คำถามของเจ้าหน้าที่ทำให้หัวใจของมาเดลีนหยุดนิ่ง มันยังตอกย้ำทำให้เธอนึกขึ้นได้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้ถูกวางแผนไว้แล้วตั้งแต่ต้น และทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเธอตกหลุมรักผู้ชายที่เธอไม่คู่ควรมาเดลีนคว้าแท่งเหล็กเย็นๆด้วยความสิ้นหวังและคุกเข่าลงบนพื้น‘เจเรมี่ วิทแมน ถ้าหากมีทางไหนที่สามารถย้อนกลับไปได้อีกครั้ง ฉันคงเลือกไม่ขอพบเจอคุณ..’มาเดลีนไม่คาดหวังว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่เธอออกจากคุกบางทียาที่แดเนียลขอให้คนของเขาส่งไปมีผลกระทบที่น่าอัศจรรย์กับเนื้องอก หรือบางทีอาจเป็นความตั้งใจอย่างแรงกล้าของเธอที่อยากเห็นลูกที่ถูกลักพาตัวไปหลังจากที่พวกเขาบีบบังคับให้เธอคลอดลูกอย่างแรง ในเวลาสั้นๆ เธอเปลี่ยนความคิดเพื่อมีชีวิตอยู่อย่างน่าอัศจรรย์แสงแดดจัดกว่าทุกวัน ในวันที่เธอได้อิสระของเธอกลับมาอีกครั้ง ช่วงเวลาในคุกของเธอจบลงเเล้ว อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถกำจัดความยุ่งเหยิงและความเจ็บปวดที่อยู่ในใจเธอมาตลอดสามปีได้ความทรมานนับพันวันนั้นถูกตอกลึกลงไปทั่วร่างกายของเธอและมันจะไม่จางหายไปในเร็ววันมาเดลีนเฝ้าดูขณะที่แดเนียลและเอวาวิ่งเข้ามาหาเธอ เมื
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากรุ่งอรุณแห่งชีวิตใหม่ของเธอได้มาเยือนเธอไม่ลืมที่จะจัดแจงซื้อผลไม้เตรียมพร้อมด้วยขนมโปรดของคุณปู่ก่อนไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล นานแค่ไหนกันนะที่เธอไม่ได้พบเจอท่านเธอตรงไปที่ห้องที่ปู่ของเธอพักอยู่แต่เธอสังเกตเห็นว่าปู่ของเธอไม่อยู่ที่นี่มาเดลีนไปที่แผนกต้อนรับเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อพยาบาลเห็นว่าเธอเป็นสมาชิกในครอบครัวของเลน ซามูเอล พยาบาลก็มองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ น้ำเสียงของเธอก็ไม่เป็นมิตรเช่นกัน “นี้ เธอเป็นหลานสาวของคุณซามูเอลใช่ไหม? เธอควรทำหน้าที่ในฐานะหลานของเขาไม่ใช่หรอ? เขาตายไปแล้วตั้งสามปี ทำไมเธอยังมาที่นี่อีก? ไปที่ห้องจัดงานศพ ขี้เถ้าของเขาอยู่ที่นั่น”ซ่วบ! ผลไม้ในมือของมาเดลีนตกลงที่พื้นเธอเบิกตากว้างและตกอยู่กับความงุนงง ความเจ็บปวดเริ่มแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเธอเธอคิดว่าหัวใจของเธอตายไปแล้ว เธอคิดว่ามันชามากจนไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่หายใจไม่ออกนี้ทำเธอหายใจอย่างติดขัดปู่ของเธอเสียชีวิตแล้วเขาตายไปตั้งสามปีแล้ว!เธอไม่แม้แต่จะได้เห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย!มาเดลีนไปที่ห้องจัดงานศพและเอาขี้เถ้าของปู่ขอ
มาเดลีนใจสลายลูกศรล้านดอกปักลงกลางใจของเธอคงไม่น่ากลัวเท่านี้เธอไม่มีวันลืมคืนนั้น เธอถูกบังคับให้คลอดลูกอย่างโหดร้ายก่อนลูกของเธอจะถูกพรากไปจากเธออย่างไม่มีวันหวนคืนจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิง? เด็กคนนั้นจะดูเหมือนเธอหรือเหมือนเจเรมี่มากกว่ากัน?มาเดลีนเข้าไปที่บัญชีทวิตเตอร์ของเมเรดิธและเห็นว่าเธอกำลังแสดงถึงความโอ้อวดที่คึกคัก หล่อนอวดรถราคาแพง กระเป๋าแบรนด์เนม และพ่อแม่ผู้มีชื่อเสียงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แถมหล่อนยังอวดลูกชายที่น่ารักที่หล่อนมีกับเจเรมี่นางปีศาจอย่างหล่อนมีทุกอย่างในตอนนี้ในทางตรงกันข้ามเธอ มาเดลีน เธอไม่มีอะไรเลยความน่าสมเพชนี่มีบางทีที่มาเดลีนเผลอมองหาเจเรมี่ อย่างไรก็ตาม เธอตระหนักว่าเธอไม่มีความกล้าหาญที่จะทำเช่นนั้นเธอถูกทรมานอย่างไร้ความปราณีในคุกและมันทำให้เธอสะดุ้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอคิดถึงลูกที่หายไป มาเดลีนก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเธอยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ซึ่งเธอเคยเป็นหนึ่งในสามาชิกที่สำคัญเธอรู้สึกถึงความขมขื่นในใจ ตอนที่เธอกำลังจะกดกริ้ง เธอเห็นเมเรดิธเดินพ้นจากบ้านออกมาเธอแต่งตัวฉูดฉา
การมองเห็นที่พร่ามัวเกิดจากน้ำตาของมาเดลีนหัวใจเธอไม่สามารถแบกรับความรู้สึกที่หนักอึ้งนี้ได้อีกต่อไปอย่างไรก็ตาม เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเจเรมี่จะเลือดเย็นขนาดนั้นเด็กเป็นเพียงแค่สิ่งที่มีชีวิตชีวาสดใส เขาทำกับเด็กได้จริงหรือ?เมเรดิธดึงผมสั้นของมาเดลีนด้วยความสามารถทั้งหมดของเธอ เธอมองไปที่ใบหน้าที่เปลือยเปล่าแต่น่าทึ่งของมาเดลีนและรู้สึกได้ถึงความโกรธกำลังเพิ่มขึ้นในอก “มาเดลีน เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันเป็นใคร? ฉันคือคุณหนูทายาทแห่งมอนต์โกเมอรี และฉันจะเป็นคุณนายวิทแมนในไม่ช้า เธอเป็นใครกล้าดียังไงมาสู้กับฉัน?”เธอเตะมาเดลีนที่อ่อนแอเกินกว่าจะสู้กลับออกไป ก่อนจะยิ้มอย่างมีเจตนาร้ายแอบแฝง“ไม่อยากให้ฉันคืนลูกของเธอให้เหรอ?”มาเดลีนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เธอสามารถเห็นเมเรดิธถือขวดที่มีขนาดประมาณกำปั้นผ่านสายตาที่พร่ามัวของเธอในระยะไกลๆ มีผงสีขาวอยู่ในนั้นครึ่งขวด“ลูกของเธออยู่ในนี้”เรื่องบัดซบอะไรกัน?มาเดลีนรู้สึกราวกับว่าเลือดทั้งหมดในร่างกายของเธอถูกดูดจนแห้งและเนื้อของเธอก็ถูกชำแหละล้างให้สะอาดเช่นกัน เธอเหลือแต่กระดูกการมองเห็นของเธอมืดดับลง แต่เธอสามารถได้ยินเสียงที่น่าขนล
ทุกคำที่ออกมาจากปากเขาทำให้ความรู้สึกเหมือนทาเกลือบนบาดแผลสดและเลือดของเธอ ความเจ็บปวดที่จี้เข้ากระดูกทำให้ร่างกายของเธอชาไปหมด“หึ หึ...” มาเดลีนหัวเราะอย่างเวทนามันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยว่าเขาโหดร้ายมากแค่ไหนถึงกับกำจัดเด็กที่พึ่งเกิดคนนั้นออกไปได้อย่างง่ายดายมันเป็นสิ่งที่ปรากฎออกมาว่าเขาสามารถบดกระดูกลูกของตัวเองให้เป็นฝุ่นผงเพื่อปีศาจหญิงตนนั้นได้!มาเดลีนคิดว่าหัวใจของเธอตายแล้ว เธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถรู้สึกเจ็บปวดได้อีกต่อไปอย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้คาดหวังว่าบาดแผลเหล่านั้นจะเริ่มแผดเผาเธออีกครั้งเมื่อเธอได้พบกับผู้ชายคนนั้นในสถานการณ์นี้“เจเรมี่ ฉันไม่คิดมาก่อนว่ามาเดลีนจะมาสร้างปัญหาให้ฉันในตอนที่เธอออกจากคุก ฉันกลัวมาก ฉันกลัวมากว่าเธอจะทำร้ายลูกของเราอีกครั้ง เธอฆ่าลูกของเราไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง”เมเรดิธพิงหน้าอกของเจเรมี่พลางสะอื้นเธอพูดอย่างไร้เดียงสา แต่เห็นได้ชัดว่าเธอจงใจจุดไฟแห่งความโกรธในใจของเจเรมี่อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นคาดไว้ เจเรมี่ขมวดคิ้วเมื่อสายตาที่มุ่งร้ายและน่ากลัวของเขามองมาที่มาเดลีน“มาเด
เมเรดิธได้กลายเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลจากสังคมชั้นสูงที่ใหญ่ที่ร่ำรวยในเกลนเดล ถ้าพวกหล่อนกล้าที่จะลองดีกับเธอ พวกหล่อนอาจไม่เหลือที่ให้ยืนบนแผ่นดินนี้ให้อีกต่อไปเธอไม่ต้องการให้เอวาเดือดร้อนเพราะเธอหลังจากครุ่นคิดถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอที่ผ่านมา มาเดลีนจึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่เธอสามารถล้างแค้นให้กับตัวเองและลูกที่ตายไปได้หากเธอลุกขึ้นจากขวากหนามนี้สองวันต่อมา มาเดลีนไปทำงานในบริษัทใหม่ของเธอร่องรอยบางส่วนของบาดแผลบนใบหน้าของเธอยังไม่หายดี มาเดลีนจึงใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยฟกช้ำในเวลาเดียวกันกับที่เธอมาถึงที่ทำงาน ก่อนที่เธอจะได้นั่งลง อีฟการ์เซียคนที่เป็นหัวหน้าของเธอ ก็ถูกเรียกตัวไปพบอีฟดูเหมือนนักธุรกิจหญิงที่แข็งแกร่งและทรงพลัง เธอแต่งตัวในชุดที่ตามสมัยและสวยงามลงตัว อย่างไรก็ตาม เธอมีใบหน้าที่สงบนิ่ง ดังนั้นเธอจึงดูจริงจังมากกับการทำงาน สิ่งนี้ทำให้ มาเดลีนมีความกังวลอย่างมาก เธอกังวลว่าจะทำเรื่องยุ่งและทำงานผิดพลาดในการทดลองงานครั้งนี้อย่างไรก็ตาม อีฟสุภาพกับเธอ หล่อนบอกกับมาเดลีนให้ค่อยๆเรียนรู้ไปได้และเธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับสิ่งต่างๆมากเกินไปมาเดลีนคิดว่าหัวหน
อันที่จริง เหตุผลที่เธอได้งานนี้อย่างง่ายดายเป็นเพราะเมเรดิธชักใยบางอย่างอยู่ด้านหลังนี่เองอย่างไรก็ตาม มาเดลีนไม่ใช่คนโง่ มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เมเรดิธจะใจดีขนาดนี้?“หยุดเสแสร้ง เธอไม่รู้สึกขยะแขยง แต่ฉันรู้สึก” เธอปัดมือของเมเรดิธทิ้งด้วยความเกลียดเมเรดิธเอียงตัวราวกับว่าเธอนั้นแสนอ่อนแอและบอบบางเหลือเกิน จากนั้น เธอพิงไปซบเอโลอิสเอโลอิสเห็นว่าลูกสาวคนโปรดของเธอถูกรังแก เธอจึงเดินไปหามาเดลีนด้วยความกระวนกระวายใจและปกป้องเมเรดิธไว้ข้างหลังเธอ“มาเดลีน อย่าเป็นคนตาบอดที่มองไม่เห็นว่าใครแสนดีกับเธอ! ถ้าเมอร์ไม่ขอร้องฉันนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้คนอย่างเธอทำงานในบริษัทของฉัน!” เอโลอิสพูดด้วยความโกรธ“แม้ว่าเธอจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของเมอร์ แต่ลูกสาวฉันก็ไม่เคยกลั่นแกล้งเธอเลยสักนิดแม้ว่า เธอจะราวีอย่างไม่ลดละ เมอร์คิดถึงเธอมาก มันไม่เป็นไร หากถ้าเธอไม่รู้สึกขอบคุณ แต่นี่เธอยังพยายามแว้งกัดมือที่เลี้ยงเธออยู่!”อีกแล้วรูปแบบประโยคนี้ถูกจัดฉากขึ้นมาอีกแล้วมาเดลีนกำลังจะปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการกระทำนั้นในตอนนี้จนถึงตอนนี้ เธอไม่รู้เลยว่าเมเรดิธมอบความเมตตากรุณาให้กับเธอด้วยเหตุผลอ
ดวงตาของมาเดลีนดูหดหู่ เธอมองเห็นแหวนที่เมเรดิธกำลังสวมอยู่ได้อย่างชัดเจนการที่เธอเอาแหวนขึ้นมาลูบนั้นเหมือนมีนัยยะบางอย่างเมื่อจ้องมองดีๆแล้ว แหวนวงนั้นมันเป็นแหวนที่เธอออกแบบ!“มาเดลีน เธอเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ผลงานอยู่ไม่น้อย แหวนวงนี้ช่างงาม ฉันชอบมันมาก แต่เธอรู้ไหมว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เจเรมี่เป็นคนบรรจงสวมมันให้ฉัน”เมเรดิธกำลังอวดแหวนที่เธอสวมใส่ด้วยความภาคภูมิใจ ในทุกคำที่กล่าวออกมาถูกเขียนอย่างชัดเจนทั่วทั้งดวงตาแห่งความโอ้อวดนี้ของเธอมาเดลีนขดนิ้วของเธอและถือโทรศัพท์ที่กำลังบันทึกวิดีโอตลอดเวลาไว้ในมือ เธอยิ้มขณะที่เธอกัดฟัน“เมเรดิธ เธอยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอเป็นคนสร้างเรื่องใส่ร้ายกล่าวหาฉันทั้งหมด หาว่าฉันเป็นคนขโมยผลงานของคนอื่นมาทั้งๆที่ฉันเป็นคนรังสรรค์ผลงานนั้นออกมาจากมือตัวเอง เธอทำแบบนั้นกับฉันใช่ไหม?”เมเรดิธเย้ยหยัน “แล้วไง? ใครจะเชื่อเธอ? เธอเป็นใครคิดจะมาแข่งกับฉัน?”"พอแล้ว" มาเดลีนยิ้มมุมริมฝีปากของเธอเล็กน้อยก่อนจะหันหลังจากไปหลังจากที่เธอพูดสั้นๆเมื่อเมเรดิธสังเกตุเห็นมาเดลีนมีอาการที่แปลกไป เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังผิดปกต