Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2024-11-05 12:59:28

“ฉันอยากลาออกเพราะอยากมีเวลาดูแลลูกชายหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด อีกอย่างคุณให้เงินค่าตัวฉันตั้งมากขนาดนั้นต่อให้ตกงานสักปีสองปีคงไม่เป็นไร” ยิ่งพูดขวัญชีวาก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ไม่ว่ายังไงเธอคงอยู่ทำงานร่วมกับรอยส์ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ 

รวมถึงบริษัทใหม่ที่ติดต่อมาคงต้องปฏิเสธไปก่อนเพราะเธอไม่อยากทิ้งกวินท์ให้พักฟื้นตามลำพัง แต่เธอก็ยังมั่นใจว่าจะหางานใหม่ได้แม้จะต้องใช้เวลาสักหน่อย 

รอยส์อยากเปลี่ยนเงื่อนไขที่ว่าแต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นสุดท้ายซีอีโอหนุ่มก็ต้องยอมรับ ก่อนจะวกกลับมาคุยเรื่องสำคัญซึ่งเขาระบุว่าจะส่งคนไปรับเธอที่บ้านพร้อมกับนัดแนะเรื่องเวลาและสถานที่ ซึ่งมันคือวันพรุ่งนี้เวลาสองทุ่มที่โรงแรม…

คำตอบเดียวของขวัญชีวาขณะฟังรอยส์หลังจากนั้นมีแค่คำว่า ‘ค่ะ’  เธอพยายามคุมอารมณ์หน่วงจนอยากร้องไห้และโทนเสียงให้เป็นปกติทว่าก็ยากเหลือเกิน 

“เจอกันพรุ่งนี้”

“ค่ะ” ขวัญชีวาเอ่ยรับอีกครั้งแล้วกดวางสายไป กว่าจะตัดสินใจได้แบบนี้มันยากเหลือเกิน ในเมื่อการผ่าตัดต้องเกิดขึ้นทันทีและข้อเสนอของรอยส์ก็เข้ามาในจังหวะนั้น แม้เธอจะไม่อยากทำแบบนี้ทว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธเขา ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอและนี่คือทางออกเพียงแค่ทางเดียวที่เธอมีในตอนนี้และเธอก็เต็มใจที่จะเลือกมันเอง 

คำตอบรับของขวัญชีวาสร้างรอยยิ้มพึ่งพอใจขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของรอยส์ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ ทั้งๆ ที่พึ่งจะดื่มไวน์ไปเกือบหมดขวดแต่ปริมาณแอลกอฮอล์กลับไม่ได้ทำให้เขาร้อนรุ่มได้เท่ากับปล่อยให้สมองจินตนาการไปถึงค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง

ทันทีที่วางสายจากรอยส์ ขวัญชีวาก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม แม้จะกลับมาบ้านแต่ในใจของเธอนั้นก็ยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล คืนนั้นเธอนอนไม่หลับไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนทุกวัน ยิ่งเป็นวันหยุดก็ยิ่งตื่นเช้ากว่าวันทำงานเสียอีก เธอรีบจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าลูกชาย ชีวิตของขวัญชีวาเวลานี้วนเวียนอยู่ที่ทำงาน โรงพยาบาลและบ้านอยู่แบบนี้ ส่วนงานพิเศษหลังเลิกงานต้องหยุดพักมือไว้ก่อนชั่วคราวเนื่องจากไม่มีเวลาจริงๆ แม้มันจะสร้างรายได้ให้เธอเป็นกอบเป็นกำก็ตาม

เมื่อขวัญชีวามาถึงโรงพยาบาลก็ได้เจอกับคนของรอยส์ที่ชายหนุ่มส่งมาจัดการเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้ลูกชายของเธอ ขวัญชีวาทำตามอีกฝ่ายอย่างไม่อิดออด กระทั่งหมอเจ้าของไข้ของกวินท์เดินเข้ามาคุยด้วย หมอน่านอยากถามเหลือเกินว่าเธอได้เงินค่าผ่าตัดมาจากไหนหรือรับความช่วยเหลือจากใครถึงได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลเอกชนด่วนแบบนี้ ถึงอย่างนั้นหมอหนุ่มก็ไม่อาจถามออกไป

“ขอให้การผ่าตัดของน้องกวินท์ประสบความสำเร็จนะครับคุณเกี๊ยว” เพราะขวัญชีวาเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลมาแรมปีและเขาก็ดูแลกวินท์มาตั้งแต่ต้นทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันพอสมควร

อาจเพราะสนิทกันหัวใจของหมอน่านจึงหวั่นไหวกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเช่นกัน เขาพยายามช่วยเหลือเธอเท่าที่พอจะทำได้แม้บางอย่างก็ต้องวิ่งเต้นมากหน่อย แต่อย่างที่รู้ๆ กัน ระบบการทำงานของโรงพยาบาลรัฐมันเป็นยังไงไหนจะเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ได้ทันสมัย คิวแพทย์เฉพาะทางเก่งๆ ก็ยาวข้ามปี 

“ขอบคุณมากนะคะหมอน่าน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านๆ มาด้วย” 

“ครับ” หมอหนุ่มเอ่ยรับ แววตาดูเป็นห่วงแต่ก็เชื่อว่าขวัญชีวาและลูกชายจะผ่านไปได้ “เอ่อ…ถ้าผมจะขอไปเยี่ยมน้องกวินท์บ้าง”

“ค่ะ” ขวัญชีวาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธไม่ให้หมอน่านไปเยี่ยมลูกชาย คำตอบรับของเธอสร้างรอยยิ้มให้หมอหนุ่ม หัวใจที่เคยเต้นแรงขณะอยู่กับเธอก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้น อาการแบบนี้เขาไม่ได้เป็นมานานแล้วเพราะวันๆ ทำแต่งานแล้วก็งานจนแทบไม่มีเวลาสนใจเพศตรงข้ามกระทั่งได้เจอกับขวัญชีวา 

จังหวะที่หมอน่านกำลังจะสารภาพความในใจจู่ๆ ก็ถูกเรียกตัวด่วนเพราะมีเคสเข้ามาทำให้ทั้งคู่จบบทสนทนากันเพียงแค่นั้น ขวัญชีวาจึงเดินทางไปยังโรงพยาบาลใหม่ของลูกชาย ทุกอย่างดูแตกต่างจากโรงพยาบาลเก่าอย่างเห็นได้ชัด 

กำหนดเดิมเพราะจากการตรวจร่างกายของกวินท์อย่างละเอียดผลที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ในขณะที่คนของรอยส์ก็ปลีกตัวไปรายงานให้เจ้านายหนุ่มทราบเช่นกัน

หลังจากคุยกับหมอเสร็จขวัญชีวาก็รีบรุดไปยังห้องพักฟื้นของลูกชาย ซึ่งขณะนั้นเด็กชายตัวน้อยที่จิตใจแข็งแกร่งเพราะต่อสู้กับอาการป่วยมาตลอดกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงของห้องพักแบบวีไอพีที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนเฝ้ารวมไปถึงคนเยี่ยมเช่นกัน 

“แม่เกี๊ยวครับ”

“ครับลูก” ขวัญชีวาส่งยิ้มให้ลูกชายแล้วเดินตรงเข้าไปหา สุขภาพของกวินท์เวลานี้ดีขึ้นกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนมากรวมไปถึงสุขภาพจิตก็พร้อมจะรับการผ่าตัดใหญ่เช่นกัน

ตั้งแต่วันแรกๆ ที่รู้ว่ากวินท์ป่วย ขวัญชีวาก็เลือกที่จะบอกลูกชายอย่างตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษา เพราะอยากให้กวินท์รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและจะได้สู้ไปพร้อมกัน แต่ก้าวแรกมันย่อมยากเสมอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 27- จบ

    “อ้อค่ะ” ขวัญชีวาเอ่ยรับ นั่งรถมาได้ครู่ใหญ่รอยส์ก็เลี้ยวรถไปยังคอมมูนิตี้มอล์แห่งหนึ่ง หลังจอดรถเสร็จเขาก็พาเธอเดินตรงไปยังร้านแห่งหนึ่งที่ด้านหน้ามีชุดเจ้าสาวตั้งโชว์อยู่ นั่นทำให้ขวัญชีวาหยุดกึกทันที“ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีชุดเจ้าสาวที่คุณชอบบ้างไหม”“อะไรนะคะ”“ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่รู้เซอร์ไพรส์แบบไหนหรือจะใช้คำไหนบอกก็เลยพาเกี๊ยวมาที่นี่แทน” ความซื่อในเรื่องพวกนี้ของรอยส์ทำให้ขวัญชีวายิ้มเขินออกมา“พูดคำง่ายๆ ว่าเราแต่งงานกันไหม แค่นี้ก็ได้ค่ะ”“เราแต่งงานกันไหมครับ” รอยส์พูดตามที่ขวัญชีวาแนะนำทันที เขาคิดเรื่องแต่งงานกับเธอมานานแล้วจึงไม่แปลกหากอยากแต่งงานทันที “ผมรักคุณ”“เกี๊ยวก็รักคุณ”“เราแต่งงานกันนะ”“นี่คุณยังไม่ล้มเลิกเรื่องขอฉันแต่งงานอีกเหรอ”“ยังครับ ถ้าวันนี้คุณไม่ตอบวันต่อๆ ไปผมก็จะพูดแบ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 26

    เพราะคิดถึงและโหยหาส่งผลให้สัมผัสของรอยส์นั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรง ชายหนุ่มอุ้มขวัญชีวาจนตัวเธอลอยขึ้นจากพื้นแล้วก้าวยาวๆ ไปยังห้องพักผ่อนที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน ทันทีที่มาถึงเขาก็วางเธอลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ริมหน้าต่างแล้วโน้มตัวลงไปเล้าโลมอย่างคิดถึงพร้อมกระซิบถาม“คิดถึงผมหรือเปล่า”“คิดถึงค่ะ คิดถึงมากจนฝันถึงทุกคืน” คำตอบจากขวัญชีวาทำให้ซีอีโอหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะมอบจูบให้เธอ นั่นทำให้คนในอ้อมกอดครางกระเส่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ความเสียวซ่านวาบหวามที่แสนคิดถึงทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัวเพราะคิดถึงจังหวะรักของทั้งคู่จึงร้อนแรงและโหยหา เวลานี้ต่างช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้หลุดพ้นไปจากร่างกายโดยเฉพาะส่วนสำคัญที่ต้องไร้การขวางกั้น การเล้าโลมเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวทั้งสองก็อดใจไม่ไหวนั่นทำให้การสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในขณะที่สะโพกสอบของรอยส์กำลังเคลื่อนไหวในจังหวะเข้าและออกหนักๆ เม็ดยอดสีชมพูบนหน้าอกอวบที่เวลานี้เปลือยเปล่าของขวัญชีวาช่างท้าทายสายตาเขาเ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 25

    แม้จะมั่นใจว่ารอยส์นั้นรักขวัญชีวาถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน แต่ภูริชก็ไม่วายบอกข่าวผิดๆ แก่รอยส์ นั่นทำเอาซีอีโอหนุ่มถึงกับหัวร้อนแล้วรีบบึ่งรถไปหาขวัญชีวาที่บ้านทันที“คุณจะทิ้งผมจริงๆ เหรอ”“ทิ้งคุณ!” สีหน้าและแววตาของขวัญชีวางุนงงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะเธอไม่เคยคิดจะทิ้งรอยส์เลยแม้แต่ครั้งเดียวแล้วเขาโวยวายเรื่องนั้นขึ้นมาทำไม“ใช่ คุณหนึ่งบอกว่าคุณจะไปอยู่ที่ฟินแลนด์ด้วย แล้วผมละครับ คุณจะเอาผมไปวางไว้ตรงไหน” นอกจากโวยวายแล้วรอยส์ยังร้อนใจจนเก็บอาการไม่อยู่“วางไว้ที่เดิมค่ะ”“คุณเกี๊ยว”“ดื่มน้ำดับอารมณ์ร้อนก่อนดีไหมคะ” ขวัญชีวายังคงแสดงท่าทางสบายๆ ไม่ได้ร้อนรนอะไร“ไม่ครับ” น้ำเสียงห้วนๆ ของรอยส์เอ่ยรับขึ้น“ถ้างั้นก็ตั้งใจฟังให้ดีๆ ฉันจะตามน้องกวินท์ไปที่ฟินแลนด์จริงๆ แต่แค่ไปส่งแล้วกลับค่ะไม่ได้ไปอยู่ถาวร”

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 24

    อาการป่วยของกวินท์ดีวันดีคืน หมอจึงอนุญาตให้เด็กชายกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แต่ข่าวดีนี้ก็ถูกกลบด้วยบรรยากาศที่อึมครึมเมื่อพลอยใสเดินทางมาถึงเมืองไทยเพื่อคุยเรื่องหย่ากับภูริชเธอยังคงยืนกรานที่จะไม่หย่าในขณะที่ภูริชก็ยืนกรานที่จะหย่าเช่นกัน สุดท้ายภูริชก็ฟ้องหย่าและเพราะไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โตจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ทางครอบบครัวของพลอยใสจึงกดดันให้ลูกสาวคนโตยอมเซ็นใบหย่าเงียบๆต่อให้พลอยใสอยากเอาชนะภูริชมากขนาดไหนสุดท้ายก็ทนแรงกดดันจากคนในครอบครัวที่ไม่มีใครเข้าข้างเธอเลยสักคนไม่ได้ เมื่อหย่าเสร็จเธอก็บินกลับไปใช้ชีวิตที่บอสตันส่วนภูริชก็มีคำสั่งจากบริษัทให้ย้ายไปทำงานที่ฟินแลนด์เช่นกัน เพราะแบบนั้นเขาจึงอยากพากวินท์ไปด้วยทันทีที่ได้รู้ขวัญชีวาก็ถึงกับซึมนั่นเพราะไม่คิดว่าเธอจะต้องอยู่ห่างกับกวินท์ไกลถึงขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าที่นั่นดีต่อการดำเนินชีวิตของกวินท์ อีกอย่างเธอเป็นแค่ป้าคงไม่มีสิทธิ์เท่าพ่อแท้ๆ“ทำไมพี่หนึ่งใจร้ายกับแกแบบนั้น” ปิยะดาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจที่จู่ๆ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 23

    “ขอบคุณมากนะครับที่คอยช่วยเหลือลูกชายผมกับเกี๊ยว” เมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ภูริชก็เอ่ยกับรอยส์ขึ้น“ผมยินดีและเต็มใจที่ได้ช่วยครับ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”“เกี๊ยวบอกว่าคุณเป็นเจ้านายเธอที่บริษัท”“ใช่ครับ เราทำงานด้วยกันมาหลายปีแล้ว แต่จู่ๆ คุณเกี๊ยวก็ขอลาออกผมเลยรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหา” หากไม่มีใบลาออกใบนั้นรอยส์ก็คงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ขวัญชีวาบ้าง“ผมเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิด ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถูกลูกชายเกลียดเอา“อย่าโทษตัวเองเลยครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้คุณก็รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ก่อนที่มันจะสายไป”“ผมเคยทำผิดแล้วครั้งหนึ่งที่เลิกรากับกุ้งโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องมารู้อีกทีคือวันที่ผมบินกลับร่วมงานศพของเธอ แต่แล้วก็ยังปล่อยปะละเลยชีวิตของกวินท์กับเกี๊ยวจนทำให้ทั้งคู่ลำบาก” ยิ่งคิดภูริชก็ยิ่งรู้สึกผิดหลังจากนี้เ

  • พรหมจรรย์ดอกหญ้า   บทที่ 22

    “เรากลับมาคุยกันก่อนนะคะคุณหนึ่ง” แม้จะไม่พอใจที่สามีบินกลับเมืองไทยโดยไม่บอกเธอ แต่สถานการณ์ในตอนนี้พลอยใสก็ต้องหว่านล้อมสามีให้กลับมาหาเธอให้ได้เสียก่อน “ต่อจากนี้เราคงไม่ต้องคุยอะไรกันอีก”“ไม่นะคะไม่ ถ้าคุณไม่สะดวกบินมาฉันจะบินไปหาคุณเพื่ออธิบายทุกอย่างเอง นะคะ”“อย่าเสียเวลาเลย”“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหรือคุณจะหย่ากับฉันอย่างนั้นเหรอ”“ใช่”“คุณหนึ่ง!”“ผมคงใช้ชีวิตกับคุณต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราหย่ากันน่าจะดีที่สุด” เรื่องหย่าอยู่ในหัวของภูริชมานานแล้ว น่าจะตั้งแต่แต่งงานกับพลอยใสด้วยซ้ำ เพียงแค่ที่ผ่านมาเขาพยายามไม่คิดถึงเรื่องหย่าและคิดว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเพราะหลังจากเลิกรากับปานชีวาน้องสาวของ ขวัญชีวาไม่นานเขาก็แต่งงานสายฟ้าแลบกับเธอ ที่ตัดสินใจแต่งงานทันทีเพราะผู้ใหญ่บีบบังคับบวกกับเขาต้องการใครสักคนเพื่อให้ลืมปานชีวา จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บอสตันโดยเขาไปทำงานในขณะที่พลอยใสก็ตามไปดูแลแต่ไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status