Mag-log in“สวัสดีค่ะ คุณหญิงลดา คุณหนูไอริน”
เสียงของสาวใช้ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ดารินหันไปมอง นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจ้องไปยังมารดาผู้ให้กำเนิด ความรู้สึกวูบไหวแล่นเข้ามาในใจเธอโดยไม่อาจห้าม คุณหญิงลดาเพียงปรายตามองลูกสาวที่พลัดพรากไปนานถึง 24 ปี ใบหน้าของดารินเหมือนกับไอด้า ลูกสาวคนโตแทบจะถอดแบบกันออกมา แต่สิ่งที่ต่างคือแววตา ไอด้ามีแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเด็ดเดี่ยว ผิดกับดารินที่แววตาดูอ่อนแอและไม่กล้าสู้ใคร “อ้าว คุณกลับมาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ มานั่งใกล้ ๆ” เกรียงไกรส่งยิ้มพร้อมผายมือเชื้อเชิญภรรยาของเขาให้นั่งข้างดาริน “ผมดีใจจริงๆ ที่ครอบครัวเราได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง” “ไม่ล่ะ ฉันจะนั่งกับไอริน แค่เห็นหน้าก็พอแล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของคุณหญิงลดาทำให้ดารินนั่งตัวแข็ง เธอพยายามบังคับใจให้สงบ แม้ลึก ๆ แล้วรู้สึกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการ “เอาล่ะๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งข้างลูกเอง” เกรียงไกรยิ้มบาง พลางส่งสายตาปลอบใจดารินขณะนั่งลงข้างเธอ “วันนี้ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารเยอะแยะเลยนะ จะได้ฉลองที่เราได้ลูกกลับมา” “โอ้ย จะฉลองอะไรคุณ เวลานี้มันใช่เวลาฉลองไหม ไอด้ายังนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ได้สติ ส่วนบริษัทของลูกก็มีปัญหา จะให้ฉลองไปกับใครกันแน่ อยากฉลองก็ฉลองกับลูกคนใหม่ไปเถอะ” น้ำเสียงฉุนเฉียวของคุณหญิงลดากระทบจิตใจดารินอย่างหนัก เธอได้แต่นั่งก้มหน้า ข่มน้ำตาที่จุกอกไม่ให้ไหลออกมา คำพูดเหล่านั้นเป็นดั่งการตอกย้ำว่าผู้เป็นแม่อาจไม่เคยมีความรักให้เธอเลย “คุณแม่คะ ไหน ๆ ก็อยู่พร้อมหน้าแล้ว ทานข้าวด้วยกันก่อนเถอะค่ะ” ไอรินพูดพลางนวดไหล่ให้ผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน คุณหญิงลดาที่ฟังคำลูกสาวคนโปรดก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที “ก็ได้จ้ะ คนดีของแม่” ดารินมองการกระทำและน้ำเสียงของมารดาที่ต่างจากตอนที่คุยกับเธอจนอดน้อยใจไม่ได้ คำถามในใจดังขึ้นเรื่อยๆ ว่าการกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันครั้งนี้ใช่เรื่องที่เธอควรทำหรือไม่ “แม่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ให้เวลาเขาหน่อยนะ” เกรียงไกรกระซิบปลอบดารินพร้อมตบไหล่เบาๆ ดารินฝืนยิ้มจางๆ พลางก้มหน้าอีกครั้งอย่างไม่รู้จะตอบรับอย่างไร ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน บรรยากาศภายในห้องเงียบงันจนชวนอึดอัด เกรียงไกรจึงเปิดประเด็นขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะมีงานเลี้ยงของบริษัท จะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่และบริษัทคู่แข่งมาร่วม ผมคิดว่าเราควรใช้โอกาสนี้เปิดตัวดารินเป็นลูกสาวคนที่สามของตระกูลไพศาล” คุณหญิงลดาทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ค่ะ ฉันจะยังไม่เปิดตัว จนกว่าไอด้าจะฟื้น” “ทำไมล่ะครับ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี คนจะได้รู้ว่าลูกของเราอยู่ครบ และดารินจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะสมาชิกตระกูลไพศาล” “ทำไมคุณคิดถึงแต่ดาริน ไม่คิดถึงไอด้าบ้างหรือคะ ลูกของเรายังไม่ฟื้น บริษัทของเขาก็มีปัญหา น้ำพักน้ำแรงของเขาเอง ฉันจะไม่ยอมให้มันล่มเพราะเราไม่เตรียมการให้ดี” เกรียงไกรนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงอ่อนลง “ผมไม่ได้ไม่คิดถึงไอด้าเลยนะคุณ แต่ดารินก็เป็นลูกของเราเหมือนกัน คุณมีความเห็นอย่างไรเสนอผมมาได้เลย” ลดาจ้องมองเกรียงไกรด้วยแววตาเย็นชา เธอลอบมองดารินแวบหนึ่ง “ฉันมีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง” “อะไรล่ะคุณ หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องที่มันผิดไปมากกว่านี้…” “ให้ดารินใช้ชีวิตเป็นไอด้าไปก่อนเพื่อประคับประคองบริษัท จนกว่าไอด้าจะฟื้น” ลดากล่าวด้วยเสียงแน่วแน่ไร้ความลังเล “คุณจะบ้าเหรอ จะให้ดารินปลอมเป็นไอด้าน่ะเหรอ อีกอย่าง คุณไม่คิดจะถามลูกก่อนหรือว่าเขายินดีไหม” “ไม่มีใครรู้หรอกว่าดารินไม่ใช่ไอด้า หน้าตาเธอก็เหมือนกันขนาดนี้ ถ้าแค่นี้เธอทำไม่ได้ก็คงจะอกตัญญูเต็มทีแล้ว” เกรียงไกรเผลอขึ้นเสียงอย่างเก็บความโกรธไม่อยู่ “ว่าไง ถ้าพ่อเธอบอกให้ฉันถามความเห็น ฉันก็จะถาม เธอยินดีไหมล่ะ ที่จะใช้ชีวิตเป็นไอด้า” ดารินนิ่งงัน เธอมองหน้ามารดาด้วยความรู้สึกหลากหลาย พูดไม่ออก ทำได้เพียงกล้ำกลืนทุกอย่างไว้ในใจณ สวนหลังบ้านคฤหาสน์เพมเบอร์ตันดอกทิวลิปหลากสีบานสะพรั่งท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ของยามเช้า สวนทิวลิปทอดยาวไปจนสุดสายตาในพื้นที่จำนวน 1 ไร่ของบริเวณหลังบ้าน ดอกสีแดงสดของดอกทิวลิปตัดกับสีเหลืองสดใสขาวบริสุทธิ์ และชมพูอ่อน ทั้งหมดเรียงรายกันเป็นแถว กลิ่นหอมของดอกไม้ถูกลมพัดเบา ๆ นำพาความสดชื่นไปทั่วบริเวณ สวนดอกไม้แห่งนี้เป็นสวนดอกไม้ในฝันของโจลีนน้องสาวของเขา ทว่าน่าเสียดายที่น้องสาวของเขาไม่มีโอกาสได้เห็นสวนแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว“คุณโจชัวครับ คุณโจชัว!!”เสียงกึ่งวิ่งกึ่งตะโกนของชัชชัย ดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้โจชัวที่ใช้กรรไกรตัดแต่งต้นไม้อยู่หยุดชะงักเพื่อรอฟังข่าวเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนจากก้มหน้า มายืนในท่าปกติ มือหนึ่งถอดถุงมือผ้าออกจากอีกข้าง ก่อนจะเปลี่ยนมาถอดอีกข้างหนึ่ง จากนั้นใช้หลังมือปาดเหงื่อเม็ดเล็กที่ซึมผุดออกมาจากใบหน้า แล้วรอฟังอย่างใจเย็นแฮ่ก แฮ่กเสียงหอบพร้อมกับเสียงสูดลมหายใจเข้าของชัชชัย ทำให้โจชัวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มันเรื่องอะไรที่ทำให้ลูกน้องของเขาวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว“ว่ามา”“ผู้หญิงคนนั้นฟื้นแล้วครับ”“บอกแ
3 ชั่วโมงผ่านไปบรืนน...เอี๊ยด...!เสียงรถคันหรูได้เคลื่อนเข้ามาจอดภายในคฤหาสน์ของตระกูลเพมเบอร์ตัน ซึ่งโจชัวได้ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่ต่างจังหวัด ที่ดินตรงนี้เป็นมรดกตกทอดมาหลายรุ่น มีพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ โดยส่วนใหญ่ ครอบครัวของเขาจะมารวมตัวกันทีนี้ปีละครั้ง เพื่อใช้พื้นที่ล่าสัตว์ป่า ทว่าในครั้งนี้มันต่างกันออกไป เขาไม่ได้มาล่าสัตว์ แต่มาเพื่อแก้แค้นคฤหาสน์ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงปกคลุมไปด้วยหมอกบาง ๆ ด้านซ้ายล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำขนาดใหญ่ ทางหลังบ้านปลูกดอกไม้เอาไว้ประมาณ 1 ไร่ เพราะโจลีนน้องสาวของเขานั้นชอบแม้ภายนอกจะดูหรูหรา ภายในคฤหาสน์นั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้ภายนอก โถงใหญ่มีเพดานสูงโอ่อ่าประดับด้วยโคมระย้า คริสตัลห้อยระยิบระยับ ผนังปูด้วยวอลเปเปอร์สีทองจาง ๆ พื้นที่ของคฤหาสน์นั้นดูกว้างขวางแต่กลับไม่มีใครอาศัยอยู่สักคน นอกจากคนสวนกับแม่บ้านประมาณ 10 กว่าคน แต่ทุกคนได้ไปอยู่เรือนคนใช้ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบหนึ่งกิโลเมตร“เชิญครับคุณโจชัว ภายในบ้านผมให้แม่บ้านทำความสะอาดและจัดห้องนอนไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ”ชัชชัยพูดพลางวิ่งไปเปิดประตูอีกฝั่งให้เจ้านาย พร้อมกับเอ่ยถามอีกครั้งว่า“
1 เดือนผ่านไปตึก ตึก !เสียงเท้าเล็กที่ใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงสูงขนาด 3 นิ้ว ก้าวเดินมาเป็นจังหวะเนิบตามเดินตามข้างถนน วันนี้เป็นวันที่เธอเหนื่อยมาก เนื่องจากการประชุมที่บริษัท เธอทำออกมาด้ไม่ดีพอ แถมยังต้องโดนผู้เป็นมารดาต่อว่ากลับมาอีก ดารินใช้ชีวิตเป็นไอด้ามาได้ 1 เดือนเต็ม ไม่เคยมีวันไหนที่เธอได้ใช้ชีวิตเป็นตัวเอง ตั้งแต่ที่คนตัวเล็กก้าวขาเข้ามาในบ้านตระกูลไพศาลสกุลรัตน์ ความอึดอึดมันเริ่มถาโถมเข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่จบไม่สิ้น และดูเหมือนว่าวันนี้มันเลยขีดจำกัดของดารินแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงเดินออกมาจากบริษัทของไอด้า ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งทว่าในใจรู้สึกเศร้าจนถึงขีดสุด เธอเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางเดินมาตลอดเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว บรรยากาศโดยรอบแสงสว่างเริ่มเลือนหายไป ความมืดได้เริ่มคืบคลานเข้ามา จนกระทั่งฝนเริ่มลงเม็ดปรอย ๆ จากนั้นตกแรงขึ้นเรื่อย ๆซ่าส์ ซ่าส์ !เสียงฝนกระทบกับพื้นดิน เม็ดฝนใหญ่ ๆ สัมผัสกับใบหน้าเนียน นั่นทำให้ดารินเงยใบหน้าขึ้นมา สายตาเรียวกวาดมองไปรอบ ๆ พบว่าตัวเองเดินมาไกลจนไม่พบบ้านคนสักหลัง พื้นที่รอบ ๆ
ในห้องรับแขกของตระกูลไพศาลสกุลรัตน์ หลังจากที่คุณหญิงและไอรินออกไปแล้ว ดารินนั่งเงียบก้มหน้า ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมตั้งแต่วันแรกผู้เป็นแม่จึงดูเย็นชาและห่างเหินกับเธอเช่นนี้ ท่าทีของมารดาเหมือนละครหลังข่าวที่แม่เลี้ยงมักตั้งแง่ใส่ลูกเลี้ยง“คุณดารินคะ เดี๋ยวไปที่ห้องของคุณไอด้าเลยค่ะ” ทิพย์ เลขาส่วนตัวของบ้าน พูดขึ้น พร้อมส่งสัญญาณให้เจ้หยาดกับลูกน้องตามไปด้วย “ทำไมต้องไปที่ห้องของพี่ไอด้าด้วยล่ะคะ” ดารินถามด้วยความสงสัย เธอไม่อยากจะบุกรุกห้องของคนอื่น “นับจากนี้ ทิพย์จะเรียกคุณดารินว่า ‘คุณไอด้า’ นะคะ เพื่อให้คุณซึมซับความเป็นคุณไอด้าได้เร็วที่สุด คุณต้องเข้าไปอยู่ในห้องและดูวิถีชีวิตของเจ้าของห้อง จะได้ไม่มีข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลค่ะ”ดารินพยักหน้าเบา ๆ “ค่ะ เรียกได้เลย เพราะชีวิตฉันไม่เคยเป็นของตัวเองอยู่แล้ว” เธอตัดพ้อ ก่อนก้าวเท้าไปยังห้องนอนของพี่สาว เมื่อมาถึงห้องสุดหรูของไอด้า ห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้า โทนสีเข้ม เฟอร์นิเจอร์เป็นระเบียบ เตียงคิงส์ไซส์ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง ห้องกว้
กริ้ง!เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้งที่ประตูบ้านหรูหราสไตล์คลาสสิก หน้าบ้านมีเหล่าสาวประเภทสองที่รูปร่างกำยำแต่ใจเป็นหญิงสองคน และลูกน้องสาวอีกหกคนยืนเรียงกันเป็นแถว สีหน้าบ่งบอกถึงความตื่นเต้นและสงสัยในงานที่ได้รับ“เจ้ เรามาแต่งให้ใครกันเนี่ย ขนกันมาเยอะขนาดนี้ จ้างแต่งหน้ากี่คนกันนะ” เจน ลูกน้องคนสนิทของเจ้หยาดเอ่ยขึ้นเสียงเบา ดวงตาเป็นประกาย ตื่นเต้นเมื่อคิดถึงค่าจ้างที่ได้รับ ซึ่งมากกว่าทำงานทั้งเดือนเสียอีก “จุ๊ ๆ ฟังนะพวกเธอ ห้ามแพร่งพรายอะไรไปเด็ดขาด งานนี้มันความลับของตระกูลเขา ถ้าพูดมากระวังตายไม่มีศพนะ” เจ้หยาดบอกอย่างจริงจัง น้ำเสียงนิ่ง แต่ทว่ามีประกายความขบขันในแววตา แอบปรายตาไปทางลูลู่ เพื่อนซี้หุ้นส่วนร้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เอ้า! อีเจ้นี่หมายความว่าไง ว่าฉันปากหมางั้นเหรอ!!! แหม ยุ่งหน่อยก็ตายไม่มีศพเหมือนกันทั้งนั้นแหละ” ลูลู่รีบตอบพลางจีบปากจีบคอ หันมองเพื่อนรักแบบประชดประชัน “อ้าวอีลูลู่!”“ว่าไงล่ะ อีเจ้!”สองสาวประเภทสองเริ่มโต้เถียงกันเสียงดังอย่างที่ทำให้ลูกน้องพากันถอนหายใจไปตาม ๆ กัน ก็เรื่องปากนี่แหละที่ทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้กันมาได้“เจ้ ๆ ค
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงลดา คุณหนูไอริน” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ดารินหันไปมอง นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจ้องไปยังมารดาผู้ให้กำเนิด ความรู้สึกวูบไหวแล่นเข้ามาในใจเธอโดยไม่อาจห้าม คุณหญิงลดาเพียงปรายตามองลูกสาวที่พลัดพรากไปนานถึง 24 ปี ใบหน้าของดารินเหมือนกับไอด้า ลูกสาวคนโตแทบจะถอดแบบกันออกมา แต่สิ่งที่ต่างคือแววตา ไอด้ามีแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเด็ดเดี่ยว ผิดกับดารินที่แววตาดูอ่อนแอและไม่กล้าสู้ใคร“อ้าว คุณกลับมาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ มานั่งใกล้ ๆ” เกรียงไกรส่งยิ้มพร้อมผายมือเชื้อเชิญภรรยาของเขาให้นั่งข้างดาริน “ผมดีใจจริงๆ ที่ครอบครัวเราได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”“ไม่ล่ะ ฉันจะนั่งกับไอริน แค่เห็นหน้าก็พอแล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของคุณหญิงลดาทำให้ดารินนั่งตัวแข็ง เธอพยายามบังคับใจให้สงบ แม้ลึก ๆ แล้วรู้สึกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการ“เอาล่ะๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งข้างลูกเอง” เกรียงไกรยิ้มบาง พลางส่งสายตาปลอบใจดารินขณะนั่งลงข้างเธอ “วันนี้ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารเยอะแยะเลยนะ จะได้ฉลองที่เราได้ลูกกลับมา”“โอ้ย จะฉลองอะไรคุณ เวลานี้มันใช่เวลาฉลองไหม ไ







![เมียแต่ง [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)