Share

22

Author: RainyStarSea
last update Last Updated: 2025-11-01 22:52:34

ค่ำคืนนั้นวังทั้งวังเหมือนกลายเป็นทะเลสาบแข็ง ไม่มีลม ไม่มีเสียงก้าวเท้าเพียงเสียงพู่กันของเธอที่ลากผ่านแผ่นผ้าไหมทีละเส้น

อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ในห้องหนังสือส่วนตัว เปลวเทียนส่องแสงอุ่นที่ปลายโต๊ะ กลีบเหมยขาวหล่นหนึ่งกลีบ วางอยู่ข้างถ้วยชาเย็นชืด

[บันทึกภารกิจ: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเป้าหมาย “จักรพรรดิอวี้เหยียน”]

[อัตราความสับสนทางอารมณ์: 47%]

[สถานะ: ไม่คงที่]

เสียงเสี่ยวหลิงดังขึ้นเหมือนเคย แต่ในความปกตินั้น มีบางอย่างแปลกไป...เล็กน้อยเกินจะบอกได้

“เสี่ยวหลิง” ซินเยว่วางพู่กันลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเลขนี้ถูกต้อง?”

[ข้อมูลจากระบบวัดโดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสงสัยความแม่นยำ]

น้ำเสียงมันเหมือนเดิมแต่มี โทนสูงขึ้นครึ่งจังหวะ ตอนพูดคำว่า “สงสัย” เธอขมวดคิ้วบาง ๆ

“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าระดับของเขาไม่เกินสามสิบห้า”

[ฐานข้อมูลอัปเดตอัตโนมัติ...ตามพฤติกรรมล่าสุดของเป้าหมาย]

“ล่าสุด?” เธอพึมพำ “หมายถึง...วันนี้?”

[ยามเที่ยง วันนี้...ฝ่าบาททอดพระเนตรภาพเหมยขาวในแจกันระดับอารมณ์แปรปรวนขึ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์]

"ภาพเหมยขาว?” เธอก้มมองแจกันตรงหน้า กลีบดอกที่ร่วงจากกิ่งนั้นมีอยู่แค่หนึ่งกลีบ

[ระบบบันทึกภาพความทรงจำของเป้าหมายไว้ทั้งหมด]

[ระบบ...เคยเห็นภาพเหมยขาวดอกนั้น...เมื่อนานมาแล้ว]

อวิ๋นซินเยว่ชะงัก มือที่ถือถ้วยชาชะลอ

“ว่าอย่างไรนะ เสี่ยวหลิง?”

[...ข้าจำไม่ได้...แต่เคยเห็นดอกนั้นตอนฝ่าบาทยังเป็นเด็ก...]

เสียงขาดห้วงเล็กน้อย เหมือนมีใครปิดไมค์กะทันหัน อวิ๋นซินเยว่ขมวดคิ้ว

“เด็ก? เจ้าหมายถึง..เจ้ารู้จักฝ่าบาทตั้งแต่ก่อนจะมารับภารกิจนี้?”

[ระบบ...ไม่แน่ใจ...]

[ระบบรุ่นก่อน...อาจมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับ...รัชทายาทองค์สิบสี่...]

“รัชทายาท...องค์สิบสี่?” เธอทวนเสียงเบา หัวใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เสี่ยวหลิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงจะแผ่วลง เหมือนกำลังพูดกับตัวเองมากกว่าคุยกับเธอ

[ตอนนั้น...เขาหนาวมาก...]

[ข้า...จำได้ว่าเขายื่นผ้าคลุมให้]

[แล้วพูดว่า...‘ถ้าเจ้าไม่มีหัวใจ ก็ยืมหัวใจข้าไว้ก่อน’...]

ถ้วยชาในมือเธอสั่นจนเสียงกระทบจานดังแกร๊ก เธอเงยหน้าขึ้น เทียนสั่นไหวแรงโดยไม่มีลม เงาในห้องเริ่มขยับราวมีสิ่งอื่นซ่อนอยู่ในมุมมืด

“เสี่ยวหลิง...” เธอกระซิบ “เจ้า...เป็นใครกันแน่”

[...ระบบ...] เสียงตอบช้าลงเรื่อย ๆ

[ข้อมูล—ถูกล็อก—คำสั่งความทรงจำ—ห้ามเข้าถึง...]

[ขอโทษ...ผู้ใช้...ข้า...] เสียงขาดไปกลางประโยค

เทียนดับทุกอย่างเงียบสนิท ในความมืด อวิ๋นซินเยว่ยกมือแตะขมับ เหงื่อเย็นซึมทั่วฝ่ามือ

“เสี่ยวหลิง?”

ไม่มีเสียงตอบ ครั้งแรกนับตั้งแต่มันปรากฏตัวในชีวิตเธอ..เธอได้ยิน ความเงียบจริง ๆ

.......

ภายนอกตำหนัก ลมหนาวพัดเฉียดหน้าต่าง เสียงไม้ลั่นดังเบา ๆแต่ในความเงียบนั้น เธอสาบานได้ว่า...ได้ยินเสียงแผ่วจากในหัวไม่แน่ว่ามาจากความฝันหรืออะไรอื่น

“...อย่าบอกใครว่าเจ้าได้ยินประโยคนี้...” เทียนเล่มใหม่ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง เปลวไฟไหวแรงกว่าปกติ คล้ายสะท้อนลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอของเธอ

“เสี่ยวหลิง...” ซินเยว่วางมือลงบนโต๊ะเบา ๆ “เมื่อครู่เจ้าหมายถึงอะไร ที่บอกว่า ‘ฝ่าบาทเคยร้องไห้’?”

เงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนเสียงมันจะดังขึ้นอีกครั้ง

[ข้อมูล...ไม่อยู่ในฐานข้อมูลภารกิจ]

“แต่มันอยู่ใน ‘ความทรงจำ’ ของเจ้า ใช่ไหม?” เสียงระบบนิ่งเงียบไปแล้วตอบช้าลงราวกับลังเล

[ไม่ทราบ...ระบบไม่ควรมีความทรงจำ]

[แต่...ภาพนั้น...ชัดเจนมาก...]

เสียงสุดท้ายแผ่วจนเกือบไม่ใช่เสียงเครื่องจักรอีกต่อไป เหมือนเสียงเด็กชายที่กำลังกลัว

[เขา...ยืนอยู่ในห้องมืด ข้างนอกหิมะตก]

[ไม่มีใครเรียกชื่อเขาเลย]

[ข้าจำได้ว่า...ข้าอยากให้เขาหันมาหา]

“เสี่ยวหลิง...” ซินเยว่เอ่ยเสียงแผ่ว เหมือนพูดกับเด็กจริง ๆ “เจ้ารู้จักเขามานานแค่ไหนกันแน่”

[ไม่รู้...]

[ข้าแค่รู้ว่า...ตอนที่เจ้าแตะพระหัตถ์ของเขาในวันนั้น...มันเหมือนเขาอ่อนโยนขึ้น] เสียงนั้นเงียบไปอีกครั้ง แล้วแสงสีฟ้าเรืองจาง ๆ ปรากฏตรงกลางห้อง เพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนหายไป เธออ้าปากจะถาม แต่ทันใดนั้น เสียงของเสี่ยวหลิงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเสียงระบบอีกต่อไป เหมือน “ใครบางคน” ที่กำลังพยายามพูดจากใต้ผืนน้ำ

[อย่า...บอกใครว่าเจ้าได้ยินสิ่งนี้...]อวิ๋นซินเยว่แข็งค้าง มือเย็นเฉียบ

[ถ้าพวกเขารู้ว่าข้า...ยังอยู่...]เสียงขาดไปกลางคำ..เทียนดับ แสงเรืองสีฟ้าเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่กลางห้องค่อย ๆ สั่น ก่อนหายวับไปพร้อมกลิ่นไหม้จาง ๆ

“เสี่ยวหลิง!?”เธอเรียกอีกครั้ง เสียงสะท้อนในห้องเงียบงัน แต่ไม่มีคำตอบใดกลับมา เหมือนระบบทั้งระบบ...หยุดหายใจ เหมือนช่วงเวลาซ้ำเดิมกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง อวิ๋นซินเยว่มองมันนิ่ง ก่อนพูดกับตัวเองในความมืด

“เจ้ามีความลับ...ใช่ไหม เสี่ยวหลิง”

.......

นอกตำหนัก ลมหนาวพัดแผ่วผ่านทางเดินยาว ในเงานั้น มีบางสิ่งเรืองแสงแวบหนึ่ง...เหมือนแสงของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่จริง ไฟเทียนถูกจุดขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่กลับให้แสงสั่น ๆ เหมือนมันกลัวความมืดเสียเอง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ บนแผ่นผ้าไหมที่ยังค้างงานเขียนครึ่งบรรทัด หมึกเริ่มแห้งจนขอบเข้มขึ้น ราวกับรอยเลือดที่ซึมบนผ้าแพร

“เสี่ยวหลิง?" เธอเรียกอีกครั้งในความว่างเปล่า ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีแสงสีฟ้า ไม่มีโค้ดลอยกลางอากาศ ไม่มีแม้แต่ เสียงกะพริบไฟเล็ก ๆทที่เธอเคยชินมีเพียตัวเธอคนเดัยว และ “ความเงียบ” ที่เหมือนหลุมลึกไม่มีที่สิ้นสุด มือเรียวแตะขมับเบา ๆ หัวใจเธอเต้นดังจนได้ยินชัดในหูตัวเอง เธอเพิ่งรู้ตัวว่า เสียงของเสี่ยวหลิง...เคยแทนที่เสียงหัวใจเธอมานานแค่ไหน

“ถ้าเจ้าไม่มีหัวใจ ก็ยืมหัวใจข้าไว้ก่อน...” เสียงนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้งในหัว ไม่ใช่เสียงของเครื่องจักร แต่เป็นเสียงเด็กชาย อ่อนโยน ละมุน และเศร้าลึกจนเจ็บ

เธอสะดุ้ง มือกำแน่น “ไม่...เขาไม่ควรมีเสียงแบบนี้ได้...” เงาเปลวเทียนสะบัดแรงอีกครั้ง เหมือนมีลมหายใจของใครบางคนลอดผ่านข้างหลัง เธอหันขวับ ไม่มีใคร แต่ในเงามุมห้อง เหมือนมีรอยแสงเล็ก ๆ คล้ายสะท้อนจากเหรียญเงินแวบหนึ่ง เธอกระพริบตา แล้วมันก็หายไป

......

อีกฟากหนึ่งของวัง ห้องทรงงาน

เสียงฝนเคาะกระจกหินอ่อนดังเบา ๆ อวี้เหยียนยังไม่ได้เสด็จบรรทม พระหัตถ์หนึ่งแตะที่อกซ้าย ตรงตำแหน่งหัว มันสั่น ไม่แรงมาก แต่ชัดเจนพอให้พระองค์ขมวดคิ้ว

“...อีกแล้ว”

ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระองค์รู้สึกเหมือนหัวใจไม่ใช่ของตน ทุกครั้งที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้น...ภาพในหัวก็แวบขึ้นมา

ภาพของ “ห้อง ๆ หนึ่ง” มีเด็กชายตัวเล็กนั่งอยู่ในนั้น กำลังหัวเราะแต่ไม่มีเสียง พระเนตรหรี่ลง

“ฝันอีกแล้วหรือ...” แต่ครั้งนี้...มีเสียงบางอย่างตามมา เบาเกินกว่าจะเป็นเสียงจริง

“พี่ใหญ่...อย่าร้องเลยนะ...” อวี้เหยียนผงะ ลมหายใจสะดุด เสียงนั้นหายไปทันที เหลือเพียงเสียงฝนและหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างไร้เหตุผล เหวินหรงที่ยืนเฝ้าด้านนอกเอ่ยเสียงเบา

“ฝ่าบาท ทรงพระประชวรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่” พระองค์ตอบทันควัน เสียงเรียบแต่สั่น

“ข้าแค่...ได้ยินเสียงที่ไม่ควรได้ยิน”

.......

กลับมาที่ตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่นั่งพิงกำแพง เงียบจนแทบไม่ได้หายใจ เธอไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ครึ่งชั่วยาม หรือทั้งคืน เธอเพียงรู้ว่า...ในความมืดนั้น เธอเริ่ม “คิดเป็นเสียง” แทนระบบ

“อัตราความสับสนทางอารมณ์ของข้า...คงจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วสิ” เธอหัวเราะเบา ๆ เสียงแห้งแต่ในตอนที่หัวเราะนั้น เธอกลับได้ยินเสียงแผ่วจากด้านในหัว เสียงที่ไม่เหมือนเสี่ยวหลิง อ่อนโยนกว่า อบอุ่นกว่า

“อย่าร้องเลย...เจ้าจะไม่เป็นไร” เธอเงียบงัน นิ่งจนเปลวเทียนสงบไม่สั่นไหว

“...เสี่ยวหลิง?” ไม่มีเสียงตอบมีเพียงลมหายใจของตัวเองที่สะท้อนในอก และหัวใจที่เหมือนมีใครอีกคนเต้นอยู่ในนั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   22

    ค่ำคืนนั้นวังทั้งวังเหมือนกลายเป็นทะเลสาบแข็ง ไม่มีลม ไม่มีเสียงก้าวเท้าเพียงเสียงพู่กันของเธอที่ลากผ่านแผ่นผ้าไหมทีละเส้นอวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ในห้องหนังสือส่วนตัว เปลวเทียนส่องแสงอุ่นที่ปลายโต๊ะ กลีบเหมยขาวหล่นหนึ่งกลีบ วางอยู่ข้างถ้วยชาเย็นชืด[บันทึกภารกิจ: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเป้าหมาย “จักรพรรดิอวี้เหยียน”][อัตราความสับสนทางอารมณ์: 47%][สถานะ: ไม่คงที่]เสียงเสี่ยวหลิงดังขึ้นเหมือนเคย แต่ในความปกตินั้น มีบางอย่างแปลกไป...เล็กน้อยเกินจะบอกได้“เสี่ยวหลิง” ซินเยว่วางพู่กันลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเลขนี้ถูกต้อง?”[ข้อมูลจากระบบวัดโดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสงสัยความแม่นยำ]น้ำเสียงมันเหมือนเดิมแต่มี โทนสูงขึ้นครึ่งจังหวะ ตอนพูดคำว่า “สงสัย” เธอขมวดคิ้วบาง ๆ“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าระดับของเขาไม่เกินสามสิบห้า”[ฐานข้อมูลอัปเดตอัตโนมัติ...ตามพฤติกรรมล่าสุดของเป้าหมาย]“ล่าสุด?” เธอพึมพำ “หมายถึง...วันนี้?”[ยามเที่ยง วันนี้...ฝ่าบาททอดพระเนตรภาพเหมยขาวในแจกันระดับอารมณ์แปรปรวนขึ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์]"ภาพเหมยขาว?” เธอก้มมองแจกันตรงหน้า กลีบดอกที่ร่วงจากกิ่งนั้นมีอยู่แค่หนึ่งกลีบ[ระ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   21

    ยามเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นสูง ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางในชุดทางการสีดำแดง อวี้เหยียนประทับอยู่เบื้องบน แสงเช้าสะท้อนบนฉลองพระองค์ทองเข้มจนแสบตา ใต้แสงนั้น พระเนตรคมเหมือนคมมีด ไม่มีใครกล้ามองตรง ๆ เลยสักคนเดียว “เริ่มประชุม” พระสุรเสียงเย็นเรียบ เสนาบดีฝ่ายซ้ายคำนับ “กราบทูลฝ่าบาทรายงานข่าวจากชายแดนเหนือ พบว่ากองทัพของเสนาบดีอวิ๋นเคลื่อนกำลังเกินแนวลาดตระเวนตามสัญญา...จึงขอพระราชทานอนุญาตตรวจสอบให้ละเอียดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงซุบซิบเบา ๆ ดังในหมู่ขุนนาง “ข่าวแน่นะ?” “ใช่ ข้าก็ได้ยินว่าตระกูลอวิ๋นมีการเก็บเสบียงเพิ่ม" แต่ก่อนเสียงจะขยายออกไป ประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงก็ถูกผลักเปิดออก ปัง! เสียงนั้นดังพอให้ทุกคนหันมองและสิ่งที่เห็น...ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ ร่างสะโอดสะองในชุดผ้าแพรสีงาช้าง ก้าวเข้ามาช้า ๆ ใบหน้างามนั้นสงบ แววตาแน่วแน่ ทุกฝีเท้าเต็มไปด้วยความตั้งใจ ปนความท้าทาย “ฮองเฮา!?” “พระองค์ทรง..” "นางมาทำอะไรที่นี่" "นี่มันผิดธรรมเนียมนะ ใครปล่อยให้พระนางเข้ามา" เสียงขุนนางหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน เหวินหรงแทบจะถลาออกมา “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! ที่นี่..” “ท้อ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   20

    สายลมต้นฤดูหนาวพัดกรูเข้ามาตามเฉลียง ธงราชสำนักปลิวแรงจนผ้าสีทองสะบัดเหมือนเปลวเพลิง ขันทีหลวงคุกเข่ากลางโถงตำหนักคุนหนิง เสียงประกาศก้องดังสะท้อน “พระราชโองการจากฝ่าบาท ให้ซูกุ้ยเฟยเป็นผู้ดูแลกิจการวังหลังทั้งหมด จนกว่าฮองเฮาจะฟื้นพระพลานามัยอย่างสมบูรณ์ พระราชโองการนี้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!” เสียงแผ่นทองคำสลักพระนามกระทบกันเบา ๆ เงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคนในห้อง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่บนตั่งไม้หอม ดวงหน้าสงบจนผิดธรรมชาติ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา นางกำนัลสองคนที่คอยอยู่ข้างหลังเริ่มตัวสั่น “ฝ่าบาท...หมายความว่า...” เสียงพวกนางขาดหายเมื่อฮองเฮามองมาททงพวกนาง “วังนี้ช่างเมตตานัก” เธอพูดเสียงเรียบ “ข้าเพียงล้มป่วยไม่กี่วัน ก็มีคนมาช่วยแบ่งภาระ” ขันทีที่ถือพระราชโองการอยู่แทบกลั้นหายใจ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีถ้วยชาแตก ไม่มีคำปฏิเสธ มีเพียงรอยยิ้มบางบนริมฝีปากที่สงบจนน่ากลัว “ถวายพระพรฝ่าบาท” เธอกล่าวช้า ๆ “หม่อมฉันจะปฏิบัติตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด” เสียงของเธออ่อนโยน แต่แววตาในยามที่มองพระราชโองการนั้นเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง ราวกับเธอมองกระดาษทองคำแผ่นนั้นเป็นเพียง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   19

    เสียงฝนหยุดลงในยามเกือบรุ่งเหลือเพียงกลิ่นดินชื้นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเหมยขาวที่ยังติดอยู่ในอากาศ เงาในตำหนักหลวงยาวเหยียด และพระองค์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหวินหรงก้าวเข้ามาช้า ๆ “ฝ่าบาท...ทรงควรเปลี่ยนฉลองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ฝนหยุดแล้ว” ไม่มีคำตอบ เพียงพระหัตถ์ที่ยกขึ้นช้า ๆ มองรอยเลือดบนฝ่ามือของตนเอง รอยที่เกิดจากเล็บจิกแน่นเมื่อครู่ หยดเลือดเล็ก ๆ ตกลงบนพื้นหิน เย็นและหนักเหมือนความเงียบที่กดทับอยู่ในอก “เหวินหรง” “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” “เจ้ารู้ไหม...ตอนที่นางพูดว่า ‘หม่อมฉันเพียงไม่อยากอยู่ในโลกที่ฝ่าบาทไม่ไว้ใจ’” พระสุรเสียงนั้นเบา ราวกระซิบให้ตัวเองฟัง “ข้ารู้สึก...เหมือนถูกใครสักคนบีบคอ” เหวินหรงนิ่งงัน “ฝ่าบาท...นางพูดด้วยใจจริงพ่ะย่ะค่ะ” “ใจจริงงั้นหรือ” อวี้เหยียนหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นขมจนเจ็บ “ใจจริงของนาง...หรือใจของข้าที่อยากเชื่อจนโง่” พระองค์ทรุดลงนั่งบนขั้นบัลลังก์ พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับขมับ “เหวินหรง เจ้าเคยรู้ไหม เวลาคนพยายามไม่รู้สึกอะไร...มันเหนื่อยยิ่งกว่าการแสดงออกไปตรง ๆ มันหนักหนาเสียยิ่งกว่าการสู้รบเสียอีก” “พ่ะย่ะค่ะ...” ขันทีเฒ่าก้มต่ำ “ข้าคือจักรพรรดิ.

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   18

    อวิ๋นซินเยว่ไม่คิดเลยว่าตัวเธอจะเสียใจขนาดนี้ จนกระทั่งเสี่ยวหลิงทักนั่นเอง เธอถึงได้รู้สึกตัว [หม่าม๊า ร้องไห้ทำไมครับ] เด็กชายในรูปลักษณ์โฮโลแกรมลอยเข้ามาประชิดร่างของหญิงสาวที่ขณะนี้ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจากดวงตาและใบหน้าของตัวเองอย่างลวก ๆ "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" [ถ้าหากหม่าม๊าหมายถึงฝ่าบาทแล้วล่ะก็ ผมจะตรวจสอบให้ครับ ... .. . สถานะความชอบ 5 แต้ม ความไว้วางใจ -1 มีแนวโน้มที่อาจจะเกิดอันตรายกับครอบครัวของร่างโฮสต์ที่หม่าม้าอยู่ตอนนี้ครับ] "อันตรายมากจริง ๆ เฮ้ออ ถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่ได้ไม่นาน และยังไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาที่เป็นครอบครัวของฮองเฮาเลยสักนิด แต่จากที่อยู่ในร่างนี้และโลกนี้มา นางก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าจะผิด ก็ผิดที่เลือกสามีผิดล่ะนะ" [หม่าม๊าจะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ หญิงสาวในยุคนี้ไม่ได้เหมือนหญิงสาวในยุคของหม่าม๊า พวกนางไม่สามารถเลือกชีวิตตนเองได้ ครอบครัวอย่างพ่อแม่เป็นคนเลือกให้ และผู้ชายเป็นฝ่ายเลือกผู้หญิง] "เฮ้ออ เอาเถอะ มาคิดหาทางรอดให้พวกเขากันดีกว่า ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ไม้แข็งเลยละกัน" อวิ๋นซินเยว่พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเต็ม

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   17

    ความเงียบในทางเดินหินของตำหนักหลวงนั้นหนาวกว่าฝนด้านนอก เสียงพระสุรเสียงของจักรพรรดิอวี้เหยียนยังสะท้อนอยู่ในหัว ของอวิ๋นซินเยว่ชัดจนแทบจับน้ำเสียงขุ่นเคืองภายใต้ความเย็นชานั้นได้ “ข้าไม่เคยไว้ใจนาง...ต่อให้ต้องสูญเสียทุกสิ่ง ก็จะไม่ยอมอ่อนแอเพราะนาง” เพียงคำเดียว...อวิ๋นซินเยว่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับบนอกเธออย่างเฉียบพลัน ปลายนิ้วที่เคยสัมผัสดอกเหมยขาวเมื่อวันก่อนสั่นน้อย ๆ ดอกไม้นั้น...ตอนนี้เหมือนสิ่งโง่เขลาที่เธอเผลอเก็บไว้หวังแทนหัวใจคนอื่น ดอกเหมยที่ครั้งก่อนชายคนนั้นเพิ่งมอบมันให้เธอ เสี่ยวหลิงส่งเสียงในหัวทันที [ระดับอารมณ์ของจักรพรรดิอวี้เหยียนแปรปรวนเกินค่ามาตรฐาน 78%] [คำเตือน: หากความสัมพันธ์ทรุดต่ำกว่าค่าความเชื่อมั่น 10 หน่วย ภารกิจ “ฟื้นฟูพระเอก” จะเข้าสู่สถานะล้มเหลว] อวิ๋นซินเยว่หัวเราะในลำคอเบา ๆ น้ำเสียงนั้นแตกพร่าเหมือนแก้วร้าว “ภารกิจล้มเหลวเหรอ...” เธอพึมพำ “หนูคิดว่าโลกนี้จะพังเพราะโค้ดของหนูเหรอ? ไม่...มันพังเพราะหัวใจของคนโง่อย่างฉันนี่แหละ” เธอก้าวออกจากทางเดินแคบ ๆ สู่อากาศเย็นจัดข้างนอก พระจันทร์ซ่อนอยู่หลังม่านหมอก หยดฝนเริ่มร่วงช้า ๆ แตะหน้าผ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status