Share

ตอนที่32ซื้อร้าน

last update Huling Na-update: 2025-07-22 15:44:57

เมื่อมาถึงตัวอำเภอ หลี่เฉินและจื่ออิงก็เริ่มต้นสำรวจทำเลสำหรับเปิดร้านอาหาร วันนี้พวกเขาตั้งใจเดินสำรวจให้ละเอียดกว่าครั้งก่อน แต่ไม่ได้ไปยังบริเวณตลาดที่เต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของ ทั้งสองเลือกมาสำรวจพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงงานและสถานที่ราชการ

ตัวอำเภอในปี 1980 แม้จะไม่ได้เจริญเทียบเท่าเมืองใหญ่ แต่ก็มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยผู้คน พื้นที่แถบนี้ดูคึกคักในแบบที่แตกต่างจากตลาดโดยสิ้นเชิง แม้จะไม่จอแจเท่าศูนย์กลางการค้า แต่ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางไปทำงาน ข้าราชการ พนักงานบริษัท คนงานจากโรงงานต่างเดินสวนกันไปมา บางคนขี่จักรยาน บางคนขับรถจักรยานยนต์ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ส่วนตัวก็มีให้เห็น บางคนก็เดินจูงมือกันเป็นกลุ่ม พลางพูดคุยเรื่องงานและชีวิตประจำวัน

ริมถนนมีร้านค้าเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่เป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารง่ายๆ อย่างร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง และร้านบะหมี่เกี๊ยว บ้างเป็นรถเข็น บ้างเป็นแผงตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ให้ร่มเงาเย็นสบาย บ้างดัดแปลงจากอาคารไม้เก่ากลายเป็นร้านอาหารขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารของรัฐ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทางการ แม้จะขายในราคาย่อมเยา แต่รสชาติและคุณภาพของอาหารก็มักจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้รับมา

ลูกค้าส่วนใหญ่ที่นั่งรับประทานอาหารตามร้านเหล่านี้เป็นพนักงานโรงงานและลูกจ้างจากหน่วยงานต่างๆ พวกเขาแวะฝากท้องในช่วงเช้าก่อนจะเริ่มงาน 

ร้านอาหารของเอกชนก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น แม้จะยังไม่มากเท่าร้านของรัฐ แต่ก็นับเป็นทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มของข้าราชการ พนักงานของรัฐ คนที่พอจะมีรายได้ เหล่าคุณหนูคุณนาย ก็มักจะยอมจ่ายเพื่อแลกกับรสชาติอาหารที่ดีกว่าและบริการที่ดีกว่า 

แต่สำหรับจื่ออิงกลับคิดว่าร้านเหล่านี้ก็ยังดูธรรมดา ขายอาหารธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือน่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ อีกทั้งราคายังสูงกว่าร้านของรัฐอยู่พอสมควร 

จื่ออิงกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ  พลางคิดในใจว่าถ้าหากมีร้านอาหารที่ทั้งอร่อย คุณภาพดี บรรยากาศดี ราคาสมเหตุสมผล และยกระดับขึ้นมาสักนิด ที่นี่น่าจะเป็นทำเลที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

"ที่นี่ดูคึกคักเหมาะกับการเปิดร้านอาหารจริงๆ นะคะ"

หลี่เฉินพยักหน้า พลางกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาประเมิน

"ใช่ครับ อำเภอแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของหลายหมู่บ้าน เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ และยังเป็นที่ตั้งของอีกหลายโรงงาน ถ้าเราจะเปิดร้านอาหาร ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี"

หลี่เฉินตอบ

ท่ามกลางแสงแดดอบอุ่น พวกเขาเต็มไปด้วยความหวังว่าร้านอาหารของพวกเขาจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้คนในย่านนี้

ทั้งสองเดินสำรวจไปเรื่อยๆ พลางสังเกตบรรยากาศรอบๆ พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับทำเลที่ตั้ง จดจำรายละเอียดของทำเลและประเมินโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งบางที่ดูดี แต่ค่าเช่าสูงเกินไป บางแห่งทำเลดีแต่พื้นที่แคบเกินไป และยังไม่มีที่ไหนถูกตาต้องใจจื่ออิง

จนกระทั่งพวกเขาเดินมาถึงอาคารสองชั้นที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน บนผนังด้านหน้ามีป้ายประกาศติดไว้ว่า "ให้เช่า-ขาย" ตัวอักษรดูซีดจางเล็กน้อยจากแดดและลม แต่ก็ยังพออ่านได้ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากถนนสายหลัก แต่ก็ไม่ได้ไกลจนทำให้ผู้คนมองข้าม อีกทั้งยังเดินทางสะดวก ไม่ไกลจากที่ตั้งสถานที่ราชการและเขตโรงงานมากนัก ที่ตรงนี้เป็นอาคารเก่าที่อยู่ติดกันกับโรงน้ำชาเก่าแก่แห่งหนึ่ง บนป้ายประกาศระบุให้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ร้านน้ำชาแห่งนั้น 

สิ่งที่ทำให้ที่นี่น่าสนใจที่สุด คือทำเลของมัน แม้บรรยากาศรอบๆ ค่อนข้างเงียบ ไม่ได้คึกคักเหมือนถนนหลัก แต่ก็ไม่ได้ดูร้างจนเกินไปผู้คนยังคงสัญจรผ่านไปมาตลอดเวลา 

บริเวณนี้ยังไม่มีร้านอาหารที่เป็นกิจจะลักษณะ มีเพียงพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ที่ปักหลักขายของอยู่ริมทาง บางคนตั้งแผงขายขนมเล็กๆ ในตอนเช้า ก่อนจะเก็บของกลับบ้านในช่วงบ่าย

จื่ออิงกวาดตามองอาคารตรงหน้า ตัวอาคารเป็นไม้ผสมปูน สภาพของมันอาจดูเก่า แต่โครงสร้างยังคงแข็งแรง ด้านหน้ามีพื้นที่กว้างขวางพอจะตั้งโต๊ะได้หลายตัว ด้านหลังมีพื้นที่ที่สามารถดัดแปลงเป็นครัวได้อย่างเหมาะสม ส่วนด้านบนยังสามารถใช้เป็นที่พักอาศัยหรือจะขยับขยายให้กลายเป็นห้องสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่อาจเป็นสถานที่ที่พวกเขากำลังตามหา

เธอหันไปมองหลี่เฉิน ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและความหวัง

"ที่นี่ดูเข้าท่านะคะ"

หลี่เฉินมองอาคารตรงหน้าอย่างครุ่นคิด มองไปรอบๆ อย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนพยักหน้าช้าๆ 

"ครับ น่าสนใจทีเดียว ทำเลดี มีพื้นที่ใช้สอยครบ ถ้าปรับปรุงอีกหน่อย น่าจะเหมาะมาก"

จื่ออิงยิ้มออกมา ดวงตาเป็นประกายเมื่อเริ่มจินตนาการถึงร้านอาหารในฝันที่อาจเกิดขึ้นตรงนี้

"ถ้าอย่างนั้น เราเข้าไปสอบถามกันเถอะครับ"

หลี่เฉินพูดขึ้น พร้อมกับก้าวเท้าเตรียมเดินเข้าไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ขยับ จื่ออิงก็ยื่นมือมาจับมือเขาเอาไว้

"มีอะไรหรือครับ" 

ชายหนุ่มหันกลับมาถามด้วยความสงสัย

จื่ออิงเงยหน้ามองเขา ดวงตามีประกายจริงจัง 

"ฉันคิดว่า การซื้อขาดน่าจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าค่ะ"

หลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาฉายแววครุ่นคิด

จากเงินที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้ หากแบ่งมาซื้อที่ตรงนี้ ก็คงไม่เป็นปัญหา และยังเหลือพอที่จะใช้เป็นทุนสร้างร้านได้อีก แต่เขายังไม่รู้แน่ชัดว่าภรรยาของเขามองการณ์ไกลไปถึงเพียงไหน จึงตั้งใจฟังเธอพูดต่อ

จื่ออิงมองไปรอบๆ ทำเลนี้อาจจะดูเงียบไปสักหน่อยในตอนนี้ แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ใกล้โรงงานและหน่วยงานราชการ อีกไม่นานจะต้องคึกคักขึ้นมากแน่

"ที่นี่เหมาะจะเปิดร้านอาหารจริงๆ ค่ะ ไม่เพียงแค่ผู้คนสัญจรผ่านไปมาเท่านั้น แต่ยังไม่มีร้านอาหารที่ดีจริงๆ เปิดแถวนี้เลย ถ้าเราซื้อไว้ ไม่เพียงแต่จะได้ทำธุรกิจของตัวเอง แต่ยังได้บ้านที่มั่นคงสำหรับครอบครัวของเราในอนาคตด้วย"

หลี่เฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองอาคารไม้ผสมปูนที่อยู่ตรงหน้า สายตาเริ่มฉายแววเห็นด้วยกับภรรยา

สิ่งที่ทำให้จื่ออิงสนใจที่นี่มากขึ้น คือมันยังไม่มีใครให้ความสนใจมากนัก เพราะตั้งอยู่ลึกเข้ามาในซอย หากมองประเมินด้วยสายตาของคนในยุคปัจจุบัน เธอมั่นใจว่าอีกไม่นาน จะต้องมีการตัดถนนเส้นใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะทำให้บริเวณนี้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของเมือง

หากพวกเขาตัดสินใจซื้ออาคารแห่งนี้ไว้ตอนนี้ นอกจากจะไม่ต้องเสียค่าเช่ารายเดือน ในอนาคตเมื่อรัฐบาลเปิดกว้างมากขึ้น เศรษฐกิจเริ่มเติบโต ความเจริญเข้าถึงมากขึ้น ราคาที่ดินก็จะพุ่งสูงจนยากจะหาซื้อได้อีก และที่สำคัญ จื่ออิงไม่ได้คิดจะใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ไปตลอด เธอวางแผนจะตั้งรกรากที่ตัวอำเภอ เพื่อให้ชีวิตสะดวกขึ้นทั้งสำหรับตัวเธอเอง หลี่เฉิน และเหยียนเหยียน

"คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยหรือครับ" 

หลี่เฉินถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

จื่ออิงพยักหน้า ดวงตาฉายแววแน่วแน่ 

"ค่ะ ฉันมั่นใจ"

เขามองภรรยาสักพัก ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กๆ และพยักหน้า 

"ถ้าอย่างนั้น ก็ลองเข้าไปคุยกันดูครับ"

เมื่อทั้งสองตัดสินใจได้ พวกเขาก็เดินตรงไปยังร้านน้ำชาที่อยู่ติดกับอาคารนั้น ด้านหน้าร้านดูเก่าคร่ำคร่า โต๊ะและเก้าอี้ไม้มีร่องรอยการใช้งานมาอย่างยาวนาน บรรยากาศภายในเงียบเหงา มีเพียงชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาคงเป็นเจ้าของร้าน

เมื่อได้ยินเสียงก้าวเท้าดังขึ้นภายในร้านน้ำชา ชายชราผู้เป็นเจ้าของร้านก็เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะที่เขานั่งอยู่ ดวงตาล้ำลึกฉายแววสงบสุข ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ

"เชิญครับ สนใจดื่มชาไหม"

ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงใจดี

หลี่เฉินยกมือคารวะเล็กน้อยก่อนตอบอย่างสุภาพ

"ขอบคุณครับคุณตา แต่วันนี้พวกเรามีเรื่องอยากสอบถามเกี่ยวกับอาคารข้างๆ"

ดวงตาของชายชราเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบมองอาคารไม้ผสมปูนที่อยู่ติดกัน ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

"พวกเธอสนใจหรือ"

จื่ออิงพยักหน้าพลางกล่าวเสียงเรียบ 

"ใช่ค่ะ พวกเรากำลังมองหาทำเลเปิดร้านอาหาร และที่นี่ดูเหมาะมาก"

ชายชราพินิจมองทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาและเชื้อเชิญให้พวกเขานั่งลง พลางรินน้ำชาร้อนจากกาลงถ้วยกระเบื้องเคลือบพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"พวกเธออยากจะเช่าหรือซื้อขาดล่ะ"

หลี่เฉินสบตากับจื่ออิง ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายตอบอย่างมั่นใจ 

"เราต้องการซื้อขาดค่ะคุณตา"

ชายชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ 

"ดีจริงๆ ตาตั้งใจจะขายอยู่แล้ว ตาเองอายุมากขึ้นทุกวัน คงถึงเวลาพักเสียที"

ชายชราถอนหายใจยาว สายตาหวนรำลึกถึงอดีต 

"ร้านน้ำชานี้เคยคึกคักเมื่อหลายปีก่อน ลูกค้าทั้งชาวบ้านและข้าราชการต่างแวะเวียนมาไม่ขาด แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว พอตาแก่ตัวลงก็ทำไม่ไหว ปิดร้านบ้างเปิดร้านบ้างจนลูกค้าประจำหายไปทีละคน ตาคิดว่าคงถึงเวลาปล่อยมือเสียที จึงตัดสินใจที่จะขายที่นี่ และตั้งใจว่าจะกลับไปอยู่กับลูกชายที่ต่างอำเภอ ใช้ชีวิตอย่างสงบกับลูกหลานในช่วงบั้นปลาย"

ชายชราเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ 

"ตาดีใจนะที่ยังมีคนมองเห็นคุณค่าของที่นี่ มากกว่าปล่อยให้มันรกร้างไป"

จื่ออิงและหลี่เฉินพยักหน้าเข้าใจ พวกเขารู้ดีว่าพื้นที่แห่งนี้ยังมีศักยภาพอยู่ หากมองในระยะยาว มันจะกลายเป็นทำเลทอง

"ถ้าอย่างนั้น เรามาคุยรายละเอียดกันเถอะ" 

ชายชรากล่าว ก่อนจะหยิบเอกสารสำหรับซื้อขายที่เตรียมไว้ออกมา

ข้อตกลงเป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาซื้ออาคารหลังนั้นรวมทั้งร้านน้ำชาแห่งนี้ในราคาที่สมเหตุสมผล ชายชราเองก็ดีใจที่ได้ส่งต่อให้กับคนที่ตั้งใจใช้ประโยชน์จริงๆ

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย จื่ออิงเงยหน้ามองอาคารสองคูหาที่กำลังจะกลายเป็นของพวกเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง ร้านอาหารในฝันของพวกเขากำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นจริงแล้ว

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่38แม่ของเหยียนเหยียนหายไป

    แสงแดดอ่อนยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา เส้นแสงอุ่นนวลพาดผ่านผืนฟูกและเรือนร่างสองร่างที่ยังหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างแนบแน่น เสียงนกน้อยร้องรับอรุณดังแผ่วอยู่ไกลๆ ปะปนกับเสียงลมยามเช้าที่พัดผ่านม่านบางเบา ทำให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความสงบและอบอุ่นจื่ออิงรู้สึกตัวช้าๆ เปลือกตาของเธอกะพริบไล่แสงที่แตะต้องใบหน้าเบาๆ ก่อนสายตาจะค่อยๆ ปรับให้ชินกับแสงและสิ่งรอบตัวสิ่งแรกที่เธอรู้สึกได้คือความอบอุ่นจากวงแขนแข็งแกร่งที่ยังโอบรอบตัวเธอเอาไว้แน่น แผ่นอกแข็งแกร่งที่แนบอยู่ด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่ที่ทาบอยู่บนหน้าท้องของเธอ ลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดลงมา และกลิ่นอายที่ชวนให้วาบหวามของเจ้าของวงแขนที่ยังคงติดอยู่บนผิวกายของเธอ ราวกับจะยืนยันว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่เพียงแค่ความฝันจื่ออิงหันศีรษะไปมองคนด้านหลังช้าๆ เห็นใบหน้าหล่อคมของชายหนุ่มในยามหลับที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน หัวใจของเธอพลันกระตุก ใบหน้างามร้อนวาบขึ้น เธอเม้มริมฝีปากแน่นอย่างขัดเขิน ดวงหน้าแดงเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ การกระทำของหลี่เฉินเมื่อคืนนี้ บอกกับเธอว่าอย่าตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกจื่ออิงข่มความอับอายที่เกิด

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่37เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์

    ลมหายใจของหลี่เฉินร้อนผ่าว รินรดลงบนผิวเนื้อของเธอราวกับเปลวไฟอ่อนๆ ที่กำลังโอบล้อมร่างกาย มือใหญ่ของเขาค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความอ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยแรงปรารถนา สัมผัสนั้นไม่ได้เพียงแค่แตะต้องร่างกาย หากแต่เหมือนปลุกให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกขณะ ทุกสัมผัสจุดความรู้สึกบางอย่างในกายให้ลุกวาบโดยไม่ทันตั้งตัวจื่ออิงไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าของเธอหลุดหายไปจากร่างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งหลี่เฉินผละตัวออกห่างจากเธอ ความอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่จึงจางหาย ลมเย็นบางเบาพัดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง สัมผัสผิวกายทำให้ขนอ่อนของเธอลุกชัน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าจื่ออิงปรือตาขึ้นช้าๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงหยุดการกระทำทุกอย่างลง หรือว่าเธอทำอะไรผิดไป แต่แล้วจื่ออิงก็ต้องชะงัก เมื่อตอนนี้ภาพอันแสนเย้ายวนกลับปรากฏอยู่ตรงหน้าแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องสะท้อนลงบนเรือนร่างของหลี่เฉินที่กำลังยืดกายอยู่ตรงปลายเท้าของเธอ เขานั่งชันเข่า สองแขนแข็งแกร่งยกขึ้นสูง กำลังถอดเสื้อตัวบางออกจากศีรษะ ท่วงท่าเหล่านั้นเป็นไปอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ราวกับตั้งใจให้เธอไล่สายตาสำรวจไปทั่วเรื

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่36อ้อมกอดที่อบอุ่น

    ในอ้อมกอดอุ่นนั้น จื่ออิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หัวใจเธอเต้นช้าลงอย่างสงบ ราวกับได้พักพิงอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุด เธอไม่รู้ว่าหลี่เฉินยืนกอดเธอนานแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงเลยเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันแววตาของหลี่เฉินอ่อนโยน ลึกซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยความรัก"อาอิง"เสียงของเขานุ่มนวล "คุณรู้ไหมว่าผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลย ว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า"จื่ออิงมองสบตาเขาแล้วยิ้มอ่อนโยน เธอเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร เขาก็ยกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน"ขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างๆ กัน ขอบคุณที่เป็นความสุขให้ผมกับลูก"เขากระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาเธอกะพริบตาถี่ๆ รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตคับอก เธอไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้สึกตื้นตันใจไปหมดจนพูดไม่ออก ทำเพียงยกมือขึ้นกอดเอวเขาเอาไว้แน่น สื่อความรู้สึกทั้งหมดที่เธอไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้หลี่เฉินมองเธออย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง คราวนี้ริมฝีปากของเขาแนบลงบนแก้ม

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่35ส่งเหยียนเหยียนเข้านอน

    หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก เด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มนั่งพิงไหล่มารดาอย่างอ่อนแรง พอท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหนัก ร่างเล็กๆ ขยับตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากหาวหวอดใหญ่ ทำเอาจื่ออิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกสาวอย่างอ่อนโยน"หืม ดูสิ คนเก่งของแม่ง่วงนอนแล้วใช่ไหมคะ"เหยียนเหยียนพยักหน้าช้าๆ ดวงตากลมใสเริ่มปรือด้วยความง่วง แต่ก็ยังฝืนลืมตาไว้ไม่ยอมหลับ"ค่ะ แต่หนูก็อยากฟังนิทานก่อนนอนก่อน" เสียงเล็กๆ พูดเบาๆ เหมือนกระซิบ พร้อมกับซุกตัวเข้าหาแม่เล็กน้อยจื่ออิงยิ้ม พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ขณะที่เหยียนเหยียนซบใบหน้ากับอกเธออย่างง่วงงุน เธอกำลังจะลุกขึ้นเพื่อพาลูกเข้านอน แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว อ้อมแขนอบอุ่นของหลี่เฉินก็ยื่นเข้ามารับร่างเล็กของเหยียนเหยียนไปอย่างนุ่มนวลแต่ในจังหวะที่มือของเขาเอื้อมมารับตัวลูกสาว ใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มต่ำลงมาจนปลายจมูกโด่งชนเข้ากับแก้มนุ่มของคนเป็นแม่แผ่วเบาสัมผัสนั้นทำให้จื่ออิงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายทันที จนสบเข้ากับดวงตาของหลี่เฉินที่กำลังมองมาอย่างอ่อนโยน แววตาของเขาสื่อความหมายได้มากกว่าคำพูดใดๆ"เหนื่อยมากไหมครับวันนี้"เขาถามเบาๆ เสียงนุ่มนวลนั้น

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่34เริ่มการปรับปรุงซ่อมแซมร้าน

    ตลอดหลายวันมานี้ หลี่เฉินและจื่ออิงแทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก ทั้งคู่ยุ่งอยู่กับการปรับปรุงและซ่อมแซมร้านตั้งแต่เช้ายันเย็น ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางเข้าตัวอำเภอ กลับบ้านมาก็เกือบค่ำมืด ตั้งแต่วันแรกก็เริ่มต้นด้วยการติดต่อช่างและพาช่างเข้ามาดูหน้างาน พูดคุย ปรึกษา วางแผน และต่อรองราคา จนแทบไม่มีเวลานั่งพัก โชคดีที่ช่างที่หลี่เฉินหามานั้นเป็นคนขยันและมืออาชีพ แต่ถึงอย่างนั้นการปรับปรุงและซ่อมแซมก็ใช่ว่าจะง่าย ตัวอาคารเดิมนั้นแม้โครงสร้างโดยรวมยังคงแข็งแรง แต่สภาพทั้งภายนอกและภายในอาคารกลับทรุดโทรมจนเห็นได้ชัด เพราะผ่านการใช้งานมายาวนาน หลังคากระเบื้องดินเผาหลายแผ่นแตกร้าว บางจุดมีรอยรั่ว หากมีฝนตกคาดว่าคงไหลซึมลงมาเป็นสายผนังด้านนอกลอกเป็นแผ่นๆ เผยให้เห็นปูนเก่า ด้านในแตกร้าวเป็นเส้นตื้นๆ เต็มไปหมด ส่วนภายในยิ่งแล้วใหญ่ พื้นไม้เดิมด้านบนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าว และเต็มไปด้วยรอยครูด รอยสึกจากการใช้งานมาอย่างยาวนาน โต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าโยกเยกคลอนแคลน บางตัวขาเกือบหัก ส่วนเคาน์เตอร์ด้านหน้าก็ผุพัง มีร่องรอยปลวกกินจนบางจุดทะลุ พื้นปูนเดิมก็แตกร้าวเป็นเส้นยาว ดูแล้วไม่สบายตาเอาเสียเล

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่33เลี้ยงฉลอง

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หลี่เฉินและจื่ออิงเดินออกจากร้านน้ำชาด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข รอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ วันนี้พวกเขาได้อาคารแห่งนั้นมาเป็นของตัวเองแล้ว ร้านอาหารในฝันกำลังเข้าใกล้ความเป็นจริงไปอีกก้าว และมันไม่ใช่ก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะต้องใช้เงินก้อนโต แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าคุ้มค่า จื่ออิงมองอาคารไม้ผสมปูนที่เพิ่งกลายเป็นของพวกเขาด้วยสายตาแน่วแน่ ใจของเธอพองโตด้วยความหวัง นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ เป็นโอกาสที่เธอและหลี่เฉินจะสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับครอบครัว หลี่เฉินหันไปมองภรรยา ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของเธอไว้แน่น ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวภรรยา ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจทำสิ่งใด เขาก็พร้อมจะเดินเคียงข้าง คอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เสมอสำหรับหลี่เฉินแล้ว ตอนนี้จื่ออิงไม่ใช่เพียงแค่ภรรยา แต่เป็นคู่ชีวิตที่เขาอยากก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปด้วยกันทั้งสองเดินเคียงข้างกันไป ท่ามกลางบรรยากาศยามบ่ายที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คน เสียงรถลาที่แล่นผ่านไปมา และกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลม พวกเขารู้ดีว่าหน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status