LOGINยามที่บานประตูห้องปิดลง กรรณถอนหายใจยาว พิงหลังกับบานประตู ปล่อยให้ความเครียดที่สั่งสมมาตลอดวันคลายออกช้าๆ แสงไฟสีนวลของห้องส่องกระทบใบหน้าของ กันยา น้องสาวคนเดียวที่นั่งหันหลังให้ ท่ามกลางกลิ่นหอมของเครื่องเทศและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสัญชาติเกาหลี
“สวัสดีค่ะพี่” กันยาเงยหน้าขึ้นจากชามบะหมี่ ดวงตาใสซื่อทอประกายอบอุ่น มองพี่ชายที่เริ่มมีเค้าโครงของหญิงสาวมากขึ้นทุกวัน กรรณพยักหน้าเล็กน้อย ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ แต่ความคิดในหัวกลับวุ่นวายราวกับพายุฝน เขากำลังนั่งคิดหาวิธีที่จะสารภาพความจริงกับพ่อ—ความจริงที่ว่าเขาทิ้งความฝันของพ่อไว้เบื้องหลัง และกำลังเริ่มต้นการเดินทางที่โลกใบใหม่—การเปลี่ยนผ่านจากชายเป็นหญิง “เป็นอะไรไปคะพี่” กันยาถามขึ้นอย่างสังเกตเห็นถึงความเงียบผิดปกติของพี่สาว เอ๊ย...พี่ชายตรงหน้า กรรณกัดริมฝีปาก พยายามรวบรวมความกล้า “พี่จะบอกพ่อยังไงอ่ะว่าพี่ไม่ได้เรียนโรงเรียนเตรียมทหารเหมือนไอ้พายุ แต่มาเรียน คณะบริหารธุรกิจ แทน แล้วตอนนี้…พี่รู้ใจตัวเองแล้วล่ะ ว่าพี่อยากที่จะเป็นผู้หญิงแบบเต็มตัว” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ความกังวลถาโถมเข้ามาจนหนักอึ้งในอกตลอดชีวิตไม่เคยรู้สึกหนักใจเท่านี้มาก่อน พ่อของเขานั้นเป็นคนหัวเก่าและเข้มงวด ถ้าไม่ได้มาเรียนในเมืองหลวงคงไม่มีทางผ่อนปรนให้เขาได้ทำอะไรตามใจแม้แต่นิดเดียว กันยาค่อยๆ วางชามบะหมี่ลง เอื้อมมือมาบีบมือพี่สาวไว้เบาๆ “เรื่องคณะเดี๋ยวหนูจะพยายามพูดกับท่านให้เองค่ะ แต่เรื่องที่พี่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นผู้หญิง… พี่ต้องใจแข็งและบอกพ่อด้วยตัวเองนะคะ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใยและเข้าใจ ทันใดนั้น เสียง กริ่ง หน้าประตูก็ดังขึ้นถี่ๆ สร้างความงุนงงให้กับสองพี่น้อง กันยาขยับไปที่ช่องตาแมว ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างที่สุด “พี่กรรณ! พ่อเลี้ยงนล มา!” กรรณรีบเดินไปที่ประตูทันที หัวใจเต้นระรัวราวกับกลองศึก เขาไม่ได้เตรียมใจรับการมาเยือนที่ไม่คาดฝันนี้เลยแม้แต่น้อย เมื่อบานประตูเปิดออก ทั้งกรรณและกันยาก็รีบยกมือไหว้ผู้เป็นบิดาด้วยท่าทีที่ทำตัวไม่ถูก “พ่อ สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” พ่อเลี้ยงนล ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยความเจ้าระเบียบและอำนาจ “ไง พ่อไม่ได้มาเยี่ยมหลายอาทิตย์ เป็นยังไงบ้าง” “สบายดีฮะ” กรรณตอบเสียงเบา “สบายดีค่ะ” กันยาเสริม พ่อเลี้ยงนลพยักหน้า ก่อนจะยิงคำถามที่จุดชนวนความตึงเครียดในห้อง “แล้วการสอบเข้าเรียนเตรียมทหารเป็นไงบ้างกัน พ่อเห็นพายุเขาจะไปสอบสมรรถภาพแล้วนี่” กรรณกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาก้มหน้ามองพื้น สูดหายใจเข้าลึกๆ “คือ...กรรณไม่ได้สมัครเรียนโรงเรียนเตรียมทหารครับ...เอ๊ย! ค่ะ...แต่ เรียนคณะบริหารธุรกิจแทน ตอนนี้ก็เรียนมาได้เกือบสองเดือนแล้วครับพ่อ” ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ ก่อนที่พ่อเลี้ยงนลจะตะคอกออกมาด้วยความตกใจและโกรธา “นี่มันเรื่องอะไรกันวะ!” “พ่อคะ! พี่เขาไม่อยากสอบเตรียมทหารนะคะ พ่ออย่าบังคับพี่เขาเลยนะคะ” กันยารีบเข้าไปเจรจา พยายามลดความตึงเครียด “นี่ฉันเลี้ยงมาให้แกเป็น...เป็น ลูกผู้ชายสมชายชาตรี ทำไมแกทำอย่างนี้!” เสียงพ่อเลี้ยงนลหงุดหงิดไม่พอใจอย่างรุนแรง คำพูดนั้นเหมือนมีดที่กรีดลึกลงไปในจิตใจที่อ่อนไหวของกรรณ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอ พรั่งพรูออกมาจากความไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงต้องบังคับชีวิตของเขาถึงขนาดนี้ “นี่แกร้องไห้เหรอ!” พ่อเลี้ยงนลพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก พร้อมกับคว้าไหล่ลูกชายอย่างแรง จนเริ่มสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง—ผมที่ยาวขึ้นและร่างกายที่เริ่มบอบบางระหงเหมือนผู้หญิง “นี่แกอย่าบอกนะว่าแกเป็น... กะเทยวิปริตผิดเพศ นะ!” พ่อเลี้ยงนลตะโกนเสียงดังลั่น หัวใจของกรรณเต้นรุนแรงจนเจ็บปวด สมองเหมือนธนูที่ถูกดึงจนตึงเต็มที่ ไม่มีความรู้สึกอื่นใดนอกจากความเจ็บปวด “ใช่! อยากเป็นผู้หญิง! เป็นกะเทย!” กรรณตัดสินใจตะโกนความต้องการที่แท้จริงของตัวเองออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ผู้เป็นพ่อทำสีหน้าผิดหวังอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียงอย่างบ้าคลั่ง “งั้น แกก็ไม่ใช่ลูกฉัน! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!” “พ่อค่ะ ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดค่อยๆจากันก็ได้!” กันยารีบพยายามห้าม จับมือกรรณไว้แน่น ขณะที่น้ำตาของกรรณไหลไม่หยุด หัวใจเหมือนกำลังจะแตกสลาย เกิดโทสะขึ้นในใจ—พ่อไม่มีวันเข้าใจตัวเองได้ ชอบบังคับทำในสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการ! “พี่อย่าไป!” สิ้นเสียงของกันยา กรรณก็วิ่งออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว ทิ้งให้พ่อเลี้ยงนลนั่งลงบนโซฟา ส่ายหน้าด้วยความโมโหและความผิดหวังอย่างถึงที่สุด หลังจากวันวาเลนไทน์ผ่านพ้นไป... นพสูรย์เริ่มสับสนและตั้งคำถามกับตัวเองว่าเขาควรจะสานสัมพันธ์กับสาวประเภทสองอย่างกรรณดีหรือไม่ ด้วยความที่เขาเป็น ดารานักแสดง ชื่อเสียงคือสิ่งสำคัญ เขาต้องคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาต่อความสัมพันธ์นี้อย่างถี่ถ้วน แต่ในตอนนี้...เขาชักจะมีความสุขและแฮปปี้กับสิ่งที่ทำกับกรรณ ด้วยความที่มีเบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวอยู่แล้ว ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะต้องการสร้างความสัมพันธ์นี้ให้คืบหน้าไปกว่าที่เป็นอยู่… เขาควรจะโทรหาเธอตอนนี้เลยดีไหม? เสียงเรียกเข้าจาก iPhone รุ่นล่าสุด ดังแทรกความเงียบงัน แต่สำหรับ กรรณ ในตอนนี้ มันเป็นเพียงเสียงรบกวนที่สั่นสะเทือนในห้วงความทุกข์ระทม น้ำตาที่หลั่งไหลราวกับสายเลือดทำให้ดวงตาพร่ามัว แต่สัญชาตญาณก็ทำให้ต้องคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นตา เธอก็รีบกดตัดสายทันที ทว่า... อีกฝ่ายไม่ได้ยอมแพ้ นพสูรย์ เห็นหญิงสาวตัดสาย เขาก็รีบโทรกลับไปอย่างไม่ลดละ ตั้งใจว่าจะตื๊อจนกว่าเธอจะยอมรับสายให้ได้ “นี่ใครน่ะ?” เสียงถามที่แหบพร่าปนสะอื้น ทำให้ปลายสายถึงกับชะงัก “นี่ ยายบื้อ เธอเป็นอะไรอ่ะ? ร้องไห้ทำไม?” นพสูรย์ตกใจจนแทบจะนั่งไม่ติด เมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือของเธอ “ลุงเหรอ... มีอะไร ฉันไม่ว่างอ่ะ แค่นี้ก่อนนะ” กรรณจำเสียงได้ แต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะรับมือกับความยียวนของเขา “เดี๋ยวสิ! ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงทันที แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือความคลุมเครือ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” กรรณไม่รู้จะตอบอย่างไรดี “แล้วเธอจะไปที่ไหน!” นพสูรย์คาดคั้นไม่เลิก พยายามถามพิกัดด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ จนสุดท้ายกรรณก็ต้องยอมบอก เพราะทนความเซ้าซี้ไม่ไหว ประกอบกับใจที่บอบช้ำจนเกินทานทน แต่ในอีกใจหนึ่ง... เธอกลับรู้สึกโล่งอกที่ได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปให้อีกคนได้รับรู้ เมื่อนพสูรย์มาถึงบริเวณที่เธอบอก กรรณก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เธอก็โผเข้าสวมกอดชายหนุ่มอย่างต้องการที่พึ่งพิงในยามที่หัวใจแตกสลาย “ไม่เป็นไรนะ... ร้องออกมาเถอะ” นพสูรย์สวมกอดตอบอย่างอ่อนโยน พร้อมกับลูบศีรษะเบาๆ “ทำไม... ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย...” คำตัดพ้อที่แสนเจ็บปวดหลุดออกมา ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเธอเจออะไรมา แต่ในตอนนี้... เขาเต็มใจที่จะเป็นที่พักพิงและที่ปลอบโยนให้กับเธอ เขาปล่อยเธอไว้คนเดียวไม่ได้ เพราะเป็นห่วงทั้งอันตรายและกลัวว่าหญิงสาวจะคิดทำอะไรที่ไม่ดีต่อตัวเอง ตลอดทางบนรถ นพสูรย์ ได้แต่กุมมือเธอไว้แน่น ขณะที่น้ำตาของ กรรณ ก็ยังคงหลั่งไหลไม่หยุด เขาไม่รู้จะขับรถไปที่ไหนดี จนในที่สุดก็ตัดสินใจตรงไปยัง บ้านพักส่วนตัว ของเขาเอง “มาบ้านลุงเหรอ?” กรรณเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ใบหน้าที่บวมช้ำจากอาการร้องไห้ ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเธอลดลงเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของนพสูรย์ เธอยังคงน่ารักและสวยงามเสมอ “ใช่ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้คนเดียวหรอกนะ แล้วก็ไม่อยากให้เธอไปพักข้างนอกด้วย ถึงเธอจะเป็น...” “...กะเทย ใช่ไหม?” หญิงสาวพูดต่อด้วยความเจ็บปวด “ทำไม... เป็นกะเทยแล้วมันทำไม! มันผิดมากรึไง!” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความน้อยใจ ทำเอานพสูรย์รีบยกมือห้ามอย่างยอมแพ้ “เปล่านะ! ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย โถ... ไม่ต้องร้องนะ หน้าเธอบวมหมดแล้ว เดี๋ยวไม่สวยนะ คนสวย” นพสูรย์ปลอบโยนอย่างเต็มที่ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาต้องปลอบใครสักคน และเขาไม่ชอบเลยที่จะเห็นผู้หญิงคนไหนร้องไห้ ถึงแม้ตรงหน้าจะเป็นสาวประเภทสอง แต่เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่งในความรู้สึกของเขาสามปีต่อมา...ผ่านไปอย่างรวดเร็วนับจากวันที่ นพสูรย์ สวมแหวนให้กรรณ ชีวิตของทั้งคู่เข้าสู่ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข ความมั่นคง และการวางแผนสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่กำลังเตรียมงานแต่งงานอย่างเงียบ ๆ ควบคู่ไปกับการทำภารกิจสุดท้ายของ กรรณ คือการเรียนจบคณะบริหารธุรกิจวันนี้คือวันสำคัญยิ่งในชีวิตของกรรณ—วันรับปริญญาบัตร คณะบริหารธุรกิจ ณ หอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง แสงแดดยามบ่ายสาดส่องกระทบชุดครุยสีดำขลิบทองของเธอ กรรณยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่รักเธอที่สุด หัวใจของเธอพองโตด้วยความภาคภูมิใจรอบตัวเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัวและเพื่อนสนิทที่เดินทางมาแสดงความยินดี“ถ่ายรูปกลุ่มกันก่อนเลยค่ะ! กะทิอยากได้รูปครอบครัวใหญ่แบบเต็ม ๆ!” กะทิ ผู้เป็นเพื่อนรักสนิทและเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของกรรณกล่าวอย่างตื่นเต้น มือของเธอกำช่อดอกกุหลาบสีชมพูช่อใหญ่ที่จัดให้กรรณเองกับมือลูกไม้ เพื่อนรักอีกคน ซึ่งวันนี้แต่งตัวมาในชุดที่ดูดีเป็นพิเศษ ยืนอยู่ข้างกะทิและยิ้มอย่างยินดี “วันนี้แกสวยมากเลยนะกรรณ! เก่งที่สุด!”นพสูรย์ เจ้าบ่าวในอนาคตของกรรณ ยืนอยู่ข้างเธอในชุดสูทสีเทาอ่อน ดูโดดเด่นและส
แสงอรุณยามเช้าสาดส่องลอดผ้าม่านเนื้อดีเข้ามาใน ห้องนอนใหญ่ ของ นพสูรย์ ละเลียดไปบนผิวเปลือยเปล่า สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นจนแทบจะกลืนกินทุกสิ่ง กรรณ ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่เธอรู้สึกว่าปลอดภัยและเป็นของเธออย่างสมบูรณ์ ความรู้สึกอิ่มเอมใจจากค่ำคืนที่ผ่านมายังคงซึมซาบอยู่ในทุกอณูของร่างกาย ทำให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะแห่งความสุขนพสูรย์ลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมกริบของเขามีประกายแห่งความรักและความเสน่หาที่ไม่อาจปกปิด เขาใช้ปลายนิ้วที่ยังคงสั่นเทาเล็กน้อยเกลี่ยเส้นผมสีดำขลับที่ปรกใบหน้าสวยหวานของเธอออกอย่างอ่อนโยน“ตื่นแล้วเหรอ เจ้าหญิง ของฉัน” เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและเต็มไปด้วยความเสน่หา รอยยิ้มของเขาทำให้ดวงตาโค้งลงอย่างอบอุ่นกรรณซบหน้าลงกับแผงอกที่แข็งแกร่งของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย “ค่ะ... ฉันรู้สึกเหมือนกำลังฝันไปเลย เหมือนกำลังอยู่ในเทพนิยาย”“นี่ไม่ใช่ความฝัน ที่รัก” นพสูรย์กระชับอ้อมแขนรอบเอวบางของเธอแน่นขึ้น ราวกับต้องการตอกย้ำความจริง “นี่คือความจริงของเรา... ความจริงที่ฉันเฝ้ารอมานานแสนนาน”หมากฝรั่งกับการสารภาพรัก: สัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์นพสูรย์ยันตัวขึ้น
สองเดือนต่อมา ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ความสัมพันธ์ระหว่าง กรรณ และ คุณมาลี ผู้เป็นแม่แท้ ๆ รวมถึง กันยา น้องสาว ก็แน่นแฟ้นขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณมาลีเต็มใจที่จะชดเชยเวลาที่สูญเสียไปทั้งหมดวันหนึ่ง คุณมาลีชวนกรรณไปที่คลินิกศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่ง“ไหนบอกว่าจะพามาเดินเล่นคะคุณแม่” กรรณถามอย่างสงสัยคุณมาลีจับมือกรรณอย่างอ่อนโยน “วันนี้แม่มีของขวัญให้ลูก... เป็นของขวัญที่แม่รู้ว่าลูกอยากได้มาตลอด”กรรณเบิกตากว้าง เมื่อคุณมาลีแนะนำให้เธอรู้จักกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มอธิบายถึงการผ่าตัด เสริมหน้าอก และขั้นตอนของการ ผ่าตัดแปลงเพศ ที่ทันสมัยที่สุด“แม่จะทำให้ลูกได้เป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด... ทั้งร่างกายและจิตใจ” คุณมาลีกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรัก “นี่คือสิ่งที่แม่ควรจะทำให้ลูกนานแล้ว”น้ำตาของกรรณไหลอาบแก้มด้วยความตื้นตัน สิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตกำลังจะเป็นจริงด้วยมือของแม่แท้ ๆ ที่เพิ่งค้นพบกัน“ขอบคุณค่ะคุณแม่... ขอบคุณจริงๆ ค่ะ” กรรณโผเข้ากอดมารดาอย่างแน่นหนา ความรู้สึกของการได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงเติมเต็มทุกช่องว่างในหัวใจไม่นานหลังจากนั้น กรรณ
หนึ่งสัปดาห์หลังจากการเปิดตัวความสัมพันธ์อย่างกล้าหาญ กรรณ ต้องไปร่วมงานอีเวนต์วันเกิดของ น้องเขตแดน ลูกชายคนเล็กของเพื่อนสนิทในวงการของ นพสูรย์ แม้ว่านพสูรย์จะอาการดีขึ้นมากจนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ก็ยังพักฟื้นอยู่ที่บ้าน และให้กรรณไปร่วมงานพร้อมกับ ลูกไม้ และ กะทิ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ที่แน่วแน่ขณะเดินทางในรถ กันยา น้องสาวก็โทรมาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง แต่สีหน้าของกรรณยังคงมีความกังวลฉายชัด“แกอย่าไปคิดมากนะ กรรณ” ลูกไม้ตบบ่าเพื่อนเบาๆ “พ่อแกจะว่าอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้แกมี คุณนพสูรย์ และ คุณหญิงฤดี หนุนหลังแล้วนะ”“นั่นสิ กรรณ” กะทิเสริม “เรามาฉลองให้เขตแดนกันเถอะ อย่าให้คำพูดของคนใจร้ายมาทำลายวันดีๆ ของแก”กรรณพยักหน้า พยายามยิ้ม แต่ความกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับ พ่อเลี้ยงนล ยังคงกัดกินหัวใจเธอเมื่อกรรณ ลูกไม้ และกะทิเดินทางมาถึงงานวันเกิดที่จัดขึ้นอย่างหรูหราที่บ้านหลังใหญ่ของเจ้าภาพ พ่อเลี้ยงนลก็ปรากฏตัวขึ้นทันที เขาคงทราบล่วงหน้าว่ากรรณจะมา และตั้งใจมาเพื่อสร้างความวุ่นวาย“คิดจะมาแสดงความสวยงามเพื่อโปรโมตตัวเองอีกแล้วเหรอ ไอ้กรรณ” พ่อเลี้ยงนลเดินตรงเข้ามาหาเธอทันที สีห
เช้าวันรุ่งขึ้น บ้านสไตล์ลอฟต์ของ นพสูรย์ กลายเป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราว มีเพียง นพสูรย์ (ที่ยังมีร่องรอยบาดเจ็บเล็กน้อย), กรรณ, และ พี่อู๊ด เท่านั้นที่อยู่ร่วมกัน พี่อู๊ดวางเอกสารและกราฟวิเคราะห์กระแสข่าวอย่างเคร่งเครียดบนโต๊ะกลางห้อง“ข่าวโจมตีหนักมาก นพ” พี่อู๊ดเปิดฉาก “Gossip Boy มันเขียนเหมือนถูกจ้างมาให้ฆ่ามึงเลย ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ การถอนตัวของสปอนเซอร์ และโดยเฉพาะการขุดคุ้ยเรื่องครอบครัวของ น้องกรรณ”กรรณกำมือแน่นด้วยความรู้สึกผิด นพสูรย์รีบจับมือเธอไว้เพื่อส่งกำลังใจ“แผนของผมครับพี่” นพสูรย์พูดอย่างหนักแน่น “เราจะไม่หนี และจะไม่ตอบโต้ด้วยความโกรธ เราจะสู้ด้วย ความจริงใจ และ ความรัก”พี่อู๊ดพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ดี! พี่ก็คิดแบบนั้น เราจะไม่จัดแถลงข่าว แต่เราจะปล่อย วิดีโอสัมภาษณ์แบบควบคุม”กลยุทธ์ "ความจริงจากหัวใจ"พี่อู๊ดอธิบายแผนการของตนเองอย่างละเอียด โดยมีใจความสำคัญคือการใช้ 'วิกฤต' เป็น 'โอกาส'1. จุดเปลี่ยนจากอุบัติเหตุ: ใช้ฉากเหตุการณ์รถชนเป็นจุดศูนย์กลางของการสื่อสาร เพื่อแสดงให้เห็นว่าความรักของทั้งคู่ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย แต่เป็นความผูกพันระดับชีวิต โดยเน้นย้ำ
ห้องพักผู้ป่วยพิเศษของ นพสูรย์ ดูหรูหราผิดกับห้องพักผู้ป่วยทั่วไป แต่มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นจากการดูแลของ กรรณ ที่ไม่ยอมห่างไปไหนขณะที่กรรณกำลังปอกผลไม้ให้เขาอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูที่มาพร้อมกับร่างของคนสองคน คือ คุณหญิงฤดี มารดาของนพสูรย์ และ ท่าน ส.ส. บิดาของเขา โดยมี พี่อู๊ด ผู้จัดการส่วนตัวของนพสูรย์เดินนำหน้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“นพ! ลูกแม่! เกิดเรื่องแบบนี้ทำไมไม่รีบบอกแม่!” คุณหญิงฤดีรีบเดินเข้าไปที่เตียงด้วยความเป็นห่วงสุดขีด เธอจับมือลูกชายพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ“ผมสบายดีครับแม่” นพสูรย์ตอบด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองกรรณที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ด้วยความเกรงใจ “แม่ครับ... นี่ กรรณ ครับ”คุณหญิงฤดีหันไปมองกรรณอย่างพิจารณา ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนจะหันมามองนพสูรย์อย่างสับสนและตำหนิเล็กน้อย ส่วนท่าน ส.ส. พยักหน้าให้กรรณอย่างสุภาพ แต่ก็มีแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม“อู๊ด! แกปล่อยให้เรื่องบ้าอะไรมันเกิดขึ้นได้ยังไง!” คุณหญิงฤดีหันไปตวาดใส่ผู้จัดการส่วนตัวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด “ลูกพี่ลูกน้องของฉัน! เธอรู้ไหมว่าการที่นพขับรถหนีออกมาเพราะเรื่องผู้หญิงมันจะกระทบงานข







