Beranda / รักโบราณ / ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง / ตอนที่ 3 มุ่งหน้าสู่เป่ยจู

Share

ตอนที่ 3 มุ่งหน้าสู่เป่ยจู

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-13 20:16:33

ตอนที่ 3

มุ่งหน้าสู่เป่ยจู

            เป็นเวลากว่าห้าวันมาแล้วที่พวกนางเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองเป่ยจู ตลอดทางแม้ไม่ได้สะดวกสบายเท่าใดนักแต่ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

            เดินทางลงใต้ในครั้งนี้ ท่านพ่อท่านแม่ส่งผู้คุ้มกันที่คุ้นชินกับการเดินทางและมีวรยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นคนที่ไว้ใจได้มาทั้งหมดห้าคนด้วยกัน โดยที่หนึ่งในห้าคนนี้นั้นยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเสี่ยวหนิงอีกด้วย  

            พี่ชายของเสี่ยวหนิงผู้นี้มีชื่อว่าเสี่ยวชิง ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในการเดินทางครั้งนี้ แน่นอนว่านางเองก็คุ้นชินกับเสี่ยวชิงเป็นอย่างดี การเดินทางของนางในครั้งนี้จึงไม่มีสิ่งใดน่ากังวลใจ จนกระทั่งเมื่อเวลาหนึ่งก้านธูปก่อนที่อยู่ ๆ ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักโดยไม่ให้พวกนางทันได้ตั้งตัว

            “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่พี่ชายบอกกับข้าว่า ข้างหน้าอีกไม่ไกลจะมีอารามร้างอยู่ พวกเราสามารถไปหลบฝนที่นั่นก่อนได้เจ้าคะ”

            หลิวซือนัวได้ฟังก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมา เพราะดูท่าแล้วฝนนี้คงจะไม่หยุดตกง่าย ๆ เป็นแน่  อีกทั้งถนนเรียบชายป่าที่มีต้นไม้มากมายเช่นนี้หากฝืนเดินทางต่อไปย่อมมีแต่อันตราย อย่างไรก็ต้องหาที่หลบพักก่อนจึงจะปลอดภัยที่สุด

            เวลาต่อมาในที่สุดก็ดูเหมือนว่าพวกนางจะสามารถฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายจนมาถึงอารามร้างได้สำเร็จ

           รถม้าหยุดลงครู่หนึ่งแล้ว ทว่ายังไม่มีวี่แววว่าเสี่ยวชิงจะมาช่วยพาพวกนางลงจากรถม้าเสียที ด้านนอกรถม้านอกจากเสียงของฝนที่กำลังตกลงมาแล้วพวกนางก็ไม่ได้ยินเสียงแปลกปลอมใด ๆ เลย จนหลิวซือนัวเกือบจะคิดไปแล้วว่าอาจจะเกิดอะไรผิดปกติขึ้นภายนอกก็ได้ หากไม่ใช่ว่าเสียงของเสี่ยวชิงดังขึ้นมาเสียก่อน

         “คุณหนู เชิญลงจากรถม้าได้แล้วขอรับ” เสียงของเสี่ยวชิงทำให้ความกังวลใจของหลิวซือนัวหายไปในที่สุด

         เสี่ยวหนิงประคองนางลงจากรถม้า โดยมีเสี่ยวชิงคอยกางร่มให้ในที่สุดพวกนางก็เข้ามาในโถงด้านหน้าของอารามได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

         “เมื่อครู่ เหมือนว่าข้าจะเห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ด้วย มีผู้อื่นนอกจากพวกเราอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ” นางเอ่ยถามเสี่ยวชิง

          “มีผู้มาหลบฝนก่อนหน้าพวกเราขอรับ เมื่อครู่ข้าน้อยได้ไปเจอพวกเขาแล้ว พบว่ากำลังจะไปที่เมืองเป่ยจูเช่นเดียวกันขอรับ”

           ในเมื่อเสี่ยวชิงตรวจสอบแล้ว นางก็เบาใจ จึงได้พยักหน้าให้เสี่ยวชิงนำทางเข้าไปยังโถงด้านในของอารามไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก เพราะรู้ดีว่าเสี่ยวชิงนั้นคงจะตรวจสอบคนเหล่านั้นแล้ว

            อารามแห่งนี้คงจะร้างมาหลายปีแล้ว เสี่ยวชิงบอกว่ามีเพียงโถงใหญ่ด้านในเท่านั้นที่พอจะเป็นที่หลบฝนและที่พักผ่อนสำหรับพวกเราในวันนี้ได้ ทว่าเนื่องจากมีผู้มาก่อนแล้ว พวกนางจึงทำได้เพียงแค่ขอแบ่งพื้นที่กับพวกเขาเท่านั้น

           ซึ่งหลิวซือนัวก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่แบ่งปันพื้นที่กันเท่านั้น เพราะว่าต่างฝ่ายต่างก็ประสบภัยตากพายุฝนมาเช่นเดียวกัน

         เมื่อมาถึงโถงด้านใน นางจึงได้เห็นกลุ่มคนสี่คนที่อยู่ด้านในก่อนแล้ว พวกเขาแต่ละคนดูนิ่งเฉยยิ่งนัก

         “รบกวนแล้ว” นางเอ่ยขึ้นเมื่อเดินผ่านพวกเขาเข้ามายังพื้นที่ว่างด้านในสุด

         “พวกท่านตามสะดวกเถอะขอรับ” บุรุษผู้หนึ่งที่มีท่าทีใจดีเอ่ยขึ้น อย่างมีมารยาท

          กลุ่มของพวกเขามีกันทั้งหมดสี่คนเป็นบุรุษสามและสตรีหนึ่งคนที่ดูห้าวหาญไม่ต่างกับบุรุษ อีกทั้งในมือนางก็กุมกระบี่อยู่ตลอดเวลา มิหนำซ้ำใบหน้าหวานนั้นยังดูเคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างยิ่ง คาดว่านางคงจะเป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันของบุรุษที่มีผ้าสีขาวคาดปิดตาอยู่ในตอนนี้   หลิวซือนัวมองสำรวจพวกเขาผ่านสายตาเพียงครู่เดียวเท่านั้นก็ไม่ได้หันไปมองทางพวกเขาอีก

          เสี่ยวชิงและเสี่ยวหนิงช่วยกันนำฟางแห้งที่กองอยู่มาทำเป็นที่ให้นางนั่ง กองไฟที่ถูกจุดไว้กลางห้องโถงมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็เพียงพอให้ภายในโถงแห่งนี้พอจะมีแสงสว่างที่ทำให้มองเห็นได้อยู่บาง

         “พี่ชิง พี่เพิ่มขนาดกองไฟเสียหน่อยดีหรือไม่ กองเล็กแค่นั้นให้แสงสว่างไม่ทั่วถึงเท่าไหร่”

          ราวกับว่าเสี่ยวหนิงล่วงรู้ความคิดของนางจึงได้เอ่ยถามเสี่ยวชิงเช่นนี้

          “จุดมากว่านี้ไม่ได้ คุณชายของพวกเขาดวงตาบาดเจ็บ เกรงว่าหากกระทบแสงสว่างมากไปจะเป็นอันตรายยิ่งขึ้น เรื่องนี้พวกเขาบอกกล่าวข้ามาก่อนตั้งแต่ต้นแล้ว”

          “แต่ว่าคืนนี้ฝนตกอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว หากไม่ก่อไฟเพิ่มเกรงว่าจะเป็นคุณหนูของพวกเราต่างหากที่รับไม่ไหว” เสี่ยวหนิงโต้กลับเสียงเบา เพื่อที่จะระวังไม่ให้พวกของคุณชายที่ตาบาดเจ็บนั้นได้ยินเข้า

          “ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ห่มผ้าให้หนาหน่อยก็ใช้ได้แล้ว” หลิวซือนัว เอ่ยบอกผู้ติดตามและสาวใช้คนสนิทของตนแทบจะให้ทันที  

          “แต่คุณหนู…” เสี่ยวหนิงเตรียมจะแย้งผู้เป็นนายของนาง ทว่าคุณหนู ผู้ดื้อดึงของนางกลับไม่เปิดโอกาสให้นางได้เอ่ยขัด ซ้ำยังชิงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดขึ้นมาเสียก่อนอีกด้วย

           “เจ้านำผ้าห่มมาให้ข้าก็พอ คืนนี้อย่างไรก็ห้ามผู้คุ้มกันของเราก่อไฟเพิ่ม”

           ในเมื่อเป็นคำสั่งเด็ดขาดของคุณหนู เสี่ยวหนิงเองก็ไม่อาจขัด แม้จะอยากขัดเสียเท่าไหร่ก็ตาม  นางทำได้เพียงแค่เดินไปยังหีบผ้าห่มที่ถูกขนลงมาจากรถม้าเพื่อนำผ้าห่มมาให้คุณหนูตามที่นางสั่งเท่านั้น

             ขณะที่กลุ่มผู้มาใหม่กำลังวุ่นวาย ทว่ากลุ่มของพวกเขากับคุณชายกับเงียบสงบแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดคุยกัน ทั้งที่พวกตนนั้นได้ยินอย่างชัดเจนนัก

             เพราะแม้จะเป็นเพียงเสียงพูดคุยอย่างบางเบาทว่าสำหรับผู้ที่เป็นวรยุทธ์เช่นพวกเขาแล้วนั้นย่อมมีประสาทการได้ยินเป็นอย่างดี ฉะนั้นเรื่องที่คนเหล่านั้นกระซิบพูดคุยกันเมื่อครู่พวกเขาล้วนได้ยินชัดเจน ทุกคำ ทุกประโยค

             ยิ่งประโยคที่คุณหนูผู้นั้นเอ่ยสั่งคนของนางอย่างเด็ดขาด พวกเขายิ่งได้ยินชัดเจนเต็มสองหู และคิดว่าคุณชาย อวี้หนานไห่ ของพวกเขาก็คงได้ยินชัดเจนเช่นกัน เพราะถึงแม้ยามนี้คุณชายของเขาจะบาดเจ็บที่ดวงตาและในช่วงที่บาดเจ็บไม่อาจจะใช้วรยุทธ์ได้ชั่วคราว

              ทว่าประโยคหนักแน่เมื่อครู่ของคุณหนูผู้นั้น คุณชายของพวกเขาก็คงได้ยินชัดอย่างแน่นอน

              ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่ คุณชายคงไม่หันมาสั่งให้เขานำชาล้ำค่า ราคาแพง ที่ช่วยให้อบอุ่นร่างกายได้เป็นอย่างดีไปให้พวกเขาหรอก

              “คุณหนู ทั้งที่ท่านให้ฮูหยินใหญ่จัดการข่าวลือของท่านโดยการเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือคุณหนูอี้ที่จัดการสร้างเรื่องใส่ร้ายท่านให้ ตกเป็นหัวข้อนินทาว่าร้ายของผู้อื่นไปซะก็ได้ หากทำเช่นนั้นไปเสีย ยามนี่ท่านก็คงไม่ต้องมาตกระกำลำบากอยู่ที่นี่แล้วนะเจ้าคะ เหตุใดจึงไม่ยอมทำเช่นนั้นกันเล่าเจ้าคะ หรือว่าคุณหนูสงสารคุณหนูอี้ผู้นั้น”

               เสี่ยวหนิงเอ่ยถามออกมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก มือก็เอื้อมไปกระชับผ้าห่มที่คุณหนูของนางใช้ห่อตัวอยู่ในกระชับมิดชิดยิ่งขึ้น นางนั้นไม่เข้าใจความคิดของคุณหนูของนางเสียเลย แค่จัดการคนสกุลอี้นั้นไปก็จบแล้ว ด้วยอำนาจและความสามารถของสกุลหลิวเราในตอนนี้ การจะกระทำเรื่องนี้ก็เป็นแค่การกระทำง่าย ๆ เพียงเท่านั้น

             “ข้าสงสารนางอยู่นิดหน่อยจริง นั่นเป็นเพราะข้าเห็นว่านางยังเยาว์นัก แค่นี้นางก็คงจะอยู่ในสกุลอี้อย่างยากลำบากแล้ว ข้าไม่อยากทำให้นางหมดสิ้นหนทางไปจริง ๆ จึงได้ตั้งใจเหลือทางรอดไว้ให้นางบ้าง” เจ้าของน้ำเสียงนิ่งสงบเอ่ยขึ้นอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าไม่ใช่ว่ากำลังพูดถึงผู้ที่ทำให้นางถูกลือไปต่าง ๆ นา ๆ

             “คุณหนู บ่าวนับถือท่านจริงๆเจ้าค่ะ คุณหนูช่างใจกว้างดุจสมุทร เมื่อครู่ ท่านกล่าวว่าคุณหนูสกุลอี้ผู้นั้นยังเยาว์ บ่าวว่าท่านกล่าวผิดแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูสกุลอี้ผู้นั้นผ่านพิธีปักปิ่นมาได้สองปีแล้ว นางโตกว่าคุณหนูสองปีเลยนะเจ้าคะ”

              "ช่างเถอะ คิดเสียว่าการเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อเปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน เอาไว้ถึงเมืองเป่ยจูเมื่อไหร่ พวกเรานายบ่าวก็พากันเที่ยวเล่นให้ทั่วไปเลยดีหรือไม่” หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นกลบเกลื่อน

              เพราะโลกก่อนนางอายุยี่สิบกว่าแล้ว ตอนนี้ก็มักจะคิดว่าตัวเองยังอายุเท่านั้นอยู่ทั้งที่ร่างนี้ของนางก็เพิ่งจะพ้นวัยสิบห้าหนาวไปได้ไม่นาน ในสายตาคนอื่นนางคือเด็กสาวที่เพิ่งจะเติบโต เป็นดอกไม้ที่เพิ่งเริ่มเบ่งบานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

             “คุณหนู ท่านอย่างเอาคำว่าเที่ยวเล่นสองคำนี้มาหลอกล่อบ่าวเลยเจ้าค่ะ บ่าวรู้ความจริงแล้วคุณหนูเพียงแค่ต้องการไปสำรวจตลาดและการค้าขายต่าง ๆ ที่เมืองเป่ยจูนั่นต่างหาก” ใช่ว่าสาวใช้คนสนิทอย่างนางจะไม่รู้ว่า คุณหนูของนางนั้นชอบสำรวจ ชอบมองหาสิ่งแปลกใหม่รอบ ๆ ตัวเสียเมื่อไหร่กัน ครั้นเอ่ยว่าเที่ยวเล่นแท้จริงก็คือไปดูศึกษางานทั้งสิ้น

             “เสี่ยวหนิง ข้าให้สัญญากับเจ้า ครั้งนี้จะพาเจ้าไปชิมของอร่อยให้ทั่วเมืองเป่ยจูเลย” หลิวซือนัวกล่าวขึ้น นางอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีที่แสดงออกมาของสาวใช้คนสนิทของนาง

             “คุณหนูให้สัญญาแล้วนะเจ้าคะ เสี่ยวหนิงจดจำเอาไว้อย่างขึ้นใจแล้วด้วย หากท่านผิดสัญญาเสี่ยวหนิงจะร้องไห้ต่อหน้าท่าน จะร้องจนเหนื่อยตายไปเลยเจ้าค่ะ”

              “ข้าไม่มีทางผิดสัญญาแน่ อย่างได้ข่มขู่กันนักเลยเสี่ยวหนิง” นางเอ่ยพลางมองสาวใช้คนสนิทของนางอย่างนึกเอ็นดูอยู่มากทีเดียว

              จะว่าไปแล้วเสี่ยวหนิงก็ไม่ต่างจากมารดาของนางเสียเท่าไหร่เลยในเรื่อง หนึ่งร้องไห้ สองขู่ว่าจะตายเช่นนี้

             “เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปดูต้มชามาให้คุณหนูซะหน่อยนะเจ้าคะ ด้านนอกพี่ชายบ่าวน่าจะจัดการก่อไฟต้มน้ำจนได้ที่แล้ว”

             “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเถอะ”

               เสี่ยวหนิงลุกขึ้นเดินตรงไปที่ผู้ติดตามสองคนที่ยื่นอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งพวกเขาเป็นคนที่พี่ชายของนางทิ้งเอาไว้ให้คอยดูแลความปลอดภัยของคุณหนูระหว่างที่พี่ชายของนางออกไปดูแลตรวจตรารถม้ารวมไปถึงหาพื้นที่ในอารามที่พอจะก่อไฟต้มน้ำได้กับผู้ช่วยอีกผู้หนึ่ง

              “พี่ชายทั้งสอง ข้าจะออกไปที่ด้านนอกเสียหน่อย พวกท่านดูคุณหนูเอาไว้ให้ดีนะเจ้าคะ”

               “เจ้าไปเถอะไม่ต้องห่วง”

                 ผ่านไปไม่นานสาวใช้คนสนิทของนางก็กลับมาพร้อมกับชาร้อนกาหนึ่ง ทันทีที่ชาถ้วยหนึ่งถูกยื่นมาให้นาง กลิ่นของชาที่แตกต่างกับชาหลงจิ่งที่นางดื่มเป็นประจำ

                “นี่ไม่ใช่ชาหลงจิ่งหรอกหรือ” นางเอ่ยถามเสี่ยวหนิงทันที พลางหยิบถ้วยชาในมือตนขึ้นมาสูดดมกลิ่นของมันด้วยความสงสัย

              “ไม่ใช่ชาหลงจิ่งเจ้าค่ะ แต่เป็นชาสมุนไพรที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้ดีเจ้าค่ะ”

               “ชาสมุนไพรเช่นนั้นหรอก ขมหรือไม่” ซือนัวถามขึ้นอีก นางในตอนนี้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ดีที่นางยังไม่ได้ดื่มชาเข้าไป

               “ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นชาสมุนไพร แต่ก็ไม่ได้มีรสขมเจ้าค่ะ บ่าวลองชิมดูแล้วไม่ข่มแน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนู ท่านลองจิบดูสิเจ้าคะ” เสี่ยวหนิงเอ่ยเสริมขึ้น ความจริงแล้วนางก็ตั้งใจออกไปชงชาหลงจิ่งที่คุณหนูชอบกลับมาอยู่หรอก แต่อยู่ ๆ หัวหน้าผู้คุ้มกันของคุณชายผู้นั้นดันเอาชาสมุนไพรนี่ที่มีสรรพคุณดียิ่งมาให้เสียก่อน

               เมื่อนางกับพี่ชายลองตรวจสอบชาดูแล้วก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดผิดปกติ จึงได้ยกเข้ามาให้คุณหนูของนางได้ดื่มเพื่ออบอุ่นร่างกาย

               หลิวซือนัวมองถ้วยชาในมือนางอีกครั้งก่อน จะก้มลงไปเป่าเบา ๆ ให้ชาในมือพอจะคลายร้อน แล้วจึงลองจิบชาในถ้วยดู

              รสชาติฝาดเล็กน้อยทว่าเมื่อกลืนลงคอไปแล้วกับรู้สึกหวาน ไม่ได้มีรสขมแต่อย่างใด นี่คือรสชาติที่นางได้รับรสเมื่อครั้งจิบชาไปอึกหนึ่ง

            ไม่ขมทว่าไม่ได้หอมหวานเช่นดังรสชาติชาที่นางชื่นชอบ หลิวซือนัวจึงไม่ค่อยพอใจกับชากานี้เท่าไหร่นัก

             “เสี่ยวหนิง เจ้าไปชงชาหลงจิ่งมาแทนได้หรือไม่”

             “แต่ชาสมุนไพรกานี้ยังไม่หมดเลยนะเจ้าค่ะ ทำเช่นนั้นน่าเสียดายยิ่ง อีกอย่าง หากทำเช่นนี้อาจจะทำให้ผู้อื่นเสียน้ำใจเอาได้นะเจ้าคะ”

            “ผู้อื่น ผู้ใดที่จะเสียน้ำใจกัน เจ้าหรอ?” เจ้าของร่างอวบอิ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ การที่นางจะขอชากาใหม่มันยากเย็นมากอย่างนั้นเลยหรือ

            “ย่อมไม่ใช่บ่าว แต่เป็นทางด้านฝั่งคุณชายตรงนั้นต่างหากเล่าเจ้าคะ” นางเอ่ยพลางหันไปมองกลุ่มคนที่นั่งอยู่อีกฝากหนึ่ง “เห็นว่าชาสมุนไพรนี้ ทั้งแพงทั้งหาซื้อได้ยากนัก ยังไม่รวมไปถึงสรรพคุณดี ๆ ของมันอีกนะเจ้าคะบ่าวทิ้งไม่ลงหรอกเจ้าค่ะ คุณหนูดื่มให้หมดเถอะนะเจ้าคะ”

            ที่แท้ชานี่ก็เป็นน้ำใจที่ผู้อื่นที่หยิบยื่นให้นี่เอง หลิวซือนัวเมื่อได้รู้เรื่องทั้งหมดแล้วแน่นอนว่านางย่อมไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่ายที่มอบสิ่งของล้ำค่ามาให้ นางสั่งให้สาวใช้คนสนิทรินชาให้นางอีกถ้วยหนึ่งและนั่งจิบเรื่อยๆจนหมดถ้วย ไม่ได้ดึงดันหรือเอ่ยถึงเรื่องที่จะขอเปลี่ยนชาอีก

              อีกทั้งยังแบ่งชาให้เสี่ยวหนิงและคนอื่นในขบวนของนางให้ได้ดื่มชานี้เพื่ออบอุ่นร่างกายกันทุกคนด้วย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    รวมตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 1แม่สามีของข้านั้นดียิ่งนักเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่นางแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่สกุลอวี้ อวี้หนานไห่มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่ออวี้จินเชียง จากที่อวี้หนานไห่เล่าให้ฟังก็คือ อวี้จินเชียงนั้นอยู่ที่บ้านเดิมกับท่านยายของพวกเขาตั้งแต่ยังเยาว์เพราะมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง อีกไม่นานอวี้หนานไห่ก็จะพานางไปเยี่ยมท่านตาท่านยายและน้องสาวของเขาเพราะว่าฮูหยินอวี้ไม่ใช่สิ เวลานี้นางควรจะเรียกว่าท่านแม่สามีถึงจะถูก เอ็นดูนางเป็นพิเศษดูแลต้อนรับนางเข้ามาเป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างอบอุ่น เหมือนกับว่านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ซ้ำยังชอบให้ท้ายนางอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะยกเลิกไม่ต้องให้นางมาคารวะทุกเช้า ให้เปลี่ยนมาเป็นมาทานมือเช้าเป็นเพื่อนนางบ้างก็พอ ยิ่งเป็นเรื่องข้าวของเครื่องประดับหรืออาภรณ์ แน่นอนว่าอาภรณ์ใหม่ ๆ ของนางไม่มีวันขาดแคลนเพราะว่านางเป็นบุตรสาวจากสกุลที่เปิดร้านอาภรณ์ แต่ยิ่งนางมีเสื้อผ้ามากมายเท่าไหร่ ท่านแม่สามีก็ยิ่งจะยื่นเครื่องประดับจำนวนมากมาให้นาง ทั้งของที่ประมูลมา ของที่หาซื้อได้ตามร้านหรือว่าเครื่องประดับที่ต้องสั่งทำจนยามนี่นางมีเครื่องประดั

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 45 คำนับฟ้าดิน (จบ)

    ตอนที่ 45คำนับฟ้าดิน"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน""สอง คำนับบิดามารดา""สาม สามีภรรยาคำนับกันและกัน"หลังจากเสร็จพิธีแล้วเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าหอ ด้านเจ้าบ่าวก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ในงานเลี้ยงมงคล เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานดื่มอวยพร เป็นธรรมเนียมปกติที่ในงานมงคลเช่นนี้เจ้าบ่าวจะต้องถูกมอมเหล้าจากแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายรวมไปถึงญาติมิตรต่าง ๆ ที่มาร่วมงานอวี้หนานไห่ไม่ยอมให้ตนต้องตกเป็นเป้าให้ผู้อื่นมอมเหล้านานเกินไป เข้าทักทายแขกที่มาร่วมงานอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามก็แอบปลีกตัวออกมาแล้วคืนเข้าหอเวลามีค่าแค่ไหน ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาบอกเขาก็รู้ดี ทันทีที่เข้าได้ก้าวเข้ามาในเรือนหอของตน บนเตียงก็พบกับภรรยา ใช่แล้วหลิวซือนัวภรรยาของเขา และนางจะเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์หลังจากคืนนี้ไป"อวี้หนานไห่เป็นเจ้าหรือ" เจ้าสาวของเขาซึ่งนั่งคลุมหน้าตัวตรงอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น"เป็นข้าเองภรรยารัก เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว" เขาเอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปหานาง และใช้ไม้ตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดออกจากศีรษะของนางยามเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดออกแล้ว ความงดงามที่แสนตราตรึงในใจเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของนางในเวลานี้ค่อน

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 44 ความจริงใจของข้า

    ตอนที่ 44ความจริงใจของข้า"ดู ๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าคุณหนูหลิวเหมือนใคร นางเหมือนฮูหยินหลิวนี่เอง ไม่ไหวหน้าผู้อื่นเช่นนี้ไม่มีผิด""ข้าน่ะหรือไม่ไว้หน้า พวกเจ้าต่างหากที่ไม่ไว้หน้ากันก่อน" ฮูหยินหลิวตอกกลับทันที แม่สื่อพวกนี้นางทนพูดดีด้วยอีกไม่ได้แล้ว"ฮูหยิน ท่านใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทของฮูหยินหลิวรีบเข้ามาห้ามผู้เป็นนายตน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะย่ำแย่ลงไปทุกทีแล้ว"จะให้ข้าใจเย็นได้อย่าง...." ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจบประโยค ผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้าเหมือนมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างเสียก่อน"ฮูหยิน ฮูหยินขอรับ""มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเรื่องตรงหน้ายังไม่ทันได้สะสางก็ดูท่าว่าจะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทรกเสียแล้ว"มีขบวน มีขบวน...ใหญ่ ขบวนใหญ่" อาจจะเป็นเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ซ้ำยังตื่นเต้นจึงทำให้บ่าวชายผู้นี้พูดออกมาไม่รู้ความจนฮูหยินหลิวต้องเอ่ยถามซ้ำหลายรอบ"ขบวน ขบวนอะไร ขบวนอะไรใหญ่กันแน่""เหมือนว่าจะเป็นขบวนสินสอดสินะ" แม่สื่อคนที่หนึ่งผู้ขึ้น บ่าวชายที่มาแจ้งข่าวก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าใช่"คงเป็

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 43 สู่ขอ

    ตอนที่ 43สู่ขออาจจะเป็นเพราะเดินทางไกลมาหลายวัน และก็ไม่ได้นอนพักดี ๆ มาตลอดทาง วันนี้หลิวซือนัวเลยตื่นสายกว่าปกติถึงหนึ่งชั่วยามด้วยกัน กว่าที่จะแต่งตัวหวีผมเสร็จก็กินเวลาช่วงเช้าไปไม่น้อยแล้ว"คุณหนูเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งท่านว่า หากคุณหนูแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุณหนูไปพบฮูหยินใหญ่ที่โถงรับรองด้วยเจ้าค่ะ""ได้ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปแจ้งท่านแม่นะว่าประเดี๋ยวข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบเข้าไปหาท่าน""เจ้าค่ะคุณหนู"สาวใช้ที่ท่านแม่ให้มาแจ้งข่าวนางจากกลับไปแล้ว เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่นาง เสี่ยวหนิง และสาวใช้ในเรือนอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังช่วยพวกนางเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในวันนี้อยู่"เสี่ยวหนิง เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ถึงได้ให้คนมาตามข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ จะมีแขกสำคัญมาหรือไงนะ""บ่าวคิดว่าไม่น่าจะมีแขกนะเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าไม่เห็นว่าในโรงครัวคึกคักเลย" ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาตามที่นางคิด เพราะถ้าหากในจวนมีแขกสำคัญ ปกติแล้วในครัวก็มักจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะต้องมีการเตรียมอาหารเอาไว้รับรองแขก"เช่นนั้นแล้วท่านแม่จะเรียกให้ข้าไปพบที่ห้องโถงทำไมกัน" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นอย่างข้องใจคงมีแต่รีบ

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 42 จาก

    ตอนที่ 42จากอีกเพียงวันเท่านั้นนางก็จะต้องเดินทางกลับเมืองเป่ยโจวแล้ว ตามกำหนดการเดินทางกลับที่ท่านแม่ของนางได้กำหนดเอาไว้ พี่ใหญ่ของนางหลิงเค่อกับพี่สะใภ้ฉือหนานเองก็จะเดินทางไปส่งนางกลับจวนและถือโอกาสให้พี่ฉือหนานได้กลับไปเยี่ยมบ้านเดิมด้วย หลังจากวันนั้นที่อวี้หนานไห่และนางได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ความสัมพันธ์ของพวกนางก็มีสถานะเป็นคนรักของกันและกันอย่างเปิดเผย แต่เปิดเผยที่ว่านี้ก็จะมีแค่คนในครอบครัวของพวกนางเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนนอกนางและอวี้หนานไห่ก็ไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดจะพูดถึงพวกนางอย่างไรมีบางครั้งที่นางและอวี้หนานไห่ออกไปเดินเล่นที่ตลาดด้วยกันบ้างก็ไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารต่าง ๆ ในเมือง หลายครั้งก็มีข่าวลือตามมาบ้างทว่าส่วนใหญ่จะลือไปทางที่พวกนางเป็นสหายกันเสียมากกว่า ไม่มีการลือหรือการพูดไปถึงเรื่องเชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้นแน่นอนว่าเรื่องลือเช่นนี้ไม่ถือเป็นผลเสียกับนาง หนำซ้ำยังถือว่าเป็นผลดีต่อร้านสกุลอาภรณ์สกุลหลิวไม่น้อยเช่นกัน เพราะผู้ใดที่อยากสนิทสนมกับหมู่ตึกอวี้ฟางก็จะต้องเข้าหาร้านอาภรณ์สกุลหลิวซึ่งลือกันว่าเป็นสหายกับหมู่ตึกอวี้ฟางเพื่อทำต

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 41 รัก

    ตอนที่ 41รัก"ที่ห้องโถงใหญ่เอะอะอะไรกัน เหตุใดถึงได้เสียงดังมาถึงนี่ เจ้าไปดูหน่อยเถอะ" ฉือหนานเอ่ยขึ้น ก่อนจะสั่งให้สาวใช้คนสนิทของนางออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในวันมงคลเช่นนี้นอกจากฉือหนานแล้วในห้องรับรองขนาดเล็กซึ่งอยู่ติดกับห้องโถงใหญ่ก็มีหลิวซือนัวน้องสามีของนาง และก็ฉือฮั่วลูกพี่ลูกน้องของนางที่มาเยี่ยมนางจากบ้านเกิดเมื่อสองวันก่อนใครจะคิดเล่าว่าการมาที่นี่ของฉือฮั่วซึ่งอ่อนวัยกว่านางเกือบสี่ปีจะทำให้นางได้เจอกับรักแรกพบที่นี่ หนำซ้ำยังถูกสู่ขออย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า นางและผู้เป็นสามีที่ถือเป็นญาติสนิทจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ของฉือฮั่วแทนบิดามารดาของนางที่ไว้ใจฝากฝังบุตรสาวเอาไว้ด้วยเพราะเชื่อมั่นและไว้ใจนางกับสามีด้วยเพราะว่าทั้งฝ่ายสู่ขอและฝ่ายถูกสู่ขอต่างก็มีใจต่อกัน การตัดสินใจจริงเป็นไปอย่างดี ทุกฝ่ายตกลงปลงใจที่จะปลูกเรือนร่วมกันวันนี้แค่แลกหนังสือสินสอดเสร็จสิ้นก็หาวันดีจัดงานแต่งได้เลย ด้านหลิวซือนัวยามนี้นางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกผ้าไหมสีแดงเพื่อตัดชุดแต่งงานให้กับฉือฮั่ว สำหรับฉือฮั่วนั้นนางก็เห็นเป็นสหายมาเนิ่นนาน ซ้ำเมื่อพี่ฉือหนานแต่งเข้ามาจวนสกุลหลิวแล้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status