อยู่ในยุคทุพภิกขภัยเช่นนี้ บนถนนเต็มไปด้วยกระดูกคน ชีวิตคนจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีมูลค่าที่สุดเฉินอู่ ซั่งตั๋วและมั่วฝานต่างหยิบกระดาษข้อความมาทั้งหมดและมากันอ่านทีละใบยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งดูหนักอึ้ง!มั่วฝานตาแดงก่ำและกล่าวพร้อมความรู้สึกเจ็บปวดร้าวใจ “ข้าคิดแล้วเชียวว่าต้องมีวิธีอื่นอีกแน่ จ้านเฉิงอิ้นบอกแผนการเสร็จก็ดำเนินการทันที จวงเหลียงอยากตอบโต้แต่ก็ถูกเขาห้ามเอาไว้!”จวงเหลียงกล่าว “การสนับสนุนที่พวกเราได้รับตลอดมาราบรื่นมากเกินไป เกรงว่าแม่ทัพก็คงไม่รู้เช่นกันและคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีระเบิด!”“ตอนนี้จะทำอย่างไร? ทางเข้าช่องเขาฝังระเบิดเอาไว้ ก็เลยจะไม่ช่วยแม่ทัพงั้นหรือ?”เฉินขุยกล่าว “ต้องไปช่วย!”เฉินอู่กล่าว “ข้าพาคนเข้าไปเอง ถึงมีระเบิดข้าก็ยอมแล้ว!”เซี่ยเวยกับจ้าวเฉียนและคนอื่น ๆ ต่างยกมือขึ้นกลางอก “แม่ทัพเฉินขุย พวกเราไปเองขอรับ แม่ทัพมีบุญคุณกับพวกเรา เพียงแต่หากเกิดสิ่งใดกับพวกเรา หวังว่าแม่ทัพทุกท่านจะเห็นแก่การได้รู้จักซึ่งกันและกัน ช่วยดูแลคนในครอบครัวรวมถึงญาติในด่านเจิ้นกวนให้ด้วย”“พวกเราไม่กลัวตาย กว่างอิงเซิ่งถูกพวกเราประหารด้วยพันมีดหมื่นแล่แล้ว ต่อให้
เฉินขุยเป็นผู้นำในการต่อสู้ แต่วางกลยุทธ์ด้อยกว่าเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน จวงเหลียงแสดงความคิดเห็น “ใช้อากาศยานไร้คนขับตรวจดูสถานการณ์ก่อน”“แม่ทัพเฉินขุย เจ้าต้องเตรียมกำลังพลห้าหมื่นขึ้นไป เพื่อพร้อมสำหรับเข้าไปรับแม่ทัพทุกเมื่อ”“ตอนนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ กลัวว่าจะมีการฝังระเบิดไว้ตรงทางเข้า เมื่อพวกเราเข้าไปนั่นเท่ากับเข้าไปติดกับดักเอง!” ในเวลาเดียวกันนี้ ภายในช่องเขามีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนั้นดังขึ้นกว่าทุกครั้งเสียงก้องกังวานจนพวกเขาหวาดกลัวตาลีตาลานตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่คับขันมาก ทุกคนตัดสินใจแบ่งกำลังเป็นสองฝ่ายเซี่ยเวยและจ้าวเฉียนนำกำลังพลห้าหมื่นเข้าไปตามทางที่เว่ยกวงกล่าวส่วนเฉินขุยทำตามความคิดเห็นของซ่งตั๋ว โดยเริ่มจุดระเบิดตั้งแต่ทางเข้าจนถึงบริเวณใกล้กับแม่ทัพแล้วค่อยนำคนออกมาหลังจากออกมาแล้ว ต่อให้ต้องเดินทางอ้อมหรือใช้น้ำมันเบนซินจุดไฟเผา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ห้ามตกอยู่ในอันตรายอีกถึงแม้จะตกอยู่ในอันตราย ก็ไม่ควรเป็นแม่ทัพชีวิตของแม่ทัพมีมูลค่าทางราคามากกว่าพวกเขารวมกันเวลานี้ ทุกคนดำเนินการกันทันทีเพียงแต่ว่า ในพวกเขาไม่มีคาดคิดเลย
“พวกเจ้าฆ่าจ้านเฉิงอิ้นได้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับพวกเรา!”จากนั้นเขากล่าวกับสมุน “เก็บข้าวของแล้วเตรียมตัวกลับ!”กองทัพธงเหลืองหลายร้อยคนเตรียมเก็บพลั่วกับเครื่องมืออื่น ๆ และออกเดินทางทันใดนั้น คนอื่น ๆ พากันหยิบอาวุธและขวางทางเดินพวกเขาซุนเฮ่อยิ้มหยัน “ทำไม? พวกเจ้าคิดขวางพวกเรา?”ต่อจากนั้น ซุนเฮ่อเปิดเสื้อผ้าออก บนหน้าท้องมีระเบิดติดไว้หนึ่งห่อ“พวกเจ้าเห็นหมดแล้วว่าระเบิดมีอนุภาพยิ่งใหญ่เพียงใด ชนเผ่าหมาน แคว้นฉู่และแคว้นฉีห้าแสนห้าหมื่นคนทำไมถึงสู้กำลังพลห้าหมื่นของจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ ก็เพราะว่าเขามีระเบิดในมือไงหล่ะ!”“วันนี้ถ้าพวกเจ้ากล้าขัดขวางข้า พวกเจ้าจงมองให้ชัดเจน…”ช่างสี่ร้อยคนพากันเปิดเสื้อผ้าออก บนตัวมีระเบิดติดไว้ทุกคนพวกเขาแต่ละคนจ้องคนถืออาวุธและปิดกั้นทางเดินด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม“คิดจะขัดขวาง ได้ อย่างมากก็แค่ตายไปพร้อมกัน พวกเจ้ามีคนอยู่ในถ้ำเท่าไหร่ ไม่มีสองหมื่นคนก็น่าจะมีสามหมื่นคน พวกเรามีแค่ไม่กี่ร้อยคน”“ถึงจะตายกันหมดและถูกฝังไว้ที่นี่ พวกเราก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว!”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฮ่องเต้พูดกับพวกเราก่อนมาที่นี่ ถ้าเกิดสิ่งใดขึ้น ท่านจะวางแ
เย่มู่มู่เขียนจดหมายถึงจ้านเฉิงอิ้นหลายฉบับ แต่ไม่มีจดหมายตอบกลับแม้แต่ฉบับเดียวเธอเดาว่า จ้านเฉิงอิ้นเข้าไปในช่องเขาแล้วหรือไม่?หากในช่องเขามีการซุ่มโจมตี จ้านเฉิงอิ้นกำลังเสี่ยงอันตรายด้วยตัวเองนี่มันอันตรายเกินไปเย่มู่มู่ยังหวังว่าจ้านเฉิงอิ้นจะสามารถก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ทีละขั้น สามารถรวมหัวเซี่ยให้เป็นปึกแผ่น และสร้างเรือออกทะเลอีกครั้ง...ให้ทุกที่ที่แสงอาทิตย์ส่องถึง กลายเป็นแผ่นดินหัวเซี่ยนี่คือเรื่องสำคัญต่อคนรุ่นหลัง จะเป็นไปได้ไหมที่จะรวมสมาชิกวิดีโอคอลทั้งหมดไว้ด้วยกัน รวมถึงการใช้หัวชาร์จแบบเดียวกัน ไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษอีกต่อไปจ้านเฉิงอิ้นห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด!แต่เขาไม่มีจดหมายตอบกลับมาเลย!ส่งกระดาษเปล่าไปสิบกว่าแผ่น เขาก็ยังไม่มีข่าวเย่มู่มู่เดินเท้าเปล่าไปมาในห้องนั่งเล่น อาหารเช้าเย็นลงแล้ว แต่เธอก็กินไม่ลงเธอมองอาหารเช้าที่เย็นชืดอีกครั้งหยิบซาลาเปา ซุปกระดูกหมู ก๋วยเตี๋ยวหลอด เกี๊ยว... ทั้งหมดใส่ลงในแจกันไม่มีความรู้สึกฝืดเคืองเหมือนครั้งก่อนที่จ้านเฉิงอิ้นไม่อยู่การส่งไปราบรื่นมากหมายความว่า สถานการณ์ของจ้านเฉิงอิ้นอาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น
ทันใดนั้น เสื้อตัวในของซุนหย่าปาก็ถูกถอดออก เผยให้เห็นคราบเลือดขนาดใหญ่ที่เปื้อนอยู่ เสื้อชั้นในสีขาวถูกย้อมจนกลายเป็นสีเข้มจวงเหลียงใช้เสื้อตัวในสัมผัสกับกระดาษ แล้วใส่ลงในแจกันกระดาษพลันหายไปส่งผ่านไปได้จริง ๆการค้นพบนี้ทำให้พวกเขาทั้งหลายมีกำลังใจฮึกเหิมขึ้นมาได้จริงด้วย แม้ว่าท่านแม่ทัพจะไม่อยู่แล้ว แต่การใช้สิ่งของที่เปื้อนเลือดของเขาก็สามารถส่งกระดาษไปได้ ส่วนสิ่งของอื่น ๆ พวกเขายังไม่ได้ลอง ไม่รู้ว่าได้หรือไม่จวงเหลียงใช้ปากกาลูกลื่นเขียน“ท่านเทพ ข้าคือจวงเหลียง กุนซือของรัฐทายาท ท่านแม่ทัพได้เข้าไปในช่องเขาเป็นเวลาครึ่งก้านธูปแล้ว ภายในช่องเขามีเสียงดินระเบิด พวกเราไม่สามารถติดต่อเขาได้”“กองทัพธงเหลืองร่วมมือกับแคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน และเผ่าหมาน ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร กองทัพธงเหลืองสามารถผลิตดินระเบิดได้ ตอนนี้ช่องเขามีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง”*เย่มู่มู่เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ตนเองส่งไป ถูกส่งกลับมาด้านหลังว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยจากนั้น ไม่กี่นาทีต่อมา กระดาษอีกแผ่นก็ร่วงลงมาบนนั้นเขียนว่า จ้านเฉิงอิ้นเข้าไปในช่องเขาแล้วและ...ฝ่ายตร
ในที่สุดซุนเฮ่อและคนสี่ร้อยคนก็ถูกเยี่ยนเย่ปล่อยตัวไปทำไมหรือ?พวกเขาก็กลัวตายเหมือนกันในถ้ำมีคนมากกว่าสามหมื่นคน ซุนเฮ่อและพรรคพวกมีเพียงสี่ร้อยกว่าคนหากมีคนใดคนหนึ่งจุดชนวนดินระเบิด ทุกคนจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่ดินระเบิดสี่ร้อยห่อ ใครก็หนีไม่รอดจะทำให้ภูเขาถล่ม ทุกคนจะถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาไม่คุ้มค่าพวกเขามาเพื่อสกัดกั้นจ้านเฉิงอิ้น ไม่ใช่มาตายตามดังนั้น พวกเขาจึงปล่อยให้ซุนเฮ่อและคนอื่น ๆ แบกพลั่วเดินออกจากถ้ำเมื่อเดินออกมา มีคนรายงานเยี่ยนเย่“ท่านอ๋อง พบตำแหน่งของคนสองพันคนของจ้านเฉิงอิ้นแล้ว”“เจ้าหนูพวกนั้นตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” เยี่ยนเย่ดีใจมาก“ที่ทางเข้าด้านหน้าห่างไปห้าลี้ เดิมทีเรามีคนซุ่มอยู่ตรงนั้น แต่ถูกจ้านเฉิงอิ้นเก็บกวาดจนหมด ตอนระเบิดที่หน้าประตู คนของเขาก็ซ่อนตัวเข้าไปหมดแล้ว!”เดิมทีซุนเฮ่อที่เดินออกจากปากถ้ำได้ยินดังนั้น ก็ก้าวเท้าออกไปแล้วก็หดกลับมาเขาหันกลับไปมองทหารที่ส่งข่าว“จริงหรือ?”“ขอรับ พวกเราเพิ่งรีบมาจากที่นั่น!”“เขาซ่อนตัวอยู่ในปากถ้ำนั้นหรือ?”“ปากถ้ำที่ใหญ่ที่สุดห่างจากทางเข้าห้าลี้ ทางเข้ามีศิลาจารึกสิบแผ่น เมื่อก่อนเคยเ
“ใครก็ได้ ไปเฝ้าบริเวณใกล้ถ้ำที่จ้านเฉิงอิ้นซ่อนตัวอยู่ หากเกิดระเบิดแล้วยังไม่ตาย ให้คอยสกัดไม่ให้คนด้านในหลบหนีออกมาได้...”มู่ซาถาม “จะให้ส่งไปกี่คน?”“ยี่สิบคน ล้อมเอาไว้อย่าให้เหลือไปแม้แต่คนเดียว”“ไม่จำเป็นต้องใช้คนมากขนาดนี้ก็ได้กระมัง?”แม่ทัพแคว้นฉู่เจียงเหว่ยพูดว่า “เจ้าไม่รู้อะไร เกราะป้องกันของจ้านเฉิงอิ้นอยู่ในระดับสูงมาก สามารถต้านทานการโจมตีจากคนสิบคนได้เพียงลำพัง และอาวุธก็แหลมคม สามารถฟันดาบเสี้ยวของพวกเผ่าหมานได้ง่ายดายราวกับหั่นผักหั่นปลา”“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เมื่อระบุตำแหน่งของจ้านเฉิงอิ้นแล้ว ทุกคนจงล้อมที่นี่ไว้ให้แน่นหนา ห้ามปล่อยให้คนข้างในหนีออกมาได้แม้แต่คนเดียว”แม่ทัพทั้งสี่แคว้นต่างก็ให้ความสำคัญพวกเขารู้ดีว่า หากฆ่าจ้านเฉิงอิ้นได้ ประชาชนต้าฉี่ก็จะกลายเป็นเสบียงของแคว้นต่าง ๆ ของพวกเขาไม่มีเสบียงแล้วจะทำไม?ชาวต้าฉี่มีจำนวนมาก เพียงพอให้พวกเขากินได้อีกนานผ่านพ้นช่วงความอดอยากไปได้อย่างไม่มีปัญหาเลยยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์ต้าฉี่ก็ร่ำรวยได้ยินมาว่า ทรัพย์สมบัติในวังหลวงนั้นกองสูงเป็นภูเขาเสนาบดีซูยังรวบรวมสมบัติล้ำค่าหายากให้กับฮ่องเต้น้อย
จ้านเฉิงอิ้นและคนอื่น ๆ อีกหลายคนเดินออกมาส่วนใหญ่เป็นทหารผ่านศึก ซึ่งมีคนหนึ่งจำซุนเฮ่อได้เขาตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ลุง ลุงสาม... ทำไมถึงเป็นท่าน?”“ท่านมาที่ช่องเขาเป้าเสียได้อย่างไร?”คนที่จำซุนเฮ่อได้ ชื่อซุนหลิน อายุยี่สิบกว่าปี เข้าร่วมกองทัพมาห้าปีแล้ว!เขาเป็นนายกองพันภายใต้การบังคับบัญชาของจ้านเฉิงอิ้นก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน แต่พบว่าตนเองไม่ได้สังหารศัตรูมากเท่าคนอื่น จึงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างมากหลังจากนั้น ก็อาสาเป็นทหารทัพหน้าบุกทะลวงแม้จะต้องเสี่ยงอันตรายแม้ว่าทหารทัพหน้าจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่ก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อเขาเป็นคนกล้าหาญ พยายามเป็นทหารทัพหน้าและสังหารศัตรูมากมายสะสมเสบียงอาหารได้มากกว่าหนึ่งพันชั่ง แป้งสาลีแปดร้อยชั่งได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนายกองพันครั้งนี้ที่เข้าไปในหุบเขา ซุนหลินก็ลุงสามาเองเขาอยากได้พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีกสองสามชุด เพื่อมอบให้กับคนในหมู่บ้านแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับซุนเฮ่อที่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันที่นี่ซุนเฮ่อเป็นลุงสามของเขา เป็นคนในตระกูลเดียวกัน!เขาวิ่งออกมาด้วยความดีใจ วิ่งไปหาซุ
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล
เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด
“คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ
“แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ