ชีวิตหลังการหย่าร้างของกัวรั่วชิงเป็นไปอย่างสงบสุขและเรียบง่าย นางได้กลับมายังจวนชิงผิงโหว ทั้งยังได้รับความเอาใจใส่จากบิดามารดา รสชาติของอิสระที่ได้คืนมาช่างดียิ่ง นางย่อมไม่รู้สึกเสียใจที่ต้องจากจวนจวงเซียงป๋อมา เพราะการต้องใช้ชีวิตในฐานะภรรยาเอกของโจวจื่อหมิงนั้นทำให้หัวใจของนางแห้งเหี่ยวและเฉาตายไปตั้งแต่ก่อนแต่งแล้วแต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว กัวรั่วชิงกลับมาสดใสและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นางใช้เวลาว่างดูแลกิจการร้านเครื่องหอมอย่างจริงจัง เพราะหลังจากหวงเชียนเล่อสั่งเครื่องหอมกันยุงจากร้านของนางกิจการก็เติบโตขึ้นจนได้รับความนิยม ถึงแม้ยังเป็นรองร้านเครื่องหอม และเครื่องประทินผิวของตระกูลชุนที่เน้นลูกค้าชนชั้นสูงก็ตามในบ่ายวันหนึ่งขณะที่กัวรั่วชิงกำลังตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างขะมักเขม้น นางก็ต้องประหลาดใจเมื่อมีแขกมาเยือนอย่างมิได้คาดฝัน“รั่วชิง… พี่สาวมาเยี่ยมแล้ว” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากทางประตูกัวรั่วชิงเงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชี แล้วหันไปมองหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพู ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใ
พอโจวจื่อหมิงออกจากเรือนของกัวจิ้งอีแล้วก็มุ่งหน้าไปที่เรือนของอนุหลิวแทน ทำให้เหล่าบ่าวไพร่ที่อยู่ด้านนอกห้องต่างพากันซุบซิบกันอย่างสนุกปาก“เห็นไหมล่ะ ข้าบอกแล้วว่าอนุคนนี้ก็แค่ของเล่นชิ้นใหม่ที่นายท่านเบื่อแล้วเท่านั้นแหละ” สาวใช้ที่ชื่อโจวซิ่วกล่าว“นั่นน่ะสิ ได้เรือนก็เป็นเรือนเล็กๆ แถมยังไม่ได้รับความรักจากนายท่านอีก” โจวเฟิงเสริม“สินเดิมมากมายก็เท่านั้นแหละ ดูสิ นายท่านยังไปหาอนุหลิวที่เป็นคนโปรดเหมือนเดิม”“พวกเราช่างโชคร้ายจริงๆ ต้องมาอยู่รับใช้อนุที่ไม่ได้ความโปรดปราน ดูท่าพวกเราสองคนคงต้องลำบากแน่โจวซิ่วและโจวเฟิงพูดคุยกันอย่างเปิดเผยราวกับว่ากัวจิ้งอีและกัวจู๋เป็นอากาศธาตุกัวจิ้งอีได้ยินทุกคำพูดนั้น และรู้สึกราวกับว่าตัวนางกำลังถูกเผาด้วยเปลวเพลิงที่มองไม่เห็น นางล้มตัวลงนั่งบนเตียงแล้วปล่อยให้น้ำตาแห่งความคับแค้นไหลออกมาอย่างเงียบๆ เพราะความหวังที่นางอยากเป็นชายาอ๋องพังทลายลงในพริบตาไม่พอ โจวจื่อหมิงยังซ้ำเติมให้นางได้รับความอับอายในฐานอนุที่ถูกทอดทิ้งตั้งแต่คืนแรกอีก
ถึงจะต้องเข้าจวนจวงเซียนป๋อในฐานะอนุ แต่ขบวนสัมภาระของกัวจิ้งอีไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่บ่าวไพร่ในจวนจวงเซียงป๋อคิด สินเดิมที่จัดเตรียมมาสมกับเป็นบุตรีคนโตของตระกูลโหว มีทั้งหีบผ้าไหมชั้นดี หีบเครื่องประดับ และหีบเครื่องเรือนขนาดใหญ่ที่แม้จะไม่เทียบเท่าสินเดิมของภรรยาเอก แต่ก็มากมายจนต้องใช้คนถึงสิบกว่าคนช่วยกันขนเข้าไปในจวนชีวิตของกัวจิ้งอีในฐานะอนุคนใหม่ของโจวจื่อหมิงไม่ได้เริ่มต้นอย่างที่นางคาดหวังไว้เลย ในฐานะคุณหนูใหญ่ที่เติบโตมาในจวนชิงผิงโหว นางคิดว่าการเข้าสู่จวนจวงเซียงป๋อในฐานะอนุคนโปรดจะทำให้ชีวิตนางดีขึ้น แต่ความจริงกลับเป็นเหมือนการตื่นขึ้นจากฝันและพบเจอกับความจริงอันโหดร้ายโจวจื่อหมิงจัดเตรียมเรือนพักให้กัวจิ้งอีตามธรรมเนียมของอนุคนใหม่ แม้ว่าสินเดิมของนางจะมีมากมายเพราะมาจากจวนโหว แต่เรือนพักของนางกลับเป็นเรือนเก่าที่ไม่ใหญ่โตนัก และยังตั้งอยู่เยื้องกับเรือนของหลิวซิ่วเหยา ซึ่งเป็นอนุคนโปรดของโจวจื่อหมิงที่ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่กลับดูใหม่และได้รับการดูแลที่ดีกว่าเรือนของนางกัวจิ้งอีมองเรือนของตนด้วยความไม่พอใจ นางเคยคิ
หลังจากการหย่าร้างที่กระทำกันอย่างเป็นทางการภายในจวนชิงผิงโหว ข่าวคราวเรื่องการแยกทางของโจวจื่อหมิงและกัวรั่วชิงก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงราวกับไฟป่าในฤดูร้อน แม้ก่อนหน้าทุกคนต่างมองกัวรั่วชิงเป็นนางร้ายที่ตัดวาสนาผู้อื่น แต่การกระทำไร้ยางอายของกัวจิ้งอีที่ล่อลวงโจวจื่อหมิงกลับเลวร้ายยิ่งกว่าในสายตาทุกคน จึงไม่มีการกล่าวหาหรือตำหนิในตัวของกัวรั่วชิงแม้แต่น้อย ทว่ากลับเป็นการประณามโจวจื่อหมิงและกัวจิ้งอีอย่างกว้างขวางในที่สุดกัวรั่วชิงก็ได้กลับคืนสู่สถานะเดิมอย่างสมบูรณ์ ไร้มลทินใดๆ ทั้งสิ้น ขบวนรถม้าที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนและข้าวของเครื่องใช้มากมายที่เรียงรายกันเป็นขบวนยาวเหยียดของนาง ได้เดินทางกลับสู่จวนชิงผิงโหวอย่างสง่างาม เป็นภาพที่ผู้คนในเมืองหลวงต่างพากันจับจ้องด้วยความสนใจ การที่สินเดิมทั้งหมดของสตรีที่ออกเรือนไปแล้วสามารถนำกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ ย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่าการหย่าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะฝ่ายหญิงทำผิดแต่อย่างใด เป็นการกลับบ้านที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีผู้คนจำนวนมากยืนมุงดูขบวนรถม้าที่เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ บางคนถึงกับตะลึงตาค้างเมื่อเห็นจ
ทว่ากัวรั่วชิงหายินยอมไม่ นางหันไปหาทุกคน แล้วกล่าวด้วยใบหน้าอาบน้ำตา“ทุกท่าน ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วย ข้าแต่งเข้าจวนจวงเซียนป๋อมาครึ่งปี โจวจื่อหมิงทิ้งข้าให้อยู่ในห้องหอเพียงลำพัง เท่านั้นไม่พอ เขายังรับอนุเข้าจวนทันทีโดยไม่สนใจธรรมเนียม และที่สำคัญที่สุดเขากับข้าไม่เคยร่วมหอกันแม้แต่ครั้งเดียว ยังไงอีกไม่นานเขาต้องหย่าข้าด้วยเหตุผลไร้ทายาทอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ถูกเปิดโปงเสียก่อน หากข้าไม่ขอหย่าขาดจากเขาโดยไร้มลทินในวันนี้ วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าข้าต้องพบกับความอัปยศแบบใดอีก”คำพูดของกัวรั่วชิงทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจและมองไปที่กัวจิ้งอีและโจวจื่อหมิงด้วยความรังเกียจ“โธ่…ช่างน่าสงสารนางยิ่งนัก” ฮูหยินท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาด้วยใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความเห็นใจ “แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลจวงตั้งครึ่งปีแล้ว เหตุใดโจวจื่อหมิงถึงได้กระทำต่อนางอย่างโหดร้ายเยี่ยงนี้”“ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!” หวงเชียนเล่อได้โอกาสรีบสบถออกมา “เป็นบุรุษที่ไร้เกียรติและไร้คุณธร
ครานี้กัวจิ้งอีพลันหันไปมองไปยังโจวจื่อหมิงด้วยความสงสัย และไม่ยินยอม “ต้องเป็นเจ้าล่อลวงข้า! เจ้าทำลายชีวิตข้า เจ้าทำให้ข้าไม่ได้แต่งเข้าจวนอ๋อง เจ้ามันไอ้คนสารเลว”โจวจื่อหมิงมองกัวจิ้งอีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นี่นางหมายให้เขากลายเป็นคนร้ายที่ฉุดคร่าพรหมจรรย์สตรีอย่างนั้นหรือ นางไม่คิดเลยหรือไรว่าเขาอาจจะต้องคดี ดูเหมือนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้จักกัวจิ้งอีที่แท้จริงเลย สิ้นความคิดเขาก็โกรธเคืองขึ้นมาอย่างแท้จริง“กัวจิ้งอีทำไมพูดเหมือนข้าบังคับข่มขืนใจเจ้าเล่า เจ้านอนรอบนเตียงพร้อมทอดกายให้ข้าแท้ๆ พอถูกจับได้ก็จะให้ข้ากลายเป็นชายโฉดที่ข่มขืนใจเจ้าหรือ”“เจ้าโกหก ข้าจะทำอย่างนั้นไปทำไมในเมื่อข้าไม่ได้อยากเป็นแค่ฮูหยินซื่อจื่ออย่างเจ้า”โจวจื่อหมิงพลันสะอึก รู้สึกทั้งโกรธทั้งผิดหวังในตัวกัวจิ้งอีอย่างถึงที่สุด เขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองตาบอดยิ่งนักที่เคยมอบความรักให้คนอย่างนางเขาพลันคุกเข่าลง แล้วกวาดสายตามองแขกเหรื่อด้วยแววตาจริงจัง“ทุกท่านได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วย หากข