Share

6/3 เจ้าเมืองโจวอี้

last update Последнее обновление: 2024-12-18 15:59:40

แผนการทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้แล้ว เหยาอี้เหยาระมัดระวังทุกฝีก้าวเพื่อไม่ให้ใครจับได้ โชคดีที่เมื่อวานมีคนก่อความวุ่นวายจึงทำให้ฉู่ซีเย่หันเหความสนใจไปจากนาง นางจึงฉวยโอกาสในเวลานั้นเพื่อหาทางติดต่อกับจี๋เฉวียน เพื่อขอความช่วยเหลือ

ฝ่ายจี๋เฉวียนหลบเลี่ยงทหารตระเวนเมืองจนมาพบนางได้ที่ท้ายตรอก เขาไม่เอ่ยถามว่าใครกันคือคนที่นางต้องการให้อารักขาไปยังจวนว่าการประจำเมืองในวันแต่งตั้งของฉู่ซีห่าวหรือนางต้องการทำอันใด เพราะเขาเคยบอกแล้ว ไม่ว่าเรื่องใด ขอแค่นางขอร้อง เขาจะทำให้

ยามอิ๋นท้องฟ้ายังมืดสนิท เหยาอี้เหยาลุกจากเตียงนอนก่อนจางลี่ นางผลัดเปลี่ยนชุดพิธีการตามที่ได้รับมอบมา ก่อนจะออกเดินทางไปสมทบกับคณะราชทูต นางนั่งบีบมือตนเองเพื่อระงับความตื่นเต้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสงบใจลงได้

จิตใจนางหวั่นกลัว ยิ่งใกล้จวนว่าการเจ้าเมืองเท่าไหร่ นางก็ยิ่งกลัว

ขบวนของนางไปถึงจวนว่าการในลำดับแรกๆ ที่นั่งของนางอยู่ฝั่งตรงข้ามของลานที่ประดับประดาไว้ด้วยธงปลิวไสว ตรงกลางมียกพื้นสำหรับวางกลองประจำเมือง ผู้คนคลาคล่ำมากมายอยู่ภายในบริเวณงาน นอกจากนี้ บริเวณกำแพงด้านนอกยังเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มารอสนับสนุนแม่ทัพฉู่ มวลชนเรือนหมื่นทำเอาเหยาอี้เหยากังวลว่าจี๋เฉวียนจะพาองค์หญิงมาถึงที่นี้ได้ทันเวลาหรือไม่

“อี้เหยา เจ้าสบายดีหรือเปล่า” ซ่างเจวี๋ยสังเกตมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วว่านางมีสีหน้าซีดเซียว แววตากังวลปิดไม่มิด คล้ายมีเรื่องไม่สบายใจ

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าน้อยเพียงแค่รู้สึกตื่นเต้นกับงานในวันนี้เท่านั้น” เหยาอี้เหยาพยายามอยู่ใกล้ซ่างเจวี๋ย เพราะลู่หมิงหรือกงจิ้งล้วนเป็นสายของไท่จื่อและฝ่าบาท

ความจริงซ่างเจวี๋ยก็เป็นสายของราชวงศ์ แต่เขาไม่เคยพยายามทำอะไรเช่นนั้น ทั้งยังจริงใจและหวังดีกับนางประหนึ่งน้องสาว นางจึงไว้ใจซ่างเจวี๋ยมากกว่าคนอื่น

“ไม่ต้องกังวลไป มีข้าอยู่” ซ่างเจวี๋ยระบายยิ้มกว้าง จับมือนางเป็นการให้กำลังใจ เหยาอี้เหยาจึงคลายความกังวลลงบ้างและยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกของวัน จนกระทั่งเห็นว่ากงซุนหลางมองนางอยู่ สายตาเขาทำนางที่มีชนักติดหลังต้องหลั่งเหงื่อเย็นๆ

กงซุนหลางเป็นบัณฑิตหัวก้าวหน้าที่อยู่ข้างกายฉู่ซีเย่ ระดับสติปัญญาหรือความสามารถโดดเด่น หลายวันมานี้เขาไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นเช่นนี้ เช่นเดียวกับฉู่ซีเย่ที่นางไม่ได้พบหน้านับตั้งแต่สองวันก่อน

“ว่าที่เจ้าเมืองฉู่มาแล้ว!”

เสียงตะโกนก้องด้วยความสรรเสริญดังขึ้นตั้งแต่ด้านนอกจวนว่าการ ชาวบ้านเรือนหมื่นที่ภักดีต่อสกุลฉู่ยินดีเป็นล้นพ้น ทุกคนยืนขึ้น ปรบมือต้อนรับการมาถึงของชายหนุ่มร่างสูงสง่าบนหลังอาชาสีปรอด สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องที่ว่าที่เจ้าเมืองคนใหม่ ทว่าเหยาอี้เหยาพยายามมองหาฉู่ซีเย่ แต่ไม่พบ

ท่ามกลางมวลชนเรือนหมื่น ไร้เงาของฉู่ซีเย่อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งๆ ที่เขาควรมาอารักขา รักษาความปลอดภัยให้กับแม่ทัพฉู่

เขาไปไหน วันสำคัญของแม่ทัพฉู่แต่เขาไม่มาหรือ?

เหยาอี้เหยารู้สึกว่าเริ่มมีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง ครั้นเมื่อนางหันกลับไปหากงซุนหลางที่ยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีสุภาพ ก่อนจะหันกายไปยังแท่นพิธี นางก็นั่งไม่ติดที่ อยากจะพบจี๋เฉวียนก่อนเวลา

“แม่ทัพกง ข้าน้อยอยากขอปลีกตัวสักครู่เพื่อทำธุระส่วนตัว”

“ให้ซ่างเจวี๋ยพาเจ้าไป” เหยาอี้เหยายอมให้ซ่างเจวี๋ยพาไป เพราะไม่งั้นลู่หมิงจะทำหน้าที่นี้แทน หลังจากนี้นางค่อยคิดหาทางแยกกับซ่างเจวี๋ยก็ไม่สาย

“วันนี้คนมาก อย่าเถลไถลแล้วรีบกลับมาโดยเร็ว” กงจิ้งย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากวันนี้มีโอกาสที่จะเกิดเหตุลอบโจมตีสูง อยู่ที่ว่าจะเกิดรุนแรงเพียงใดเท่านั้น

“เจ้าค่ะ”

ฝูงชนมากมายอยู่รายล้อมรอบตัวนาง เหยาอี้เหยามองหาลู่ทางเพื่อแยกกับซ่างเจวี๋ยและจางลี่ ทว่าทั้งสองตามติดประชิดนางยากจะหาจังหวะได้ แต่ฟ้าเป็นใจให้นาง เบื้องหน้ามีเหตุวุ่นวายเล็กน้อยเนื่องจากมีคนเป็นลมหมดสติหลายคน แน่นอนว่าด้วยนิสัยแล้ว ซ่างเจวี๋ยย่อมต้องยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก

“อี้เหยา เจ้ารออยู่ตรงนี้สักครู่ เดี๋ยวข้ามา”

“เจ้าค่ะ ท่านไปช่วยคนเถอะ” เมื่อมั่นใจว่าซ่างเจวี๋ยได้หันหลังไปแล้ว เหยาอี้เหยาก็ต้องจัดการกับจางลี่ที่ยังคงอยู่กับนาง ซึ่งหลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันมาสักพัก นางก็เรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับจางลี่ได้แล้ว

“คุณหนูเหยา ท่านเดินออกมาตรงนี้ทำไมเจ้าคะ แม่ทัพซ่างให้ท่านรออยู่ที่ฝั่งโน้นก่อน”

เหยาอี้เหยาหันไปหาจางลี่ ด้วยท่าทีจริงจัง

“ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับเจ้า จางลี่ ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าไม่อยากรับใช้ข้า และไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา ดังนั้นวันนี้ข้าจึงอยากยื่นข้อเสนอให้เจ้า ถ้าเจ้าคิดจะติดตามข้า เจ้าต้องฟังข้าเท่านั้น”

ถ้อยคำประกาศิตเช่นนี้ พึ่งออกจากปากคุณหนูเหยาครั้งแรก

“ข้าน้อยฟังท่านเจ้าค่ะ” แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่แดนเหนือมีเพียงคุณหนูเหยาที่จางลี่จะพึ่งพาได้ นางจึงตัดสินใจที่จะติดตามคุณหนูเหยานานแล้ว

“ดี ไปบอกแม่ทัพซ่างว่าข้าหายตัวไปแล้ว”

ผู้คนมากมายช่วยอำพรางให้นางสามารถออกจากจวนว่าการได้อย่างราบรื่น โดยไม่เตะตาทหารรักษาการณ์แม้แต่คนเดียว

เหยาอี้เหยากึ่งวิ่งกึ่งเดิน นางวางแผนให้จี๋เฉวียนไปที่ตรอกซ้ายในอีกครึ่งชั่วยามเพื่อพาตัวองค์หญิงซึ่งจะแอบลอบหนีออกมาจากตรอกขวา เพื่อเปิดตัวในจวนว่าการก่อนที่ฉู่ซีห่าวจะถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าเมืองฉู่ แน่นอนว่าการปรากฏตัวขององค์หญิงเจ็ดที่ตายไปแล้ว ย่อมทำให้งานแต่งตั้งเจ้าเมืองต้องหยุดชะงัก แต่ก็ไม่ได้ล่มงาน เพียงแต่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น

ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วให้พี่ชายของนางถูกแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ

ในแผนการเดิมนั้น นางจะไม่มาพบพวกเขาแต่จะอยู่ในงาน ทว่าหลังจากเห็นกงซุนหลางและไม่พบว่าฉู่ซีเย่อยู่ในงาน เหยาอี้เหยาก็รู้สึกว่านางต้องมา เผื่อว่าเกิดเหตุขัดข้องใดๆ ขึ้น นางจะได้ช่วยพวกเขาให้ไปทันเวลา

หลังห่างออกมาจากงาน ผู้คนสองข้างทางเริ่มบางตา ชาวเมืองทั้งหมดไปกระจุกตัวอยู่ที่จวนว่าการ กระทั่งคนจากตรอกซ้ายขวา ยังไปกันเกือบหมดจนเหมือนตรอกร้าง

เหยาอี้เหยาหอบเหนื่อย เหงื่อผุดพราวในวันอากาศหนาว นางวิ่งมาถึงตรอกซ้าย ยังจุดที่นัดหมายกับจี๋เฉวียน ทว่าเขาไม่อยู่ มีเพียงร่องรอยฝีเท้าของคนจำนวนมากและเลือดสีอ่อนที่ซึมอยู่ในพื้นหิมะ

มีการต่อสู้ที่นี่

จี๋เฉวียนจะเป็นยังไงบ้าง นางร้อนใจขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่รู้จะไปตามหาเขาจากที่ไหนนอกจากไปหาองค์หญิง ในใจหวั่นกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับองค์หญิงจึงรีบไปที่เรือนของพระองค์ในตรอกขวาทันที

เท้าของนางทั้งเปียกชื้นและบาดเจ็บจากการเสียดสี แต่เรี่ยวแรงยังดีอยู่ กระทั่งวิ่งไปถึงตรอกขวาและได้เห็นว่ามีคนผู้หนึ่งนั่งจิบสุราอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปรายด้วยกิริยาสบายๆ

“ซื่อจื่อ...” เขานั่งอยู่หน้าเรือนขององค์หญิง บนร่างสวมชุดสีคราม ผมยาวเกลาไว้ด้วยเกี้ยว ระเบียบชุดเป็นทางการ เนื่องในโอกาสพิเศษ แต่งตั้งฉู่ซีห่าวขึ้นเป็นเจ้าเมือง

“มาเหนื่อยๆ กระหายหรือไม่”

ถ้วยคำนั้นเจือไปด้วยความเหยียดหยัน มุมปากหยักโค้งขึ้น ร่างกายของนางเหมือนพึ่งได้เผชิญกับพายุหิมะ รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา

“ท่านรู้ทุกอย่างตั้งแต่เมื่อไหร่”

ฉู่ซีเย่จรดจอกสุราขึ้นมาลิ้มรส “ตั้งแต่ก่อนที่เจ้าจะวางแผน”

“เป็นท่านให้องค์หญิงส่งจดหมายมาหาข้า ให้ข้าวุ่นวายกับแผนการที่ไม่มีวันสำเร็จ”

เหยาอี้เหยาเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว แผนการของนางล้วนอยู่ภายใต้การชักใยของเขา นางช่างโง่เขลา ไม่เอะใจตั้งแต่ที่เห็นว่าจดหมายจากองค์หญิงผ่านด่านเขามาถึงนาง สองวันมานี้นางเคร่งเครียดวิ่งวุ่นเพื่อหาทางขัดขวางแม่ทัพฉู่ โดยไม่รู้เลยว่านางได้ถูกเขาควบคุมไว้หมดตั้งแต่แรกแล้ว

นางเดินตามหมากที่เขาวางไว้ทุกอย่าง!

ฉู่ซีเย่ให้องค์หญิงส่งจดหมายให้นาง ล่อลวงให้เหยาอี้เหยาคิดว่าสามารถขัดขวางฉู่ซีห่าวได้ โดยไม่รู้ว่าเป็นเขาที่วางแผนขึ้นทั้งหมด

“ข้าแปลกใจที่เจ้าติดกับง่ายๆ เช่นนี้ จึงรู้สึกเบื่ออยู่บ้าง” ละครฉากนี้เขานั่งชมอย่างเบิกบานใจมาสองวันแล้ว ครั้นได้เห็นสีหน้าผิดหวังของนาง ยิ่งพอใจเข้าไปอีก

“ท่านทำอะไรจี๋เฉวียน” แผนการพังแล้วนางต้องยอมรับ แต่จี๋เฉวียนเล่า ร่องรอยต่อสู้ที่ตรอกซ้ายบ่งบอกว่ามีการสูญเสียเลือดเนื้อไม่น้อย

“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่เกลือกกลั้วกับเหลือบไร” ฉู่ซีเย่เพียงส่งข่าวให้ไท่จื่อจัดการจี๋เฉวียน โดยใส่ความไปว่าเหยาอี้เหยากำลังคิดจะหนี เท่านี้ ไท่จื่อก็ไม่เอานางไว้แล้ว

เหยาอี้เหยากลับไปหาไท่จื่อไม่ได้ จี๋เฉวียนถูกทำร้ายบาดเจ็บ ยามนี้นางไร้ที่พึ่งแล้ว นอกจากฉู่ซีเย่

“ท่านสนุกมากเลยซินะ” เหยาอี้เหยารู้สึกว่านางตัวชา ตั้งแต่หัวจรดเท้าแทบจะไม่รู้สึกแล้ว

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางเลือกเพราะไท่จื่อบีบเจ้า แต่ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าอย่าได้คิดจะทำอะไรเพ้อฝัน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะเจ็บตัวได้”

“ข้าน้อยเพียงอยากให้พี่ชายได้เป็นแม่ทัพ...”

“เจ้าทำตัวเอง”

ยามนั้นเสียงดังลั่นของกลองประจำเมืองดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าแม่ทัพฉู่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองโจวอี้คนต่อไป

เหยาอี้เหยาทรุดลงกับพื้นหิมะ แมลงคุณไสยได้กำเริบขึ้นมาแล้ว เส้นเลือดในกายพลันเดือดพล่านและจับตัวเป็นน้ำแข็งจนหัวใจแทบหยุดเต้น นางคลานไปหาฉู่ซีเย่โดยอัตโนมัติ เพราะร่างกายของเขามีความอบอุ่นที่นางกำลังโหยหา ทว่าฉู่ซีเย่ถอยหลัง

“ซื่อจื่อ...ช่วยข้า...ด้วย...”

ทุกครั้งที่นางจะคว้าเท้าของเขาเอาไว้ได้ เขาก็จะถอยหลัง เป็นเช่นนี้จนเหยาอี้เหยาคลานไปหนึ่งช่วงตัว ฉู่ซีเย่กลับไม่แยแส ขึ้นรถม้าจากไป สุ้มเสียงเขาทิ้งท้ายไว้ให้นางหนึ่งประโยค

“ถ้าเจ้าคลานมาหาข้าถึงจวนสกุลฉู่ได้ ข้าจะให้ยาระงับพิษกับเจ้า”

"ซื่อจื่อ..."

เหยาอี้เหยาถูกความเจ็บปวดทิ่มแทงจนเดินไม่ไหว จึงคลานไปบนพื้นหิมะเย็นเฉียบเพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกเจ็บเกินไป เพียรพยายามทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตวิดรอดให้ได้ แต่นางก็ไปไม่ถึงจวนสกุลฉู่

นางนอนหงายมองท้องฟ้าขมุกขมัวพร้อมกับปุยหิมะสีเงินที่งดงามเหลือเกิน เหยาอี้เหยาหยิบปิ่นเงินของท่านแม่ออกมากอดไว้กับตัว นางร้องไห้แต่ไม่คร่ำครวญ เจ็บปวดแต่ไม่กรีดร้อง

"ท่านแม่ ท่านตา...อี้เหยาเจ็บมากเลยเจ้าค่ะ..."

หิมะโปรยปรายอย่างเงียบงัน เหยาอี้เหยานอนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย

รถม้าที่แล่นจากไปกับมา ฉู่ซีเย่เลิกม่านขึ้น เห็นนางหมดสติอยู่นอกตรอกขวา บนร่างมีหิมะขาวโพลนปกคลุม เหมือนศพร่างหนึ่งที่เริ่มแข็งทื่อ น้ำเสียงราบเรียบไม่สื่ออารมณ์เอ่ยถาม

"ตายหรือยัง"

จินเฟยตอบหลังตรวจลมหายใจนาง"ยังขอรับ"

"อืม"

"นายท่านจะให้ข้าน้อยทำอย่างไรกับคุณหนูเหยาขอรับ" หากนายของตนอยากจะทิ้งนาง ย่อมไม่เลี้ยวรถม้ากลับมาอีก

ฉู่ซีเย่ไม่ใช่มีเมตตาธรรมกับคนที่คิดหักหลังเขา แต่เป็นเพราะท่านพี่ขอร้องเอาไว้ เขาเลยไว้ชีวิตนาง "เอาตัวนางไปให้ท่านลุง ไม่มีคำสั่งข้า ห้ามนางกลับเข้ามาในเมืองโจวอี้แม้แต่ครึ่งก้าว"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/2 ความรักที่สุกงอม

    ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/1 ความรักที่สุกงอม

    เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/2 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/1 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/2 ความรักที่งอกงาม

    ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/1 ความรักที่งอกงาม

    เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status