ขวัญข้าวออกจากบ้านไปตลาดเพื่อซื้อของสดและแห้งในตอนสาย แต่วันนี้เธอไปคนเดียว ไร้บอดี้การ์ดข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้ง เนื่องจากจ้อยท้องเสีย ถ่ายหนักทั้งคืนจนร่างกายอ่อนเพลีย ขวัญข้าวจึงให้นอนพักอยู่ที่บ้าน จ้อยจะไม่ยอมในคราแรก แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว นอนหลับไปตั้งแต่ขวัญข้าวอาบน้ำ
รถสองแถวนำพาขวัญข้าวมาถึงตลาดในเวลาต่อมา เธอก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดสด ระหว่างที่เลือกเดินซื้ออาหารสดและแห้งอยู่นั้น เบิ้มกับมะแซลูกน้องวินัยได้สะกดรอยตามตั้งแต่เธอออกจากบ้าน ทั้งสองตามสาวสวยที่ลูกพี่หมายปองอยู่ห่างๆ รอจังหวะและโอกาสเหมาะทำตามแผน
ขวัญข้าวใช้เวลาเลือกซื้ออาหารสดและแห้งราวสี่สิบนาที เธอจึงเดินออกจากตลาดโดยใช้เส้นทางหลังตลาด สาเหตุที่เธอใช้เส้นทางนี้เป็นเพราะ ต้องไปซื้อของให้บัวรินอีกร้านหนึ่งที่อยู่ซอยติดกับหลังตลาด ทางด้านหลังตลาดนี้ไม่ค่อยมีคนสัญจรมากนัก มีเพียงรถยนต์ของพ่อค้าแม่ค้าจอดกันเรียงราย แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมาขวัญข้าวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดกับตัวเอง เนื่องจากเดินมาทางนี้จนแทบนับครั้งไม่ถ้วน
“อื้อ” ขวัญข้าวตกใจจนถุงหลายใบหล่นลงพื้น ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของชายคนหนึ่งที่มาประกบด้านหลัง และนำผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำมาปิดทับกึ่งปากกึ่งจมูก ขวัญข้าวดิ้นรนได้ไม่กี่อึดใจ เธอรู้สึกสมองไม่ทำงาน ร่างกายอ่อนแรงและหมดสติในที่สุด
“ไอ้มะแซเร็วๆ สิโว้ย เดี๋ยวมีคนมาเห็น” เบิ้มเร่งเพื่อนที่ช้อนอุ้มร่างสลบไศลของขวัญข้าว
“เออ กูก็เร็วอยู่นี่แหละ มึงไปเปิดประตูสิวะ ยืนพูดมากอยู่ได้” มะแซสวนกลับ ก่อนจะสั่งเพื่อนที่รีบไปทำตามอย่างรวดเร็ว
“อ้าวไอ้มะแซ ทำไรวะ” เสียงทักทายของอำนวยทำให้มะแซถึงกับตกใจ “นั่นขวัญนี่ ขวัญเป็นอะไรวะ”
อำนวยรู้จักขวัญข้าวดี เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำเขียงหมูของมารดา
“ขวัญเป็นลมน่ะ กูกำลังพาขวัญไปหาหมอ กูไปก่อนนะ” มะแซแก้ตัว รีบเดินไปยังรถยนต์ของวินัยทันที
“เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ แล้วมึงไม่เอาของของขวัญที่ตกบนพื้นไปด้วยเหรอ” อำนวยทัก
“เออกูลืม” มะแซหันมาพูดกับอำนวย แล้วหันไปสั่งเบิ้ม “ไอ้เบิ้ม มึงไปเอาของที่ตกบนพื้นทีสิวะ”
เบิ้มวิ่งมาทำตามคำสั่งของมะแซ หากไม่ทำตามมีหวังแผนแตกแน่นอน
อำนวยไม่ได้คิดอะไร คิดว่าขวัญข้าวเป็นลมตามที่มะแซบอก และไม่คิดด้วยว่า ทั้งคู่จะทำมิดีมิร้ายกับขวัญข้าว เนื่องจากคนในพื้นที่นี้ต่างรู้กันว่า ขวัญข้าวเป็นลูกสาวของปัญญา ลูกน้องคนสนิทของวิเศษ เจ้านายเบิ้มกับมะแซ ทั้งคู่คงไม่กล้าทำอะไรขวัญข้าว เขาจึงเดินเข้าไปตลาด ไม่สนใจเรื่องที่ไม่ใช่ของตน
“เกือบไปแล้วมึง กูว่ารีบไปเถอะ ก่อนที่จะมีคนมาเห็น”
“ก็จะอยู่ให้พ่อมึงมาจับเหรอ ขึ้นรถเร็ว”
เบิ้มเร่งมะแซ ก่อนจะเดินไปนั่งประจำที่ ติดเครื่องยนต์แล้วนำรถออกจากจุดที่จอด มุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางที่นัดหมายไว้กับวินัย
หลังจากเสร็จสิ้นงานสำคัญเมื่อวานนี้ วินัยกับ เบิ้มและมะแซมานั่งคิดแผนฉุดขวัญข้าว จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่า จะลักพาตัวเธอไปยังบ้านท้ายเหมืองอยู่ห่างจากตัวเมืองห้าสิบกิโลเมตร บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักหลังเก่าของวิเศษ ไม่มีใครไปวุ่นวาย เหมาะแก่การทำตามแผนที่สุด
เมื่อสรุปลงตัว วันนี้เบิ้มกับมะแซมาซุ่มหน้าบ้านขวัญข้าวแต่เช้า เพื่อรอโอกาสลงมือ เป็นความโชคดีของเบิ้มกับมะแซ ที่วันนี้ขวัญข้าวมาจับจ่ายซื้อของในตลาดโดยไร้เงาจ้อย ทุกอย่างจึงเป็นไปตามคนชั่วคิดไว้
เบิ้มเลี้ยวรถเข้ามาในเหมืองเก่า ที่เวลานี้กลายเป็นเหมืองร้าง เนื่องจากวิเศษย้ายเหมืองไปทำอีกที่หนึ่งที่ใหญ่กว่า ถนนสายนี้จึงไม่มีคนสัญจรผ่านไปมา จะมีก็แต่วินัยกับพวกที่มักมาสุมหัวเสพยาเสพติดและเล่นการพนัน ระหว่างเบิ้มขับรถ เขาได้สังเกตเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับตามมา ด้วยความสงสัยและไม่ไว้ใจ เบิ้มจึงเอ่ยปากคุยกับเพื่อน
“เฮ้ย…ไอ้มะแซ กูว่ามีรถตามเรามานะ” มะแซหันไปมองด้านหลัง ซึ่งเขาก็เห็นว่ามีรถยนต์ขับตามมาจริงๆ
“เออใช่…รถใครวะ ไม่คุ้นเลย แล้วมันมาขับห่าเหวอะไรแถวนี้วะ” มะแซเกิดความสงสัยเช่นกัน “หรือว่ามันจะหลงทาง”
“จะหลงทางหรือไม่หลงทาง กูก็ว่ามันไม่น่าไว้ใจนะ เรายิ่งทำเรื่องชั่วยาวเหยียดเป็นหางว่าวอยู่ด้วย” คนขี้ระแวง ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น “แล้วจะเอาไงดีวะ เราไม่รู้ซะด้วยว่ามันเป็นใคร”
ก่อนที่มะแซหรือเบิ้มจะหาทางแก้ไขปัญหา รถคันหลังได้เร่งเครื่องแซงรถยนต์ของเบิ้ม ก่อนจะปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด ส่งผลให้เบิ้มกับมะแซร้องดังลั่นรถ เบิ้มหักรถหลบจนตกไปริมทาง
“เฮ้ย!...อะไรของมันวะ แม่งท่าทางอยากจะตายเร็ว”
เบิ้มตะโกนอย่างหัวเสีย เปิดประตูรถ หวังจะเอาเรื่องรถคันหน้า แต่พอเห็นจำนวนคนของรถคันหน้าที่ก้าวลงมาจากรถ เบิ้มก็แทบจะวิ่งกลับเข้าไปในรถแทบไม่ทัน
“หยุดนะมึง ถ้ามึงก้าวอีกก้าวเดียว กูยิงไส้แตกแน่”
อดิศรเล็งปืนไปยังเบิ้ม น้ำเสียงเหี้ยมเกรียม แววตาน่ากลัว เบิ้มหยุดก้าวเท้าทันที มองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว
“พวกมึงจะปล้นกูเหรอ มึงไม่รู้เหรอว่ากูเป็นใคร” เบิ้มทำใจดีสู้เสือ หันไปมองมะแซที่ขยับมือหยิบปืนตรงคอนโทรลรถ แต่ช้ากว่าชัยยุทธที่เปิดประตูมากระชากร่างมะแซลงมาจากรถ
“กูไม่ได้มาปล้นฆ่ามึงสองตัว กูแค่มาเอาตัวผู้หญิงที่มึงลักพาตัวมาก็เท่านั้น” อดิศรบอกเบิ้ม พยักหน้าให้ลูกน้องอีกสองคนไปนำตัวขวัญข้าวออกมาจากรถ “ส่วนมึงสองตัว ถ้าไม่อยากตายห่าคาป่า มึงก็อย่าขัดขืน”
“ถ้ามึงรู้ว่า มึงเอาตัวว่าที่เมียใครไปล่ะก็ มึงหนาวแน่แล้วมึงก็ไม่คิดอยากจะทำ” เบิ้มขู่กลับ ทว่าอดิศรกลับยิ้มแทนที่จะหวาดกลัว
Chapter 137 กัลป์ประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาออกจากห้องน้ำ เขาพาขวัญข้าวมานั่งบนโซฟาปลายเตียง หยิบยาดมขึ้นมาให้เธอสูดดม จากนั้นก็ลุกเดินไปหยิบผ้าเย็นในตู้เย็นมาหนึ่งผืน นำมาเช็ดหน้าเช็ดลำคอและแขนให้เธอ “มาแพ้ท้องอะไรตอนนี้นะ จะคลอดอยู่ไม่กี่วันแล้ว” กัลป์ไม่เหนื่อยที่ต้องดูแลขวัญข้าว เขาเป็นห่วงเธอมากกว่า “ขวัญจะนอนพักก่อนไหม ถึงเวลากินข้าวเย็นพี่จะขึ้นมาปลุก” “ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญไหวค่ะ” พูดไปสูดยาดมไป “พี่ว่าเรามีลูกกันแค่สองคนก็พอ ขวัญแพ้ท้องหนักมากทั้งสองท้องเลย พี่สงสาร”หลังจากคลอดลูกชายคนแรกนามว่ากรกันต์หรือน้องกรณ์ได้หนึ่งปีกว่า กัลป์กับขวัญข้าวมีลูกอีกคน ซึ่งท้องนี้เป็นลูกสาว ขวัญข้าวมีอาการแพ้ท้องเช่นเดิม อาเจียน เวียนศีรษะ หน้ามืด อ่อนเพลียง่าย แต่ไม่เหม็นหน้าสามีเหมือนท้องแรก กัลป์จึงดูแลขวัญข้าวได้เต็มที่ ดูแลมากกว่างานในบริษัทที่ให้อดิสรรับหน้าที่ผู้ช่วยรองประธานทำงานแทนอย่างที่รู้กันว่า ครรภ์แรกกัลป์ไม่ได้ทำหน้าที่สามีสักเท่าไหร่ มาท้องนี้เขาทุ่มเต็มที่ ทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีไปพร้อมกัน ซึ่งทำได้ดีมากแม้ว่าจะเหนื่อยมากก็ตาม
Chapter 136พิมประภาจากไปนานหกเดือนแล้ว ทว่าจิตราวดียังทำใจยอมรับกับการจากไปของลูกสาวไม่ได้ แต่ก็ดีขึ้นบ้างในบางครั้ง เจษฏาต้องจ้างพยาบาลมาดูแลมารดาอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะคิดสั้นตา โดยมีสกลคอยช่วยดูแลภรรยาอีกคน“เรื่องบางเรื่องต้องให้เจอกับตัวถึงเข้าใจและสำนึก และบางครั้งว่าคนๆ หนึ่งจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว” วชิราภรณ์พูดอย่างคนอาบน้ำร้อนมาก่อน “พอดีป้าได้โสมมากจากเกาหลี ป้าฝากไปให้คุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะ”“ขอบคุณครับคุณป้า” คนรุ่นลูกยกมือไหว้ “ส่วนนี้เช็คครับคุณลุง”เจษฎาส่งเช็คที่ระบุจำนวนเงินสิบล้านส่งให้ธัญญ์ที่ยื่นมือมารับไว้ ก่อนธัญญ์ส่งคืนให้เจษฏา“ลุงยังไม่รีบใช้เงิน เจตต์เอาไปหมุนก่อนก็ได้ ตอนนี้ขยายตลาดไปจีนกับสิงคโปร์ไม่ใช่เหรอ ต้องใช้เงินเยอะ ขยายกิจการต้องมีเงินสำรอง” ธัญญ์พูดอย่างเข้าใจวงจรธุรกิจ“ผมพอมีครับ คุณพ่อบอกว่า ความซื่อสัตย์และการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสำคัญครับ รับปากใครไว้ก็ต้องทำให้ได้ครับ”“ลุงรับไว้แล้วไง และให้เจตต์เอาไปหมุนต่อ ถือว่าเจตต์ไม่ผิดคำพูดนะ” ธัญญ์มีข้อโต้แย้ง “รับไปเถอะ ลุงอยากช่วยเจตต์จริงๆ เจตต์จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้มากกว่าลุง เราสองคนช่วยเหลือกั
Chapter 135 “พี่กัลป์อยากทำอะไรก็ทำสิคะ หมอไม่ได้ห้าม” กัลป์ละห่างลำคอระหง มือหยุดเคลื่อนไหว เงยหน้ามองคนพูด “ทำได้เหรอ ทำได้แน่นะ” เขาถามย้ำ รอลุ้นคำตอบ “ได้ค่ะ แต่อย่ารุนแรงนะคะ เดี๋ยวลูกตกใจ” ขวัญข้าวตอบ มองใบหน้าคมหล่อที่เวลานี้อาบด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วรอยยิ้มพลันหุบลง เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “พี่ว่า พี่อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า ตั้งแต่ขวัญรู้ว่าท้องก็แพ้ไม่หยุด หน้ามืดเวียนหัวก็บ่อย แล้วท้องก็ใหญ่มากด้วย พี่ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด พี่ทนได้ ขอแค่พี่ได้กอด ได้หอมและได้จูบขวัญก็พอ” แม้ใจกัลป์อยากทำตามอารมณ์มากแค่ไหน ทว่าเขาคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกเมียเป็นอันดับแรก แค่ได้ทำตามที่กล่าวไป กัลป์ก็พอใจแล้ว ขวัญข้าวยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ “พี่กัลป์น่ารักที่สุดเลย” “แน่นอนอยู่แล้ว และน่ารักกับขวัญคนเดียว” เขาพูดจริงจากใจ จูบปากเธอหนักๆ ซ้ำๆ หลายครั้ง “รักที่สุดในโลกด้วย” “ขวัญก็รักพี่กัลป์ค่ะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะคะ” “ครับ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ขวัญเสียใจและร้องไ
Chapter 134“ใช่ คงไม่เหงาแล้ว เราคงปวดหัวกับหลานจอมซนของเราน่าดูนะ” ธัญญ์พูดประโยคนี้วชิราภรณ์ก็รู้ว่า สามีตัดสินใจเช่นไร“แน่นอนค่ะ กัลป์ตอนเด็กๆ ซนหยอกซะเมื่อไหร่ เล่นเอาผึ้งหัวหมุนเลย หลานคนแรกของเราก็คงซนไม่ต่างกับพ่อ” ใบหน้าวชิราภรณ์อิ่มด้วยรอยยิ้ม“เรากลับบ้านกันเถอะ ให้กล้วยไม้อยู่ดูแลช้างต่อ” ธัญญ์เอ่ยบอกภรรยา ก่อนทั้งคู่จะเดินเคียงคู่กันกลับไปบ้านหลังใหญ่ ความคิดธัญญ์ตอนนี้เปลี่ยนไป เห็นทีเขาต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างเสียแล้ว กัลป์ก้าวเท้าเร็วๆ มายังบ้านหลังเล็ก เมื่อรู้จากพรรณพฤกษาว่า ขวัญข้าวเวียนหัวหนักมาก และเป็นลมไปเมื่อครู่ใหญ่ กัลป์ที่กำลังเดินทางกลับบ้านพอดีเมื่อมาถึงก็รีบมาบ้านหลังนี้ทันที กัลป์ร้อนใจมาก กลัวว่าเมียรักจะเป็นหนัก “แม่บัวครับ ขวัญเป็นไงบ้างครับ” กัลป์ถามบัวริน “ตั้งแต่เป็นลมไปเมื่อชั่วโมงก่อนก็ยังไม่ได้สติเลย ดีนะที่ตอนเป็นลมอยู่ในห้องน่ะ ไม่งั้นคงต้องให้นอนในห้องรับแขก” “ผมขึ้นไปดูขวัญก่อนนะครับ” ตอนนี้ขวัญข้าวหมดสติอยู่ เธอคงไม่เห็นหน้ากัลป์ จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ชิดใกล้สาวอันเป็นที่รัก พูดจบก็เดิน
Chapter 133 พรรณพฤกษามองใบหน้าคชา ชายหนุ่มที่พรากความสาว ความสดใสของตนไปเมื่อสองปีกว่าด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่มีความโกรธแค้นสักนิดเดียว ตอนนี้จิตใจเธอผ่องใสมาก ปรับชีวิตให้เป็นปกติ ไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปดูหนังทำกิจกรรมหลายอย่างกับครอบครัวและเพื่อน เธอจำคำพูดก่อนเขาหมดสติในป่าได้ดี ราวกับว่ามันกลืนเข้าไปในความรู้สึก ไหลวนอยู่เช่นนั้น “ผมรักคุณ ผมขอโทษ”สองประโยคนี้แม้น้ำเสียงคชาจะเบาและขาดห้วง ทว่าพรรณพฤกษาได้ยินชัดเจน เธอเชื่อคำพูดคชา เชื่อว่ามาจากหัวใจที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เสี่ยงตายช่วยชีวิตตน เธอยังรู้ต่ออีกว่า คชาปลอมตัวเป็นต้นเข้ามาดูแลเธอ เพื่อชดเชยความผิดที่กระทำไว้ แม้พรรณพฤกษาจำเหตุการณ์ช่วงสติหลุดไม่ได้ แต่เธอก็เชื่อว่า คชาสำนึกผิดโดยแท้จริง และนับจากวันนั้นพรรณพฤกษาดูช่วยดูแลคชาทุกวัน วันหนึ่งนานกว่าสามชั่วโมง ช่วงแรกธัญญ์ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบุตรสาว เพราะอย่างไรเสียคชาก็เป็นคนชั่ว คนไม่ดีที่ไม่น่าเข้าใกล้ อีกทั้งยังเป็นคนข่มเหงพรรณพฤกษา จึงไม่มีความจำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแล แค่ให้อยู่บ้านหลังเล็กก็เพียงพอและถือว่าเมตตามากแล้ว“คุณพ่อขา กล้วยไม้เ
Chapter 132อาหารเย็นมื้อนี้พิเศษอีกแล้ว ขวัญข้าวมองปลานิลสามรสและผัดผักคะน้าน้ำมันหอย มีข้าวสวยร้อนๆ อีกหนึ่งจานแล้วน้ำลายสอ เธอรู้ดีว่าอาหารสองอย่างนี้ใครเป็นคนทำ ทว่าคนทำกลับนำมาให้ตนและอยู่ร่วมลุ้นไม่ได้ ผัดผักน้ำมันหอยใส่กุ้งสด แม้ว่าผักจะสุกมากไปหน่อยแต่หน้าตาก็น่ากิน ส่วนปลานนิลสามรส เธอไม่คิดว่ากัลป์จะทอดปลาได้สวย หนังปลาคลุมเนื้อปลาสวยงาม ไม่เละ “กัลป์ตั้งใจทำเลยนะ ขวัญชิมเลย มันลุ้นอยู่” อดิสรที่ยกสำรับอาหารมาให้คนท้องเจ็ดเดือนรีบพูด ในมือถือโทรศัพท์เครื่องจิ๋วราคาไม่จิ๋ว เปิดเป็นวีดิโอคอลให้กัลป์ได้ยินและได้เห็นภาพขวัญข้าวกินอาหาร คนลุ้นไม่ได้มีแค่สองคน จักรภพกับนพดลก็พลอยลุ้นตามไปด้วย ขวัญข้าวตักเนื้อปลาสามรสขึ้นชิม ก่อนตักอีกครั้งเพื่อกินกับข้าว ยังไม่มีคำตอบของคนที่นั่งลุ้น เพราะเธอกินข้าวกับผัดผักคะน้าอีกหนึ่งคำ “เป็นไงวะ ขวัญว่าไงบ้าง” กัลป์ส่งเสียงถามผ่านวีดิโอคอล “ขวัญกำลังกินอยู่ ยังไม่ตอบเลย” อดิสรพลิกมือถือให้กัลป์เห็นขวัญข้าวกินข้าว แต่ก็รีบหมุนกลับมาตามเดิมเพราะเกรงว่าคนท้องจะเห็นหน้ากัลป์ อาการเหม็นขี้หน้ากัลป์อาจ