Se connecterกรี๊ดดดด!!
ผีสาวหวีดร้องด้วยความกลัว ตอนตายหรือเล่นรถไฟเหาะยังไม่กลัวเท่านี้เลย ความรู้สึกตอนโดนดูดเข้าไปด้านใน มันวูบวาบเสียวท้องแปลก ๆ
ครั้นพอลืมตาตื่นขึ้นมาดันได้สบตากับผู้ชายคนหนึ่ง ในหัวสมองของผีสาวพร่าเบลอไปหมด ไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้นรู้อย่างเดียว มันทั้งเสียวและพลุ่งพล่านไปหมด
ดะ เดี๋ยวนะ!!
“คุณเป็นใคร” ซู่เฟินถาม แต่มือก็ยังโอบล้อมรอบคอของเขา
ผู้ชายคนนั้นถอนจูบจากเธอ ในใจผีสาวมีความรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
“เจ้าอย่ามาไขสือ เป็นคนหลอกข้ามาเองไม่ใช่หรือ” เขาสบตากับสตรีที่อยู่ในการควบคุมของเขา
“ใครหลอกคุณมากัน” ถานซู่เฟินเปลี่ยนจากคล้องคอผลักเขาออกห่าง
ร่างกายของทั้งคู่ที่เคยนัวเนียไร้เสื้อผ้าผละออกจากหัน เฉิงเว่ยฉี จ้องมองสตรีตัวเล็ก ๆ คนนั้นด้วยสายตาเหยียดหยามระคนไม่เข้าใจ
เมื่อได้ยืนห่างจากกัน ซู่เฟินถึงได้เห็นหน้าตาเขาชัดเจนขึ้น อื้ม!!! หล่อเหลือเกินพ่อ เธอลอบเลียริมฝีปากที่แห้งผาก รสจูบเมื่อครู่เธอรู้สึกถึงมันได้นิดหนึ่ง คนผู้นั้นใส่แค่ชุดผ้าสีขาวบาง ๆ ร่างกายกล้ามเนื้อสัดส่วนทุกอย่างดูแข็งแกร่งไปหมด เมื่อมองต่ำลงมาเรื่อย ๆ ซู่เฟินก็ยิ้มปริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก
“คุณหนูถาน หลอกให้ข้ามา ข้าก็มาแล้ว เรามาทำให้มันเสร็จ ๆ ไปเถอะ” เฉิงเว่ยฉีกล่าวกับนาง เมื่อพูดจบกลับเป็นนางที่ขมวดคิ้วเป็นปม เขาก้าวอาด ๆ เข้าไปหานาง สองแขนก็รั้งร่างเล็กที่ถอยหนีให้แนบชิดกับตัวอีกครั้ง
“ทำอะไร นายจะทำบ้าอะไร” ซู่เฟินโวยวาย “นายเป็นผีลามกหรือไง” เธอตะโกนด่า สองมือก็ทุบตีไปที่แผงอกกำยำ
“หยุด!!!” เขาตะโกนขึ้นเสียงกับนาง พลางพิจารณาท่าทีที่เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
คราแรกที่เจอหน้ากัน นางยังยั่วยวนทอดสะพานให้เขาอยู่เลย ยามที่สัมผัสไปที่ข้อมือบอบบาง เฉิงเว่ยฉีรู้สึกได้ถึงชีพจรอันปั่นป่วนของนาง
คนตัวเล็กรู้ตัวว่าร่างกายเปลือยเปล่าก็รีบหาเสื้อผ้าแถวนั้นขึ้นมาใส่ เธอพบเพียงเสื้อผ้าโบราณกองอยู่โดยรอบ บราสักชิ้นหรือกางเกงในสักตัวก็ไม่เห็น
เอาก็เอาวะ เอาใส่คลุม ๆ ไว้ก่อนก็แล้วกัน ซู่เฟินไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้นแล้ว เรื่องนี้เริ่มซับซ้อนเกินไปแล้ว ไหนจะไอ้อาการร้อนแปลก ๆ บ้า ๆ นี่อีก
ไม่ทันจะใส่เสื้อผ้าเสร็จดี คนกลุ่มใหญ่ในชุดโบราณก็เปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอน
“......” ผู้ชายคนนั้นรีบรุดกายเอาตัวสูงใหญ่บดบังเรือนร่างของเธอไว้ “คุณ”
“รีบแต่งตัวให้เสร็จ ๆ เสีย เห็นแล้วมันอุจาดตา” เขาพูดกับนาง
“เออ รอแพพ” ซู่เฟินรีบจัดการกับร่างกายตัวเอง
ในสมองทึบ ๆ ของเธอก็ประมวลผลเหตุการณ์ไปด้วย
“คุณชายเฉิง นั่นใช่คุณหนูใหญ่ของเราหรือไม่” ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นตะโกนถาม
“อยากรู้ก็ดูเอาเอง” เมื่อเห็นว่านางแต่งกายเสร็จแล้วก็กระชากแขนส่งตัวนางคืนครอบครัว
“คุณหนูรอง!!! กลายเป็นคุณหนูรอง” พวกเขาเรียกเธอว่าคุณหนูรอง พร้อมกับเอาผ้าคลุมผืนใหญ่มาบดบังร่างของเธอไว้
“พวกคุณเป็นใครกัน” เธอถามพวกเขา
“โธ่คุณหนู ท่านจำพวกเราไม่ได้หรือ”
ถานซู่เฟินกลอกตาสลับซ้าย ขวา ขึ้นบนลงล่างมองผู้คนกลุ่มนั้น พลางส่ายหัวเป็นเชิงว่านางไม่รู้จักและจำไม่ได้
คนกลุ่มนั้นกดดันให้เธอคล้อยตามพวกเขา แต่ซู่เฟิน ไม่รู้จัก ก็มัน จำไม่ได้จริง ๆ เธอพยายามปฏิเสธ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครหน้าตาก็ไม่เคยเห็น หญิงสาวหันหน้าขอความช่วยเหลือจากผู้ชายรูปหล่อคนนั้น
เฉิงเว่ยฉีเบ้ปากกวนประสาท เขารับรู้ว่านางต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่ยื่นมือเข้าไปเพราะไม่อยากช่วย ผูกเองก็แก้เอง
เธอไม่รู้จะทำเช่นไร สบโอกาสตอนที่พวกเขาเผลอวิ่งหลุน ๆ ออกจากประตูห้องไปในทันที
หญิงสาวก้าวฉับ ๆ วิ่งไปตามทางเดินหิน สายตาก็กวาดมองสถานที่โดยรอบที่เธออยู่ ทุกอย่างเป็นสิ่งของโบราณ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็สวมชุดโบราณ ซู่เฟินหมุนกายโดยรอบ ตั้งใจหาพวกสิ่งของสมัยใหม่ แต่มองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
หันกลับมาอีกที เป็นผู้ชายคนนั้นที่วิ่งกระโดดตามหลังเธอมา พร้อมกับอุ้มเธอพาดเอาไว้บนบ่า
“เราไปต่อกันที่อื่นเถอะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว”
เขาพาเธอหนีคนกลุ่มนั้น แค่ออกแรงนิดเดียวเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนเขา ผู้ชายประหลาดคนนั้น พาเธอกระโดดขึ้นไต่ไปตามหลังคาบ้าน ซู่เฟินเห็นแล้วแทบอยากเป็นลม
บ้านเมืองที่เธอเห็นตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งของโบราณ หรือว่าวิญญาณเธอจะลอยมาถึงเหิงเตี่ยน ซู่เฟินพยายามมองไปรอบ ๆ ถัดจากเมืองทั้งเมืองก็เป็นภูเขาสูงที่มีป่าทึบ คนตัวเล็กกวาดสายตาไปทั่ว เธอไม่เห็น ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น รถสักคันก็ไม่มี ไม่เห็นแม้กระทั่งเสาไฟฟ้า
สองมือก็สำรวจร่างกายของผู้ชายคนนั้น เขาเป็นนักแสดงเหรอ มีสลิงซ่อนอยู่ตรงไหน มือไม้รุ่มร่ามของนางล้วงเข้าไปในเสื้อของผู้ชายคนนั้น ลูบคลำตรงก้น ไม่เจอสิ่งของพวกนั้นบนร่างกายเขาแม้แต่ชิ้นเดียว เธอมองหน้าหล่อเหลาเขาอีกครั้ง น้ำตาก็เริ่มปริ่ม ๆ อยู่ขอบตา
แม่จ๋า เพิ่งตายไม่พอ ตอนนี้หนูมาอยู่ที่ไหนเนี่ย!! ซู่เฟินกรีดร้องในใจ
สายตาของเฉิงเว่ยฉีบอกบุญไม่รับ ตกลงนางจะเอาเยี่ยงไรกันแน่ เดี๋ยวหลอกล่อ เดี๋ยวผลักไส ตอนนี้ก็ยังมาล่วงเกินเขาอีกแล้ว นี่ก็เล่นบทงิ้วบีบน้ำตาเสียอีก
“คุณ” นางส่งเสียงเรียกเขา
สรรพนามเช่นนั้น เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“เรียกข้างั้นหรือ”
“คุณเป็นใคร”
เฉิงเว่ยฉีกระโดดลงที่ลานกว้าง ที่นี่เป็นจวนรัชทายาทไม่มีใครกล้ารบกวนนางและเขาอย่างแน่นอน คนตัวสูงค่อย ๆ เอ่ยนามของตนเอง
“งั้นข้าจะแนะนำตัวอีกครั้ง ข้าคือองค์ชายรัชทายาท มีนามว่า เฉิงเว่ยฉี” เขาพูดโดยเน้นชื่อตัวเองสามคำสุดท้าย
เมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้นซู่เฟินก็แทบเป็นลม เธอทรุดตัวลงกับพื้นหิน เมื่อกี้เขาแนะนำตนเองว่าชื่อเฉิงเว่ยฉี คงไม่ใช่เฉิงเว่ยฉีพระรองจากนิยายที่พึ่งอ่านเมื่อกี้หรอกนะ
“มะ ไม่ มันไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้”
ฉับพลันร่างกายของซู่เฟิน ก็ร้อนรุ่มเหมือนมีไฟแผดเผา ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นไปทั่วร่าง ความร้อนภายในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เมื่อกี้ก็รู้สึกอึดอัดสองมือพยายามแกะปมถอดมันออกจากร่าง
“พิษกำเริบแล้ว” เฉิงเว่ยฉีกล่าวกับเธอ
“พิษบ้าอะไรกัน” เธอพูดกับเขา
“มาเถอะ ข้ามียารักษา”
พูดจบเขาก็อุ้มร่างนางกลับเข้าห้อง ยารักหนึ่งเดียวที่มีตอนนี้นั่นก็คือร่างกายของเขา
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงมองนางด้วยสายตาเชิงเหยียดหยาม ที่บาดเจ็บก็เพราะนางดื้อเองไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิดสายตาเขาเย็นชายิ่งกว่าใครคนไหนที่นางเคยเจอมาตลอดทั้งชีวิต พวกเพื่อนผีเพื่อนมนุษย์ของเธอหลายยังไม่เคยมีใครมองนางด้วยสายตาเช่นนั้นมาก่อน เรียกได้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตบนพริวิเลจความงามมาโดยตลอด“เช้าแล้ว จะกลับบ้านเองหรือจะให้ข้าไปส่ง” เฉิงเว่ยฉีถามสตรีตัวเล็กที่นั่งกองอยู่กับพื้นโห!!! แบบนี้มันเข้าว่าฟันแล้วทิ้งชัด ๆซู่เฟินรู้สึกหมั่นไส้คนผู้นั้น จากเอฟซีมารดาจะกลายเป็นซาแซงแล้วนะ“ข้ากลับเอง” หญิงสาวกัดฟันพูด“งั้นไม่ส่ง” พูดจบเขาก็ลุกเดินออกไปทันทีหญิงสาวกำหมัดแน่น ตกลงแล้วนางทะลุมิติเข้ามาเป็นใครกันแน่ นางรอง นางร้าย หรือนางบำเรอ เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยวร่างแบบบางเหยียดหลังตรง ตอนสมัยเรียนเห็นเช่นนี้เคยโยนเบสบอลเปิดงานมาก่อนนะเฟ้ย!!ซู่เฟิน จับผ้าขี้ริ้วม้วนเป็นก้อนกลม คนตัวเล็กเดาะผ้าในมือสองสามครั
คนผู้นั้นสอดขาเข้ามาระหว่างขานาง บังคับให้ซู่เฟินแยกเรียวขาออกอย่างเป็นธรรมชาติ เอาเถอะพ่อเอ๊ย มารดาจะทนไม่ไหวแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ในเมื่อมันเลยเถิดมาถึงจุดนี้เข้าไปแล้วใบหน้าหล่อของเฉิงเว่ยฉี ก้มมองส่วนนั้นของเขาและนาง มันจดจ่ออยู่ตรงหน้าท้องเนียนเรียบ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ช่างเป็นสตรีที่สามารถทำให้สติของเขากระเจิดกระเจิงได้ถึงเพียงนี้คนตัวใหญ่ที่เป็นฝ่ายควบคุม ค่อย ๆ สอดส่วนนั้นเข้าสู่ช่องทางคับแคบใบหน้าของนางเหยเก หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงข้างแก้ม เขาหยุดไว้ก่อนดูเหมือนว่านางจะรับไม่ไหว เขาก้มลงพรมจูบซับน้ำตาให้แก่นาง ตัวเขาเองก็พึ่งรู้ว่านางเป็นสตรีที่ยังไม่ผ่านมือชายใด“เด็กดี อย่าเกร็งแค่นิดเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำอ่อนโยน นางเป็นสตรีคนที่สองที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ แต่ถ้าเป็นเวลาเช่นนี้ก็นับว่าเป็นสตรีเพียงคนเดียวคนอื่นนั้น เพียงทำให้จบ ๆ กันไปเท่านั้น“ฉันเจ็บ” เธอบอกออกไปตรง ๆ ความรู้สึกเหมือนกับร่างจะฉีกขาดอย่างไรก็อย่างนั้น ทำไมพวกนางเอกหนังผู้ใหญ่ที่เธอเคยดู อะไร ๆ มันก็ง่ายดายไปหมดสองมือเนียนนุ่มของซู่เฟิน กอดรัดร่างสูงใหญ่ ไว้แนบแน่นหญิงสาวฝังกรงเล็บลงไปบนแผ่
ความรู้สึกรุ่มร้อนแล่นไปทั่วร่างของเธอผู้ชายคนนั้นที่บอกว่าตัวเองชื่อเฉิงเว่ยฉี เดินดุ่ม ๆ มาอุ้มเธอพาดบ่า ในหัวเธอประมวลผลเรื่องราวใด ๆ ไม่ได้แล้วมันร้อน ร้อนไปทั่วทั้งร่างซู่เฟินอยากจะแก้ผ้ากระโดดน้ำเสียเดี๋ยวนี้“ให้ข้าช่วย” เขาบอกกับเธอ“ช่วยอะไร ช่วยอะไรกัน” ซู่เฟินพยายาดีดตัวให้เหมือนกุ้ง ดิ้นรนอยู่บนบ่าของเขา มือใหญ่ของเฉิงเว่ยฉีตบตูดเธอไปหนึ่งทีถานซู่เฟิน แทบอยากจะฆ่าตัวตาย ไอ้คนมารยาทแย่เอ้ยเฉิงเว่ยฉีแบกนางขึ้นบ่าก้าวดุ่ม ๆ เข้าไปในห้องนอนรัชทายาท เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มตัวนางเอาไว้ก็ถูกเขากำจัดทิ้งไปหมดแล้วกว่านางจะรู้ตัวก็พบว่าตัวเองเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่มร่างเขาต้องมองสตรีตัวเล็ก ๆ นั่นด้วยความปรารถนาที่ยากจะคาดเดา และยืนรอดูสถานการณ์เผื่อว่านางจะไม่ต้องการให้เขาช่วยสายตาของผู้ชายคนนั้นจ้องเธอราวกับจะกลืนกิน ที่บอกว่ามารดาจะกินผู้ชายสามเดือนครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ เธอพูดเล่นต่างหาก ต่อให้อยากทำจริง ไม่ว่าจะในสถานะผีหรือสถานะคนเธอก็ไม่เอาหรอก มันทำไม่เป็นว้อยยยยย!!!คน!! ตอนนี้เธอเป็นคนงั้นเหรอเพี๊ยะ!!! ถานซู่เฟินตบแก้มขวาของตัวเองแรง ๆ หนึ่งที ความรู้สึกเจ็บชาวาบบนใบหน้า
กรี๊ดดดด!!ผีสาวหวีดร้องด้วยความกลัว ตอนตายหรือเล่นรถไฟเหาะยังไม่กลัวเท่านี้เลย ความรู้สึกตอนโดนดูดเข้าไปด้านใน มันวูบวาบเสียวท้องแปลก ๆครั้นพอลืมตาตื่นขึ้นมาดันได้สบตากับผู้ชายคนหนึ่ง ในหัวสมองของผีสาวพร่าเบลอไปหมด ไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้นรู้อย่างเดียว มันทั้งเสียวและพลุ่งพล่านไปหมดดะ เดี๋ยวนะ!!“คุณเป็นใคร” ซู่เฟินถาม แต่มือก็ยังโอบล้อมรอบคอของเขาผู้ชายคนนั้นถอนจูบจากเธอ ในใจผีสาวมีความรู้สึกเสียดายนิดหน่อย“เจ้าอย่ามาไขสือ เป็นคนหลอกข้ามาเองไม่ใช่หรือ” เขาสบตากับสตรีที่อยู่ในการควบคุมของเขา“ใครหลอกคุณมากัน” ถานซู่เฟินเปลี่ยนจากคล้องคอผลักเขาออกห่างร่างกายของทั้งคู่ที่เคยนัวเนียไร้เสื้อผ้าผละออกจากหัน เฉิงเว่ยฉี จ้องมองสตรีตัวเล็ก ๆ คนนั้นด้วยสายตาเหยียดหยามระคนไม่เข้าใจเมื่อได้ยืนห่างจากกัน ซู่เฟินถึงได้เห็นหน้าตาเขาชัดเจนขึ้น อื้ม!!! หล่อเหลือเกินพ่อ เธอลอบเลียริมฝีปากที่แห้งผาก รสจูบเมื่อครู่เธอรู้สึกถึงมันได้นิดหนึ่ง คนผู้นั้นใส่แค่ชุดผ้าสีขาวบาง ๆ ร่างกายกล้ามเนื้อสัดส่วนทุกอย่างดูแข็งแกร่งไปหมด เมื่อมองต่ำลงมาเรื่อย ๆ ซู่เฟินก็ยิ้มปริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก“คุณหนูถาน หลอกให้ข
แม้ถานซู่เฟินจะตะโกนดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินในสิ่งที่เธอบอก ฆาตกรที่ฆ่าเธอยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในที่ทำงานได้อย่างหน้าตาเฉยเธอเคยได้ยินว่า พวกผีนี่สามารถไปที่ไหนก็ได้ จะตามหลอกหลอนใครก็ได้ เธอจึงตั้งจิตติดตามไปถึงบ้านของคนที่ฆ่าเธอ อย่างน้อยก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เช่น เข้าฝัน ทำของตก เป่าลมแรง ๆ หรือไม่ก็แลบลิ้นปริ้นตาให้แม่คนนั้น ที่มารู้ทีหลังว่าชื่อหนิงเยว่ซี ตกใจตายกันไปข้างหนึ่งแต่ไม่ว่าจะใช้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แค่ไหน แม่นั่นก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับการกระทำของเธอเลยสักนิด ชีหนิงเยว่ซีใช้ชีวิตดี๊ดี ส่วนเธอต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนแค่คิดก็เจ็บแค้นเกินไปแล้ว“คนสวย ทำแบบนั้นไม่ช่วยอะไรหรอก” ผีหญิงชราตนหนึ่งพูดกับเธอ“ก็แม่คนนั้นเป็นคนฆ่าหนู หนูอยากจับชีหักคอจริง ๆ” ซู่เฟินพยายามกำมือรอบคอหนิงเยว่ซี“แต่ไหนแต่ไรมา คนเป็นกับคนตายก็เป็นเส้นขนานกัน พวกที่เธอเห็นในละครน่ะ เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น แล้วเพิ่งเป็นผีไม่นานแบบนี้เลเวลผีต่ำต้อยจะไปทำอะไรใครเขาได้” ผียายแก่พูดกับเธอ“งั้นแสดงว่าหนูทำอะไรชีไม่ได้เลยเหรอคะ” ซู่เฟินพองแก้มอย่างเหนื่อยหน่าย“อื้อ ไปชดใช้กันในยมโลกเถอะจะหญิง เดี๋ยวนางก็ไปตกก
การจราจรยามเช้าค่อนข้างติดขัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมหานครยิ่งใหญ่แห่งนี้ ปีปีหนึ่งจะมีบัณฑิตจบใหม่หลายล้านคน ทุกคนต่างแย่งชิงฝ่าฟันเพื่อให้ได้งานบริษัทระดับท็อป สำหรับถานซู่เฟินแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องลงสนามแย่งชิงอะไรแบบนั้นจบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ผลการศึกษาตอนเรียนจบก็เข้าขั้น Top อีกทั้งยังเคยเดินสายผ่านการประกวดมาหลายเวที หน้าตาจัดว่าสวยงามตอนสัมภาษณ์ อาศัยวาทศิลป์นิดหน่อยบวกกับยิ้มสวยพราวเสน่ห์ หญิงสาวก็ได้งานนั้นมาอย่างง่ายดาย ตำแหน่งเริ่มต้นในทีมพัฒนาและวิจัยของบริษัทระดับชาติจึงตกมาอยู่มือเธออย่างไม่ต้องสงสัยวันนี้เป็นวันทำงานวันแรกคนตัวเล็กเลือกที่จะไม่มาสาย หญิงสาวตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทันรถเมล์เที่ยวแรก การเริ่มต้นที่ดีจะส่งผลดีต่อเรื่องอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซู่เฟินเลือกสวมเสื้อผ้าสีโทนอุ่น ให้ดูบอบบางน่าทะนุถนอม“รอด้วยค่ะ” เธอวิ่งตะโกนร้องเรียกรถเมล์ที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกจากท่าจอดรถ โชคดีที่คนขับรถได้ยิน เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังตกอยู่ในความยากลำบากใครจะไม่ใส่ใจเมื่อขึ้นไปบนรถซู่เฟินยิ้มโปรยเสน่ห์ไปหนึ่งที คุณลุงคนขับใจดีไม่ว่าอะไร ได้แต่โบกมือให้เธอรีบเข้าไปนั่ง เพราะ







