บ้านของนักรบ เวลานี้ช่างเงียบสงบ ทั้งที่นารีเพิ่งออกไปจากบ้านไม่กี่ชั่วโมง แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกของนักรบที่มีนั้นไม่ต่างจากการได้พลัดพรากลาจากภรรยาไปเป็นแรมปี
"นายน้อยผมมีข่าวดีมาบอก!" เสียงของเจสันดูตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง ไม่สินี่เป็นครั้งแรกที่เจสันพูดจาตะโกนเสียงดังลั่นบ้านออกมาแบบนี้
"มีอะไรแค่ให้ไปยกเลิกออเดอร์ไอศกรีมไว้ก่อนแค่นี้ ที่ร้านมีปัญหามากเลยเหรอ หรือถ้ามันเกิดความเสียหายเขาทำไว้แล้วก็แค่จ่ายเงินเขาไปก็สิ้นเรื่อง ถ้านารีกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะกลับไปสั่งเพิ่ม เพราะเธอชอบกิน" นักรบยังคงพูดออกไปอย่างรำคาญ พร้อมกับยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม ในขณะที่กำลังใช้ความคิดสำหรับแผนการที่จะพิชิตใจนารี เพื่อพาเธอกลับมาให้ได้
"ดื่มเข้าไปสิครับ ถ้ามันทำให้ลูกกับเมียนายน้อยกลับมา" คำพูดของเจสันทำให้นักรบวางแก้วลง ลูกกับเมียอย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไง
"ลูกกับเมีย นายพูดออกมาแบบนี้หมายความว่ายังไงเจสัน" คราวนี้นักรบหันมาเค้นเอาคำตอบจากเจสัน ที่นั่งอยู่ข้างๆ ในทันที
"ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับนายน้อย เมื่อกี้ผมพึ่งเจอรวีที่ร้านไอศกรีม พร้อมกับสาวใช้คนสนิทของเธอ นางได้เผลอปากพูดออกมาว่าทำไมคุณนารีตั้งท้องต้องกินโยเกิร์ตคลุกกับทูน่าและข้าวสวยด้วย" นักรบตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของเจสันด้วยหัวใจที่เต้นแรง เมื่อเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่สีหน้าของชายหนุ่มกลับเปลี่ยนไป เมื่อเขาพลั้งลงมือทำร้ายจิตใจของนารี โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยากที่เธอนั้นจะให้อภัยเขาได้อย่างแน่นอน เมื่อหญิงสาวเข้าใจผิดคิดว่าเขานั้นกลับไปคืนดีกับเทเรซ่า ทั้งที่ภาพเหล่านั้นมันเป็นเพียงแค่การแสดง เพื่อให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ
"ลูก... หึหึ... ฉันกำลังจะมีลูก แต่นารีกลับไม่ปริปากบอกฉันสักคำ ฉันทำอะไรลงไปเจสัน ทำไมฉันต้องทำให้ผู้หญิงที่แสนดีอย่างนารีเจ็บปวดด้วย" คราวนี้น้ำตาของลูกผู้ชายอกสามศอกได้ไหลออกมาอย่างไม่อาย เมื่อเขาได้ทำลายความเชื่อใจที่นารีมีให้ไปจนสิ้น ต่อจากนี้ไปเธอคงไม่มอบหัวใจดวงน้อยมาให้เขาดูแลอีกแล้ว เพราะก่อนจากไปเธอได้พูดคำนั้นออกมา เธอทำเหมือนว่าไม่มีเยื่อใยด้วยซ้ำ เมื่อนารีขอใจคืนกลับไปดูแลเอ
"เรามาคิดหาวิธีง้อเมียกันดีกว่านายน้อย ตอนนี้รวีก็มีท่าทีไม่อยากพูดจากับผม ซึ่งปกติเธอก็ไม่ได้ชอบหน้าผมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งนับวันเธอก็ทำเหมือนกับว่าผมนั้นเป็นตัวน่ารังเกียจมากขึ้น" เวลานี้สองหนุ่ม เจ้านายกับลูกน้องกำลังนั่งปรับทุกข์หาทางออกเรื่องภรรยา ในขณะที่ป้านวลเดินผ่านมาได้ยินเรื่องราวทั้งหมดพอดี นางยืนฟังพร้อมกับแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ
"เป็นยังไงบ้างล่ะ สิ่งที่ป้าเคยเตือนเคยบอกเอาไว้ คุณหนูเคยฟังบ้างไหม เมียหอบลูกในท้องหนี สมควรแล้วเจ้ากี้เจ้าการวางแผนดีนัก" ป้านวลพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ นักรบ เพราะรู้สึกหมั่นไส้มากกว่าสงสาร ที่ชายหนุ่มนั้นทำให้นารีเสียใจ ทั้งที่เธอนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
"โธ่! แม่นวลครับ แม่นวลต้องช่วยผม หนูนาไม่เชื่อใครนอกจากแม่นวล แม่นวลช่วยไปเจรจากับเธอให้ผมทีนะครับ" น้ำเสียงกับใบหน้าของนักรบช่างขัดกันเหลือเกิน เมื่อหน้าตาที่ดูดุดันเหมือนเสือ กำลังอ้อนหญิงสูงวัยพร้อมกับสวมกอดนางเอาไว้ เพื่อขอร้องให้ป้านวลเห็นใจ เพื่อพูดกับนารีให้กลับมาคืนดี
"อย่าขี้ขลาด เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ใครเป็นคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ ป้าคงไม่อาจแก้ปมที่คุณหนูผูกเอาไว้ได้หรอกนะ"
"แม่นวลครับ ใครแก้ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะตอนนี้ผมไม่กล้าแม้จะไปสู้หน้านารีด้วยซ้ำ แค่อยากให้แม่นวลลองไปพูดกับเธอ เผื่อเวลาที่ผมไปเจอแล้วเธอจะยอมใจอ่อน" เหตุผลของนักรบช่างฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ป้านวลรู้ดีว่าผู้ชายอย่างคุณหนูของนางนั้นมีจิตใจที่เปราะบาง แต่ความแค้นที่มีกลับคอยสะกิดให้เขาขาดสติทำอะไรแบบนั้นลงไป ทั้งที่ผ่านมาไม่มีทีท่าว่าเขาจะทำร้ายจิตใจของนารีเลยสักนิด
"เพราะปมแค้นอสุรกายร้ายอย่างคุณ ป้ากลัวว่าถ้านายน้อยไม่เป็นคนแก้เอง สักวันมันจะกลับมารัดแน่นขึ้นจนยากที่จะแก้ได้ และถ้าปล่อยให้เวลาเนิ่นนาน อาจจะต้องใช้ของมีคมตัดให้ขาดออกจากกัน ถ้าหากว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น ชีวิตคู่ของคุณทั้งสองก็จะไม่มีทางมาบรรจบกันได้อีกเลย" คำพูดของหญิงสูงวัยทำให้นักรบรู้แจ้งแก่ใจ เชือกที่เขาใช้มัดเป็นปมเอาไว้ อาจจะดูไม่แน่นหนา แต่ถ้าปล่อยไว้เนิ่นนานปมที่มีนั้นจะค่อยๆ รัดแน่นขึ้น เหมือนดั่งคำพูดของป้านวลที่กล่าวเอาไว้
"อันดับแรก นายน้อยต้องไปอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับเทเรซ่าให้คุณนารีได้ทราบ ที่สำคัญพาเธอไปยืนยันคำพูดเลยก็ได้" เจสันเสนอไอเดียออกมา นั่นยิ่งทำให้นักรบถอนหายใจออกมาอย่างแรง เพราะเขาไม่ต้องการให้เทเรซ่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนารีอีก
"ไม่! ฉันจะไปตามนารีกลับมาด้วยตัวเอง และถ้าเธอยืนยันว่าจะอยู่ที่นั่น ฉันก็จะอยู่ที่บ้านกะสิเทพด้วย และต่อให้เธอผลักไส ไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็จะไม่ยอมไปไหน ฉันจะทำตัวหน้าด้านหน้ามึน จนกว่าเธอจะยอมให้อภัยแล้วกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยกัน" คำพูดที่ดูจริงจังของนักรบ ทำให้ป้านวลแบบฉีกยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง
"มันต้องอย่างนี้สิคะคุณหนู ป้าจะเป็นกำลังใจให้ คุณหนูนารีไม่ใช่คนใจร้ายไส้ระกำ แค่คุณหนูขยันง้อเดี๋ยวเธอก็หายงอนแล้ว" ป้านวลพูดจบก็ลุกเดินออกไป อย่างน้อยนักรบก็พร้อมที่จะเผชิญกับความจริงได้แล้ว และที่สำคัญการที่ชายหนุ่มยอมไปค้างที่บ้านกะสิเทพ นั่นก็หมายความว่าปมแค้นที่มีได้ถูกคลายออกแล้ว นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรักชนะได้ทุกสิ่ง ต่อให้บุกน้ำลุยไฟเวลานี้นักรบก็ย่อมทำได้ เพื่อภรรยาและลูกของเขา
หลายวันต่อมานักรบได้เตรียมการ เพื่อภารกิจง้อภรรยา เขาให้คนขนของไปที่บ้านกะสิเทพเต็มคันรถ จนทุกคนรู้สึกแปลกใจ โดยเฉพาะนารีที่เริ่มจะรู้สึกสงสัยได้ว่า ของพวกนั้นต้องมาจากฝีมือของนักรบอย่างแน่นอน
"คุณพ่อคุณแม่ค่ะ ข้าวของมากมายพวกนั้นใครเป็นคนสั่งให้เขาขนเข้ามาในบ้านของเรา" เวลานี้นารีเริ่มสงสัย เมื่อมีรถบรรทุกของเข้ามาในบ้านเต็มไปหมด
"จะใครล่ะ คุณอาร์มันโด้ สามีของหนูนั่นแหละ เขาโทรมาบอกพ่อเมื่อวานว่าจะมีคนเอาของมาส่งตอนเช้า แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะแยะขนาดนี้" ผู้เป็นบิดาพูดออกมาด้วยใบหน้าที่สงสัยเช่นกัน ตอนแรกชายสูงวัยก็คิดว่าเขาคงขนของมาไม่กี่ชิ้น
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร