“เก่งมากครับ”
ราเมศเอ่ยขึ้นในขณะที่ยิ้มไม่หุบ “คุณราเมศบอกมาเถอะค่ะ อยากให้อลิซทำอะไร ” “ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นครับ ผมแค่อยากให้น้องอลิซผ่อนคลาย” ราเมศยังลีลาไม่เลิก เขานั่นแหละที่กำลังทำเธอกดดัน ภูวินทร์ได้แต่นั่งดื่มเงียบๆ ปกติเด็กเอ็นต้องเกาะแขนเอาอกเอาใจ แต่เธอกลับต่างออกไป นอกจากจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว ยังพยายามเว้นระยะห่างไปอีก มันช่างเป็นเรื่องแปลก “บอกน้องไปเถอะค่ะคุณราเมศ น้องยังใหม่อยู่อย่าแกล้งน้องนักเลย” พราวฟ้าพูดขึ้น มือเล็กยังชงเหล้าให้สองหนุ่มอยู่ตลอด “ไหนน้องอลิซลองขึ้นนั่งบนตักเพื่อนผมให้ดูหน่อยสิครับ จะได้ตัดสินใจว่าควรเอ็นดูรึเปล่า” อลิซหันมามองหน้าภูวินทร์ทันที ก่อนสบตากับเขาอีกครั้ง และครั้งนี้เธอประหม่าจริงๆ ได้แต่เม้มปากแน่น หน้าเห่อร้อนไปหมด “ทำไม !!หรือว่าไม่กล้า ” ภูมินทร์เลิกคิ้วสูงถามเธอเสียงเรียบ อลิซลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถามเชิงดูถูก ก่อนนั่งลงที่ตักแกร่งแล้ววาดกอดคอหนาไว้หลวมๆ “หึ“ ภูวินทร์หัวเราะในลำคอ เธอตัวสั่นยังกะลูกนกตกน้ำ ช่างไม่มืออาชีพเอาซะเลย ”ว้าว!!กล้าจริงด้วย“ วาคิมเอ่ยแซว แต่คนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้จะหายใจแรง หมับ~~~ อลิซเล็กสะดุ้งเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆมือหนาก็โอบเอวเล็กเธอไว้แน่น เธอรีบหันขวับไปมองหน้าเขา เหมือนอยากถามว่ากอดเธอทำไม แต่ภูวินทร์ก็เอาแต่นั่งนิ่ง ยกเหล้าขึ้นดื่ม บางจังหวะก็มองหน้าสวยของเธออย่างสำรวจ หน้ารูปไข่ดวงตากลมโต ปากกระจับอวบอิ่ม จมูกเชิดปลายรั้น ผิวขาวจัดน่ามอง สำหรับเขาเธอก็ดูน่าลิ้มลองดี ”ชงเหล้าอีกสิ เหล้าผมหมดแล้ว แก้วคุณด้วย” เขาบอกเสียงเรียบ อลิซพยักหน้าเบาๆ “อลิซลงไปได้รึยังคะ” “ชงไปสิ เอื้อมนิดเดียวก็ถึง” เธอแอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนโน้มไปชงเหล้าทั้ง2แก้ว ภูวินทร์แปลกใจชอบกล แค่ก้นงอนเสียดสีกับตรงนั้นนิดเดียว ทำเอาสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงราคาแพงนั้น ตื่นขึ้นมาดื้อๆ ชงเสร็จอลิซก็ยกแก้วเหล้ามาให้เขา และกลับมานั่งตัวตรงเหมือนเดิม “คุณภูวินทร์คะ อลิซขอไปเข้าห้องน้ำซักแป๊บได้ไหมคะ ” “ไปสิ ” เขาตอบเสียงเรียบ “คุณก็เอามือออกก่อนสิคะ” เธอกับเขาเหมือนทำสงครามเย็นกันซะมากกว่า ในขณะที่เพื่อนของเขาสองคนกับพราวฟ้าพูดคุยกันสนุกสนาน เขาก็เอาแต่นิ่ง ไม่เห็นคุยเก่งเหมือนเพื่อนเขาเลย ภูวินทร์ยอมปล่อยมือออกจากเอวเล็ก ในจังหวะนั้นอลิซก็รีบลุกขึ้น ภูวินทร์มองตามก้นงอนงามอย่างเสียดาย แต่ก็ยังนิ่งเอาไว้อยู่ “พี่พราวคะ อลิซไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ” “รีบมานะ อย่าให้คุณภูวินทร์รอนาน” “ไม่นานค่ะ ” เธอรับปากพราวฟ้า ก่อนยิ้มบางๆให้กับราเมศและวาคิม แล้วเดินออกไปทางด้านหลังห้อง ที่เป็นห้องน้ำโซนvipโดยเฉพาะ ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องvipนัก ปึ้ง~~ ประตูห้องน้ำปิดลง อลิซหลับตาลงเพียงเบาๆเหมือนเป็นการพักผ่อนชั่วขณะ และรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แล้วเปิดประตูออกมา “หึ!!จืดชืดแบบนี้ จ้างคุณภูวินทร์ก็ไม่สนใจหรอก” เอมมี่ยืนกอดอกอยู่ที่อ่างล้างมือ เหมือนจงใจพูดให้เธอโดยเฉพาะ อลิซแทบไม่มองด้วยซ้ำ รีบเดินไปล้างมือเตรียมออกไปจากห้องน้ำ “นี่!!แกเมินฉันเหรอ” เอมมี่รีบคว้าแขนเล็กเธอเอาไว้ “ถ้าพี่อยากหาเรื่องเชิญที่อื่นเถอะค่ะ อลิซแค่อยากหาเงินไม่ได้อยากมีเรื่องกับพี่ ปล่อยค่ะ!!” อลิซบอกเสียงนิ่งก่อนมองที่มือเอมมี่ “อย่าอวดดีให้มันมากนัก เป็นแค่เด็กใหม่อย่าคิดเทียบชั้นกับเบอร์หนึ่งแบบฉัน ” เอมมี่กดเสียงต่ำ แล้วบีบข้อมือเล็กของอลิซให้แรงขึ้นอีก “นั่นมันเป็นสิ่งที่พี่คิดไปเองทั้งนั้น อลิซแค่มาหาเงิน ไม่ได้มาชิงดีชิงเด่นกับใคร” พรึบ อลิซบิดข้อมืออย่างแรงจนหลุด แล้วรีบเดินออกจากห้องน้ำไป “บ้าที่สุด” เธอบ่นคนเดียวอุบอิบสาวเท้ามายังvip2เหมือนเดิม“ถึงเวลาเลิกงานแล้ว หนูไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลก่อนนะคะพี่แพรว สวัสดีค่ะ” เธอบอกลาแพรวแล้วมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลนำเงินที่ได้วันนี้ไปจ่ายค่าผ่าตัดของแม่ “ป้าพรหนูกลับมาแล้วค่ะ แม่คะดีขึ้นมั้ยคะ”เธอทักทายป้าพรเสร็จก็หันมาถามแม่พร้อมเอื้อมมือมาจับที่แขนแม่เบาๆ “แม่ต้องหายนะคะ หนูจะทำทุกทางให้แม่หายดี” เธอพูดไปน้ำตาไหลไปพลาง “เด็กโง่ แม่จะไม่หายได้ยังไงกัน ลูกสู้เพื่อแม่ขนาดนี้”แม่ตอบทั้งรอยยิ้ม บรรยากาศตรงนั้นเต็มไปด้วยความรักและกำลังใจ เสียงหัวเราะเบาๆของแม่กับรอยยิ้มอบอุ่นทำให้หัวใจที่อ่อนล้าเหมือนได้รับการเยียวยา มือเล็กจับที่แขนแม่แน่นขึ้นเหมือนมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมา “ป้าพร หนูขอไปจ่ายค่ารักษาให้แม่ก่อนนะคะ” “ไปเถอะลูก ป้าจะนั่งเป็นเพื่อนแม่เอง” ป้าพรตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน อลิซเดินออกจากห้องผู้ป่วย เสียงรองเท้ากระทบพื้นกระเบื้องในทางเดินของโรงพยาบาลดังเป็นจังหวะ เมื่อมาถึงช่องชำระเงิน เธอแจ้งจุดประสงค์ทันที ”ติดต่อชำระเงินหน่อยค่ะ“ เจ้าหน้าที่จำเธอได้ทันที ”คุณพิมพาใช่มั้ยคะ ทั้งหมด350,000บาทค่ะ” “หนูจ่ายทั้งสองรอบเลยค่ะ รวมเป็นเท่าไหร่คะ” อลิซกำซองเงินไว้แน่ “
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ได้ยินเสียงเรียบเอ่ย “เชิญ” เธอเดินเข้าไปในห้องพร้อมหัวใจที่เต้นรัว ก่อนที่ประตูจะค่อยปิดลงอย่างช้าๆ ทำให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด จนได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน เหลือเพียงเขาและเธอที่อยู่ในนั้นสองต่อสอง อลิซยืนอยู่ในท่าที่สองมือกุมกันไว้แน่นอยู่ทางด้านหน้า เธอรู้สึกกดดันจนมีเหงื่อซึมที่มือเล็กน้อย “มีอะไรก็รีบพูดมา ผมจะได้เตรียมตัวไปประชุม“ เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งทันที อลิซเงยหน้ามองแล้วสบตาเข้ากับภูวินทร์ อย่างไม่ได้ตั้งใจ สองมือจับกระโปรงแน่น เม้มปากก่อนจะพูดขึ้น ”ค…คือว่า ข้อเสนอที่คุณพูดในคืนนั้นคุณยังสนใจอยู่มั้ยคะ‘“เธอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงกระอุกกระอัก ”คุณหมายถึงอะไรครับ?“ เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ ‘อะไรกันก็เห็นๆอยู่ว่าเค้ารู้ ยังจะมาแกล้งสงสัยอีก’เธอคิดในใจ “คุณยังต้องการฉันอยู่มั้ยคะ!!” น้ำเสียงสั่นเครือสะท้อนก้องไปทั่วห้อง ภูวินทร์เลิกคิ้ว ยกมุมปากเป็นรอยยิ้มร้าย “คุณต้องการอะไรเท่าไหร่ผมก็ให้ได้” ปลายนิ้วชี้ลงบนตักของตนเอง “แต่อาจต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อย มานั่งสิ” ร่างบางก็ยอมเดินไปนั่งตักเขาอย่างว่าง่าย อลิซเม้มปากแน
หลังจากนั้นอลิซเดินออกมาจากห้องพร้อมกับหอบเอกสารกองโตจนมองแทบไม่เห็นทาง พอถึงโต๊ะของแพรวอลิซก็วางลงอย่างระมัดระวัง “บอสได้บอกมั้ยว่าให้อลิซทำงานในตำแหน่งไหน” แพรวถามขึ้นพร้อมมองเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า“คุณภูวินทร์ให้ฝึกในตำแหน่งผู้ช่วยของพี่แพรวค่ะ” ตอบคำถามเสร็จเธอก็จัดระเบียบกองเอกสารนั้นพรึบ!! เสียงกองเอกสารล้ม พร้อมกับใบหน้าที่ตกใจของทั้งสองคน“ขอโทษค่ะพี่แพรว หนูซุ่มซ่ามเอง”อลิซก้มศีรษะ สีหน้าแดงซ่านพูดด้วยความตกใจจนเห็นได้ชัด แล้วรีบเก็บกองเอกสารขึ้นใหม่แพรวยิ้มบางๆ พลางบอกให้เธอใจเย็นๆไม่ต้องตื่นเต้น“ไม่ต้องตื่นเต้นนะน้องอลิซ ค่อยๆทำไปค่ะ”อลิซเธอเม้มปากแน่น “โอเคค่ะ…หนูแค่ยังไม่ชินกับที่นี่เฉยๆค่ะ”แพรวหัวเราะเบาๆ แล้วนั่งลงทำงานต่อ“งั้นวันนี้อลิซช่วยพี่ดูตารางงานของบอสหน่อยนะคะ ถือว่าเป็นงานแรก“แพรวยิ้มพร้อมส่งเอกสารนั้นให้เธอ“ได้ค่ะ หนูจะทำให้เต็มที่เลยค่ะ”อลิซยิ้มตอบแล้วยื่นมือเล็กไปรับเอกสารมานั่งที่โต๊ะข้างๆแพรว เสียงส้นสูงกระทบพื้นกระเบื้องเป็นจังหวะ เดินมาหยุดที่เธอ“อลิสเป็นไงบ้างไปหาคุณอามาแล้วหรอ” ทับทิมเอ่ยถามขึ้น”อา? ประธานคนนั้นคืออาของเธอหรอ” อลิซหร
”แกฉันต้องไปหาปู่ก่อนอะ แกไปติดต่อคนเดียวได้มั้ย“ทับทิมพูดด้วยความกังวล กลัวว่าอลิซจะไม่คุ้นสถานที่ ”ได้สิ่ แกไปหาปู่เลยฉันไปคนเดียวได้ สบายมาก“ พูดจบทั้งคู่ก็แยกย้ายกัน “สวัสดีค่ะ ติดต่อฝึกงานค่ะ” อลิซเดินเข้ามาถึงประชาสัมพันธ์บอกจุดประสงค์ที่จะมาฝึกงาน ”รอสักครู่นะคะ“ พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์โทรขึ้นไปประสานงานกับเลขาของท่านประธาน ”ขึ้นไปที่ชั้น 9A ได้เลยค่ะแล้วก็เลี้ยวซ้าย จะเห็นเลขาของท่านประธานนั่งอยู่หน้าห้องนะคะ แจ้งจุดประสงค์ได้เลยค่ะว่าจะมาฝึกงาน“ ”ขอบคุณค่ะ“ สิ้นเสียงของพนักงานร่างบางเดินเข้าไปในลิฟต์ ติ๊ง~ ประตูลิฟต์เปิดออก คนตัวเล็กสาวเท้าเดินไปยังโต๊ะทำงาน ซึ่งมีหญิงวัยกลางคนประจำอยู่ อยู่ที่ด้านหน้าของห้องประธานบริษัท ”สวัสดีค่ะ หนูชื่ออลิซค่ะ มาฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาค่ะ ต้องติดต่อที่นี่ใช่มั้ยคะ“ อลิซกล่าวทักทายหญิงคนนั้น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเลขาของท่านประธาน ทั้งการแต่งตัวกิริยาท่าทาง ดูเรียบร้อยสะอาดตา ”อ๋อสวัสดีค่ะ พี่ชื่อแพรวนะ ฝ่ายประชาสัมพันธ์แจ้งไว้แล้วค่ะ ตามพี่เข้ามารายงานตัวในห้องท่านประธานเลยนะคะ” แพรวได้แนะนำตัว และให้อลิซเดินตามเข้ามายัง
"หนูส่งเลขประจำตัวให้แล้วนะคะ ขอบคุณที่ช่วงนี้พี่จำดูแลอย่างดี" เธอพูดจบก็ยกมือไหว้ขอบคุณผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า "จ้าอลิซก็ดูแลตัวเองดีๆนะ" สิ้นเสียงของจ๋าอลิซก็กำลังจะเดินออกจากร้าน หน้าร้าน Happy Nana club "ว้าย ดูชินี่ไม่ใช่ยัยเด็กที่ชอบทำตัวอวดเก่งหรอ ตอนนี้จะออกแล้วหรอ ฮ่าๆๆ" เอมมี่กับปีใหม่ยืนกอดอก หลังพิงกำแพงคนละ ฝั่ง หันหน้าเข้าหาอลิซ และไม่ลืมที่จะเยาะเย้ยเธอพร้อมหัวเราะอย่างสะใจ "หนูไม่ได้อยากมีเรื่องกับพวกพี่นะคะ ไหว้เถอะค่ะเลิกกัดหนูสักที" อลิชสุดจะทนกับพวกที่เอาแต่จิกกัดเธอไปวันๆ เลยพูดสวนขึ้นมาบ้าง"เอ้ายัยเด็กนี่ ปากดีนักนะ" ปีใหม่พูดขึ้นอย่างโมโห เกือบจะควบคุมมือที่กำลังจะไปตบอลิชไม่อยู่ "จะทำไม" อลิซกำมือขึ้นถ้าเขาตบมาเธอพร้อมสวน คิดว่าวันสุดท้ายแล้วเธอก็ขอสู้กลับบ้าง "อร้าย !!แกกล้าหรอ" ปีใหม่กรี๊ดขึ้นดังลั่น "ก็ลองดูสิ่" อลิซขยับเข้าไปหาปีใหม่ใกล้ขึ้นอีก "วันนี้ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ" ป้ะเอมมี่ เรากลับ หลังจากเอมมี่และปีใหม่เดินจากไปเธอก็เหนื่อยมากขึ้นไปอีก 'เห้อ-ชีวิตฉันทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ยย' อลิชตัดพ้อในใจ และเดินออกจากร้านด้วยความรู้สึกเหนื่อยป
อลิซนั่งนิ่ง หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุอก ความเงียบในห้องทำให้คำพูดของภูวินทร์ดังก้องอยู่ในหัว “ฉัน…ไม่เข้าใจค่ะ” เธอพยายามพูดเสียงเบา แต่มือกลับกำกระโปรงแน่น ภูวินทร์หัวเราะในลำคอ แววตาคมกริบจ้องมองเธอไม่วางตา “ไม่เข้าใจตรงไหน อลิซ? ผมอยากได้คุณ” คำพูดของเขาทำเธอถึงกับสะอึก เขาคงคิดว่าผู้หญิงที่ทำงานแบบนี้คงจะเหมือนกันหมด อลิซกัดริมฝีปากแน่น พยายามเก็บอาการและหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติและยังยืนยันคำเดิม “อลิซไม่ได้ขายค่ะ” ร่างหนาพยายามเข้ามาใกล้เธอ เขายื่นมือคว้าเอวเธอไว้แน่น “อ๊ะ!!นี่คุณจะทำอะไรคุณภูวินทร์” เธอพยายามดิ้นขลุกขลิกในอ้อมแขนแข็งแรงนั่นแต่ไม่เป็นผล เหมือนว่ายิ่งดิ้นเขากลับยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม “งั้นก็บอกมาสิ…ว่าเธอต้องการอะไรถ้ามันไม่ใช่เงิน “ อลิซเงียบไปสักพัก ก่อนรวบรวมความกล้าพูดเสียงสั่นๆ “ฉันบอกคุณชัดตั้งแต่แรกแล้ว ว่าฉันไม่ได้ขาย ปล่อยนะคะฉันเจ็บ“ แต่เหมือนคนตัวใหญ่จะไม่ฟัง เขาคือคนที่มากด้วยเงินและอำนาจ ผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่ควรปฏิเสธ แกร๊ก!! เพียงไม่นานประตูก็เปิดออก ราเมศเดินกลับเข้ามาพร้อมกลิ่นควันบุหรี่จางๆ เขายกยิ้มเมื่อเห็นบรรยากาศตึงเค