"หยุดพูดเลยนะ ไปอาบน้ำฉันหิวแล้ว" หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอีกครั้ง แต่สำหรับนักรบแล้วเธอช่างน่ารักน่าทะนุถนอม
"ว้าว! คุณอยากกินผมอีกแล้วเหรอ ดีจัง" นักรบพูดออกมาพร้อมกับแกล้งโน้มใบหน้าลงต่ำ เหมือนพร้อมจะจู่โจมภรรยาสาวระยะเผาขน จนเธอนั้นมีทีท่าหวาดกลัวเขาขึ้นมา นั่นเป็นเพราะว่านารีรู้สึกระบมช่วงล่างจนไม่อาจให้เขาใช้ท่อนเอ็นร้อนสอดเข้าไปในช่องแคบเธอได้อีกแล้ว เพราะช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาเธอรับศึกหนักเกินกว่า ที่จะต้านทานแม่ทัพอย่างนักรบได้ และมันคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะหายดี
"ฉะ ฉะ ฉันหมายถึงหิวข้าว" นารีพูดจาติดอ่างออกมาจนนักรบเริ่มสงสัย ทำไมเธอถึงมีท่าทีกลัวเขามากขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าเธอก็เพิ่งแสดงออกมาว่าชอบใจ และยังโอบกอดชิดใกล้เขาอยู่เลย
"เป็นอะไรหรือเปล่า คุณเจ็บใช่ไหมนารี เมื่อคืนผมเผลอรุนแรงไปหรือเปล่า ไหนขอดูหน่อย" นักรบพูดพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ยังโป๊เปลือย
"ว้าย! ไม่เอา! คุณรีบไปอาบน้ำ แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยเลยนะ" นารีพูดพร้อมกับทำตาเล็กตาน้อยไม่กล้ามองออกไป และขาของเธอยังหนีบเข้าหากันไว้ เพราะกลัวว่านักรบนั้น จะทำเหมือนดั่งคำพูดเมื่อครู่ อยู่ๆ เขาจะมาขอดูกลีบกุหลาบงามของเธอได้อย่างไร
"ไปอาบด้วยกัน" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหันตัวเข้าหาภรรยาสาว ก่อนจะก้มลงไปช้อนร่างเธอขึ้นมา
"ว้าย! คุณ!" สิ้นเสียงพูดของนักรบ ร่างอรชรของนารีได้ลอยลิ่วขึ้นกลางอากาศ อยู่ระหว่างลำแขนทั้งสองข้างของนักรบในท่าเจ้าสาวที่เปลือยเปล่า จนเธอนั้นไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาเปรียบเทียบดีให้กับความอายของตัวเองที่มีในเวลานี้
พอไปถึงนักรบจัดการเปิดน้ำใส่อ่างที่สามารถเข้าไปนอนแช่สองคนได้อย่างเหมาะเจาะพอเหมาะพอดี จนนารีรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อชายร่างกำยำคอยบีบคลำนวดให้เธออย่างเบามือ ซึ่งเธอยอมรับว่ารู้สึกดี และนี่มันคือครั้งแรกและเขาคือผู้ชายคนแรกในชีวิต ที่เดินเข้ามาแล้วทำให้เธอดูมีคุณค่า เวลาที่นารีอยู่กับนักรบ เขามักทำให้เธอนั้นรู้สึกเหมือนได้เป็นเจ้าหญิงทุกครั้ง
"สบายตัวขึ้นไหม ขอโทษนะที่ทำรุนแรงไป" นักรบพูดพร้อมกับกดจุมพิตลงไปที่แผ่นหลังเปลือยของนารีเบาๆ ทั้งสองคงเกิดมาเพื่อกันและกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตากำหนด หรือพวกเขาทั้งสองตั้งใจที่จะเชื่อมกันตั้งแต่แรก แต่ที่แน่ๆ สายใยรักที่กำลังก่อขึ้นนี้ ทั้งสองคนไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันคือความรักที่บริสุทธิ์ ภายใต้เงื่อนไขและเรื่องราวมากมายในอดีต ปมแค้นได้นำพาให้เขาและเธอมาพบกัน แต่นี่มันคือการเริ่มต้น
รวีนั่งรอนักรบเกือบชั่วโมง เวลานี้เธอรู้สึกร้อนใจ เมื่อไม่มีทีท่าว่าชายหนุ่มนั้นจะลงมาสักที และดูเหมือนว่าคนในบ้านหลังนี้ จะไม่ค่อยใส่ใจกับแขกที่มาเยือนสักเท่าไร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งรวีสนใจ เมื่อจุดประสงค์ของเธอคือชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ต่างหาก
"นี่หล่อน! เมื่อไหร่คุณอาร์มันโด้จะลงมาสักที ฉันรอเป็นชั่วโมงแล้วนะ แล้วนังนารีหายหน้าไปไหน อย่าบอกนะว่ามาอยู่บ้านนี้ แล้วนิ่งดูดายตื่นสายเป็นประจำ ก็อย่างว่าคนเคยอยู่แต่ก้นครัว พอได้ถ้าเป็นคุณนายหน่อยก็ทำเป็นเหมือนพวกกิ้งก่าได้ทองสิท่า" รวีพูดออกมาเหยียดยาวเป็นหางว่าว จนป้านวลที่เดินผ่านมาได้ยินพอดี นางรู้สึกไม่พอใจ เพราะนารีไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น และเธอก็ไม่เคยทำกิริยาแบบนี้ ที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนผู้หญิงที่ได้รับการอบรมมาเลยสักนิด
"คุณควรให้เกียรติเจ้าของบ้าน ไม่ควรเอามานินทาลับหลังแบบนี้ คุณนารีเป็นนายหญิงที่นี่ ทุกคนให้ความเคารพเธอไม่ต่างจากคุณอาร์มันโด้หรอกนะ" เมื่อป้านวลพูดกับหญิงสาวที่ไม่สนิทด้วย เธอจะเรียกชื่อเจ้าของบ้านในนามของอาร์มันโด้
"อุ้ย! ฉันได้ข่าวว่าป้าก็เป็นขี้ข้าบ้านหลังนี้ไม่ใช่เหรอ คำพูดคำจาหัดเจียมซะบ้าง ว่ากำลังพูดกับใคร" รวีพูดออกมาพร้อมกับแสยะยิ้มส่งไปให้ป้านวลอย่างเหยียดๆ
"ใช่ค่ะ แต่คุณนารีก็ไม่เคยจิกหัวใช้พวกเรา เพราะเธอนั้นมีคุณสมบัติของผู้ดีพอ" คำพูดของป้านวลทำให้รวีถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง จนหญิงสูงวัยทำหน้าเอือมระอา ในกิริยาของหล่อน
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! นังนารีมันคงไม่กล้าจิกหัวใช้พวกเดียวกันหรอกนะป้า” รวียังคงพูดและหัวเราะออกมาเสียงดัง ส่วนป้านวลถึงกลับใช้สายตามองค้อนออกไป ไม่อยากเชื่อว่านารีและรวีจะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ทั้งนิสัยใบหน้าทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว อีกคนเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ส่วนอีกคนเหมือนผ้ายับที่ไม่เคยได้รับการรีดให้เรียบ หรือต่อให้รีดสักกี่ครั้งก็คงไม่เรียบ เพราะผ้ามันยับมาจากเส้นด้ายที่ถักทอ
"ต้องขอบคุณสวรรค์ที่คัดสรรคนดีๆ อย่างคุณนารีเข้ามาเป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้ ไม่อย่างนั้นละก็.." ป้านวลไม่พูดต่อ แต่ใช้หางตาสื่อความหมายแทน จนรวีนั้นมองหญิงสูงวัยกลับไปด้วยสายตาที่โกรธแค้น ทั้งที่ทั้งสองไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน แต่กลับแสดงออกทางสายตาและคำพูดเหมือนกับเป็นศัตรูกันมาสิบชาติ นั่นเป็นเพราะว่าป้านวลพอจะเดาออกถึงวัตถุประสงค์การมาของรวี เพราะข่าวในทีวีและหนังสือพิมพ์ทุกฉบับได้ลงป่าวประกาศไปทั่ว ภรรยาของอาร์มันโด้นักธุรกิจหนุ่มรูปงามได้ควงภรรยาไปเปิดตัว
ในงานกลางเวทีความจริงภาพนั้นน่าจะเป็นนารีแต่ทำไมถึงเป็นรวีไปได้ ป้านวลได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ รอให้นักรบลงมาอธิบายและแน่นอนเขาควรจะชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน เมื่อภรรยาตัวจริงได้หนีออกมาจากงาน และมีใครบางคนรีบเข้าไปสวมรอยช่างหน้าไม่อาย
นักรบเดินโอบนารีเดินลงบันไดมา ทำให้สายตาของรวีมองออกไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาในตัวของน้องสาว เมื่อชายหนุ่มที่หมายมั่นปั้นมือจะเอามาแนบกาย แต่เขากับมุ่งเป้าหมายไปที่นารี ซึ่งมองยังไงก็จืดชืดเหมือนแกงจืดไม่มีรสชาติ สู้แกงเผ็ดอย่างเธอก็ไม่ได้ ระวีก็เชื่อว่าหากชายหนุ่มได้ชิมแค่เพียงครั้ง หล่อนจะทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำจนลืมแกงจืดถ้วยเก่า และไม่อยากหันไปลิ้มลองแตะต้องมันอีกเลยชั่วชีวิต
"สวัสดีค่ะคุณอาร์มันโด้ สวัสดีจ้ะนารีน้องรัก" คำทักทายที่ฟังดูธรรมดา แต่มีนัยแอบแฝงมากมาย ที่นารีนั้นคาดเดาไม่ได้ เพราะคนอย่างรวีไม่มีทางที่จะเป็นมิตรกับเธออย่างแน่นอน
"สวัสดีค่ะพี่รวี วันนี้พี่มีธุระอะไรกับนาหรือเปล่าคะ ถึงได้แวะมาที่นี่ได้" นารีพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ สามีหนุ่มของเธอ ในขณะที่สายตาของรวีฉายแววมองไปที่นารี ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอก็ไม่ปาน
"วันนี้รวีมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณอาร์มันโด้ ข่าวพวกนั้นตีแผ่ไปทั่วจนรวีอยู่ที่บ้านกะสิเทพไม่ได้ เพราะมีนักข่าวไปดักรอ และพวกเขาคิดว่ารวีเป็นภรรยาของคุณ กว่าจะออกมาจากบ้านได้ รวีต้องพูดยอมรับไปก่อน แต่ตอนนี้เรื่องราวมันชักจะบานปลายไปใหญ่แล้ว" รวีพูดออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอกำลังพยายามแสดงละครตบตาเจ้าของบ้าน ทำเป็นเหมือนเสียใจ กับเรื่องราวที่เธอนั้นเป็นคนให้ข่าวไป เหตุผลเพราะจำใจ ต้องตามน้ำไปก่อนแล้วค่อยมาแก้เอาภายหลัง
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร