3
ทำดีไม่คิดเอาหน้า
ยามเหมันต์ลมหนาวพัดแรงยิ่งนัก คุณหนูรองหมิงจึงออกจากจวนไปว่าจ้างช่างไม้มาซ่อมแซมเรือนให้พี่ชาย ก่อนจะแวะไปซื้ออาภรณ์เนื้อดี ผ้าคลุมไหล่และผ้าห่มผืนหนา ๆ โดยไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่ไปถึงคนสนิททั้งสองของพี่ชาย
นางทำดีถึงเพียงนี้หวังว่าจะเริ่มมองเห็นความดีของนางบ้าง ความโกรธแค้นถึงขั้นฆ่าล้างตระกูลของเขาจะได้ลดลง
แต่ในระหว่างที่นางกำลังจะพาสาวใช้คนสนิทไปหาน้ำชาและขนมเลิศรสกินอยู่นั้น นางก็บังเอิญไปเห็นคังอ๋องกำลังสนทนาอยู่กับฝูหว่านอิ๋ง คนงามที่พี่ชายของนางหมายปอง
‘ไม่ ๆ ข้าไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น’ นางเบือนหน้ามองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ถูกคนทั้งสองจับได้ว่านางดันไปเห็นตอนที่คุณหนูฝูเซล้มเข้าหาคังอ๋องจนริมฝีปากแตะลงบนคางของอีกฝ่าย มาเห็นตอนใดไม่เห็น ดันมาเห็นตอนสำคัญเข้าเสียด้วย
‘หมิงเลี่ยงรุ่ย เห็นหรือไม่ที่ข้าเคยบอกเจ้าว่าไม่คู่ควรกับฝูหว่านอิ๋ง ข้ากล่าวผิดที่ใดกัน’ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ หรือชาติตระกูล เขาล้วนสู้คังอ๋องไม่ได้
“คุณหนูรองหมิง เจ้าปล่อยให้ข้ารอนานเกินไปแล้วรู้หรือไม่” เสียงทุ้มของบุรุษดังขึ้นพร้อมกับแรงจับที่แขนทำให้เท้าที่กำลังก้าวเดินของนางชะงัก
“คังอ๋อง!” นี่เขาจับได้ใช่หรือไม่ ว่านางดันไปเห็นเรื่องดี ๆ ของเขาเข้า
“เจ้ามาช้านะรู้หรือไม่”
“พระองค์กล่าวอันใดหรือเพคะ” หมิงเจียวซือรู้สึกงงงันกับประโยคของผู้สูงศักดิ์ เหตุใดเขาถึงได้กล่าวคล้ายกับนัดพบกับนางไว้
“เพราะต้องมาเจอข้า เจ้าจึงแต่งตัวนานไปใช่หรือไม่” เซี่ยอี้หานกล่าวพร้อมกับขยิบตาเล็กน้อยสลับกับปรายตามองไปยังบุตรสาวคนโปรดของอัครเสนาบดี
“ท่านอ๋องหยอกเย้าหม่อมฉันเกินไปแล้ว” เมื่อเห็นท่าทางลนลานของเขาแล้ว นางจึงตอบรับคำขอของเขาทันที
หวังว่าเมื่อถึงคราวนางต้องการความช่วยเหลือจากอ๋องเช่นเขา หวังว่าเขาจะลงมือช่วยทันทีนะ
“คุณหนูรองหมิง ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าได้มากพิธี แล้วให้เรียกข้าว่าอย่างไร”
‘กล่าวเช่นนี้อยากให้คุณหนูฝูเข้าใจว่านัดเจอกับข้าบ่อยครั้งหรือ’ ทั้งที่แท้จริงเพิ่งได้สนทนากันเป็นครั้งที่สอง
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าลืมตัวไปว่าคุณชายอี้ไม่ชอบพิธีการมากมาย”
“ที่แท้ธุระของท่านอ๋องที่บอกกล่าวหม่อมฉันเป็นคุณหนูผู้นี้เอง คารวะแม่นาง ข้ามีนามว่าฝูหว่านอิ๋ง เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้เจอท่านเจ้าค่ะ” น้ำเสียงว่าไพเราะแล้ว ยามมุมปากยกยิ้มกลับงดงามจนทำให้คนมองลืมหายใจ
“คุณหนูฝูอย่าได้มากพิธีเลยเจ้าค่ะ ข้าหมิง...” นางยังกล่าวไม่ทันจบ ท่านอ๋องผู้สุภาพอ่อนโยนในสายตาของสตรีทั่วแคว้นก็รีบเอ่ยวาจาตัดบท
“คุณหนูฝู ไม่มีอันใดแล้วใช่หรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องทำกับนาง”
‘ท่านอ๋อง! ท่านอย่าได้เอ่ยวาจาชวนเข้าใจผิดได้หรือไม่’ คุณหนูคนงามหน้าเสียหมดแล้ว หากพี่ใหญ่ทราบเรื่องนี้เข้า ความโกรธแค้นที่เขามีต่อนางจะเพิ่มมากขึ้นหรือไม่
“บอกลาคุณหนูฝูเสียสิ” เซี่ยอี้หานกล่าวพลางยกมือสะกิดให้สตรีที่เขารั้งให้ยืนอยู่ด้านข้างทำตามคำสั่ง
“ข้าคงต้องไปแล้ว ลานะเจ้าคะคุณหนูฝู”
“ไปกันเถิด” กล่าวจบคังอ๋องก็จับชายอาภรณ์แล้วลากจากไปทันที โดยมีสาวใช้คนสนิทของนางรีบก้าวเท้าตาม
เมื่อพ้นสายตามาไกลแล้วบุรุษที่ดึงนางเข้ามาเป็นเป้าล่อธนูรีบปล่อยมือออก
“ขอบคุณคุณหนูรองหมิงที่ช่วยเหลือ”
“มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันจะถือว่าพระองค์ติดหนี้หม่อมฉันหนึ่งครั้ง”
“แค่ช่วยเหลือข้าเล็กน้อย เจ้าก็ถือเป็นบุญคุณแล้ว” ช่างใจกล้าเสียจริง
“เมื่อมีโอกาสหม่อมฉันย่อมคว้าไว้เพคะ เพราะไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีโอกาสได้ยื่นมือช่วยเหลือเชื้อพระวงศ์เช่นหม่อมฉัน”
“ได้ ข้าไม่ใช่คนเนรคุณ หากเจ้ามีเรื่องเดือดร้อน ข้าย่อมช่วยเหลือ”
“ท่านอ๋องตรัสเองนะเพคะ หม่อมฉันความจำดีเสียด้วย”
“ข้าเอ่ยแล้ว ย่อมทำตามได้ แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องช่วยเหลือข้าในเรื่องนี้ต่อไป”
“นานเพียงใดเพคะ” ดูแล้วคังอ๋องผู้นี้คงไม่ได้มีใจชื่นชอบคุณหนูคนงามผู้นั้นสินะ
“จนกว่านางจะเลิกยุ่งกับข้า”
“พระองค์ไม่ชื่นชอบนางหรือเพคะ คุณหนูฝูงดงามถึงเพียงนั้น” ขนาดพี่ชายของนางยังชื่นชอบเลย
แต่ในตอนนี้นางไม่แน่ใจว่าพี่ใหญ่ได้เจอบุตรสาวอัครเสนาบดีหรือยัง จึงไม่อาจกล่าวอ้างได้
“หากฝูหว่านอิ๋งเป็นสตรีที่ข้าพึงใจ ข้ามีหรือจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า” สายตาที่คังอ๋องมองนางคล้ายกับคำด่า ‘โง่’ แปะติดลงบนหน้าผาก
“แฮะ ๆ หม่อมฉันไม่น่าถามเลยนะเพคะ แต่หากพระองค์ไม่บอกระยะเวลา เกิดหม่อมฉันไปพึงใจบุรุษแล้วไปหมั้นหมายกับผู้อื่นก่อนที่จะช่วยเหลือท่านอ๋องสำเร็จ มันจะไม่มีปัญหาภายหลังหรือเพคะ”
“แฮะ ๆ หม่อมฉันไม่น่าถามเลยนะเพคะ แต่หากพระองค์ไม่บอกระยะเวลา เกิดหม่อมฉันไปพึงใจบุรุษแล้วไปหมั้นหมายกับผู้อื่นก่อนที่จะช่วยเหลือท่านอ๋องสำเร็จ มันจะไม่มีปัญหาภายหลังหรือเพคะ” “ยามนี้เจ้าปักปิ่นแล้วหรือถึงได้เอ่ยเรื่องออกเรือน” “ยังเพคะ แค่เกริ่นไว้ก่อน” “แล้วเจ้าอายุกี่หนาวแล้ว” “สิบสี่เพคะ” “เช่นนั้นก่อนปักปิ่นก็อย่าเพิ่งไปถูกใจบุรุษใด จงอุทิศตนช่วยเหลือข้าก่อน” ‘ข้าเปลี่ยนใจได้หรือไม่’ นางคิดก่อนจะปรายตามองสาวใช้ที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกล 
3 ทำดีไม่คิดเอาหน้า ยามเหมันต์ลมหนาวพัดแรงยิ่งนัก คุณหนูรองหมิงจึงออกจากจวนไปว่าจ้างช่างไม้มาซ่อมแซมเรือนให้พี่ชาย ก่อนจะแวะไปซื้ออาภรณ์เนื้อดี ผ้าคลุมไหล่และผ้าห่มผืนหนา ๆ โดยไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่ไปถึงคนสนิททั้งสองของพี่ชาย นางทำดีถึงเพียงน
“กินเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง” หมิงเจียวซือที่ควรจะสลดเมื่อคำขอโทษถูกเมิน กลับตอบรับด้วยรอยยิ้มแฝงความออดอ้อนให้พี่ชายต่างมารดา “...” คุณชายใหญ่หมิงคล้ายจะชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีคล้ายไม่อยากเห็นหน้าสตรีร้ายกาจ “ได้ยินว่าเจ้าขนตำรามาให้พี่ชายหรือ” เป็นหมิงหลิวซีเอ่ยถามบุตรสาว “เจ้าค่ะ ข้าเคยทำผิดกับพี่ชาย เลยอยากซื้อตำรามาให้มากมายหวังชดเชย” นางบอกกล่าวบิดาตามความจริงแต่คนฟังกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น ‘มิใช่ว่าเจ้าแสร้งทำเป็นสตรีใฝ่รู้เพื่อจะดึงดูดความสนใจของบุรุษที่พึงใจหรอกหรือ’ หมิงเลี่ยงรุ่ยคิดจนเกือบจะเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “ทำผิดแล้วสำนึกผิดพร้อมปรับปรุงตัว ย่
“หากไม่อยากเก็บเอาไว้พวกเจ้าจะทำเช่นไรก็ตามใจ จะว่าไปนี่ก็เข้าเหมันต์แล้ว พวกเจ้าจะใช้ตำราพวกนี้สุมไฟก็ตามใจพวกเจ้าเถิด ข้าหาได้สนใจไม่” กล่าวจบนางก็โบกมือเป็นสัญญาณให้บ่าวรับใช้เดินจากมาพร้อมกัน คล้อยหลังสตรีร้ายกาจ คนที่ลอบมองอยู่ในเรือนก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะรินชาแล้วยกขึ้นจิบ “ข้าเพิ่งทราบว่าตนเองเป็นสตรีในดวงใจของน้องสาวเจ้า” เซี่ยอี้หานหรือคังอ๋องเอ่ยพลางยิ้มมุมปาก ยามที่พบกันที่ร้านตำราหาใช่เรื่องบังเอิญ เป็นเปี่ยวตี้[1]ขอให้เขาไปสอดส่องดูการกระทำของน้องสาวนอกไส้ “หึ! ท่านอย่าได้คิดแต่งสตรีร้ายกาจเช่นนั้นเป็นพระชายาเด็ดขาด ข้ายังไม่อยากมีพี่สะใภ้นิสัยชั่วช้า” หมิงเลี่ยงรุ่ยกล่าว “ข้าว่านางน่าสนใจไม่น้อย” คังอ๋องกล่าวมุมปากพลันยกยิ้ม วาจ
ในเมื่อข้ายอมทุ่มเงินหลายตำลึงทองซื้อตำราให้ลูกน้องคนสนิทของท่าน หวังว่าอ๋องเช่นท่านจะไว้ไมตรีหากข้าไปขอความช่วยเหลือจากท่าน “ขอรับคุณหนู” “หลินถง!” หมิงเจียวซือกล่าวก่อนจะแบมือขอถุงเงินจากสาวใช้ “เจ้าค่ะ” “นี่เป็นค่าตำราทั้งหมดเจ้าค่ะ หากไม่พอยามไปส่งมอบตำราให้แจ้งแก่พ่อบ้านว่าคุณหนูรองหมิงเจียวซือมีใจใฝ่รู้ไปซื้อตำราทั้งหมดนี้ด้วยตนเองนะเจ้าคะ ท่านจะได้รับเงินส่วนต่างที่เหลือ” นางกล่าวพร้อมกับส่งก้อนเงินสีทองจำนวนห้าก้อนให้กับเถ้าแก่เจ้าของร้านตำรา “ขอรับ” “เช่นนั้นต้องรบกวนเถ้าแก่ซ่งด้วยนะเจ้าคะ” “ขอบคุณคุณหนูที่ซื้อตำราของร้านฮุ่ยหมิ่นขอรับ” “ข้าต้องไปแล้ว ขอบคุณคุณชายอี้อีกครั้งนะเจ้าคะสำหรับคำชี้แนะที่ดีมาก” นางแทบจะกัดฟันเอ่ยวาจาขอบคุณเขาแล้ว ยอบตัวแสดงความเคารพก่อนจะรีบลากสาวใช้ออกจากร้านตำรามา ‘หากท่านแม่ทราบว่าข้านำเงินห้าตำลึงทองมาซื้อตำราให้หมิงเลี่ยงรุ่ย คงโมโหจนเป็นลมล้มพับไปเป็นแน่’ ด้วยเหตุนี้จึงได้สั่งเถ้าแก่ให้แจ้งแก่พ่อบ้านว่าเป็นนางที่อยากได้ตำราเ
2 ซื้อตำราเอาใจบุรุษ? หลังจากพาหมอไปรักษาในวันนั้นนางก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรือนท้ายจวนหลายวันแล้ว นางอยากให้เขาคลายความระแวงและรักษาตัวให้ดีขึ้นก่อน เพราะหากนางยังคงไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นเขาอาจจะระแวงจนไม่ยอมกินยาที่ท่านหมอจัดให้สุดท้ายก็จะมาโทษนางอีก “คุณ