LOGINห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
เมฆินทร์ขับรถพาจารวีมาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โดยมุ่งตรงไปยังร้านเสื้อผ้าหรูหราที่บรรดาเซเลบและนักธุรกิจมักมาใช้บริการ
ภายในร้านตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ชุดราตรีหลากหลายรูปแบบถูกจัดแบ่งตามโอกาส จารวีรู้สึกประหม่ากับความหรูหราของสถานที่
"เลือกเลยนะ พี่จัดการให้" เมฆินทร์พูดสั้น ๆ พลางนั่งลงบนโซฟาหนังอย่างสบายอารมณ์ และก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือ
เธอเลือกชุดตามที่พนักงานแนะนำ เป็นชุดราตรีผ้าซาตินสีขาว ทรงเข้ารูป เปิดไหล่เล็กน้อย เน้นช่วงเอวและหน้าอกอย่างพอดิบพอดี
เมื่อจารวีก้าวออกมาจากห้องลองชุด ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนในร้านต้องหยุดนิ่ง
พนักงานหญิงคนหนึ่งถึงกับอุทานออกมาด้วยความชื่นชม "โอ้โห!แฟนคุณสวยมากเลยค่ะคุณลูกค้า"
ใบหน้าของเธอเห่อร้อนขึ้นทันทีกับคำเรียกนั้น หันไปมองเมฆินทร์ที่นั่งไขว่ห้างอยู่
เมฆินทร์ ที่นั่งอมยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างเล็กน้อย ริมฝีปากที่เคยเหยียดตรงคลายออกเล็กน้อย เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
จารวีเดินออกมาด้วยความเก้อเขิน "พี่เมฆ... จี๊ดต้องใส่ชุดนี้จริง ๆ เหรอคะ?"
เมฆินทร์ส่งยิ้มอย่างพึงพอใจ "หันหลังให้พี่ดูหน่อยสิ"
เธอหมุนตัวช้า ๆ ภาพหญิงสาวที่อ่อนหวานงดงามในชุดหรูหราทำให้ความรู้สึกบางอย่างในใจของเมฆินทร์พลุ่งพล่านอย่างรุนแรง
ในห้วงความคิดของเมฆินทร์
"เธอทำอะไรกับพี่กันแน่ จารวี... ทำไมพี่ถึงรู้สึกขาดเธอไม่ได้ขนาดนี้..."
"พี่เมฆ... พี่เมฆคะ เงียบทำไม? จี๊ดเรียกตั้งนานแล้ว" จี๊ดถามด้วยความแปลกใจ
เมฆินทร์สะดุ้งเล็กน้อย รีบดึงสติกลับมา "ครับ... สวยครับ!สวยมาก!"
"จี๊ดถามว่า... จะให้จี๊ดใส่ชุดนี้เหรอคะ?"
ในขณะที่จารวีกำลังลองชุด หญิงสาวหลายคนและหนุ่ม ๆ ที่เดินผ่านหน้าร้าน ต่างก็แอบชะเง้อเข้ามามองเธออย่างเปิดเผย เมฆินทร์มองตามสายตาเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ
"พอแล้ว เข้าไปเปลี่ยนเถอะ" เขาพูดเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เมฆินทร์ก็พาเธอมาที่แผนกรองเท้า
"จี๊ดไม่เอาค่ะ จี๊ดใส่คู่ที่มีอยู่ก็ได้ รองเท้าเยอะแล้ว" จารวีปฏิเสธทันที
"ไปลองดูก่อน"
เธอจำต้องเลือก แต่เธอกลับเลือกคู่ที่ไม่ค่อยมีส้นเท่าไหร่
"ทำไมไม่เลือกรองเท้ามีส้นล่ะ? เห็นผู้หญิงส่วนใหญ่เขาชอบใส่กัน" เมฆินทร์ถามด้วยความสงสัย
เธอตอบอย่างอ้อมแอ้ม "ก็ไม่มีอะไรนี่คะ จี๊ดตัวสูงอยู่แล้วไม่ใส่ก็ได้"
เมฆินทร์ยิ้มและส่ายหน้าอย่างรู้ทัน จี๊ดน่ะสูงอยู่แล้ว แต่ถ้าใส่ส้นสูงก็จะยิ่งสูงสง่ากว่านี้อีกเท่าตัว
พนักงานที่อยากจะขาย หยิบรองเท้าส้นสูงสีเงินคู่หนึ่งมาให้เธอลองสวม จารวีไม่อยากจะใส่เลย แต่ก็ไม่อยากเรื่องมาก จึงจำใจลอง
เมื่อใส่แล้ว เธอดูโดดเด่นและสูงสง่ามากจริง ๆ
"วันนั้นที่ไนท์คลับ พี่ก็เห็นใส่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ทำไมไม่อยากใส่ล่ะ?" เมฆินทร์ถามย้ำ
"เปล่าค่ะ แค่ไม่อยากใส่คู่นี้มันสูงเกินไป"
พนักงานขอให้เธอลองเดินให้ดู เธอไม่กล้าปฏิเสธ จึงต้องทำตาม
"โอ้โห เหมือนนางแบบเลยค่ะคุณผู้หญิง น่าจะใส่นะคะ" พนักงานเร่งเชียร์ พลางหันไปมองทางเมฆินทร์
"แล้วแต่เธอครับ ผมตามใจ" เมฆินทร์พูด แม้ว่าในใจจะอยากให้เธอใส่
สุดท้าย ด้วยแรงเชียร์ของพนักงาน จารวีก็ต้องจำยอมเลือกรองเท้าส้นสูงคู่นั้น แม้สีหน้าจะดูไม่ค่อยเต็มใจนัก
เธอมองตัวเองในกระจก ขณะที่กำลังลองสวมอยู่คนเดียว เธอปลอบใจตัวเอง "ไม่เป็นไรหรอกมั้ง... ใส่แค่แป๊บเดียว ไม่น่าจะมีปัญหา... แค่ต้องเดินระวัง ๆ ก็พอ"
"คิดอะไรอยู่!...อย่าพึ่งขยับ ยืนนิ่ง ๆ! " เขาเดินมาจากด้านหลังแล้วโค้งแขนมาเพื่อสวมอะไรบางอย่างไว้ที่คอให้เธอ
"พี่ว่าสร้อยคอเส้นนี้... มันเหมาะกับชุดนี้ดีนะ...ใส่ไว้ด้วยล่ะ ห้ามถอด!" คำพูดที่ดูไม่โรแมนติกแต่กับทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับใจเต้นรัว...
ในจังหวะเดียวกันนั้น พนักงานหญิงสองสามคนในบริษัทที่มาเดินซื้อของในห้างฯ ก็เดินผ่านหน้าร้านพอดี และมองเห็นจารวีที่กำลังลองรองเท้าส้นสูงและอยู่กับเมฆินทร์ที่กำลังสวมสร้อยคอให้...
ทันทีที่เดินพ้นจากหน้าร้าน เสียงซุบซิบนินทาก็ดังขึ้นมาทันที
"นึกแล้ว ว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น ที่แท้ก็เด็กเลี้ยงของ ผอ. เมฆินทร์ นี่เอง ไม่น่าล่ะถึงเรียกเข้าห้องทำงานบ่อย ๆ "
"ธรรมดาแหละ นางก็สวยอยู่... แถมยังเป็นเด็กฝึกงาน คงสด ๆ ซิง ๆ แหละ ปะ! ไปกันเถอะ"
เย็นวันศุกร์ ณ งานเลี้ยงของวิน
เมฆินทร์เดินเข้ามาในงานเลี้ยงอย่างสง่างามในชุดสูทสั่งตัด แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและหงุดหงิด ภาพที่เขาวาดไว้คือการได้ควงคู่มากับจารวีอย่างเปิดเผยเพียงสองคน ทว่าความเป็นจริงคือ...
เขายืนอยู่กึ่งกลาง โดยมี จารวีในชุดราตรีสวยหรูอยู่ด้านซ้ายและเมย์ น้องสาวของเขาเอง ที่ไม่ได้ถูกเชิญมา อยู่ด้านขวา
"จะมาด้วยทำไมเมย์?"
เมฆินทร์ถามเสียงเบาแต่แฝงความไม่พอใจ
"ทำไมจะมาไม่ได้คะ! เมย์ก็รู้จักพี่วิน อีกอย่าง... เมย์เป็นน้องพี่นะ ทำไมเมย์จะมาไม่ได้!" เมย์โวยวายเล็กน้อย
"แต่มันเกี่ยวกับเรื่องงาน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว"
"ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ เป็นแค่ผู้ติดตาม เนอะจี๊ด"
จารวีทำนายิ้มตอบกลับไปอย่างเชิดฉาย แววตาของเธอมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดที่เมย์มาด้วย มันเป็นเหมือนเกราะกำบังชั้นดี ผิดกับเมฆินทร์ที่ดูเซ็งจนเก็บอาการไม่อยู่
จังหวะนั้นเอง ธนาและวายุเพื่อนสนิทของเมฆินทร์ ก็เดินเข้ามาทักทาย
"อ้าว! น้องจี๊ดกับน้องเมย์ก็มาด้วยเหรอครับ" ธนาเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง
จารวีพยักหน้าพร้อมสบตาธนา "แล้วพี่ธนาล่ะคะ มาคนเดียวเหรอ?"
ธนาสะดุ้งเล็กน้อย เขาเข้าใจความหมายที่หญิงสาวเอ่ยถึงคือ ริสาเพื่อนรักของเธอที่ควรจะมาด้วย
"ใช่ครับ... มาคนเดียว"
ทุกคนร่วมแสดงความยินดีกับวินเจ้าของงาน จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงรับประทานอาหาร จารวีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เริ่มรู้สึกเมื่อยล้าที่ปลายเท้า เธอจึงก้มลงนวดข้อเท้าตัวเองเบา ๆ
เมย์ที่นั่งข้าง ๆ เห็นเข้า จึงรีบใช้มือถกกระโปรงของเพื่อนขึ้นดู
"ทำไมใส่รองเท้าสูงจัง! เดินไหวป่ะเนี่ย! ฉันบอกแกแล้วว่าอย่าใส่แบบนี้ จะใส่มาทำไม" เมย์มองเพื่อนด้วยความห่วงใย
"ไม่เป็นไรหรอกแก แค่แป๊บเดียว" จารวีตอบอย่างเหนื่อยอ่อน
เมย์ทำหน้าไม่สบายใจมาก ความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนทำให้เธอตัดสินใจทันที เธอถอดรองเท้าส้นที่ไม่สูงมากของตัวเองออก
"อ๊ะแก! ใส่ของฉัน เราไซส์เดียวกันใส่ได้อยู่แล้ว ของฉันไม่ค่อยมีส้น แล้วเอาคู่นั้นมา เดี๋ยวฉันใส่เอง"
"เดี๋ยวก็ล้มหรอก...แกเองก็ไม่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงนี่..."
"ก็ดีกว่าปล่อยให้แกเจ็บไหมล่ะ! ฉันจะทนเห็นแกเจ็บได้ยังไง! ถอดมา!"
จารวีไม่ยอมถอด เมย์จึงนั่งลงและบรรจงถอดรองเท้าส้นสูงจากเท้าเพื่อนออก แล้วสวมรองเท้าส้นแบนของตัวเองให้เพื่อนอย่างทะนุถนอม
ภาพนี้ถูกปกรณ์ เพื่อนอีกคนของเมฆินทร์ที่อยู่ในงานเห็นเข้าพอดี
"ว้าว ๆ ๆ! ทำไมภาพนี้เหมือนกับเจ้าชายสวมรองเท้าให้เจ้าหญิงเลย! สายวายหรือเปล่าเนี่ยเรา น้องเมย์" ปกรณ์แซวเสียงดัง โดยไม่ได้ทันสังเกตใบหน้าของหญิงสาวที่เมย์กำลังช่วยอยู่
เมื่อจารวีเงยหน้าขึ้นสบตา ปกรณ์ถึงกับช็อกไปชั่วขณะ!
สักพักวายุก็ลากวิน เจ้าของงานมายืนอยู่ตรงหน้าจารวี โดยมีปกรณ์ยืนคู่กัน และเมฆินทร์เดินตามเข้ามา
"ทุกคนออกไปก่อนได้ไหม ยัยเมย์ด้วย จี๊ดอยู่ที่นี่ก่อน" เมฆินทร์สั่งเสียงเรียบ
เมย์ทำหน้าไม่เข้าใจ แต่วายุก็เดินเข้ามาพูดเบา ๆ
"น้องเมย์ออกไปก่อนแป๊บนึงนะ"
เมย์ยังคงงุนงง แต่ก็โดนวายุดึงแขนให้เดินออกไป ในจังหวะนั้น วินกับปกรณ์ ที่ทำท่าจะก้าวออกไปเหมือนแมวที่กำลังย่องหนี เสียงดุดันของเมฆินทร์ก็ดังขึ้น
"เดี๋ยว! พวกมึงสองตัวน่ะอยู่ก่อน ไอ้ตัวต้นเรื่อง!"
"อะไรกันคะพี่เมฆ?" จารวีถามด้วยความสงสัย
ปกรณ์ที่โดนเรียกตัวกลับมา รีบเปิดประเด็นขึ้นด้วยท่าทีประหม่า
"คือว่า... คือ... คือคืนนั้นที่ไนท์คลับ พวกพี่สองคน ทำเรื่องแย่ ๆ ไว้กับน้องจี๊ด คือวันนั้น... เหล้าของน้องที่ดื่ม พี่เอาอะไรบางอย่างมาใส่เข้าไป... แต่... แต่พี่ไม่ได้คิดร้ายนะ พี่รู้ว่าน้องคิดยังไงกับเพื่อนพี่ พี่ก็แค่อยาก... อยากจะสนับสนุน"
เมฆินทร์ถึงกับสะดุ้งกับคำว่า 'รู้ว่าน้องคิดยังไง'
จารวีในตอนนั้นรู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบ ความอับอายพุ่งขึ้นสู่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว
ในความคิด "นี่พี่เมฆพาเธอมางานนี้เพื่อ... เพื่อให้เพื่อนสนิทมาสารภาพเรื่องคืนนั้น ในสถานการณ์แบบนี้เหรอ?"
"พี่ไม่สงสารจี๊ดบ้างเหรอว่าจี๊ดจะอับอายไหม!" เธอพูดเสียงสั่นเครือ
"จี๊ดรู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่ไม่ได้เห็นจี๊ดเป็นคนสำคัญอยู่แล้ว... แต่ถึงขนาดต้องเอาจี๊ดมาประจาน เอามาเป็นเรื่องพูดให้สนุกปากในวงพวกผู้ชายแบบนี้เหรอคะ!"
"ไม่...ไม่ใช่แบบนั้น! จี๊ด..." เมฆินทร์รีบปฏิเสธ "พี่แค่ต้องการจะบอกเรื่องนี้ให้จี๊ดรู้ ว่าคืนนั้นที่มันพลาดแบบนั้น มันเป็นเพราะฤทธิ์ยา!"
"จี๊ดบอกแล้วไงคะว่าจี๊ดไม่ได้เก็บมาใส่ใจ! พี่ไม่ต้องพยายามปัดความรับผิดชอบขนาดนี้ก็ได้!" เธอพูดด้วยความเข้าใจผิดว่าเขากำลังหาข้ออ้าง
"ไปกันใหญ่แล้วจี๊ด!" เมฆินทร์พยายามอธิบาย
เธอลุกขึ้นยืน ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธและความเสียใจ วินกับปกรณ์ยังคงยืนทำตัวไม่ถูก ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสำนึกผิดอย่างหนัก
หญิงสาวเดินหนีออกจากกลุ่มนั้นทันที เมฆินทร์รีบเดินตามเธอออกมาจากงาน คว้าแขนเธอไว้
"คุยกับพี่ก่อน! อย่าเพิ่งเดินหนีพี่!"
"ทำไมคะ! แค่นี้ยังทำให้จี๊ดอับอายไม่พออีกเหรอพี่เมฆ! พี่ใจร้ายกับจี๊ดเกินไปแล้วนะ!"
จารวีสะบัดแขนออกอย่างรวดเร็ว แล้วผลักอกเมฆินทร์จนเซถลาไปชนเสาโคมไฟที่ตั้งอยู่
เสาไฟต้นนั้นเอียงลงอย่างรวดเร็ว...!!!
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







