เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างแจกัน หยิบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าเกร็งแน่น นิ้วมือสั่นเทาเบา ๆ เขาอ่านจดหมายจากท่านเทพอย่างประหม่า“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าขาดการติดต่อไปสิบชั่วโมงแล้วนะ ข้ากังวล...”“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าจงมีชีวิตให้ดี เจ้ารับปากข้าแล้ว จะรวมหัวเซี่ยเป็นหนึ่งเดียว เจ้าห้ามผิดคำพูดเด็ดขาด!”“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? เหตุใดไม่ตอบจดหมายล่ะ?”“จ้านเฉิงอิ้น เกิดเรื่องกับเจ้าหรือเปล่า? บอกข้าสิ ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”“จ้านเฉิงอิ้นไม่ต้องกลัว ข้าจะส่งอุปกรณ์รักษาแผลภายนอกต่าง ๆ เตียงผู้ป่วย เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ที่สามารถเอกซเรย์ได้ยังไม่มีสินค้า อีกหนึ่งสัปดาห์จะมาถึง เจ้าต้องทนให้ได้นะ!”“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? หรือว่าตายไปแล้ว? ไม่สิ เจ้าจะทำข้าตกใจกลัวแบบนี้ไม่ได้นะ ข้ากังวลมาก!”“จ้านเฉิงอิ้น ถ้าเจ้าตอบจดหมายข้าได้ ข้าจะส่งอัลบั้มรูปภาพให้เจ้า จริง ๆ นะ ข้าไม่โกหกเจ้า”“แม้แต่อัลบั้มรูปภาพก็ยังดึงดูดความสนใจของเจ้าไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องใหญ่กับเจ้าแล้ว!”“ท่านแม่ทัพใหญ่ สรุปแล้วเจ้าเป็นหรือตายกันแน่! ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก!”“จ้าน
นี่คือข้าวสารสามร้อยชั่งเชียวนะหากครอบครัวยากจนมีข้าวสารสามร้อยชั่ง ก็อยู่ได้เกินครึ่งปีเห็นได้ชัดเลยว่า สิ่งของเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหนมีคนร่ำรวยในเมืองนี้นำทอง เงิน และเครื่องประดับออกมาแลกแชมพูและครีมอาบน้ำกับพวกทหารทองคำหนึ่งกล่องสามารถแลกแชมพูได้หนึ่งขวดก่อนเกิดความอดอยาก ทองคำหนึ่งกล่องเพียงพอให้ครอบครัวหนึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องของกินของใช้ไปตลอดชีวิตได้ทหารชั้นผู้น้อยถึงได้ให้ความสำคัญขนาดนี้จ้านเฉิงอิ้นมองแชมพูกลิ่นกล้วยไม้ท่านเทพชอบกล้วยไม้หรือ?น่าเสียดายที่หัวเซี่ยแห้งแล้ง ยากที่จะหาดอกกล้วยไม้พบเมื่ออุณหภูมิดีขึ้น เขาจะมอบกล้วยไม้ให้ท่านเทพอย่างแน่นอนจ้านเฉิงอิ้นเดินลงจากกำแพงเมืองเห็นคนต่อแถวยาวเพื่อแลกรางวัลแต่คนที่นำข้าวสารและแป้งสาลีมาที่โกดัง กลับมีน้อยมากดูเหมือนว่า ทุกคนไม่ขาดแคลนเสบียงแล้ว*เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป เป็นเวลาสิบโมงแล้วเธอไปดูแจกันก่อนอันดับแรกกระดาษขาวหลายแผ่นอยู่ด้านล่างแจกันเธอรีบลงจากเตียง แล้วหยิบกระดาษสีขาวที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วเห็นบนกระดาษขาวเขียนว่า “ท่านเทพ ข้ากลับมาแล้ว!”ที่แท้ในสองวันที่จ
เพราะเรื่องที่เย่ซินถูกจับ คนตระกูลมู่จึงคิดหาทุกวิถีทางเพื่อตามหาเย่มู่มู่ถึงขั้นยอมใช้เงินจำนวนมากจ้างนักสืบเอกชน เพื่อตามหาที่อยู่ปัจจุบันของเย่มู่มู่พวกเขายังได้ข่าวว่าบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนเดิมทีเป็นทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเย่มู่มู่บ้านพักตากอากาศแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วเมือง กระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศเป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่าคนดังในเน็ตมาเช็คอินแน่นอนว่าที่คนตระกูลเย่มาในวันนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องเย่ซินเท่านั้นคนในตระกูลรู้สึกว่าที่พ่อของเธอร่ำรวยได้ และที่เธอมีทรัพย์สินมหาศาลในชื่อของเธอตั้งแต่อายุยังน้อย ก็เป็นผลมาจากการคุ้มครองของบรรพบุรุษเธอจำเป็นต้องให้เงินเพื่อตอบแทนตระกูลบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนก็ไม่เลวพวกเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับบริษัทจดทะเบียนได้ แต่ถ้าได้บ้านพักตากอากาศเซียนหยวนมาครอบครองก็ยังดีอย่างไรก็แล้วแต่ สาวน้อยอายุแค่นี้ จะถือเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง!ไหนจะเรื่องเย่ซินอีก หากว่าเธอไม่เซ็นหนังสือยอมความชีวิตนี้ของเย่ซินต้องถูกทำลายแน่พวกเขายังอยากเกลี้ยกล่อมให้เธอเซ็นหนังสือยอมความ ให้เย่ซินได้รับโทษเบาลงชายส
แต่ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ อาหญิง อาเขย อาเล็ก อาสะใภ้ของตระกูลเย่ยังมีสีหน้าปกติเพราะเย่มู่มู่ไม่ให้ความร่วมมือ สีหน้าของพวกเขาเลยดูโกรธเล็กน้อยโกรธที่เย่มู่มู่ทำให้พวกเขาอับอาย!เป็นไปตามที่คิด มนุษย์หน้าไม่อาย ย่อมไม่แพ้ผู้ใดในใต้หล้าเย่มู่มู่ไม่อยากสนใจพวกเขา หลังจากโทรหาทนายสวีแล้ว จึงหันหลังคิดจะจากไปพอลุงใหญ่ตระกูลเย่เห็นว่าเธอจะไป จึงตะโกนเสียงดัง “เธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ พาเสี่ยวซินออกมาให้ฉัน ได้ยินไหม”“ฉันเตือนเธอแล้วนะ ถ้าเสี่ยวซินตาย เธอก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตอยู่”หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็เห็นเย่มู่มู่ไม่หันมาจึงนอนลงบนถนนที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้านย่าก็ให้ความร่วมมือร้องไห้พร้อมตะโกนทั้งน้ำตา “สร้างเวรสร้างกรรมแล้ว หลานสาวฆ่าคน ใส่ร้ายหลานชายสุดที่รักของฉันเข้าคุก”“เทวดาฟ้าดิน ท่านสงสารฉันหญิงชราคนนี้ด้วยเถิด เอาชีวิตของฉันไป แลกกับการให้หลานชายของฉันได้มีชีวิตอยู่ต่อ”“ส่วนหลานสาวคนนั้น ฉันขอสาปแช่งให้เธอตายเร็วเหมือนกับแม่ของเธอ!”เมื่อเย่มู่มู่ได้ยิน ก็อยากหันกลับไปด่าหญิงชราแต่ก็ถูกพี่ซุนและภรรยาของเขาห้ามเอาไว้“อย่าไปเลยครับ คนแบบนี้ยิ่งคุณสนใจมากเท่าไหร่ เธอก็
ตอนที่เขาไม่สามารถตอบจดหมายได้ เย่มู่มู่ก็เคยสัญญาว่าจะส่งอัลบั้มภาพให้เขา เพื่อสร้างร่างทองเปิดหน้าแต่เธอแค่ปลอบประโลมเขาเท่านั้น รีบร้อนตอบจดหมายกลับ เพื่อจะได้รีบดีขึ้นเธอไม่ได้มีเจตนาอื่นจริง ๆ!ท่านแม่ทัพคงจะโกรธถ้ารู้ว่าเธอโกหกคนโบราณให้ความสำคัญกับคำสัญญา รับปากแล้วไม่คืนคำในอัลบั้มรูปภาพมือถือล่าสุดของเธอ ไม่มีรูปถ่ายชุดโบราณ!ในคฤหาสน์มีชุดโบราณที่เป็นงานฝีมือซับซ้อนและประณีตหลายชุด เธอจ่ายเงินไปจำนวนมากเพื่อสั่งทำจากร้านในเถาเป่ารอชุดอยู่หลายเดือนบังเอิญ ผู้จัดการบ้านพักตากอากาศบอกว่ามีกลุ่มคนมาสัมภาษณ์ เป็นช่างไฟคนหนึ่ง ช่างภาพคนหนึ่ง และช่างแต่งหน้าสองคนทั้งมีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีเย่มู่มู่เขียนจดหมาย แล้วใส่ลงไปในแจกัน“จ้านเฉิงอิ้น รอข้าสักสองสามชั่วโมง ข้าขอไปจัดสถานที่ก่อน แล้วจะถ่ายรูปส่งให้เจ้าดู!”เย่มู่มู่หยิบชุดโบราณหลายชุดออกมาจากตู้เสื้อผ้าในห้องนิรภัยใต้ดิน เธอเลือกเครื่องประดับที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมา แล้วหยิบออกมาจากกล่องหลังจากช่างภาพช่างแต่งหน้ามาถึงคฤหาสน์เย่มู่มู่จึงให้ผู้สัมภาษณ์ช่วยแต่งหน้า ทำผม จัดไฟ แล้วถ่ายรูป...ไม่ว่าจะรับ
เย่มู่มู่เก็บปิ่นปักผมขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ใส่ลงกล่องไม้จันทน์แดงก่อนจะเขียนจดหมายตอบกลับจ้านเฉิงอิ้น“ไม่ต้องส่งมาแล้ว ส่งแท็บเล็ตที่ข้าส่งไปให้มา ข้าจะส่งรูปภาพไปให้”ตึง~เสียงแท็บเล็ตตกพื้นก็ดังขึ้นเย่มู่มู่หยิบแท็บเล็ตขึ้นมา ปลดล็อกหน้าจออย่างชำนาญรูปถ่ายส่งไปในอัลบั้มภาพ และใส่รหัสผ่านทีละรูป ๆใช้เครื่องปริ้น ปริ้นภาพสีหยาบดูไม่เหมือนจริง หลังจากเป่าแห้งแล้วก็ส่งไปพร้อมกับกระดาษเธอเขียนจดหมาย“รูปที่ปริ้นออกมาหยาบเกินไป ข้าส่งรูปไปทั้งหกชุดแล้ว เจ้าดูแล้วก็เลือกว่ารูปไหนเหมาะ”“จริงสิ โรคระบาดเป็นอย่างไรบ้าง?”“ยังอยากได้ยาหรือเสบียงอาวุธเพิ่มหรือไม่? ข้าสั่งเสื้อเกราะกันกระสุนที่ป้องกันทั้งหมดมาสองชุด สินค้าชุดแรก อีกสิบกว่าวันจะส่งมาถึง ถ้าเกิดกองทัพถูกโจมตี ต้องอดทนเอาไว้ก่อนนะ!”เย่มู่มู่นำภาพที่ปริ้นออกมาใส่เข้าไปในแจกันพร้อมกระดาษ*วันนี้พักผ่อน จ้านเฉิงอิ้นกลับไปอาบน้ำทำความสะอาดที่จวนแม่ทัพ เขารออยู่นานมาก ท่านเทพก็ไม่ส่งภาพมาสักทีท่านเทพ จะโกหกไม่ได้!แต่นางก็บ่ายเบี่ยงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้ส่งภาพมาให้จริง ๆสร้างศาลขึ้นมาสามแห่ง ภายในศาลว่างเปล
เว่ยกวงสายตาเฉียบแหลม เขาเห็นท่านแม่ทัพเลือดกำเดาไหลเขาหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดกับเถียนฉินสวี่หมิงทั้งสองคนที่กำลังตะลึง “พวกเจ้าสองคนอย่าไปรบกวนท่านแม่ทัพเลย เขาแค่โตแล้วเท่านั้น!”เสี่ยวลิ่วจื่อถามด้วยความไม่เข้าใจ “พี่เว่ย โตแล้วต้องเลือดกำเดาไหลด้วยหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าไม่อยากโตแล้ว!”“เจ้าเด็กโง่ ถ้าเจ้าไม่โต แล้วจะกลายเป็นบุรุษที่แท้จริงได้อย่างไร จะแต่งภรรยาได้อย่างไร?”เสี่ยวลิ่วจื่อเบือนหน้ากลับมา แล้วถามเว่ยกวง “แต่ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเลือดกำเดาไหล?”ต้องเกี่ยวอยู่แล้วสิ!คนที่ฉลาดมองปราดเดียวก็ดูออก ว่าท่านแม่ทัพกำลังเป็นหนุ่มในเรื่องอายุ ท่านแม่ทัพอายุน้อยกว่าเว่ยกวงไม่กี่ปีดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพจะมีคนที่ชอบแล้ว!*จ้านเฉิงอิ้นไม่กล้ามองรูปภาพในอัลบั้มนั้นอีก หนึ่งเพราะกลัวเลือดกำเดาจะไหลออกมาอีก สองมันจะเป็นการลบหลู่ท่านเทพเกินไปเขาไม่ควรมีความคิดที่ไม่สมควรมีต่อภาพของท่านเทพท่านเทพดีกับพวกเขาถึงเพียงนี้!เขาจะลบหลู่ได้อย่างไร!ดังนั้น เขาจึงนำเครื่องลายครามที่ประณีตงดงามควรค่าแก่การเก็บสะสมที่เว่ยก่วงนำไปแลกชามแสตนเลส กะละมังแสตนเลสก่อนหน้านี
เหล่าช่างแกะสลักพยักหน้า“ได้ขอรับท่านแม่ทัพใหญ่!”พวกเขาล้วนแต่เป็นช่างเก่าแก่อยู่ในอาชีพนี้มาสิบยี่สิบปี สำหรับหญิงงามเช่นนี้ เกรงว่าทั้งชีวิตพวกเขาก็ไม่มีวันลืมการแกะสลักร่างจริงด้วยรูปลักษณ์ของนาง จะดึงดูดให้ผู้คนทั้งเมืองแห่กันมาคุกเข่ากราบไหว้“เอาละ ถ้าสร้างเสร็จแล้ว ข้ามีรางวัลให้อย่างงาม!”เหล่าช่างฝีมือพากันดีใจมาก คุกเข่าส่งแม่ทัพออกไปจ้านเฉิงอิ้นพับภาพวาดแล้วใส่เข้าไปในอกอย่างระมัดระวังขณะที่กำลังจะไป เฉินขุยและเฉินอู่สองพี่น้องกำลังตามหาเขาพอดีพวกเขาเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วน สองพี่น้องขี่ม้าไปตามถนน วิ่งมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาเฉินขุยดึงบังเหียน ก่อนจะพลิกตัวลงจากม้าเฉินขุยยกมือคำนับกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ มีเรื่องจะรายงานขอรับ...”“เรื่องอะไร?”เฉินขุยกระซิบข้างหูเขา“สวีหวยกับกำลังพลหนึ่งแสนนาย ประจำการอยู่ห่างจากประตูทิศตะวันตกสามสิบลี้ เขาขอให้ในเมืองส่งน้ำ ส่งข้าวสาร แป้งสาลี น้ำมันและเสบียงพวกผักและเนื้อไปที่ค่ายของเขาขอรับ”“ทั้งยังบอกว่ากำลังพลหนึ่งแสนนายกำลังลำบากยากแค้น ไม่มีเสบียงอาหารแล้ว ขอร้องให้ท่านส่งไปโดยเร็วขอร
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล
เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด
“คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ
“แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ