Home / โรแมนติก / บ่วงแค้นพันธนาการรัก / บทที่ 9 เข้าสู่คฤหาสน์เพมเบอร์ตัน

Share

บทที่ 9 เข้าสู่คฤหาสน์เพมเบอร์ตัน

last update Huling Na-update: 2025-12-15 23:38:22

ณ สวนหลังบ้านคฤหาสน์เพมเบอร์ตัน

ดอกทิวลิปหลากสีบานสะพรั่งท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ของยามเช้า สวนทิวลิปทอดยาวไปจนสุดสายตาในพื้นที่จำนวน 1 ไร่ของบริเวณหลังบ้าน ดอกสีแดงสดของดอกทิวลิปตัดกับสีเหลืองสดใสขาวบริสุทธิ์ และชมพูอ่อน ทั้งหมดเรียงรายกันเป็นแถว กลิ่นหอมของดอกไม้ถูกลมพัดเบา ๆ นำพาความสดชื่นไปทั่วบริเวณ สวนดอกไม้แห่งนี้เป็นสวนดอกไม้ในฝันของโจลีนน้องสาวของเขา ทว่าน่าเสียดายที่น้องสาวของเขาไม่มีโอกาสได้เห็นสวนแห่งนี้อีก

ต่อไปแล้ว

“คุณโจชัวครับ คุณโจชัว!!”

เสียงกึ่งวิ่งกึ่งตะโกนของชัชชัย ดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้โจชัวที่ใช้กรรไกรตัดแต่งต้นไม้อยู่หยุดชะงักเพื่อรอฟังข่าว

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนจากก้มหน้า มายืนในท่าปกติ มือหนึ่งถอดถุงมือผ้าออกจากอีกข้าง ก่อนจะเปลี่ยนมาถอดอีกข้างหนึ่ง จากนั้นใช้หลังมือปาดเหงื่อเม็ดเล็กที่ซึมผุดออกมาจากใบหน้า แล้วรอฟังอย่างใจเย็น

แฮ่ก แฮ่ก

เสียงหอบพร้อมกับเสียงสูดลมหายใจเข้าของชัชชัย ทำให้โจชัวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มันเรื่องอะไรที่ทำให้ลูกน้องของเขาวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว

“ว่ามา”

“ผู้หญิงคนนั้นฟื้นแล้วครับ”

“บอกแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ตายไม่ต้องมาแจ้ง”

น้ำเสียงเข้มเต็มไปด้วยความเย็นชา พูดอย่างไม่แยแส เขาละทิ้งความสนใจจากนั้นก้มหน้าลงไปตัดแต่งต้นทิวลิปต่อ

“ฟื้นแล้วก็จริงครับ แต่ป้าสาแกบอกว่าผู้หญิงคนนั้นความจำเสื่อมครับ”

ฉึบ!

กรรไกรในมือเผลอตัดดอกทิวลิปสีแดงร่วงลงพื้น เพราะประโยคเมื่อครู่ทำให้คุณชายตระกูลดังให้ความสนใจมากกว่าดอกทิวลิปในสวนเสียอีก

“พูดมาอีกที”

“ครับ ป้าสาบอกว่าเธอฟื้นมาจำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลยครับ แม้แต่ชื่อก็จำไม่ได้ เค้นถามกี่รอบเธอก็ตอบคำถามเดิม ๆ ครับ ป้าสาแกเคยเป็นพยาบาลเก่าใกล้ชิดคนป่วยมาเยอะ ป้าแกเลยเดาว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ในภาวะความจำเสื่อมเนื่องจากสมองได้รับความกระทบกระเทือน หรืออาจเป็นเพราะว่าอาจจะผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมา สมองเลยสั่งให้ลืมชั่วคราวครับ”

“อย่างนั้นเหรอ...”

เขาถามย้ำแต่ไม่ได้ต้องการให้ลูกน้องตอบคำถามอีกรอบ ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบนิ่งอยู่ กลับเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ครับ แล้วจะทำอย่างไรกับเธอครับ”

“อืม ถ้าอย่างนั้นบอกเธอว่าชื่อลินดา เป็นหลานป้าสา ทำหน้าที่ดูแลคฤหาสน์เพมเบอร์ตัน พรุ่งนี้ให้เธอมาพบฉันก่อนจะทำงาน”

“ครับคุณโจชัว เดี๋ยวผมจะบอกป้าสาเดี๋ยวนี้ครับ”

ชัชชัยพูดพร้อมกับโค้งศีรษะลงเล็กน้อย ทันทีที่ชัชชัยเดินออกไปใบหน้าของชายหนุ่มกลับเรียบนิ่งอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า

“ในสวนดอกไม้ ต้องมีแค่ดอกไม้ หากมีวัชพืชต้องถูกกำจัดออก”

โจชัวพูดในขณะที่มือหนึ่งดึงต้นวัชพืชออก วัชพืชที่เขาหมายถึงนั่นก็คือ ดาริน หญิงสาวเคราะห์ร้ายที่ต้องมารับโทษแทนพี่สาว

วันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 6 โมงเช้า

“ลินดาเร็ว ๆ สิ วันนี้ต้องไปคฤหาสน์แต่เช้านะ ขืนชักช้าคุณโจชัวจะต่อว่าเอา”

เสียงนวลกำชับเป็นรอบที่สาม เมื่อเห็นว่าลินดากำลังบรรจงเอาข้าวกลางวันใส่ปิ่นโตอยู่

เจ้าของใบหน้าสวยยิ้มรับพลางพยักหน้าให้นวลเบา ๆ เมื่อคืนป้าสาบอกกับเธอว่า เธอมีชื่อว่าลินดา มีป้าสาเป็นญาติห่าง ๆ เพียงคนเดียว

เจ้าของใบหน้าสวยทำงานอยู่ที่คฤหาสน์เพมเบอร์ตันได้ไม่ถึงสัปดาห์ เธอก็ประสบอุบัติเหตุทำให้ความจำเสื่อมไปชั่วขณะ เรื่องราวที่ป้าสาเล่าให้ฟังเธอไม่สงสัยแต่อย่างใด เพราะทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันและพูดตรงกัน ดังนั้นคนตัวเล็กจึงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานที่คฤหาสน์ต่อไป

“เสร็จแล้วจ้ะ ข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วนี่ของพี่นวลจ้ะ”

เสียงเจื้อยแจ้วอันสดใสของลินดา ทำให้นวลยิ้มออกมา และนวลก็คิดว่า ผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้ เจ้านายของตยไปมีความแค้นอะไรกับเธอกัน

“โอเค ๆ รีบ ๆ ขึ้นรถเลย พี่ชัยมารับแล้ว บ้านพักอยู่ไกลเกือบ 1 กิโล ช้ากว่านี้ได้เดินไปนะ”

“โอเคจ้า”

หลังจากที่นวลและคนอื่น ๆ ขึ้นมาบนรถคันใหญ่นั่งได้ประมาณ 10 กว่าคน รวมเบาะหน้า ลินดาที่รู้สึกไม่คุ้นเคยกับที่นี่จึงเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า

“ทำไมฉันไม่คุ้นกับที่นี่เลยจ้ะพี่นวล แล้วคุณโจชัวเขาเป็นคนแบบไหน ทำไมฉันนึกภาพไม่ออกเลย อย่างน้อยหากเป็นเจ้านาย ฉันควรจะจำอะไรได้บ้างใช่ไหม”

“ก็เอ็งน่ะ ความจำเสื่อมจะไปจำอะไรได้ ไม่แปลกที่จะไม่คุ้นเคย เออ แล้วก็ฉันขอเตือนอะไรเอ็งเอาไว้ว่า เจ้านายของบ้านนี้น่ะ อารมณ์ไม่คงที่ถ้าเขาห้ามอะไร ก็ห้ามฝ่าฝืนโดยเด็ดขาด”

“รวมไปถึงใช้โทรศัพท์มือถือด้วยเหรอจ้ะ”

เรียวปากสีหวานย้อนถาม เพราะเมื่อคืนเธอถามถึงโทรศัพท์มือถือ แต่ทุกคนบอกว่าที่นี่ห้ามใช้และห้ามเล่นอินเทอร์เน็ต เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคฤหาสน์ใหญ่โตและทันสมัยถึงเพียงนี้ ถึงมีกฎโบราณ

คร่ำครึอยู่

“นั่นแหละ ใช่ ๆ”

สิ้นเสียงของนวล ดารินได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ตลอดทางทุกคนต่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดคุยกันไปจนถึงคฤหาสน์เพมเบอร์ตัน

เวลา 8.30 น.

ลินดาหรือว่าดาริน ลูกคนสุดท้องของตระกูลไพศาลสกุลรัตน์ ได้สวมรอยเป็นพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง ทว่ากลับเคราะห์ร้ายถูกรถชนจนความจำเสื่อม ซึ่งตอนนี้ชีวิตของเธอได้กลายเป็นแม่บ้านคนหนึ่งของคฤหาสน์เพมเบอร์ตัน

“ลินดาเธอทำห้องนี้ไปนะ ส่วนฉันจะไปทำความสะอาดห้องของคุณโจชัว ทำดี ๆ อย่าทำของหล่น ของแตกล่ะ และห้ามโยกย้ายของไปไว้ที่อื่นด้วย เดี๋ยวฉันมา”

เสียงของพรพิมลเป็นแม่บ้านสาวอายุไล่เลี่ยกับดาริน เธอเข้ามาเป็นแม่บ้านตั้งแต่เรียนจบชั้นมัธยมปลาย ความฝันของเธอคืออยากได้สามีที่ร่ำรวย จึงมาสมัครเป็นแม่บ้านของตระกูล

เพมเบอร์ตัน

ตั้งแต่ที่พรพิมลก้าวขาเข้ามาในคฤหาสน์ เขาก็ตกหลุมรักโจชัวจนถอนตัวไม่ขึ้น ทว่าโจชัวมาแค่ปีละครั้ง ทำให้พรพิมลมีความหวังเกือบเป็นศูนย์ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้านายหนุ่มจะมาอยู่ที่นี่ถาวร ความหวังของเธอก็กลับมาอีกครั้ง และวิธีเดียวที่จะทำให้โจชัวชายตามองคือการให้เขาเห็นหน้าเธอบ่อย ๆ

“โอเค”

ลินดาตอบ พลางถือผ้าขนนุ่มเช็ดกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกระจก ในรูปเป็นผู้หญิงลูกครึ่งหน้าตาสะสวย มีชายคนหนึ่งโอบไหล่ของเธออยู่ ดารินเป็นคนที่ฉลาดก็เดาออกว่าชายคนนั้นน่าจะเป็นโจชัว เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้อย่างแน่นอน

“เอ๊ะ กำไลที่ข้อมือของเธอซื้อมาเท่าไหร่”

“ฉันจำไม่ได้จ้ะ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาอันนี้มันก็อยู่ที่ตัวของฉันตลอด”

“แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้ขโมยหรือหยิบอะไรไปจากห้องนี้”

พรพิมลถามย้ำ เพราะกำไลสีเงินที่เธอใส่เป็นกำไลราคาหลายแสนแถมยังเป็นทองคำขาวบริสุทธิ์ ผู้หญิงตรงหน้าเป็นแค่แม่บ้านจะมีปัญญาซื้อได้อย่างไร เคยเห็นแต่คุณโจลีนใส่แค่ครั้งสองครั้งแค่นั้น

“ไม่นะคะ ยังไม่ได้หยิบอะไรจากห้องนี้ไปเลย เธอก็เห็นว่าฉันพึ่งเข้าห้องนี้มาพร้อมกับเธอ”

“ลำพังแม่บ้านอย่างเธอจะซื้อกำไลแพงขนาดนี้ได้ยังไง ไม่มีทาง เธอต้องขโมยมาแน่ เอามานี่สิ ถ้าไม่ได้ขโมยก็เอามาให้ฉัน ฉันจะได้ไปถามคุณโจชัวว่าใช่ของคุณโจลีนไหม”

“ฉันไม่ให้ ฉันบอกไม่ได้ขโมย แล้วจะมาแย่งอะไรจากฉันอีกล่ะ”

“ก็ฉันไม่เชื่อไง เอามา!!!”

พรพิมลเสียงเข้ม พร้อมกับเข้าไปแย่งกำไลจากข้อมือของลินดา

“กำไลนี้เป็นของฉัน อย่าเอาไปนะ ฉันบอกว่าไม่ได้ขโมย”

ลินดาชักมือกลับ แต่พรพิมลยังไม่ลดละ ใช้แรงทั้งหมดที่มีกระชากดึงกำไลออกจากข้อมือบาง แรงฉุดยื้อกันไปกันมาระหว่างหญิงสาวทั้งสองคนทำให้กรอบรูปของโจลีนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตกลงมาแตก

เพล้ง!!

พรพิมลหยุดชะงัก ใบหน้าที่เป็นสีชมพูดค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวกับกระดาษ

เพียงชั่วพริบตาเสียงกระจกที่แตกในห้องของโจลีน ก็เรียกให้เหล่าแม่บ้านและคนใช้เข้ามามุงในห้องนี้โดยอัตโนมัติ เพราะตั้งแต่ที่ทำงานมา ไม่เคยมีใครทำข้าวของเสียหายเลยสักคน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • บ่วงแค้นพันธนาการรัก   บทที่ 9 เข้าสู่คฤหาสน์เพมเบอร์ตัน

    ณ สวนหลังบ้านคฤหาสน์เพมเบอร์ตันดอกทิวลิปหลากสีบานสะพรั่งท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ของยามเช้า สวนทิวลิปทอดยาวไปจนสุดสายตาในพื้นที่จำนวน 1 ไร่ของบริเวณหลังบ้าน ดอกสีแดงสดของดอกทิวลิปตัดกับสีเหลืองสดใสขาวบริสุทธิ์ และชมพูอ่อน ทั้งหมดเรียงรายกันเป็นแถว กลิ่นหอมของดอกไม้ถูกลมพัดเบา ๆ นำพาความสดชื่นไปทั่วบริเวณ สวนดอกไม้แห่งนี้เป็นสวนดอกไม้ในฝันของโจลีนน้องสาวของเขา ทว่าน่าเสียดายที่น้องสาวของเขาไม่มีโอกาสได้เห็นสวนแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว“คุณโจชัวครับ คุณโจชัว!!”เสียงกึ่งวิ่งกึ่งตะโกนของชัชชัย ดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้โจชัวที่ใช้กรรไกรตัดแต่งต้นไม้อยู่หยุดชะงักเพื่อรอฟังข่าวเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนจากก้มหน้า มายืนในท่าปกติ มือหนึ่งถอดถุงมือผ้าออกจากอีกข้าง ก่อนจะเปลี่ยนมาถอดอีกข้างหนึ่ง จากนั้นใช้หลังมือปาดเหงื่อเม็ดเล็กที่ซึมผุดออกมาจากใบหน้า แล้วรอฟังอย่างใจเย็นแฮ่ก แฮ่กเสียงหอบพร้อมกับเสียงสูดลมหายใจเข้าของชัชชัย ทำให้โจชัวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มันเรื่องอะไรที่ทำให้ลูกน้องของเขาวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นฟื้นแล้วครับ”“บอกแ

  • บ่วงแค้นพันธนาการรัก   บทที่ 8 ความจำเสื่อม

    3 ชั่วโมงผ่านไปบรืนน...เอี๊ยด...!เสียงรถคันหรูได้เคลื่อนเข้ามาจอดภายในคฤหาสน์ของตระกูลเพมเบอร์ตัน ซึ่งโจชัวได้ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่ต่างจังหวัด ที่ดินตรงนี้เป็นมรดกตกทอดมาหลายรุ่น มีพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ โดยส่วนใหญ่ ครอบครัวของเขาจะมารวมตัวกันทีนี้ปีละครั้ง เพื่อใช้พื้นที่ล่าสัตว์ป่า ทว่าในครั้งนี้มันต่างกันออกไป เขาไม่ได้มาล่าสัตว์ แต่มาเพื่อแก้แค้นคฤหาสน์ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงปกคลุมไปด้วยหมอกบาง ๆ ด้านซ้ายล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำขนาดใหญ่ ทางหลังบ้านปลูกดอกไม้เอาไว้ประมาณ 1 ไร่ เพราะโจลีนน้องสาวของเขานั้นชอบแม้ภายนอกจะดูหรูหรา ภายในคฤหาสน์นั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้ภายนอก โถงใหญ่มีเพดานสูงโอ่อ่าประดับด้วยโคมระย้า คริสตัลห้อยระยิบระยับ ผนังปูด้วยวอลเปเปอร์สีทองจาง ๆ พื้นที่ของคฤหาสน์นั้นดูกว้างขวางแต่กลับไม่มีใครอาศัยอยู่สักคน นอกจากคนสวนกับแม่บ้านประมาณ 10 กว่าคน แต่ทุกคนได้ไปอยู่เรือนคนใช้ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งกิโลเมตร“เชิญครับคุณโจชัว ภายในบ้านผมให้แม่บ้านทำความสะอาดและจัดห้องนอนไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ”ชัชชัยพูดพลางวิ่งไปเปิดประตูอีกฝั่งให้เจ้านาย พร้อมกับเอ่ยถามอีกครั้งว่า“

  • บ่วงแค้นพันธนาการรัก   บทที่ 7 จุดเริ่มต้นของการแก้แค้น

    1 เดือนผ่านไปตึก ตึก !เสียงเท้าเล็กที่ใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงสูงขนาด 3 นิ้ว ก้าวเดินมาเป็นจังหวะเนิบตามเดินตามข้างถนน วันนี้เป็นวันที่เธอเหนื่อยมาก เนื่องจากการประชุมที่บริษัท เธอทำออกมาด้ไม่ดีพอ แถมยังต้องโดนผู้เป็นมารดาต่อว่ากลับมาอีก ดารินใช้ชีวิตเป็นไอด้ามาได้ 1 เดือนเต็ม ไม่เคยมีวันไหนที่เธอได้ใช้ชีวิตเป็นตัวเอง ตั้งแต่ที่คนตัวเล็กก้าวขาเข้ามาในบ้านตระกูลไพศาลสกุลรัตน์ ความอึดอึดมันเริ่มถาโถมเข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่จบไม่สิ้น และดูเหมือนว่าวันนี้มันเลยขีดจำกัดของดารินแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงเดินออกมาจากบริษัทของไอด้า ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งทว่าในใจรู้สึกเศร้าจนถึงขีดสุด เธอเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางเดินมาตลอดเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว บรรยากาศโดยรอบแสงสว่างเริ่มเลือนหายไป ความมืดได้เริ่มคืบคลานเข้ามา จนกระทั่งฝนเริ่มลงเม็ดปรอย ๆ จากนั้นตกแรงขึ้นเรื่อย ๆซ่าส์ ซ่าส์ !เสียงฝนกระทบกับพื้นดิน เม็ดฝนใหญ่ ๆ สัมผัสกับใบหน้าเนียน นั่นทำให้ดารินเงยใบหน้าขึ้นมา สายตาเรียวกวาดมองไปรอบ ๆ พบว่าตัวเองเดินมาไกลจนไม่พบบ้านคนสักหลัง พื้นที่รอบ ๆ

  • บ่วงแค้นพันธนาการรัก   บทที่ 6 มีชีวิตใหม่ในคราบของคนอื่น

    ในห้องรับแขกของตระกูลไพศาลสกุลรัตน์ หลังจากที่คุณหญิงและไอรินออกไปแล้ว ดารินนั่งเงียบก้มหน้า ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมตั้งแต่วันแรกผู้เป็นแม่จึงดูเย็นชาและห่างเหินกับเธอเช่นนี้ ท่าทีของมารดาเหมือนละครหลังข่าวที่แม่เลี้ยงมักตั้งแง่ใส่ลูกเลี้ยง“คุณดารินคะ เดี๋ยวไปที่ห้องของคุณไอด้าเลยค่ะ” ทิพย์ เลขาส่วนตัวของบ้าน พูดขึ้น พร้อมส่งสัญญาณให้เจ้หยาดกับลูกน้องตามไปด้วย “ทำไมต้องไปที่ห้องของพี่ไอด้าด้วยล่ะคะ” ดารินถามด้วยความสงสัย เธอไม่อยากจะบุกรุกห้องของคนอื่น “นับจากนี้ ทิพย์จะเรียกคุณดารินว่า ‘คุณไอด้า’ นะคะ เพื่อให้คุณซึมซับความเป็นคุณไอด้าได้เร็วที่สุด คุณต้องเข้าไปอยู่ในห้องและดูวิถีชีวิตของเจ้าของห้อง จะได้ไม่มีข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลค่ะ”ดารินพยักหน้าเบา ๆ “ค่ะ เรียกได้เลย เพราะชีวิตฉันไม่เคยเป็นของตัวเองอยู่แล้ว” เธอตัดพ้อ ก่อนก้าวเท้าไปยังห้องนอนของพี่สาว เมื่อมาถึงห้องสุดหรูของไอด้า ห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้า โทนสีเข้ม เฟอร์นิเจอร์เป็นระเบียบ เตียงคิงส์ไซส์ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง ห้องกว้

  • บ่วงแค้นพันธนาการรัก   บทที่ 5 ปฏิบัติการแปลงโฉมดารินให้กลายเป็นสาวมั่น

    กริ้ง!เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้งที่ประตูบ้านหรูหราสไตล์คลาสสิก หน้าบ้านมีเหล่าสาวประเภทสองที่รูปร่างกำยำแต่ใจเป็นหญิงสองคน และลูกน้องสาวอีกหกคนยืนเรียงกันเป็นแถว สีหน้าบ่งบอกถึงความตื่นเต้นและสงสัยในงานที่ได้รับ“เจ้ เรามาแต่งให้ใครกันเนี่ย ขนกันมาเยอะขนาดนี้ จ้างแต่งหน้ากี่คนกันนะ” เจน ลูกน้องคนสนิทของเจ้หยาดเอ่ยขึ้นเสียงเบา ดวงตาเป็นประกาย ตื่นเต้นเมื่อคิดถึงค่าจ้างที่ได้รับ ซึ่งมากกว่าทำงานทั้งเดือนเสียอีก “จุ๊ ๆ ฟังนะพวกเธอ ห้ามแพร่งพรายอะไรไปเด็ดขาด งานนี้มันความลับของตระกูลเขา ถ้าพูดมากระวังตายไม่มีศพนะ” เจ้หยาดบอกอย่างจริงจัง น้ำเสียงนิ่ง แต่ทว่ามีประกายความขบขันในแววตา แอบปรายตาไปทางลูลู่ เพื่อนซี้หุ้นส่วนร้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เอ้า! อีเจ้นี่หมายความว่าไง ว่าฉันปากหมางั้นเหรอ!!! แหม ยุ่งหน่อยก็ตายไม่มีศพเหมือนกันทั้งนั้นแหละ” ลูลู่รีบตอบพลางจีบปากจีบคอ หันมองเพื่อนรักแบบประชดประชัน “อ้าวอีลูลู่!”“ว่าไงล่ะ อีเจ้!”สองสาวประเภทสองเริ่มโต้เถียงกันเสียงดังอย่างที่ทำให้ลูกน้องพากันถอนหายใจไปตาม ๆ กัน ก็เรื่องปากนี่แหละที่ทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้กันมาได้“เจ้ ๆ ค

  • บ่วงแค้นพันธนาการรัก   บทที่ 4 ไม่ใช่อย่างที่คิด

    “สวัสดีค่ะ คุณหญิงลดา คุณหนูไอริน” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ดารินหันไปมอง นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจ้องไปยังมารดาผู้ให้กำเนิด ความรู้สึกวูบไหวแล่นเข้ามาในใจเธอโดยไม่อาจห้าม คุณหญิงลดาเพียงปรายตามองลูกสาวที่พลัดพรากไปนานถึง 24 ปี ใบหน้าของดารินเหมือนกับไอด้า ลูกสาวคนโตแทบจะถอดแบบกันออกมา แต่สิ่งที่ต่างคือแววตา ไอด้ามีแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเด็ดเดี่ยว ผิดกับดารินที่แววตาดูอ่อนแอและไม่กล้าสู้ใคร“อ้าว คุณกลับมาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ มานั่งใกล้ ๆ” เกรียงไกรส่งยิ้มพร้อมผายมือเชื้อเชิญภรรยาของเขาให้นั่งข้างดาริน “ผมดีใจจริงๆ ที่ครอบครัวเราได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”“ไม่ล่ะ ฉันจะนั่งกับไอริน แค่เห็นหน้าก็พอแล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของคุณหญิงลดาทำให้ดารินนั่งตัวแข็ง เธอพยายามบังคับใจให้สงบ แม้ลึก ๆ แล้วรู้สึกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการ“เอาล่ะๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งข้างลูกเอง” เกรียงไกรยิ้มบาง พลางส่งสายตาปลอบใจดารินขณะนั่งลงข้างเธอ “วันนี้ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารเยอะแยะเลยนะ จะได้ฉลองที่เราได้ลูกกลับมา”“โอ้ย จะฉลองอะไรคุณ เวลานี้มันใช่เวลาฉลองไหม ไ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status