภาพเขียนที่เคลื่อนไหวได้

เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าจวน นางหยุดยืนสงบนิ่งก่อนจะคำนับบิดาอย่างอ่อนช้อย

"ลูกขออภัยที่ให้ท่านพ่อต้องรอเจ้าค่ะ"

น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยขึ้น ดวงตาคมใสเมื่อเงยขึ้นสบตาผู้เป็นบิดาเต็มไปด้วยความเคารพจริงใจ

อวี้จิ้งพยักหน้าน้อยๆ แววตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนยามทอดมองบุตรสาวตรงหน้า 

"เดินทางปลอดภัย"

เขาเอ่ยเสียงหนักแน่น พลางพยักหน้าให้บุตรสาว สีหน้าเคร่งขรึมแต่เปี่ยมความห่วงใย

อวี้หลันยิ้มให้บิดา ก่อนจะหันไปทางอวี้เฉินผู้เป็นน้องชาย นางยิ้มบางให้เขา เป็นรอยยิ้มอบอุ่นจริงใจ มองดูน้องชายด้วยความภาคภูมิใจ

เด็กหนุ่มตรงหน้าของนางดูสง่างามอย่างมาก เขาสวมอาภรณ์สีครามเข้มยาวกรอมข้อเท้า ขอบแขนเสื้อและชายผ้าแต้มเส้นไหมสีเงินซึ่งปักลาย เมฆมรกตโอบจันทรา ลายประจำสำนักศึกษาที่สงวนไว้ให้ผู้ได้รับคัดเลือกเข้าเรียนร่วมกับเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ด้านอกข้างซ้ายปักตราอักษรสีแดงชาด เกลียวด้ายดูผงาดราวอักขระเพลิง

รอบเอวคาดเข็มขัดหนังชั้นดี สลักหัวเข็มเป็นหยกขาวแกะเป็นรูปอักษรมงคล คุณธรรม อันเป็นหัวใจการศึกษาหลวง จากเข็มขัดห้อยพู่เส้นไหมสีฟ้าอ่อน ขับเน้นท่วงท่าภาคภูมิ

เหนือศีรษะสวมผ้าแพรดำทรงสี่เหลี่ยมผูกด้วยสายรัดสีคราม ปลายสายร้อยลูกปัดหยกเขียวสามเม็ด สัญลักษณ์ผู้ใกล้ชิดราชวงศ์ ผมยาวถักรวบประณีตแน่นใต้หมวก ส่งเสริมวงหน้าคมคายให้ดูสงบสำรวม

อวี้หลันมองน้องชายอย่างพินิจ ใบหน้าอ่อนโยนลงด้วยความภาคภูมิใจ คนทั้งเมืองต่างรู้กันว่าสำนักศึกษาหลวงมิใช่สถานที่ที่ใครจะก้าวเข้าไปง่ายๆ ต่อให้เป็นลูกหลานขุนนางระดับสูง หากขาดสติปัญญาและคุณธรรมย่อมไม่มีวันได้ครองชุดครามนี้

"พี่หญิงดูแลตัวเองด้วย"

อวี้เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ สีหน้าไม่เผยความรู้สึก หากแต่แววตาที่จ้องมอง กลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ยากจะเก็บงำ

หลังจากกลับมาเมืองหลวงได้เพียงไม่กี่วัน เขาก็ยังแทบไม่ได้พักหายใจ แม้ใจอยากจะติดตามผู้เป็นพี่สาวไปด้วย แต่กลับไม่อาจทำได้อย่างใจ หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ รั้งเขาไว้ไม่ให้ก้าวตามไป

อวี้หลันมองน้องชายผู้เติบโตขึ้นจนแกร่งกล้าด้วยสายตาอ่อนโยน นางรับรู้ถึงความรู้สึกในน้ำเสียงที่ราบเรียบของเขา จึงเพียงยิ้มบาง คล้ายปลอบโยนและรับปากในคราเดียวกัน

แม้จะเป็นเพียงการไปวัด แต่การเดินทางขึ้นเขาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย โดยเฉพาะกับหญิงสาวผู้ที่กำลังจะมีสถานะเปลี่ยนไปอย่างเป็นทางการ

"พี่จะดูแลตัวเองอย่างดี อาเฉินไม่ต้องกังวล"

เสียงของนางเบาแต่มั่นคง ไม่ต้องเอ่ยคำมากความก็รู้ว่าเป็นวาจาที่มีความเชื่อมั่นแฝงอยู่ลึกๆ

อวี้เฉินพยักหน้ารับเพียงเล็กน้อย ดวงตานิ่งลึกของเขาฉายแววซับซ้อน แต่ในวินาทีนั้นกลับอ่อนลงเมื่อสบสายตาพี่สาว ไม่รู้ทำไมแต่เขากลับเชื่อใจนาง

ดวงตาคู่งามของอวี้หลันเบนไปยังกลุ่มของเซิ่งซื่อที่ยืนอยู่ไม่ไกล ร่างของสตรีผู้เป็นฮูหยินของจวนยังคงสง่างามดังเช่นเคย แม้ยามยิ้มแย้มก็ดูอบอุ่นไม่ต่างจากมารดาแท้ๆ

"หลันเอ๋อร์ขอให้เดินทางปลอดภัย"

เซิ่งซื่อเอ่ยกับบุตรเลี้ยงน้ำเสียงอ่อนโยน ห่วงหาอาทรดุจผู้ใหญ่เมตตาเด็กน้อย แต่ในแววตาที่ทอดมองมา กลับมีประกายบางอย่างซ่อนเร้นอยู่...บางอย่างที่ยากจะอ่านออก

สายตาของอวี้หลันทอดผ่านอย่างเงียบงัน คล้ายไม่ให้ความสำคัญ หากแต่ในชั่วขณะนั้น...มุมปากของนางกลับกระตุกยิ้มน้อยๆ สายตานั้นเยือกเย็นซ่อนคมดั่งดาบ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ปกติ รอยยิ้มจางหายไปราวกับไม่เคยมี

"ลูกต้องออกเดินทางแล้ว ลาเจ้าค่ะ ท่านพ่อ"

อวี้หลันหันไปเอ่ยลาบิดาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมอ่อนหวาน ย่อกายคำนับอย่างงดงาม ก่อนจะส่งสัญญาณด้วยสายตาให้ฉิงหว่านและฉิงลิ่วที่ยืนเงียบรออยู่ด้านหลัง

 รถม้าคันใหญ่ถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างพิถีพิถัน ทั้งเบาะรองนั่งหนานุ่มที่บุด้วยผ้าไหมเนื้อดี น้ำชาอุ่นที่ส่งกลิ่นหอมพร้อมขนมหลากชนิด และเครื่องบูชาที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้าลายเมฆมงคลล้วนครบถ้วน

อวี้หลันพยักหน้าให้ฉิงเอ้อที่เป็นผู้บังคับรถม้าและฉิงซานที่ติดตามมาอีกคน ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้าด้วยท่วงท่าที่มั่นคงและเรียบสงบ คงไว้ซึ่งสตรีในห้องหอผู้อ่อนหวานนุ่มนวล เสมือนสตรีผู้กำลังออกไปขอพรจากฟ้าดิน 

เมื่อเสียงสั่งให้เคลื่อนขบวนดังขึ้น รถม้าคันงามค่อยๆ เคลื่อนออกจากหน้าจวน ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มารอส่ง และเมื่อรถม้าลับหายไปจากสายตาแล้ว อวี้จิ้งกับอวี้เฉินจึงก้าวขึ้นรถม้าที่เตรียมไว้เช่นกัน เพื่อมุ่งหน้าเข้าวังหลวง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่34มือสังหาร

    เส้นทางจากเมืองหลวงสู่วัดประจำเมืองทอดยาวคดเคี้ยวผ่านไหล่เขาและแนวป่าร่มครึ้ม ต้นไม้สูงเรียงรายบดบังแสงแดดบางส่วน จนพื้นดินใต้ล้อรถม้าเย็นชื้นแม้ยามสาย รถม้าคันหรูของอวี้หลันเคลื่อนตัวไปอย่างมั่นคงภายใต้การควบคุมของฉิงเอ้อ เสียงล้อบดหินดังกึกกักแผ่วเบา ท่ามกลางเสียงลมโชยและเสียงจิ้งหรีดในพงหญ้าแต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปเพียงครู่... ความสงบที่เคยโอบล้อมพลันเริ่มแปรเปลี่ยนเสียงนกร้องที่เคยคึกคักกลับเงียบหายไป ราวกับธรรมชาติร่วมกันกลั้นหายใจ สายลมที่เคยพัดเบาบาง กลับนิ่งงันจนน่าประหลาด ท้องฟ้ายังแลดูปลอดโปร่ง แสงแดดอ่อนยังส่องลอดใบไม้ แต่ในความสว่างนั้นกลับเจือเงาหม่นบางเบา กลิ่นดินชื้นลอยแตะปลายจมูกเจือกลิ่นสาบคาวบางอย่างเบื้องหลังม่านใบไม้ ลึกเข้าไปในแนวป่า เงาร่างหลายสายกำลังขยับคืบคลานอย่างเงียบเชียบ ฉิงเอ้อที่นั่งควบคุมรถม้าอยู่เบื้องหน้า ชะงักนิ้วมือเพียงเล็กน้อย สายตาคมประหนึ่งเหยี่ยวกวาดมองไปยังแนวป่าด้านข้าง ความเงียบที่ผิดธรรมชาติทำให้เขาแน่ใจว่า มีคนซุ่มดูอยู่อาการเกร็งตัวและท่าทางระแวดระวังของสหายด้านข้าง ไม่อาจรอดพ้นสายตาของฉิงซาน เขาหันไปสบตากับอีกฝ่ายเล็กน้อย บ่าทั้งสองแข

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่33ไหว้พระขอพร

    เช้าวันนี้ ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบาย สายลมอ่อนพัดโชยมาเป็นระยะ พาให้บรรยากาศในเมืองหลวงชุ่มชื่นสดใส และภายในจวนรองเสนาบดีอวี้ ก็คล้ายจะอบอวลด้วยกลิ่นอายของความยินดีไม่แพ้กันช่วงนี้ภายในจวนมีแต่เรื่องมงคลถาโถมเข้ามาราวพรมแดนแห่งโชคชะตาเปิดทางเรียกได้ว่าในรอบหลายปีไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่จวนรองเสนาบดีจะครึกครื้นและมีแต่ข่าวดีเช่นนี้บ่าวไพร่ต่างเร่งจัดเตรียมสิ่งของกันขวักไขว่ ขณะที่ขุนนางผู้เป็นเจ้าของจวนก็ยืดอกได้เต็มที่ ราวกับว่าแม้แต่สวรรค์ยังโปรดปรานตระกูลอวี้ในช่วงเวลานี้โดยแท้เริ่มตั้งแต่บุตรสาวคนโตของจวน หมั้นหมายกับองค์ชายห้า ข่าวนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนทั้งในและนอกจวนฮือฮา บรรดาขุนนางใหญ่เล็กต่างก็พากันส่งของขวัญมาแสดงความยินดี บางส่วนถึงกับแวะเวียนมาเยือนด้วยตนเองเพื่อสานไมตรีแต่นั่นยังไม่พอ ข่าวถัดมาก็เรียกความตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะไม่นานหลังจากนั้น บุตรชายคนโตของตระกูล คุณชายใหญ่อวี้เฉิน ผู้ที่หายหน้าจากเมืองหลวงไปนานหลายปีเนื่องจากไปศึกษาต่างเมืองได้เดินทางกลับมา และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ เขากลับมาพร้อมกับขบวนทัพบุรุษที่เป็นผู้สนับสนุนเขาไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็น อง

  • บุปผาสีชาด   บทที่32บุญคุณช่วยชีวิต

    เมื่อครั้งที่องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงทรงมีพระชนมายุได้เพียงเก้าชันษา ขณะทรงศึกษาอยู่ในสถานศึกษาหลวง พระองค์ก็ได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมในวันนั้น ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง พระองค์มักจะแอบมานั่งอ่านตำราพิชัยสงครามเล่มโปรดเงียบๆ บริเวณศาลาริมสระบัวกลางสวนหลังตำหนักเรียนสถานที่สงบเงียบไร้ผู้คน เป็นที่ที่พระองค์มักจะมาใช้เวลาคิดและฝึกสมาธิในยามว่างเสมอ หากแต่ในขณะกำลังจดจ่ออยู่กับตัวอักษรในตำรา กลับมีมือปริศนาคู่หนึ่งผลักพระองค์จากทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กในวัยเยาว์พลันพลัดตกลงไปในสระบัวที่ลึกและเย็นจัดสายน้ำเย็นเฉียบตวัดรัดทั่วพระวรกายในทันที ความตกใจแล่นวูบไปทั้งจิตใจ กลีบบัวที่เคยงดงามกลับกลายเป็นม่านบังสายตา ความตื่นตระหนกก่อให้เกิดแรงตะเกียกตะกาย แต่มือเล็กกลับไม่อาจไขว่คว้าแม้เพียงความหวังพระองค์คิดว่าคงสิ้นใจอยู่ใต้น้ำนั้นแน่แล้ว หากแต่ว่า...ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป ก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งโผล่เข้ามาในห้วงเวลานั้นพระองค์จำได้เพียงเงาร่างนั้นแหวกผืนน้ำเข้ามาอย่างไม่ลังเล แขนเรียวเล็กของนางพุ่งเข้ามาแล้วคว้าพระหัตถ์ที่ไร้เรี่ยวแรงของพระองค์เอาไว้แน่น ก่

  • บุปผาสีชาด   บทที่31หน้ากากเซิ่งซื่อสั่น

    สองแฝดพี่น้องสีหน้ามืดครึ้มลงพร้อมกันแทบจะทันที แววตาของทั้งคู่พลันเปลี่ยนเป็นดุดัน จ้องมองพี่สาวต่างมารดาอย่างไม่ปิดบังความไม่พอใจ บรรยากาศที่แต่เดิมเงียบอึมครึมกลับทวีความร้อนแรงคล้ายพายุที่พร้อมจะปะทุ แรงอารมณ์ของสองพี่น้องแทบจะผลักให้พวกเขาลุกขึ้นมาฉีกอก เลาะกรามคนที่บังอาจเอ่ยวาจาหมิ่นมารดาผู้ล่วงลับของตนส่วนรองเสนาบดีอวี้ก็จ้องมองบุตรสาวคนโตด้วยสายตาเย็นชา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและตำหนิ ทั้งสายตาดุดันนั้นยังเผื่อแผ่ไปยังมารดาของนาง ที่ไม่อบรมสั่งสอนบุตรสาวให้ดีแต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้เอ่ยอันใด เสียงทุ้มต่ำแฝงความเยียบเย็นของหลี่เหวินหลงก็ดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด"สนิทสนมหรือ จะเรียกเช่นนั้นก็ได้ เพราะนางคือผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตข้า"ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำกลับดังก้องในห้องโถง จนทั้งห้องคล้ายตกอยู่ในความเงียบฉับพลัน สายพระเนตรขององค์ชายใหญ่ที่ทอดผ่านมายังอวี้เหมยเยือกเย็นเฉียบขาด จนอีกฝ่ายไม่กล้าขยับ ริมฝีปากที่เคยยิ้มแย้มของอวี้เหมยแปรเปลี่ยนเป็นแข็งตึง นางผู้ช่ำชองในการใช้ฝีปากพ่นวาจาสีหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด คล้ายจะสำลักคำพูดของตนเองเซิ่งซื่อที่นั่งนิ่งอยู่นาน

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่30บุรุษไร้ยางอาย

    "ยินดีที่ได้พบกัน... คุณหนูรอง" หลี่เหวินหลงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบทุ้มต่ำ ขณะสายพระเนตรยังคงทอดมองอวี้หลันอย่างไม่ลดละ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย พลางกระตุกยิ้มบางมุมปาก"ไม่ทราบว่าเรา...เคยพบกันมาก่อนหรือไม่"พระสุรเสียงนั้นไม่ได้ดังนัก ทว่าแฝงด้วยโทนเสียงเชื่องช้าและนุ่มลึกอย่างประหลาด แต่กลับชวนให้ใจคนฟังเต้นแรงกว่าเดิมคำถามของเขาดูเหมือนจะธรรมดา แต่สายพระเนตรที่ทอดมองมามีบางอย่างเจืออยู่ คล้ายจับผิด คล้ายแกล้งหยอกเย้า และคล้ายว่ากำลังเพลิดเพลินกับการเห็นนางเก็บอาการไม่อยู่อวี้หลันเม้มปากเล็กน้อย เริ่มไม่มั่นใจว่าเขาจดจำนางได้หรือไม่ หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เสียงทุ้มหนักของรองเสนาบดีอวี้จิ้งก็ดังขึ้นเสียก่อน ตัดขาดการสนทนาระหว่างบุตรสาวกับบุรุษผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า"หลันเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก จึงมักจะเก็บตัวอยู่เพียงในเรือน คงยากที่จะเคยพบเจอองค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแฝงความหมายชัดเจนอยู่ในทุกถ้อยคำ อวี้จิ้งหยุดชั่วครู่ ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ฟังดูหนักแน่นขึ้น"อีกทั้งพระองค์เพิ่งจะกลับมา ยิ่งไม่มีโอกาสพบเจอกันพ่ะย่ะค่ะ"ทุกถ้อยค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่29พี่น้องพบหน้า

    หลี่เหวินหลงหยัดยิ้มมุมปาก รอยยิ้มบางเฉียบที่ไม่อาจอ่านได้ว่ากำลังดูแคลน หรือเพียงเพลิดเพลินไปกับการจับตามองผู้อื่นดิ้นพล่านในสายตาของเขา เซิ่งซื่อก็ไม่ต่างจากแมลงตัวหนึ่งที่กำลังพยายามปีนป่ายหลีกหนีเปลวเพลิงที่ลุกลามใกล้ตัว ยิ่งดิ้นรน...ยิ่งเผยจุดอ่อนดวงเนตรคมกริบใต้คิ้วคมเข้ม ทอดมองสตรีที่พยายามคลี่ยิ้มอ่อนโยนกลบเกลื่อนความหวาดหวั่น ท่าทางเสแสร้งนั้นไม่ต่างจากฉากละครตื้นเขินที่เขาเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนจากมารดาเลี้ยงของตนเขาถึงว่ากันว่าคนประเภทเดียวกันจึงมักจะอยู่ร่วมกันได้สายตาของเขาจึงมองเซิ่งซื่อไม่ต่างจากมองซากเนื้อชิ้นหนึ่งที่ยังมีลมหายใจ เขาไม่เร่งเวลาชำระแค้น เพราะรู้ดีว่า… การให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงฝีเท้าแห่งหายนะคืบคลานทีละก้าวนั้นทรมานยิ่งกว่าความตาย จากนั้นเขาจะโยนพวกมันลงหลุมในคราวเดียวหลี่เหวินหลงกระตุกยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าจากภาพเหล่านั้นอย่างไม่ไยดี เขาไม่ได้ให้ความสนใจสตรีตรงหน้าอีกว่านางจะเสแสร้งต่อไปอย่างไรเพราะทันทีที่สัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าเร่งร้อนที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ สายพระเนตรคมกริบก็เบนจากทุกคนในห้อง ไปยังบานประตูห้องโถงโดยฉับพลันแผ่นหลังกว้างขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status