ณ จวนชินอ๋อง
ผ้าแพรสีแดงพลิ้วไสวทั่วทั้งจวน ลู่ผิงถิงก้าวเท้าเข้าประตู หยุดมองบรรยากาศโดยรอบ
ช่างเงียบเหงาไม่ต่างจากจวนลู่สักนิด
พ่อบ้านจางพาลู่ผิงถิงไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ซึ่งมีเพียงผู้ทำพิธีการ ท่านอ๋อง ลู่ผิงถิง และบ่าวในจวนเพียงไม่กี่คน
ไม่มีงานเลี้ยงเอิกเกริก ไม่มีแขกเหรื่อร่วมแสดงความยินดี ไม่มีใครนอกจากบ่าวในจวน ที่ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแต่งงานในครั้งนี้
น่าขันสิ้นดี
ลู่ผิงถิงแอบลดพัดปิดหน้าลง มองดูเจ้าบ่าวในอาภรณ์สีแดง ใบหน้าหล่อเหลาได้รูป คิ้วเข้มรับกับดวงตาเรียวยาว ผิวเนียนละเอียดจนสตรีบางคนสู้ไม่ได้ มองแล้วยากจะละสายตา ไม่ต่างจากที่ข่าวลือบอกไว้เลย ว่าเป็นบุรุษรูปงามที่สตรีเห็นเป็นต้องตกหลุมรัก
เขามีเสน่ห์ดึงดูดสายตาจริง ทว่าลู่ผิงถิงไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพียงทำตามคำแนะนำกราบไหว้ฟ้าดินเพื่อให้ผ่านพ้นไป
หลังจากเสร็จพิธีชินอ๋องผู้นั้น ก็แยกตัวจากไปทันที เขาไม่พูดไม่จากับนางสักคำ ทิ้งนางไว้กับพ่อบ้านจางอย่างไม่ไยดี
“กระหม่อมจะพาพระชายาไปส่งห้องหอพ่ะย่ะค่ะ”
ลู่ผิงถิงพยักหน้าและเดินตามพ่อบ้านจางไป เสียงดนตรีดังกระทบโสตประสาท ยามกราบไหว้ฟ้าดิน ไม่มีเสียงดนตรีสักนิด ยามนี้กลับรื่นเริงจนน่าแปลกใจ
ยิ่งเดินไปใกล้เสียงดนตรี เสียงหัวเราะต่อกระซิกก็ยิ่งชัดเจน ลู่ผิงถิงเดินผ่านจุดที่เสียงดนตรีดังที่สุด นางมองผ่านประตูเข้าไป สิ่งที่เห็นคือร่างอรชรของนางรำ ถูกชินอ๋องสามีของนางดึงมาโอบเอวไว้ไม่ให้ลุกขึ้นจากตัก
“ท่านอ๋องแกล้งหม่อมฉันอีกแล้วนะเพคะ”
“ใครใช้ให้เจ้าหอมกรุ่นเพียงนี้เล่า ข้าเชยชมเท่าใดก็ไม่เบื่อ”
เสียงพูดคุยในห้องโถงแว่วเข้าหูของลู่ผิงถิง นางมองเพียงแวบเดียวก็เดินตามพ่อบ้านจางไปยังห้องหอโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
ข่าวความเสเพลของชินอ๋องมีมาเนิ่นนาน หลังจากพระบิดาของเขาสวรรคตเขาก็ทำตัวเสเพล ยกตราบัญชาการทหารคืนฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน จากนั้นก็เที่ยวเตร่หาความสุขใส่ตัวไปวัน ๆ
พ่อบ้านจางมาส่งพระชายาจนถึงประตูห้องหอ เขามีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย อ้ำอึ้งอยู่เนิ่นนานจึงเอ่ย “พระชายาอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่เห็นเลย ท่านอ๋องอาจจะเหลวไหลไปบ้าง แต่ท่านอ๋องเป็นคนดีพ่ะย่ะค่ะ”
ลู่ผิงถิงยิ้มเล็กน้อยให้พ่อบ้านจาง นางไม่ได้ใส่ใจเรื่องท่านอ๋องคนนั้นอยู่แล้ว เขาจะกอดนางบำเรอ อนุ หรือแม้กระทั่งชายารองก็เป็นเรื่องของเขา เพราะเรื่องของนางมีให้คิดมากพอแล้ว เหตุใดนางต้องแบ่งสมองมาคิดเรื่องของคนที่ไม่มีความสำคัญในชีวิตเพิ่มเล่า
เมื่อพ่อบ้านจางเห็นรอยยิ้มของพระชายาก็ยิ้มตอบ พระชายาคงไม่ติดใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น ดีจริง “อีกประเดี๋ยวท่านอ๋องจะเสด็จมา กระหม่อมสั่งให้คนเตรียมน้ำไว้ให้พระชายาแล้ว”
ครู่ต่อมามีเด็กสาวคนหนึ่ง ถือถาดอาภรณ์เดินเข้ามา “เด็กคนนี้จะมาเป็นสาวใช้ประจำของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อพ่อบ้านจางออกไปแล้ว ลู่ผิงถิงมองสำรวจสตรีตรงหน้าพร้อมเอ่ยถาม “เจ้าชื่อว่าอย่างไร”
“หม่อมฉันไม่มีชื่อ ขอพระชายาประทานชื่อให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”
“ได้..เช่นนั้นเจ้าชื่อ อาหลี่แล้วกัน...สิ่งนี้ให้เจ้ารับไว้สิ” ลู่ผิงถิงถอดกำไลข้อมือยื่นให้อาหลี่ พลางดูสีหน้าแววตาเพื่อประเมินนิสัยใจคอของนาง
อาหลี่ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันมิกล้ารับ ของสิ่งนี้มีค่ามากเกินไปเพคะ”
“รับไว้เถิด” ลู่ผิงถิงยิ้มเล็กน้อยและยังคงยื่นกำไลข้อมือให้อาหลี่อยู่แบบนั้น
อาหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็วางถาดในมือลงบนโต๊ะ เดินเข้าไปหยุดตรงหน้าพระชายา แล้วยื่นมือไปรับกำไลข้อมือพร้อมยอบกายกล่าว “ขอบพระทัยพระชายาเพคะ”
ลู่ผิงถิงยังไม่ปล่อยกำไลไปโดยง่าย ทำให้อาหลี่ยังอยู่ในท่ายอบกาย
ขาทั้งสองของอาหลี่สั่นจนแทบจะล้มลงพื้น ลู่ผิงถิงจึงใช้มืออีกข้างจับแขนของอาหลี่พยุงไม่ให้ล้ม จากนั้นนางก็โน้มหน้าไปกระซิบข้างหูของอาหลี่ “จากนี้ไปเจ้าก็เป็นคนของข้าแล้ว จำไว้ข้าไม่ชอบให้ผู้ใดหักหลัง”
.......................
ไม่ชอบให้ใครหักหลัง ถ้าหลัวหักหลังลูกจะทำไงน๊อ
ลู่ผิงถิงคร้านจะสนใจเขาตอนนี้ตานางลืมแทบไม่ขึ้นแล้ว “หม่อมฉันง่วงแล้วเพคะ” จมูกโด่งของคนด้านข้างซุกไซร้ซอกคอทว่านางไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงหลับไปอย่างไม่รู้ตัวมู่เซียวเซ่อจุมพิตขมับภรรยาเบา ๆ จากนั้นก็ออกจากห้องไม่เช่นนั้นเขาคงก่อกวนนางจนตื่นแน่ เขาตรงไปยังห้องทรงอักษรเพื่อจัดการฎีกาที่เหลือ เกือบสว่างเขาถึงได้กลับมานอนกอดภรรยาเช้าวันต่อมาฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อออกว่าราชการและสั่งการให้ลู่หงปินที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นมหาเสนาบดี ไปจัดการช่วยเหลือชาวเมืองทางเหนือที่ถูกน้ำป่าถล่มเสียหายหลายหมู่บ้าน จัดการแจกเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่มให้ชาวบ้าน ก่อสร้างบ้านเรือนที่เสียหาย และได้วางแผนเปิดการค้ากับต่างแคว้นเพื่อฟื้นฟูท้องพระคลังที่ว่างเปล่าฮ่องเต้ทรงห่วงใยปวงประชา ทรงงานหนักทุกวันเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี จวบจนเวลาสามปีทุกอย่างที่เฝ้าตั้งใจลงมือทำก็ผลิดอกออกผล ประชาชนอยู่ดีกินดี บ้านเมืองมั่งคั่ง ท้องพระคลังไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป“มำหม่ำ”เสียงบุตรชายร้องกินนมอยู่ในอ้อมกอดมารดา จนคนเป็นพ่อแบบเขาบางครั้งก็โมโห ที่ภรรยาสนใจแต่ลูกน้อยไม่สนใจเขาบ
มู่เซียวเซ่อลืมตาขึ้น ถูกยั่วยวนเพียงนี้ใครจะทนได้ อดกลั้นอยู่ตั้งนานเพราะกลัวนางเหนื่อย ได้ยินนางบอกไม่เหนื่อยใครบ้างไม่ยินดี เจ้ามังกรที่เขากำลังกล่อมหลับ จะได้รับการปลอบประโลมแล้ว ดีใจสุด ๆดวงตาดอกท้อมองภรรยาหวานเยิ้ม จากนั้นจับมือของนางถอดสายคาดเอวรวมไปถึงถอดอาภรณ์ของเขาไปพร้อม ๆ กันลู่ผิงถิงเคยปรนนิบัติเขามาแล้วยามที่นางมีฤดูวันนั้น วันนี้นางจึงไม่เอียงอายเท่าไร ลิ้นเล็กเล็มเลียจุดอ่อนไหวของเขา เม็ดบัวทั้งสองข้างเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของนางมู่เซียวเซ่อครางในลำคออย่างเสียวซ่าน เขาแทบคลั่งที่ถูกกระตุ้น และตอนนี้เจ้ามังกรจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่แล้ว “อ้าส์ ถิงเอ๋อร์เด็กดี ครอบครองมันให้พี่ที”ลู่ผิงถิงยิ้มมุมปากจากนั้นก็กรีดนิ้วไปบนหน้าท้องเขาไล่ไปหามังกรตัวเขื่อง จับรูดขึ้นลงเชื่องช้าแล้วหยุดมือลงกะทันหัน เห็นคิ้วของสามีเลิกขึ้นก็ยิ่งสุขใจ นางอยากกลั่นแกล้งที่เขาทิ้งให้นางรอคอยเพียงลำพังเมื่อครู่ “หม่อมฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว นอนกันเถิดเพคะ”มู่เซียวเซ่อจับสตรีที่ยั่วยวนเมื่อครู่นอนลงจากนั้นก็จุมพิตดูดดื่มมาถึงขั้นนี้แล้วใครจะนอน เขาขบกัด
มู่เซียวเซ่อในชุดสีแดงมงคลนั่งสง่าบนหลังม้า อาชาคู่กายที่ปราดเปรื่องในสนามรบ ถูกผูกผ้าสีแดงจนมันพ่นลมหายใจออกมาบ่อยครั้ง เขาได้แต่ปลอบมันด้วยการลูบขนบริเวณคอและเอ่ยติดสินบนมันแผ่วเบา “เสร็จงานจะให้หญ้าหวานของโปรดเจ้ามากหน่อย อย่างอแง” ด้านหลังของเขาเป็นขบวนสินสอดที่ตั้งใจนำมามอบให้ภรรยาชาวบ้านแถบนั้นมามุงดูด้วยความริษยา แสงระยิบระยับที่สะท้อนสายตา เป็นจำพวกเงินทองและเครื่องประดับที่พูนขึ้นมาจากหีบ และที่ปิดฝาไว้อีกมากมายคงจะเป็นผ้าไหมเนื้อดี รวมไปถึงโฉนดที่ดินและอื่น ๆ อีกมากมายชินอ๋องเสเพลเป็นเจ้าของหอเฟิ่งหวงใครก็ต่างเหลือเชื่อ สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ เขาแสร้งเสเพลตบตาผู้คน ทว่าทำได้เหมือนจริงราวกับเป็นตัวเขาเองด้านในจวนลู่ บิดามารดาและพี่รองของลู่ผิงถิงอยู่กันพร้อมหน้า เวินหลินช่วยบุตรสาวประทินโฉม ส่วนลู่หงเวินนั่งยิ้มมองภรรยาและบุตร ไม่กล้าพูดคุยกับภรรยา“พระชายา ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ สินสอดยาวมากน่าจะสองร้อยหาบได้” อาหลี่วิ่งหน้าตาตื่นมาบอก นางตื่นเต้นเมื่อเห็นขบวนรับเจ้าสาวของท่านอ๋อง“ถิงเอ๋อร์” เวินหลินจับมือบุตรสาวอยากร
ลู่ผิงถิงเริ่มโมโห นางร้องไห้ใจแทบขาดทว่าเป็นเลือดไก่ “แล้วที่ท่านหายใจรวยรินเล่า”“ข้าคงเหนื่อยมาก” มู่เซียวเซ่อเริ่มใช้จมูกซุกซน ซอกซอนไปตามลำคอระหง เรียวลิ้นดูดดึงเลาะเล็มตามปลายคางจนมาถึงริมฝีปาก“หยุด”มู่เซียวเซ่อหยุดชะงักตามคำสั่งจากนั้นเลิกคิ้วมองใบหน้าหวานอย่างสงสัย“ท่านป่วยอยู่”“ข้าหายแล้ว” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธอีก มู่เซียวเซ่อก็จู่โจมจุมพิตเร่าร้อน ปลดเปลื้องอาภรณ์คนตัวเล็กออกอย่างรวดเร็ว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยฝ่ามือลูบไล้เรือนร่างระหง เรียวลิ้นลากไล้ไปทั่วทุกซอกมุมลู่ผิงถิงอ่อนระทวยไปกับการโลมเล้าของเขา ทว่านางยังไม่ลืมชีวิตน้อย ๆ ในท้อง “อ้าส์...ท่านอ๋องหม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่”“ข้าปรึกษาหมอหลวงแล้วว่าได้” มู่เซียวเซ่อกระซิบที่ข้างหูเสียงกระเส่า พร้อมงับติ่งหูเบา ๆ“นี่หมายความว่าไง ท่านไม่ได้ป่วยจริงหรือ” หูของมู่เซียวเซ่อถูกพระชายาดึงราวกับหนังยางยืด“โอ๊ย..จะ..เจ็บ...ถิงเอ๋อร์ปล่อยก่อน ข้าป่วยจริง ๆ นะแต่ดีขึ้นมากแล้ว” สายตาของมู่เซียวเซ่อล่อกแล่กขณะเอ่ยลู่ผิงถิงหรี่ตามองสามีคร
ได้ยินเช่นนั้นใจของลู่ผิงถิงก็ราวกับหล่นไปในเหวลึก ถึงกับดูใจครั้งสุดท้ายเลยหรืออาจเพราะทำงานจนลืมกินข้าว หรืออาจเพราะอ่านฎีกาไม่ยอมพักผ่อน ถึงได้เป็นหนักขนาดนี้ แม้ในใจยังไม่หายโกรธ แต่ความเป็นห่วงทำให้ลู่ผิงถิงรีบร้อนออกจากจวนอ๋องอย่างรวดเร็วบนเตียงกว้างสามีนอนใบหน้าซีดเซียว ริมฝีบางของเขาลอกเป็นขุย “ท่านอ๋อง เหตุใดเป็นอย่างนี้ไปได้” ลู่ผิงถิงน้ำตาไหลเมื่อเห็นสภาพของสามี“ถิงเอ๋อร์ ข้าปวดใจมากที่ต้องโกหกเจ้า” ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอ เลือดสีดำจุดเล็กติดมากับผ้าเช็ดหน้า “วันนั้นเพราะเสด็จพี่ต้องการสังหารข้า ถ้าข้าไม่ตายเจ้าจะไม่ปลอดภัย” พูดไปไอไป“พอแล้วเพคะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ลู่ผิงถิงจับมือสามีไว้ หัวใจบีบแน่นที่เห็นสภาพอิดโรยของเขาหมอหลวงนำโอสถเข้ามา “ท่านอ๋องดื่มยาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าทำเอง เจ้าออกไปเถิด” ลู่ผิงถิงรับยามาเป่าแล้วป้อนให้สามีสายตารู้สึกผิดจับจ้องผู้เป็นภรรยา “ข้าไม่อยากโกหกเจ้าสักนิด ที่กระท่อมหลังนั้นคนของเสด็จพี่จับตามองเราตลอดเวลา ข้าหาโอกาสสารภาพกับเจ้าไม่ได้ ยกโทษให้ข้านะถิงเอ๋อร์”ลู่ผิงถิงเม้มริมฝีปากบาง
“ฉึก” ปลายดาบแทงแผ่นหลังทะลุหัวใจของฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อดีดลูกโลหะเหล็กก้อนกลมใส่มือผู้เป็นพี่ชาย กระบี่หล่นจากมือตกลงพื้น เขาคว้าข้อมือบางดึงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างปลอดภัยลู่ไป๋อิงใช้แรงเฮือกสุดท้ายแทงชายหนุ่มที่ตัวเองรักแล้วกอดเขาจากด้านหลังล้มลงพื้นไปด้วยกัน “ไม่ได้ร่วมผูกผม ก็ร่วมลงหลุมไปด้วยกัน” พูดแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูฝ่าบาททำผิดมามากมายได้ทำอะไรเพื่อพี่สาวเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี ถึงแม้จะทดแทนความผิดที่ผ่านมาไม่ได้ก็ตาม สำหรับพี่ชายใหญ่นางจะตามไปชดใช้ที่ปรโลกไม่นานคนของมู่เซียวเซ่อก็ควบคุมคนของมู่เซียวเหิงได้ณ จวนอ๋องมู่เซียวเซ่อตามง้อภรรยามาสามวันแล้วทว่าไม่เป็นผล นางไม่ยอมมองหน้า ไม่คุยด้วย เสด็จพ่อก็จะให้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างเดียว ไม่รู้ถึงความลำบากใจของบุตรชายคนนี้บ้างเลย“เซียวเซ่อ ข้ามาแล้ว” อู่เหยียนเอ่ยทักทายสหาย ความจริงเขาเข้าเมืองมาหลายวันแล้ว แต่พักอยู่ที่หอเฟิ่งหวง ไม่เข้าท้องพระโรงกับพวกจ้าวเฉา ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายเล่า เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ไม่ได้มีวิ