หนึ่งเดือนต่อมา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย(ภาคอีสาน)
“เดินทางปลอดภัยเด้อพิม เทอมหน้าพ้อกันใหม่ มารับใบจบพร้อมกันเด้อ”(เดินทางปลอดภัยน่ะพิม เทอมหน้าเจอกันใหม่ มารับใบจบพร้อมกันน่ะ) อมีนา หรือ มีน เพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกัน และพึ่งพากันมา ตั้งแต่ที่หญิงสาวย้ายมาศึกษาต่อที่นี่ใหม่ๆ ในตลอดระยะเวลา 5 ปี
วันนี้หญิงสาวต้องเดินทางไปฝึกงานที่โรงพยาบาลของภาคกลาง เป็นเวลา 6 เดือน เพราะเธอคือนักศึกษาทุนที่เรียนควบคู่มาพร้อมกัน ตามจริงแล้วเธอเรียนบริหาร และเรียนพยาบาลควบคู่ไปด้วย ทุนจากทางโรงพยาบาลได้มอบให้ตลอดจบการศึกษา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างหญิงสาวจึงต้องได้เรียน 5 ปี
“อื้ม...ขอบคุณมีนหลายๆเด้อ เฮาแค่ไปฝึกงานเอง เทอมหน้าเฮากะสิจบกับแล้ว”(อื้ม...ขอบคุณมีนมากมากน่ะ เราแค่ไปฝึกงานเอง เทอมหน้าเราก็จะจบกันแล้วสิน่ะ) พิพิม ฤทธิไพศาล บุตรสาวของคิมหันต์ และ พระพาย ฤทธิไพศาล ที่หนีปัญญาเมื่อ 5 ปีก่อน แล้วดั้นด้น มาศึกษาไกลถึงที่นี่ จนฟังและพูดได้เป็นอย่างดี และด้วยเหตุผลในหลายๆอย่าง ที่บอกใครไม่ได้
หญิงสาวคือคนที่มีครอบครัวภูมิฐานฐานะทางบ้านดีมากคนหนึ่ง แต่ด้วยเหตุผลจำเป็น เลยต้องสอบชิงทุนเข้ามาที่นี่แทน และทางครอบครัวก็ไม่มีใครทราบข่าวคราว ว่าเธอมาอยู่ที่ไหน ตลอดในระยะเวลา 5 ปี จะมีเพียงแค่ ปั้นหยา ณดารินทร์ เธอคือลูกสาวของหมอโปรดนั้นเอง คือเพื่อนสมัยตั้งแต่เล็กๆ เพราะพ่อแม่สนิทกันเท่านั้นที่ทราบข่าว แต่เธอก็ขอร้องไม่ให้หญิงสาวบอกใคร เพราะเธอต้องการที่จะกลับไป และบอกกับทุกคนเองเมื่อเธอพร้อม และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้วที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง และทุกคนอีกครั้ง
@กรุงเทพมหานคร
“พิม...ทางนี้” ปั้นหยา เมื่อทราบข่าวว่าพิพิมจะกลับมา เธอจึงอาสามารับ และช่วยจัดที่พักให้ ที่สะดวกใกล้กับโรงพยาบาลด้วย
“หยา...” พิพิมเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจและสวมกอดกันทันทีด้วยความคิดถึง
“แล้วนี้...” ปั้นหยาทำหน้างงเล็กน้อย เมื่อเห็นใครบางคน เดินจับมือมากับพิพิมด้วย
“เอ่อ...เดี๋ยวถึงที่พัก พิมเล่าให้ฟังน่ะ” พิพิมเอ่ยบอก
“อื้ม...ไปกับเถอะ” ปั้นหยาเมื่อรู้ว่าพิพิมน่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างจึงไม่ได้ถามเซ้าซี้ และช่วยถือสัมภาระมากมาย ไปขึ้นรถทันที แล้วพาไปที่พักทันที
ปั้นหยาพาพิพิมมาพักที่คอนโดเดียวกันกับเธอ ซึ่งสะดวก และเป็นส่วนตัวมากพอสมควร แล้วยังอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลอีกด้วย พิพิมจะได้สะดวก
“อะไรน่ะ...เรื่องจริงมันยิ่งกว่าละครเสียอีก ที่พิมไม่ยอมติดต่อกับทุกคน แถมไม่ยอมส่งข่าวก็เพราะเรื่องนี้สิน่ะ” ปั้นหยาตาลุกวาวเมื่อได้ฟังความจริงจากที่พิพิมเล่าให้ฟัง เมื่อเข้ามาทางด้านใน
“อื้ม...ก็ตอนนั้นมันยังเด็ก ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะ” พิพิมเอ่ยบอกด้วยที่หน้าที่เหม่อขึ้นมาเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ
“แล้วเขาคือใคร...พิมบอกหยาได้ไหม” ปั้นหยามองหน้าพิพิมอย่างอยากรู้คำตอบ
“สักวันหนึ่ง...หยาและทุกคนก็จะรู้เองแหล่ะ” พิพิมเอ่ยขึ้นบอก
“หยาเคารพในการตัดสินใจของพิมน่ะ...มีอะไรให้ช่วยบอกหยาได้เสมอน่ะไม่ต้องเกรงใจหยาเลย...”
“ขอบคุณหยาน่ะ...ที่ดีกับพิมตลอด และไม่เคยทิ้งพิมไปไหนเลย ถึงจะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันก็เถอะ” พิพิมสวมกอดปั้นหยาทันที เพื่อเป็นการขอบคุณ
“อื้ม...ว่าแต่หุ่นพิมตอนนี้สวยมากเลย แตกสาวเต็มตัว แถมยังแน่นอีก หยาละอิจฉาจัง หุ่นน่าฟัดแบบนี้” ปั้นหยาละกอดออก พร้อมมองสำรวจร่างของพิพิมรอบทั้งตัว
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก...ตอนนี้พิมเกือบจะใส่ชุดแทบไม่ได้อยู่แล้ว ดูสิแน่นไปหมดเลย คิกๆ” พิพิมเอ่ยบอก พร้อมกับก้มมองที่พุงของตัวเอง แล้วหัวเราะออกมา
“ถ้าอย่างนั้น...พิมพักผ่อนเถอะ เดินทางมาเหนื่อย พรุ่งนี้พิมไปฝึกงาน เดี๋ยวหยาจะมาอยู่ที่ห้องให้น่ะ ว่าแต่ชื่ออะไรอ่ะ น่ารักมาก” ปั้นหยาเอ่ยบอก แล้วหันไปถามพิพิมถึงคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนที่นอนตอนนี้
“ชื่อน้องอาเธอร์...เธียรวิชญ์” พิพิมเอ่ยบอก
‘เด็กชายเธียรวิชญ์ ฤทธิไพศาล’ หรือ อาเธอร์ ลูกชายวัย 4 ขวบ ของพิพิมเอง ที่เธอแอบหนีไปคลอด ตั้งแต่เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว โดยไม่มีใครทราบว่าเธอมีลูก และหายไปไหน
“ชื่อเพราะจัง...แถมน่ารักหล่อมากด้วย พ่อคงจะหล่อมากแน่ๆเลยเนอะ” ปั้นหยาเอ่ยแซวขึ้นมา จนเธอลืมคิดไปว่าหญิงสาวอาจไม่สบายใจเมื่อเธอพูดถึงพ่อของเด็ก
“...” พิพิมเงียบและมีใบหน้าสลดลงมาทันที ที่ปั้นหยาเผลอพูดคำว่าพ่อออกมา
“หยาขอโทษ...” ปั้นหยารีบขอโทษขอโพยทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองพลั้งปากพูดอะไรออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก...วันไหนว่างพิมจะไปฝากไว้ที่โรงเรียน”
“หยาไม่รบกวนพิมแล้ว...” ปั้นหยาเอ่ยลาและกลับออกไปทันที
โรงพยาบาลโยธินนารัตน์
รุ่งเช้า
พิพิมเข้ามาที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมารายงานตัวกับทางต้นสังกัดที่มอบทุกการศึกษาให้
“พิพิม!...” เสียงเข้มของหมอโปรดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนที่เข้ามารายงานตัวนั้นคือใคร
“ค่ะ...คุณลุง สวัสดีค่ะ” พิพิมพยักหน้ารับ และยกมือทำความเคารพผู้อาวุโสทันที
“หนูหายไปมาลูกตั้ง 5 ปี” หมอโปรดเอ่ยถามขึ้นทันที ที่ได้เจอหน้าหญิงสาว
“หนู...ก็ไปเรียนต่อยังไงล่ะค่ะ และตอนนี้ก็มาฝึกงานที่นี่” พิพิมเอ่ยบอกไปตามความจริง แต่ก็ไม่ได้บอกทั้งหมด
“หนูกลับมาตั้วแต่เมื่อไหร่ลูก...แล้วพ่อกับแม่หนูรู้เรื่องนี้ยัง” หมอโปรดตี้คำถามขึ้นมายาวทันที
“หนูพึ่งได้รับเมลล์เมื่อเดือนก่อนเรื่องฝึกงานค่ะ...พึ่งจะเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้เอง และก็ยังไม่ได้แวะไปหาท่านหรอกค่ะ” พิพิมเอ่ยบอก
“แล้วตอนนี้...หนูพักอยู่ที่ไหน” หมอโปรดถามต่อทันที
“ใกล้ๆกับโรงพยาบาลนี้ล่ะค่ะ...จะได้เดินทางสะดวกหน่อย”
“ทำไมหนูไม่ส่งข่าวหาพ่อกับแม่บ้าง รู้ไหมว่าไอ้คิมน่ะ เป็นห่วงหนูมากเลยน่ะ”
“หนูยังไม่พร้อมค่ะคุณลุง...ไว้วันที่หนูได้รับเกียรติบัตร วันจบหนูจะไปอธิบาย และบอกกับทุกคนเองน่ะค่ะ” พิพิมเอ่บอกอีกที เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจริงๆ
“...แล้วนี้มาแต่เช้า เจอพี่เขายัง” หมอโปรดถามขึ้นมาอีกคำถาม
“พี่...” พิพิมเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างมึนงง ว่าพี่ที่หมอโปรดพูดถึงนั้นหมายถึงใคร
“ก็พี่ทีมยังไงล่ะ...” หมอโปรดตอบออกไป เพราะเห็นว่าหญิงสาวทำหน้างง
“พี่ทีม!...” พิพิมพูดขึ้นมาเสียงดังทันที เมื่อได้ยินชื่อนี้
“ใครเรียกชื่อผมกัน...เสียงดังไปถึงข้างนอก” เสียงเข้มของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้ามาทันที โดยไม่ได้เคาะก่อน และก็ต้องตกใจ เมื่อเจอกับใครบางคนที่พยายามตามหามาตลอด
“พิพิม!...”
บทพิสูจน์ทั้งสามยังคงนั่งดื่มกันอยู่ที่เดิม พร้อมกับพูดคุยกันอยู่ที่เดิม และเหมือนฝันหญิงสาว เพียงคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เอาแต่คอยชงเหล้าให้กับสามีของเธอ“กูหมายถึง พิพิมมาฝึกงานที่โรงพยาบาล ซึ่งกูเป็นคนดูแลอยู่ตอนนี้ แล้วเธอก็ยังเป็นนักศึกษาทุนของพ่อกูเอง แถมพักอยู่ที่คอนโดเดียวกันกับปั้นหยาอีกด้วย” ทินกรบอกออกไปตามความจริง เพราะเขาไม่คิดที่จะปิดบังเพื่อนอยู่แล้ว“แบบนี้ ยิ่งพิสูจน์ง่ายเลยเพื่อน ว่าน้องเขามีแฟนหรือไม่มี” คามินเริ่มคิดอะไรขึ้นมาออก พร้อมกับสายตาที่มีเล่ห์เหลี่ยม“แต่กูได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ เรียกชื่อผู้ชายน่ะเว้ย” ทินกรพูดบอก เพราะเขาได้ยินเธอเรียกพี่เธอร์ แถมยังพูดครับ บอกคิดถึงอีก“แค่ได้ยิน แล้วมึงเห็นกับตาหรือยัง” คามินสาดคำถามกลับทันที“ยัง กูแค่ไปส่งเธอที่คอนโด ไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวจะเห็นอะไรไม่ดีเข้า เผลอๆเธออาจจะอยู่กับแฟนก็ได้ใครจะไปรู้” ทินกรเอ่ยบอกออกไปตามตรง ตามที่เขาคิด“ถ้ากูแนะนำวิธีที่กูคิดไว้ มึงจะทำตามที่กูบอกไหมเพื่อน” คามินเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามทินกรกลับไปอย่างอยากรู้คำตอบทันที“วิธีอะไรของมึง” ทินกรหน้
ความเจ็บปวดที่ได้รับกลับมาที่ปัจจุบัน“โดนขนาดนั้น...ทำไมถึงลุกหนีพี่ไปได้อีก” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับจ้องมองหน้าอย่างต้องการคำตอบ“...” หญิงสาวไม่ตอบอะไรออกมา ได้แต่ก้มหน้าหนี ไม่กล้าสบตากับหมอหนุ่ม“รู้ไหมว่าพี่รู้สึกยังไง...ตอนตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพิม พี่รู้สึกว่าตัวเองโดนฟันแล้วถูกทิ้งยังไงก็ไม่รู้” เสียงนุ่มพูดออกมาอีกครั้ง“นี้พี่จำได้ทุกอย่างเลยจริงเหรอ...” หญิงสาวถามขึ้น เพราะเธอยังสงสัยว่า เขาเมา แต่ทำไมเขาจำทุกอย่างได้หมดเลย“พี่ก็บอกแล้วไง...ว่าหายเมาแล้ว ตอนเสียบแล้วเจ็บนั้นแหล่ะ” หมอหนุ่มย้ำคำพูดออกมาอีกครั้ง และกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวในประโยคหลัง“พี่ทีม...ถอยออกไปเลยน่ะ” หญิงสาวตาลุกวาว แล้วรีบดันร่างสูงออกห่างจากตัวเธอตอนนี้ เพราะเธอเริ่มหน้าแดงขึ้นมา เมื่อหมอหนุ่มพูดถึงเรื่องนี้ออกมาอย่างไม่อาย“แค่รหัสเข้าห้องก็พอจะทำให้พิมรู้อะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ใช่ไหม” ร่างสูงไม่พูดเปล่า รีบจับร่างของหญิงสาวให้นอนราบไปกับที่นอนทันที“ว้าย...พี่จะทำอะไร” หญิงสาวที่ตกใจ อยู่ตอนนี้ร้องออกมาทันที เมื่อร่างสูงขึ้นมาคร่อมเธอเอาไว้“เรามาทบทวนความหลังหน่อยไหม...” ร่างสูงจ้องมองด้วยแววตา
อดีตและความทรงจำที่ดี NCย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน 14/02/2019ณ โรงเรียนมัธยมของเอกชน“พิม...” เสียงเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว เมือเห็นว่าหญิงสาวเดินออกมาด้านนอกเพื่อที่จะกลับบ้านไปฉลองวันจบการศึกษาพอดีและวันนี้ ก็เป็นวันที่ชายหนุ่มพึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่พ่อส่งตัวให้ไปเรียนแพทย์เฉพาะทาง แต่วันนี้เจ้าแอบบินกลับมาเพื่อที่จะมาแสดงความยินดีกับหญิงสาวแทน“พี่ทีม...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างดีใจที่ได้เห็นชายหนุ่ม“พี่พึ่งจะลงจากเครื่องมา...ก็แวะมารับเรานี้แหล่ะ ไปกันได้แล้ว ทุกคนรออยู่ที่ร้านแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอก“...” หญิงสาวไม่รอช้ารีบขึ้นรถของชายหนุ่มไปทันที“อยากกินไร...วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” เสียงนุ่มเอ่ยบอกเมื่อเข้ามาถึงที่ร้าน“วันนี้พิมจะกินให้พุงกาง...อ้วนเป็นหมูไปเลย” พิพิมพูดขึ้นมา พร้อมกับทำตาลุกว่าเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่มาเสิร์ฟเมื่อภาคินน้องชายของพิพิมขอตัวกลับไปก่อน เพราะไม่ค่อยชอบทานอะไรพวกนี้ แต่ที่จริงแล้วคือข้ออ้างอีกตาม คงจะแอบหนีไปเล่นเกมตามประสาผู้ชายนั้นแหล่ะส่วนปั้นหยา ก็นัดฉลองกันกับเพื่อนในชั้นเรียนต่อ จึงทิ้งให้พิพิมอยู่กับพี่ชายของเธอแ
วันแห่งความทรงจำที่ดีพิพิมรีบคว้าเอาแฟ้มไปอย่างเร่งรีบ แล้วเดินตามทินกรออกไปทันที ทั้งกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เพื่อให้ทันกับหมอหนุ่ม ที่ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าลิฟต์แล้ว ต่างกับเธอที่ทั้งก้าวเท้าสับๆ แทบไม่ทัน“...” หญิงสาวได้แต่หอบเหนื่อย เมื่อเข้ามาภายในลิฟต์ และมีอาการเท้าสั่นเพียงเล็กน้อย เพราะรีบตามทินกรมากไปหน่อยมือหน้าของหมอหนุ่มยื่นออกไปคว้า เอาแฟ้มที่พิพิมกอดไว้แนบอกกลับมาเป็นฝ่ายถือเสียเอง เพราะเห็นหญิงสาวมัวแต่ยืนหอบอยู่ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นเป้าหมาย พิพิมได้แต่ยืนนิ่งและไม่ยอมก้าวขาออกจากลิฟต์ ตามร่างสูงไป เพราะตอนนี้ขาเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาเสียดื้อๆ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ เพื่อเก็บอาการเอาไว้ และไม่กล้าที่จะขยับเพราะกลัวจะล้มเอาทางด้านหมอหนุ่ม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมก้าวออกมาจากลิฟต์ จึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปที่ลิฟต์คืน และไม่พูดอะไรอุ้มหญิงสาวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที เขาก็พอจะทราบอยู่บ้างว่าหญิงสาวเป็นอะไร หากให้เดาถ้ารองเท้าไม่กัด ก็คงจะเหน็บชาที่ขา“หึ...ยังเป็นเหมือนเดิมเลยน่ะ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” หมอหนุ่มเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับส่ายหน้าเ
ถูกกลั่นแกล้งพิพิมที่ได้เวลาพักกลางวัน หญิงสาวก็เดินมายังโรงอาหารของทางโรงพยาบาล เพื่อที่จะได้หาอะทานเหมือนบุคลากรท่านอื่นๆ ขณะที่เธอเดินเข้ายังโรงอาหาร ก็มีทุกสายตาจ้องมองมาที่เธอตั้งมากมาย จนเธอต้องทนฝืนเดินไปสั่งอาหาร“ใช้บัตรนี้ครับ” เสียงเข้มของหมอหนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นบัตรที่ใช้สำหรับใช้ในการสั่งอาหารของรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะเมื่อเขาเดินตามหญิงสาวมาตั้งแต่แรก จึงมั่นใจแล้วว่า เธอไม่มีบัตรแน่นอน เพราะเธอพึ่งจะมาที่นี่เป็นวันแรก จึงใช้บัตรเขาแทนและรับจานข้าวของหญิงสาวมา“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวมองหน้าร่างสูง แล้วรับจานข้าวกลับมาจากมือของหมอหนุ่มที่ยื่นมาให้ แล้วก็เดินออกหาที่นั่งทานแบบเงียบๆทินกรเมื่อเห็นหญิงสาวเดินออกไปแล้ว จึงได้เดินไปสั่งน้ำมาให้แก่หญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ได้น้ำดื่ม แล้วร่างสูงก็เดินไปหาหญิงสาว ที่นั่งทานข้าวเงียบๆทันที“เดี๋ยวค่ะ...จะพาพิมไปไหน” หญิงสาวเอ่ยถาม แล้วทหน้าอย่างไม่เข้าใจทันที ที่จู่ๆ ทินกรก็มาคว้ามือของเธอแล้วพาเดินออกไป“...” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบ แต่กลับจูงมือของหญิงสาวให้เดินตามเขาไป“จะพาพิมไปไหนค่ะ พิมยังทานข้าวไม่เสร็จเลยน่ะ” หญิ
เผชิญหน้า“พิพิม!...”“...” หญิงสาวตาค้างทันที ที่ได้เจอกับชายหนุ่มอีกครั้ง ยืนตัวแข็งจนทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน“นี้ ทำหน้าตกใจกัน อย่าบอกน่ะว่า...ไม่เคยติดต่อกันเลย...” หมอโปรดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองต่างตกใจ ที่ได้เจอหน้ากันและกัน“...” ทินกรได้แต่พยักหน้ารับ และจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานของพิพิม อย่างไม่อยากล่ะสายตาเลยแม้แต่น้อย และมีคำถามในใจอยู่มากมายที่อยากจะถาม“ถ้าอย่างนั่น...ก็คุยกันไปน่ะ เดี๋ยวลุงจะออกไปหาอะไรดื่มข้างนอกเสียหน่อย” หมอโปรดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ต่างอยากมีคำถามต่อกัน“หายไปไหนมาตั้ง 5 ปี” ทินกรยิงคำถามใส่ทันที เมื่ออยู่กันตามลำพัง และเห็นว่าพ่อเดินออกไปจากห้องนี้แล้ว“พะ พิมก็ไปเรียนต่อยังไงล่ะค่ะ...” พิพิมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก กล้าๆกลัวๆ และไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า“แค่เรียนเหรอ...” เสียงนุ่มของทินกรเอ่ยถาม แล้วย่างก้าวเข้าไปใกลๆหาหญิงสาวทันที“...” พิพิมถอยออกห่างเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แถมยังหลบสายตาของร่างสูงตรงหน้าอีก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อน“แล้วทำไม...ไม่ส่งข่าวใครๆบ้างเลย เล่นหายไปดื้อๆแ