LOGINเมื่อกลับมาถึงคอนโด จารวีทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า ร่างกายยังคงอ่อนเพลียและมีไข้ที่ยังไม่หายดี ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็สั่นครืดคราดอยู่ข้างตัว เธอหยิบขึ้นมาดูแล้วกรอกเสียงรับสายด้วยความเหนื่อยอ่อน
บทสนทนาทางโทรศัพท์ จารวี-เมย์
"ฮัลโหล ว่าไง ยัยเมย์"
"ยัยจี๊ด! อีกกี่วันแกถึงจะกลับกรุงเทพฯ เนี่ย?" เสียง เมย์ โวยวายมาตามสายอย่างอารมณ์ดี
"ฉันอยู่คอนโดแล้ว... เพิ่งจะนึกได้เหรอว่าแกลืมฉันไว้ที่เกาะ?" จารวีสวนกลับอย่างเหนื่อยหน่ายปนประชด
"เปล่านะ... ฉันไม่ได้ลืมแกสักหน่อย! ก็ พี่วายุ บอกว่าแกยังเคลียร์งานไม่เสร็จ ก็เลยพาฉันกลับมาก่อน ทำไมเหรอ?"
คำตอบนั้นทำให้จารวี นึกขึ้นได้ทันที... นี่มันเป็น แผนการของพี่เมฆอยู่แล้ว ไม่น่าถาม!
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ" จารวีรีบตอบเลี่ยง
"แล้ววันนี้แกไม่เข้าออฟฟิศเหรอ?" เมย์ถามต่อ
"ไม่ ฉันไม่ค่อยสบายนิดหน่อย กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"
"อ้าวเหรอ... แล้วกลับมากันหมดหรือยัง? พี่เมฆ กลับมาพร้อมแกไหม?"
จารวีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก "ไม่รู้สิ ทีมงานบางส่วนกลับมา บางส่วนก็ยังอยู่ที่นู่น พี่ชายแก แกก็ลองโทรหาดูสิ จะมาถามฉันทำไม?"
"ไม่มีอะไรหรอก ก็เห็นแกกลับมาก็เลยถามดูเฉย ๆ จะกลับไม่กลับฉันก็ไม่รู้หรอก เพราะสุดท้ายก็คงกลับไปที่คอนโดอยู่ดี" เมย์เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว "ว่าแต่ฉันกะจะชวนแกไปเที่ยวคืนนี้สักหน่อย เซ็ง ๆ อ่ะ แกก็ดันป่วย ริสาช่วงนี้ก็เป็นอะไรไม่รู้ ซึม ๆ เหลือฉันคนเดียวที่อยากเที่ยว ก็ไม่มีใครพาไป..."
"งั้นแกพักผ่อนต่อเถอะ"
"เดี๋ยว... เมย์" จารวีรีบแทรกขึ้นก่อนที่เมย์จะวางสาย
"ฉันมีอะไรจะ ขอร้องแกบางอย่าง"
"อะไร! ว่ามาแก"
"ถ้ามีใคร ถามเรื่องที่อยู่ของฉัน แกอย่าบอกใครนะ"
"ใครที่ว่า หมายถึงใครล่ะ?"
"ก็ใครทุกคนนั่นแหละที่ฉันไม่ได้บอก... แล้วไปถามจากแก"
"ทำไม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? หรือว่าคนที่บริษัทรังแกเหรอ? บอกฉันมา เดี๋ยวฉันไปบอกพี่เมฆจัดการให้!" เสียงเมย์ตื่นขึ้นมาทันที
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" จารวีปฏิเสธทันควัน
"แต่ถ้าแกบอกว่าห้ามบอกใคร... ในที่นี้ถ้าหมายถึงที่บริษัท เขาก็ต้องรู้หรือเปล่าว่าแกอยู่ที่ไหน? ประวัติแกก็มีตอนที่ไปฝึกงานที่นั่น..."
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้ใส่ที่อยู่คอนโดนี้ ฉันใส่ที่อยู่ของน้าฉันไว้"
"อ้าว ทำไมแกทำงั้นล่ะ?"
"ก็ไม่ทำไมหรอก..."
"โอเค ๆ เข้าใจนะว่าแกเป็นผู้หญิง อย่างว่าแหละ จะให้ใครรู้ที่อยู่ ง่าย ๆ อันตราย คนทุกวันนี้ไว้ใจไม่ได้เน๊อะ แกว่าไหม?" เมย์รัวเร็วเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
"แกพักผ่อนเถอะ ฉันวางสายแล้ว"
"โอเค"
หลังจากวางสาย จารวีก็ครุ่นคิด... ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าต้องไปฝึกงานที่บริษัทของเขา ในตอนนั้นเธอต้องการหลบหน้าเขาอยู่แล้ว การไม่ให้ใครได้รู้ที่อยู่จึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้เรื่องราวจะกลายมาเป็นแบบนี้ ก็ยังดีที่เธอไม่ได้ใส่ที่อยู่ปัจจุบันไว้ในประวัติ
ในความคิดที่วกวน เสียงโทรศัพท์ก็ดังเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้เป็น เมฆินทร์ ที่โทรเข้ามา เธอเห็นเบอร์... ใจหนึ่งอยากจะกดรับ อีกใจก็ไม่อยากจะคุย เธอจึงตัดสินใจปิดเสียง แล้ววางโทรศัพท์ไว้
เสียงข้อความดังขึ้น ข้อความแสดงโชว์ก่อนเปิดอ่าน: "ทำไมไม่รับสายพี่ รีบกลับไปไหน"
แต่เธอก็ไม่เปิดอ่าน เธอถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า แล้วทิ้งตัวลงนอน
ที่บริษัท
เช้าวันถัดมาในวันทำงาน จารวีพยายามทำตัวให้เป็นปกติ เธอตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ก้มหน้าก้มตาเงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่สบตาใคร
เมฆินทร์ เดินเข้ามาในแผนกด้วยท่าทางสง่างาม ใบหน้าคมคร้ามดูเหมือนอยากจะพูดคุยด้วย แต่ด้วยเป็นเวลาทำงาน เขาจึงเลือกที่จะไม่ถามอะไร จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาพักเที่ยง
"น้องจี๊ด! วันนี้ออกไปทานข้าวข้างนอกกับพวกพี่ไหม?" วารินรุ่นพี่ในแผนกเอ่ยชวน
"อ๋อ ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ริน เดี๋ยวจี๊ดไปที่ฟู้ดคอร์ทดีกว่า ขอบคุณนะคะ"
"โอเค งั้นพวกพี่ไปก่อนนะ"
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เป็นสายตรงจากห้อง ผอ.
"คุณจารวี เข้ามาพบผมในห้องทำงานตอนนี้ด้วยครับ" เสียงทุ้มเข้ม สั่งมาสั้น ๆ
"แต่... ผอ. คะ อีก 5 นาที มันจะถึงเวลาพักเที่ยงแล้วนะคะ " จารวีตอบอย่างลังเล
เธอถอนหายใจด้วยความอ่อนแรงและเหนื่อยล้าจากร่างกายที่ยังไม่หายดี รุ่นพี่ในแผนกก็กำลังเก็บโต๊ะเตรียมตัวจะไปพักเที่ยง ขณะที่เธอ... ต้องเดินเข้าไปในห้อง ผอ. เพื่อรับมอบหมายงาน
เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไป ร่างก็ถูกกระชากดึงเข้ามากอด พร้อมกับมือหนาที่รีบไป ล็อกประตู
"ทำไมไม่รับสายพี่? พี่บอกให้รอพี่กลับมา ทำไมถึงหนีกลับไปก่อน?" เมฆินทร์ถามเสียงต่ำ แฝงด้วยความไม่พอใจ
"จี๊ดแค่อยากกลับไปพักผ่อนที่ห้องค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" แล้วทำไมถึงไม่อ่านไม่ตอบแชทพี่คะ?” เมฆินทร์ถามต่อ
"พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ? ถึงเวลาพักเที่ยงแล้วค่ะ"
"ไม่น่าล่ะ... ถึงว่าทำไมพี่ถึงรู้สึกหิว" สิ้นคำพูด เขาก้มลงสูดดมซอกคอหอมกรุ่นของเธออย่างจงใจ
"พี่เมฆ อย่าค่ะ! นี่มันที่ทำงานนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็น..."
"ใครจะมาเห็น? นี่มันห้องทำงานส่วนตัวพี่ แล้วตอนนี้พนักงานก็กำลังพักเที่ยง..."
"ใช่ค่ะ... กล้อง! กล้องวงจรปิด!"
"ไหน!" เมฆินทร์พูดพลางชี้ไปที่ ปลั๊กซึ่งถูกดึงออกมาก่อนหน้านี้…
จารวีถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าซีกแก้มซบลงกับอกแกร่งของเขา เธอรวบรวมแรงทั้งหมดที่มี แม้ร่างกายจะยังอ่อนเพลีย ไข้ก็ยังรุมเร้า พยายามดิ้นรนและดันแผงอกของเขาออกไปให้พ้นตัว
"ปล่อยจี๊ดนะคะ! พี่เมฆ! ... นี่มันที่ทำงาน!" จารวีพูดเสียงสั่นเครือ พยายามเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสร้อนผ่าวที่ซอกคอ
เมฆินทร์เหมือนได้สติเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงต้านอันอ่อนแรงและร่างกายที่สั่นเทาของเธอ เขายอมผ่อนแรงแขนที่โอบรัดออก
จารวีใช้จังหวะนั้นผลักตัวเองจนหลุดพ้นและรีบถอยหลังไปสองสามก้าว หอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยล้าและความตื่นตระหนก
เมฆินทร์ยืนนิ่ง มือข้างหนึ่งเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น ใบหน้าคมคร้ามเต็มไปด้วยความขัดใจแต่ก็พยายามข่มอารมณ์ เขาสูดหายใจลึกแล้วปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แม้ดวงตาจะยังคงฉายแววไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ
"ขอโทษ... พี่แค่อารมณ์เสียที่จี๊ดหนีกลับมาก่อนโดยไม่บอก และยังไม่รับสายพี่อีก "
จารวีก้มหน้าลง จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ พยายามทำใจให้สงบ
"พี่เรียกเข้ามาเพราะมีเรื่องจะคุยเรื่องงาน" เมฆินทร์เข้าเรื่อง "เย็นวันศุกร์นี้ พี่จะไปร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวโครงการใหม่ของวิน จำวินได้ใช่ไหม? ที่ไนท์คลับคืนนั้น..."
จารวีพยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าแดงก่ำ
"จี๊ดไปกับพี่นะ" เมฆินทร์กล่าว
"คะ? แต่... ทำไมจี๊ดต้องไปด้วยคะ? จี๊ดไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ซักหน่อย" จารวีถามกลับด้วยความสงสัย
เมฆินทร์เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีกก้าว ทอดสายตาลงมาที่เธออย่างจริงจัง "เพราะพี่อยากให้ไป... และมีเรื่องบางอย่างที่จี๊ดต้องรู้..." เขาเว้นจังหวะ "เย็นนี้เลิกงานอย่าเพิ่งกลับนะ พี่จะพาไปซื้อชุด"
ในช่วงบ่ายของการทำงาน
เสียงจอแจของพนักงานในออฟฟิศยามบายดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของการทำงาน จารวี ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ในแผนกเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินบทสนทนาที่เกี่ยวกับ การแข่งขันกีฬาภายในบริษัท ซึ่งปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีการแบ่งทีมตามสีแผนก พร้อมเงินรางวัลและทริปเที่ยวเป็นเดิมพัน
"น้องจี๊ด!" เสียง นาริน พี่ในแผนกเอ่ยขึ้นพร้อมแววตาเป็นประกาย
"รูปร่างสูงเพรียวแบบนี้ เล่นกีฬาเป็นไหมคะ? แผนกเราคนน่าจะไม่พอ... กว่าจะถึงวันแข่งน้องก็ยังฝึกงานอยู่นี่นา พี่ขอใส่ชื่อน้องไว้เป็นตัวสำรองให้มันเต็มจำนวนเลยแล้วกัน เอาให้คนครบ โอเคไหม?"
จารวีลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ "พอได้ค่ะ" เธอไม่ได้คิดอะไรมาก แค่มาตามหน้าที่ให้คนครบเท่านั้น
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







