“กินเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง” หมิงเจียวซือที่ควรจะสลดเมื่อคำขอโทษถูกเมิน กลับตอบรับด้วยรอยยิ้มแฝงความออดอ้อนให้พี่ชายต่างมารดา
“...” คุณชายใหญ่หมิงคล้ายจะชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีคล้ายไม่อยากเห็นหน้าสตรีร้ายกาจ
“ได้ยินว่าเจ้าขนตำรามาให้พี่ชายหรือ” เป็นหมิงหลิวซีเอ่ยถามบุตรสาว
“เจ้าค่ะ ข้าเคยทำผิดกับพี่ชาย เลยอยากซื้อตำรามาให้มากมายหวังชดเชย” นางบอกกล่าวบิดาตามความจริงแต่คนฟังกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
‘มิใช่ว่าเจ้าแสร้งทำเป็นสตรีใฝ่รู้เพื่อจะดึงดูดความสนใจของบุรุษที่พึงใจหรอกหรือ’ หมิงเลี่ยงรุ่ยคิดจนเกือบจะเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
“ทำผิดแล้วสำนึกผิดพร้อมปรับปรุงตัว ย่อมเป็นเรื่องดี พ่อดีใจที่เจ้าคิดได้” หมิงหลิวซีเอ่ยชมเชยบุตรสาว ตั้งแต่พาบุตรชายคนโตเข้ามาอยู่ในจวน ความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและบุตรสาวคล้ายจะถดถอยลง วันนี้ทุกอย่างคลี่คลายเขาจึงแสนจะยินดี
“ท่านพ่อกินให้มากหน่อยนะเจ้าคะ ท่านผอมลงมาก เห็นทีอาหารนอกจวนคงไม่เลิศรสเท่าฝีมือพ่อครัวจวนหมิง” นางกล่าวก่อนจะคีบหมูใส่ชามข้าวให้บิดา
“เจ้าก็กินเถิด ได้ยินว่าตกน้ำตกท่าจนล้มป่วย ก็กินให้มากหน่อยจะได้แข็งแรง” วาจาของหมิงหลิวซี ทำให้บุรุษอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะชะงักไปเล็กน้อย
“ท่านพ่อกล่าวถึงเรื่องตกน้ำ ข้าอยากฝึกว่ายน้ำเจ้าค่ะ เวลาตกน้ำข้าจะได้ขึ้นจากน้ำเองไม่ต้องรอให้ใครมาช่วย”
“เจ้าเป็นสตรีบอบบางเหตุใดถึงคิดทำเช่นนั้น ให้พ่อหาสาวใช้ที่ว่ายน้ำเป็นมาติดตามเจ้าดีแทนหรือไม่”
“ไม่เอาเจ้าค่ะ ข้าอยากว่ายน้ำเป็น ท่านพ่อก็ทราบว่าหากบุรุษใดมาช่วยข้า ข้าก็ต้องแต่งกับคนผู้นั้น ข้าไม่อยากได้สามีแบบสุ่มเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นพ่อจะหาคนที่ว่ายน้ำเป็นมาสอนเจ้าดีหรือไม่ แต่พ่อไม่รับปากว่าจะหาได้หรือไม่ เจ้าก็น่าจะทราบว่าสตรีที่ว่ายน้ำเป็นนั้นมีน้อยมาก”
“เรื่องนั้นไม่เห็นยากเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ก็ว่ายน้ำเป็น ให้เขามาสอนข้าก็ได้นี่เจ้าคะ”
“เจ้าอยากให้เลี่ยงรุ่ยสอนเจ้าว่ายน้ำน่ะหรือ” หมิงหลิวซีปรายตามองบุตรชายด้วยท่าทางไม่แน่ใจ
หากทั้งสองคนเป็นสายเลือดเดียวกันจริง ๆ ย่อมไม่มีปัญหา แต่แท้จริงมันไม่ใช่น่ะสิ
“ข้าไม่...” หมิงเลี่ยงรุ่ยที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสตรีร้ายกาจตั้งใจจะปฏิเสธ แต่นางมีหรือจะยอมจึงรีบเอ่ยวาจาขึ้นแทรก
“พี่ใหญ่ ได้โปรดช่วยสอนข้าว่ายน้ำได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านคงไม่อยากให้ข้าถูกสตรีด้วยกันผลักตกน้ำเพื่อกลั่นแกล้งใช่หรือไม่เจ้าคะ" นางกล่าวพร้อมกับยกมือสองข้างกอบกุมไว้บริเวณอกแล้วส่งสายตาออดอ้อนด้วยท่าทางที่คิดว่าต้องน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด
“เลี่ยงรุ่ย หากเป็นการรบกวนเจ้าเกินไป พ่อก็ไม่คิดจะบังคับ”
“ข้าสอนเจียวซือก็ได้ขอรับ แต่มีข้อแม้ว่านางจะต้องตั้งใจและหากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับนาง เรื่องทุกอย่างจะถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับข้า” ให้ลองจมน้ำสักครั้งสองครั้งประเดี๋ยวก็คงล้มเลิกเอง
“คือว่า...” นายท่านหมิงกำลังจะเอ่ยวาจา แต่บุตรสาวกลับรีบตอบตกลง
“ตกลงเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดกับข้าในระหว่างที่ท่านสอนว่ายน้ำ จะไม่เกี่ยวข้องกับท่านทั้งหมด” ดูจากสีหน้าคงคิดจะเอาคืนนางสินะ เอาเถิดหากได้กลั่นแกล้งนางคืนบ้างอาจจะพอลดความโกรธแค้นในใจลงบ้างก็ได้
“ดี! เช่นนั้นเมื่อข้าพร้อม ข้าจะส่งคนไปบอกกล่าวเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ใจดียิ่งนัก” หมิงเจียวซือส่งยิ้มไร้เดียงสาให้พี่ชายต่างมารดา ทั้งที่ในใจรู้สึกสะอิดสะเอียนท่าทางใสซื่อของตนยิ่งนัก
“ขอบคุณเจ้าที่ตอบรับคำขอของน้องสาว”
“ท่านพ่ออย่าได้เกรงใจข้าเลยขอรับ”
หลังจากนั้นกลายเป็นบุรุษสองคนสนทนากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้สตรีเพียงคนเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ลอบมองด้วยความสงสัย
‘เหตุใดข้าถึงรู้สึกได้ถึงความห่างเหินของท่านพ่อและพี่ใหญ่’ ท่าทางนอบน้อมของพี่ชายต่างมารดาและน้ำเสียงที่แฝงความเอ็นดูของบิดาดูอย่างไรก็ไม่เหมือนบิดาสนทนากับบุตรชาย
หรือเพราะเป็นเช่นนี้ หมิงเลี่ยงรุ่ยจึงสังหารทุกคนในตระกูลหมิงได้อย่างไม่อาลัยอาวรณ์...
เสียงกรีดร้องโวยวายของอนุฯ ฝูห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเงียบไป คังอ๋องจึงหันไปสั่งขันทีอาวุโสให้ไปตามชายารองเมิ่งที่เขามอบหมายให้ดูแลตำหนักแห่งนี้ ผ่านไปไม่กี่อึดใจชายารองเมิ่งก็รีบมาพบพระสวามีที่รออยู่ ก่อนจะแสดงความเคารพอย่างอ่อนช้อย “ยามนี้อนุฯ ฝูถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนร้างเจ้าให้คนที่เชี่ยวชาญการแพทย์และเป็นวรยุทธ์สักเล็กน้อยไปคอยดูแลนางด้วย” “เพคะ” ชายารองเมิ่งคิดในใจว่า ท่านอ๋องช่างโปรดปรานสตรีเสแสร้งอย่างฝูหว่านอิ๋งจริง ๆ แม้จะโดนลงโทษก็ยังกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งนางก็คงจะคิดเช่นนั้นหากไม่ได้ยินประโยคต่อมาของผู้สูงศักดิ์ “หากพวกเจ้าอยากหยอกเย้าหรือเล่นกับนางก็สามารถไปเยือนที่เรือนร้างได้ข้าอนุญาต แต่อย่าลงมือหนักเกินไป ประเด
“มันเป็นใครหรือเพคะ คนที่ลงมือกับตระกูลฝูอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น” ฝูหว่านอิ๋งเสียงแข็งกร้าวด้วยความโกรธแค้นอย่างลืมตัวว่าจะต้องทำท่าทางให้น่าสงสารหวังให้สวามีมาปลอบขวัญ คังอ๋องเซี่ยอี้หานอยากจะยิ้มเยาะออกมาเสียจริง ๆ สมควรแล้วที่ตระกูลฝูถูกฆ่าล้างตระกูล สิ่งที่ฝูซื่อทำไว้ แค่ร้อยชีวิตของตระกูลฝูไม่อาจชดเชยได้ เพราะสิบสองปีที่ผ่านมาฝูซื่อเลี้ยงกลุ่มโจรเอาไว้แล้วสั่งให้บุกสังหารหลายตระกูล ทั้งที่ขัดผลประโยชน์หรือที่ร่ำรวยมีทรัพย์ เพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูลเหล่านั้นมาเลี้ยงดูกลุ่มโจรและกองกำลังลับที่องค์ชายรองจะใช้ก่อกบฏ “เจ้าอยากทราบจริง ๆ หรือ” เขาเอ่ยถามพลางย่อตัวลงก่อนจะใช้มือเชยคางของนางขึ้นเพื่อให้เงยหน้ามองเขา “เพคะ พระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ” 
ตอนพิเศษ เพื่อคนที่รักทั้งสอง เสียงกรีดร้องโวยวายที่หน้าห้องหนังสือทำให้คังอ๋องที่กำลังอ่านตำราพิชัยสงครามอยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเก็บตำราแล้วลุกขึ้นไปจัดการเรื่องราวด้านนอก ตั้งแต่รับปากหยวนลี่หมิง ชีวิตของเขาไม่เคยได้สงบสุขเลย เรือนหลังตำหนักมีเ
คนที่นั่งตัดพ้อต่อว่าตนเองว่าโง่เขลาดูเหมือนจะเป็นบุรุษเพราะเขานั่งก้มหน้านางจึงยังมองไม่เห็นหน้า รู้เพียงแค่ว่าคนผู้นี้น่าจะจมอยู่ในความทุกข์ในเป็นเวลานาน ผมเพ้าขาวโพลนไปทั้งหัวขัดแย้งกับมือและเสียงที่ไม่ได้ใกล้เคียงผู้อาวุโสเลย นอกจากผมที่ขาวโพลนจะรกรุงรังไร้การรวบเก็บที่เรียบร้อยแล้ว อาภรณ์ยังสกปรกมีรอยขาดวิ่นคล้ายไม่ใส่ใจดูแลตน “ท่านน้าข้าขอโทษที่โง่เขลาหลงเชื่อวาจาเพียงไม่กี่คำของคนชั่วช้า เนรคุณต่อผู้มีพระคุณเช่นท่าน ทั้งยังก่อบาปมากมาย ยามนี้ความจริงทุกอย่างกระจ่างแจ้ง คนผิดได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนก่อ แต่ข้ากลับสูญเสียคนที่หยิบยื่นความเมตตาให้ข้าโดยไร้ข้อแม้เช่นท่านไปด้วยมือของข้าเอง ท่านน้า ท่านคงโกรธเคืองข้ามากใช่หรือไม่ ข้ายินดีให้ท่านสาปแช่งข้า ยามนี้ข้าสำนึกให้สิ่งที่ทำไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่มีโอกาสได้ขอโทษท่านและครอบครัวของพวกท่าน” 
“อ๊า ๆ” นางได้แต่ร้องครวญครางอ่อนระทวยพร้อมคล้อยตามในสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง เมื่อเรือนร่างเย้ายวนเริ่มแข็งเกร็งเขาก็ยิ่งเร่งการขยับลิ้นให้รัวเร็ว ก่อนที่นางจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานเอ่อล้นออกมา เป็นเช่นที่บอกว่าคืนเข้าหอมีค่าดังทองพันชั่งคุณชายหยวนไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาชันตัวขึ้นก่อนจะกดแท่งหยกเข้าโพรงนุ่มที่แม้จะมีน้ำหวานเอ่อล้นแต่ภายในยังคับแน่น “เจ้ารัดพี่แน่นเช่นนี้ พี่คงทนได้ไม่นาน” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มเร็วขึ้นเมื่อนางปรับตัวได้ เสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังสลับกับเสียงครางแว่วหวานทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาป่วนห้องหอ “เจียวซือ พี่รักเจ้ายิ่งน
“ย่อมไม่ปฏิเสธ” กล่าวจบเขาก็เชยคางมนให้เงยขึ้น โดยเขาซึ่งยืนนวดไหล่ให้ทางด้านหลัง ก้มใบหน้าเข้าใกล้นางก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดพัวพันหวังปลุกเร้าความปรารถนาเพื่อค่ำคืนเข้าหอที่สุขสม เขาลิ้มชิมความหวานจนพอใจก่อนจะถอนจุมพิตออกมาด้วยกลัวว่านางจะเมื่อยคอ “รีบปลดอาภรณ์แล้วเข้ามาแช่น้ำร้อนด้วยกัน...” นางกล่าวชวนอีกครั้งยังไม่ได้จบ เขาก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แท่งหยกที่ควรจะอยู่สงบกลับแข็งขึงพร้อมมอบความสุขให้นาง “ในถังนี้คับแคบยิ่งนัก เจ้านั่งบนตักข้าดีกว่าจะได้ไม่อึดอัดมาก” กล่าวจบเขาก็ช้อนตัวนางยกขึ้นมานั่งบนตักของตน ส่วนแท่งหยกที่แข็งขึงถูไถอยู่บริเวณสะโพกของนาง “ลี่หมิง ของท่านโดนก้นข้า”&nbs