เหวินอิงขมวดคิ้วแน่น จ้องมองหานซื่อด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาใช้เล่ห์กลกับข้า หากมีฝีมือก็สู้กับข้าตัวต่อตัว!”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ ตบเบาๆ ที่ไหล่ของหานซื่อเป็นสัญญาณให้เขาวางกระบี่ลงหานซื่อแม้จะไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันต้องการทำอะไร แต่ก็ทำตามที่นางบอก เขาเก็บกระบี่ลงตามคำสั่งเหวินอิงเห็นดังนั้นก็หมายจะหยิบดาบที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาเพียงแต่ได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยขึ้นว่า “เข็มเงินของข้าเคลือบยาพิษไว้ หากเจ้ากล้าขยับแม้เพียงนิดเดียว พิษจะกำเริบ และเจ้าจะตายทันที”เมื่อเหวินอิงได้ยินคำนี้ สีหน้าของนางพลันบิดเบี้ยวไม่น่ามองทันทีนางเริ่มรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของตนนั้นเริ่มไร้ความรู้สึกแล้ว ไม่นานนัก ร่างกายครึ่งหนึ่งของเหวินอิงก็เริ่มแข็งเกร็งขึ้นสีหน้าของเหวินอิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นางถลึงตามองเจี่ยนอันอัน ขบกรามแน่นแล้วพูดว่า “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงมาสร้างความวุ่นวายบนเขาของพวกข้า?”เจี่ยนอันอันยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน มองเหวินอิงพลางดึงเข็มเงินออกจากข้อมือของนางเมื่อเข็มเงินถูกดึงออก เหวินอิงรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือและในทันใดนั้น
เมื่อเหวินอิงได้ยินคำพูดนั้น หัวใจก็พลันหล่นวูบลงนางควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่มีทางมอบยาถอนพิษให้แก่ตนโดยง่ายแต่เมื่อครู่ ด้วยความเจ็บปวดและอาการชาอย่างแสนสาหัส ทำให้นางร้อนรนจนขาดสตินางไม่ได้คิดอะไรมาก จึงกลืนยาลงไปทันทีตอนนี้แย่แล้ว นางกลับพบว่าร่างกายถูกพิษร้ายแรงอีกชนิดหนึ่งเข้าไปแล้วเหวินอิงกัดฟันกรอด มองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเคียดแค้น มือที่กำดาบไว้สั่นเทาไม่หยุดแม้จะต้องตาย นางก็จะลากเจี่ยนอันอันลงไปด้วยให้ได้“นังสารเลว เอายาถอนพิษออกมาเดี๋ยวนี้!” เหวินอิงตวาดลั่น พร้อมกับเงื้อดาบจะฟันลงที่เจี่ยนอันอันทว่าในชั่วขณะนั้น นางกลับพบว่าร่างกายของนางราวกับถูกดูดพลังไปหมดสิ้น ไม่อาจใช้แรงได้เลยแม้แต่น้อยดาบในมือของนาง บัดนี้กลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับพันชั่งเหวินอิงจับดาบไว้ไม่แน่น จนดาบหลุดมือร่วงลงสู่พื้นดัง ‘เคร้ง’เมื่อครู่ใบหน้าของเหวินอิงยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าในชั่วขณะนั้นเอง ร่างกายของนางกลับรู้สึกอ่อนแรงลงอย่างฉับพลันนางเซถลาไปสองสามครั้ง ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดสภาพพวกโจรที่เห็นเช่นนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความตกใจว่า “รองหัวหน้า
พวกโจรที่เฝ้าอยู่หน้าประตูค่าย เมื่อเห็นว่ามีผู้คนมากมายเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งเข้ามาดูพวกเขาเห็นรองหัวหน้าเหวินอิงหมดสติอยู่บนหลังของโจรคนหนึ่ง และยังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมาอีกพวกโจรเฝ้าประตูจึงรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดรองหัวหน้าถึงเป็นเช่นนี้ แล้วคนพวกนี้เป็นใครกัน?”โจรที่แบกร่างของเหวินอิงไว้ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างหงุดหงิด“ซวยจริงๆ เจอพวกที่ต้องการบุกเข้าค่าย อย่าเพิ่งพูดให้มากความ รองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรง รีบปล่อยพวกเราเข้าไปก่อน”เมื่อโจรเฝ้าประตูได้ยินว่ารองหัวหน้าโดนพิษ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทันทีพวกโจรที่เฝ้าประตูมองไปยังกลุ่มของเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย และตะคอกถามว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? กล้ามาบุกค่ายเรา ไม่อยากมีชีวิตรอดแล้วใช่หรือไม่?”โจรที่แบกร่างเหวินอิงเห็นท่าไม่ดี รีบกล่าวด้วยความร้อนใจว่า “หยุดพูดมากเสียที! ถ้าไม่ให้พวกเราเข้าไป รองหัวหน้าจะตายเพราะพิษแน่!”อีกคนหนึ่งก็รีบพูดเสริมว่า “ไยพวกเจ้ายังยืนขวางอยู่อีก รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”พวกโจรเฝ้าประตูเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นพวกเขารีบวิ่งไปเปิดประตูค่าย และหนึ่งใน
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ กล้าดีอย่างไรถึงมาป่วนในค่ายของข้า?” เซิ่งฟางตะโกนถามเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธเมื่อครู่มีลูกน้องมารายงานว่ารองหัวหน้าถูกพิษร้ายแรงไม่เพียงเท่านี้ พวกลูกน้องที่ลงเขาไป ยังพาพวกเจ้าหน้าที่ทางการกลุ่มหนึ่งกลับมาอีกด้วยเซิ่งฟางเป็นคนที่เกลียดเจ้าหน้าที่ทางการอย่างที่สุด จึงนำพวกโจรออกมาสู้แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าหรูหราด้วยแม้เสื้อผ้าของพวกเขาจะเปื้อนดินโคลน แต่มันก็ไม่อาจปกปิดราศีอันสูงศักดิ์ของพวกเขาได้เซิ่งฟางสังเกตเห็นฉู่จวินสิงที่นอนอยู่บนเปลหาม เขาหรี่ตาลง พยายามมองหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ทันใดนั้น เจี่ยนอันอันก็ก้าวมาขวางหน้าเขา ปิดบังทัศนวิสัยของเขาเจี่ยนอันอันกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “เจ้าคงเป็นหัวหน้าใหญ่ที่นี่สินะ”เซิ่งฟางจ้องมองเจี่ยนอันอันอีกครั้งก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “ถ้าใช่แล้วจะทำไม? หากเจ้ารู้สถานการณ์ก็จงยอมจำนนเสียดีๆ ส่งยาถอนพิษมา ข้าไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าพวกเจ้าคิดขัดขืน อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไม่ปรานี”พูดจบ เซิ่งฟางก็ชี้กระบี่ล้ำค่าไปยังเจี่ยน
ฉู่จวินสิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าลุกขึ้นเถิด บัดนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอีกต่อไปแล้ว”เซิ่งฟางมองฉู่จวินสิงด้วยความประหลาดใจเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเยียนอ๋องผู้ไร้พ่าย ผู้เกรียงไกรบนสมรภูมิในครานั้นเหตุใดบัดนี้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดท่วมกาย อีกทั้งยังต้องถูกหามบนเปลโดยเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการ“เยียนอ๋อง เกิดเหตุใดกับท่าน? เหตุใดท่านจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?” เซิ่งฟางเอ่ยถามด้วยความฉงนฉู่จวินสิงถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบว่า “พูดไปแล้วเรื่องยาวนัก เจ้าจงให้พวกเราเข้าไปพักในค่ายก่อนได้หรือไม่”เมื่อฉู่จวินสิงกล่าวเช่นนั้น เซิ่งฟางจึงได้สติกลับมาเขารีบหันไปสั่งพวกโจรให้เตรียมสุราอาหารชั้นดีแม้ในใจพวกโจรจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าละเลย พากันวิ่งไปจัดเตรียมทุกอย่างโดยไม่รอช้าเซิ่งฟางหันกลับมามองคนอื่นๆ ด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้นว่า “คนเหล่านี้เป็นใครหรือ?”ฉู่จวินสิงตอบแนะนำว่า “คนที่อยู่ตรงกลางนั้นคือครอบครัวและข้ารับใช้ของข้า ส่วนคนอื่นเป็นทหารรักษาพระองค์”หานซื่อเมื่อเห็นว่าทั้งสองรู้จักกันดี จึงแนะนำตัวว่า “ข้าคือหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ นามว่าหานซื่อ”เมื่อเซิ่งฟางได้ยินว่าพ
เจี่ยนอันอันก้าวเข้าไปในห้องอย่างมั่นใจ แล้วเดินตรงไปที่เตียง ก่อนจะจับข้อมือของเหวินอิงขึ้นมาตรวจชีพจรนางหยิบเข็มเงินออกมาจากห้วงมิติของตน เตรียมจะปักเข็มลงไปเมื่อพวกโจรเห็นเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันทีโจรคนหนึ่งรีบคว้าแขนของเจี่ยนอันอันไว้ด้วยความโกรธ “เจ้าจะทำอะไร คิดจะวางยาพิษรองหัวหน้าของเราอีกหรือ?”เจี่ยนอันอันตวัดสายตามองโจรผู้นั้นด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “หรือเจ้ามีวิธีแก้พิษนี้?”เพียงคำเดียว โจรผู้นั้นก็เงียบกริบไม่สามารถโต้เถียงได้เซิ่งฟางที่ยืนอยู่ข้างๆ โบกมือให้โจรหยุด แล้วส่งสัญญาณว่าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามโจรคนนั้นจึงจำใจปล่อยแขนของเจี่ยนอันอัน และถอยไปยืนเงียบๆเจี่ยนอันอันไม่สนใจโจรสองคนนั้นอีก นางปักเข็มเงินลงบนข้อมือของเหวินอิงอย่างมั่นคงนางฝังเข็มลงไปอย่างเบามือ ไม่นานนักเลือดสีดำก็เริ่มไหลออกจากข้อมือของเหวินอิงเมื่อทำความสะอาดแผลและถอนเข็มออก เจี่ยนอันอันก็หยิบยาถอนพิษออกมาและป้อนเข้าไปในปากของเหวินอิงหลังจากทำทุกอย่างเสร็จ นางหันไปบอกกับโจรทั้งสองว่า “อีกหนึ่งชั่วยาม นางจะฟื้น”พูดจบ นางก็ไม่สนใจพวกโจรอีก และเดินออกไปจากห
เมืองอินเป่ยตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งยังประสบกับภัยแล้งเป็นเวลาหลายปี ทำให้ที่ดินในบริเวณนั้นแทบไม่สามารถปลูกพืชผลการเกษตรใดๆ ได้ชาวบ้านที่นั่นเดิมก็ดำรงชีวิตอย่างยากลำบากมากอยู่แล้วจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ราชวงศ์สั่งสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ในเมืองอินเป่ย เมืองทั้งเมืองแทบจะถูกทำลายจนเกือบกลายเป็นซากปรักหักพังโชคดีที่ในสมัยเซิ่งฟางยังเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เขาได้นำชาวบ้านขุดหลุมใต้ดินเพื่อเก็บเสบียงอาหารเมื่อเหตุการณ์สังหารหมู่เกิดขึ้น ชาวบ้านพาครอบครัวของตนเองหลบภัยในหลุมใต้ดิน จึงรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายครานั้นมาได้อย่างหวุดหวิดเซิ่งฟางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ต่อให้ในตอนนี้เขาจะได้ปลิดชีพฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นด้วยการเฉือนเป็นพันชิ้น ก็ไม่อาจดับความแค้นในใจของเขาได้ทุกคนต่างเงียบงันไป เจี่ยนอันอันกลับเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า “ท่านหัวหน้าใหญ่ ในเมื่อท่านเคยเป็นเจ้าเมืองอินเป่ย เหตุใดถึงได้กลายมาเป็นหัวหน้าโจรที่นี่?”เซิ่งฟางเห็นว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนเอ่ยถาม เขายังไม่ตอบ แต่หันไปมองฉู่จวินสิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย“สตรีผู้นี้คือใครหรือ?”ฉู่จวินสิงยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เจี่ยนอัน
เมื่อฉู่จวินสิงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ คิ้วของเขาก็กระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เหตุการณ์สังหารหมู่ในเมืองนั้นเคยสั่นสะเทือนทั้งแคว้นไท่ยวนชาวบ้านที่ไม่รู้ความจริงต่างพากันเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนั้นด้วยความยินดีมีเพียงเหล่าราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ว่า การสังหารหมู่ในปีนั้นช่างโหดเหี้ยมและนองเลือดเพียงใดขณะที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน พวกโจรจากห้องครัวก็นำอาหารและสุรามาจัดวางบนโต๊ะยาวเซิ่งฟางเคยชินกับการเรียกรองหัวหน้าเหวินอิงมาร่วมรับประทานอาหาร แต่ครั้นจะเอ่ยปาก ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางยังคงหมดสติอยู่เขาจึงหันมามองเจี่ยนอันอันด้วยท่าทีลำบากใจ “พระชายาเยียนอ๋อง ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง หวังว่าท่านจะเมตตาช่วยเหลือ”เจี่ยนอันอันรู้สึกแปลกใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกนางว่า ‘พระชายาเยียนอ๋อง’ นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็หันไปมองเซิ่งฟางและพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องมากพิธี หากมีเรื่องใดต้องการขอร้อง ท่านบอกข้ามาเถิด”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันเรียกเขาว่า ‘เจ้าเมือง’ เซิ่งฟางก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างมากเขาตบโต๊ะแล้วหัวเราะเสียงดัง “คำว่าเจ้าเมืองนี้ ข้าไม่ได้ยินมา
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร