Home / รักโบราณ / พลิกชะตารักหญิงบ้า / ตอนที่33เลี้ยงฉลอง

Share

ตอนที่33เลี้ยงฉลอง

last update Huling Na-update: 2025-07-24 20:05:49

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หลี่เฉินและจื่ออิงเดินออกจากร้านน้ำชาด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข รอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ วันนี้พวกเขาได้อาคารแห่งนั้นมาเป็นของตัวเองแล้ว ร้านอาหารในฝันกำลังเข้าใกล้ความเป็นจริงไปอีกก้าว และมันไม่ใช่ก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะต้องใช้เงินก้อนโต แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าคุ้มค่า 

จื่ออิงมองอาคารไม้ผสมปูนที่เพิ่งกลายเป็นของพวกเขาด้วยสายตาแน่วแน่ ใจของเธอพองโตด้วยความหวัง นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ เป็นโอกาสที่เธอและหลี่เฉินจะสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับครอบครัว 

หลี่เฉินหันไปมองภรรยา ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของเธอไว้แน่น ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวภรรยา ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจทำสิ่งใด เขาก็พร้อมจะเดินเคียงข้าง คอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เสมอ

สำหรับหลี่เฉินแล้ว ตอนนี้จื่ออิงไม่ใช่เพียงแค่ภรรยา แต่เป็นคู่ชีวิตที่เขาอยากก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปด้วยกัน

ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไป ท่ามกลางบรรยากาศยามบ่ายที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คน เสียงรถลาที่แล่นผ่านไปมา และกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลม พวกเขารู้ดีว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่วันนี้ พวกเขาก้าวผ่านจุดเริ่มต้นไปแล้ว และไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาได้อีกต่อไป

"ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันดี เราซื้อของไปฉลองกันเถอะครับ แล้วก็ชวนบ้านป้าโจวมาร่วมด้วย"

หลี่เฉินเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

จื่ออิงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

"ถ้าอย่างนั้น เย็นนี้ฉันจะทำหม้อไฟสูตรพิเศษให้ทุกคนได้ลองชิมกันค่ะ"

"หม้อไฟสูตรพิเศษหรือครับ"

หลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าดูสนใจไม่น้อย

"ใช่ค่ะ หม้อไฟสูตรของฉันเอง ฉันมั่นใจว่าทุกคนจะต้องชอบแน่ และมันจะเป็นหนึ่งในเมนูของร้านเราในอนาคตด้วย"

จื่ออิงพูดด้วยแววตามุ่งมั่น ท่าทางมั่นใจของเธอทำให้หลี่เฉินอดยิ้มไม่ได้ เขาชอบเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ เวลาที่เธอพูดถึงสิ่งที่รักและตั้งใจทำ เธอมักจะดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ

"งั้นเราไปซื้อของกันเถอะครับ"

เขากุมมือเธอเอาไว้ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปยังตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำหม้อไฟ

จื่ออิงเลือกเนื้อวัวคุณภาพดี เนื้อหมูสามชั้นติดมัน เครื่องใน และลูกชิ้นโฮมเมดจากร้านแผงลอย นอกจากนี้ยังเลือกซื้อเต้าหู้สด เห็ดชนิดต่างๆ และเส้นบะหมี่สำหรับรับประทานคู่กัน 

ส่วนพวกผักเธอตั้งใจจะกลับไปอุดหนุนผักสดๆ หลากชนิดจากบ้านโจวที่ทั้งสดและหวานกรอบน่ารับประทาน หลังจากนั้นก็เลือกซื้อเครื่องเทศและซอสต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการทำน้ำซุปสูตรเข้มข้นของเธอ รวมไปถึงน้ำจิ้มรสเด็ด

หม้อไฟในยุคนี้เป็นอาหารพื้นบ้านที่นิยมรับประทานกันในโอกาสสำคัญ ไม่ใช่อาหารที่ทุกบ้านกินได้บ่อยๆ เพราะเนื้อสัตว์ยังมีราคาแพง การกินหม้อไฟถือเป็นเรื่องพิเศษหรือเป็นมื้อฉลอง วัตถุดิบยังคงเป็นของพื้นบ้าน ไม่มีความหลากหลายเหมือนในปัจจุบัน น้ำจิ้มก็เป็นเพียงซอสงาบดหรือเต้าเจี้ยว

ขณะเลือกซื้อของ จื่ออิงไม่เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบสำหรับทำหม้อไฟเท่านั้น แต่เธอยังใช้โอกาสนี้สำรวจตลาดและราคาของวัตถุดิบต่างๆ ไปในตัว ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรในหัวของเธอก็มักจะคิดถึงร้านอาหารที่เธอกำลังจะเปิดในอนาคตเสมอ จนถึงกระทั่งมีเมนูอาหารมากมายอยู่ในหัวกันเลยทีเดียว

"น้ำซุปหม้อไฟของฉันมีรสเผ็ดกำลังดี หอมกลิ่นสมุนไพรและน้ำมันพริก รับรองว่าทุกคนจะต้องติดใจแน่ค่ะ" 

ในขณะที่จับจ่ายซื้อของก็ไม่ลืมที่จะพูดถึงรสชาติและความพิเศษของหม้อไฟรสเลิศของเธอให้สามีฟังด้วยความภูมิใจ

"อ้อ แล้วยังมีซุปใสรสกลมกล่อมสำหรับเหยียนเหยียนด้วยนะคะ เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี"

จื่ออิงพูดด้วยแววตาระยิบระยับ 

ในขณะที่หลี่เฉินมองท่าทางเป็นธรรมชาติของภรรยาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เขารู้สึกมีความสุขเพียงแค่ได้เห็นเธอยิ้ม เห็นเธอพูด เห็นเธอเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับเขา

เมื่อซื้อของครบแล้ว หลี่เฉินและจื่ออิงก็ตรงไปบ้านป้าโจวเพื่อรับเหยียนเหยียนกลับบ้าน พร้อมกับเชิญป้าโจวและครอบครัวมาร่วมฉลองมื้อค่ำที่บ้านของพวกเขา

เย็นวันนั้นป้าโจวและครอบครัวก็มาเยือนบ้านของพวกเขาพร้อมกับผักสดๆ อีกตะกร้าใหญ่

ป้าโจวเป็นหญิงวัยกลางคนที่แม้จะดูมีอายุแต่ก็ยังแข็งแรงและขยันขันแข็ง สามีของเธอเสียไปหลายปีแล้ว เธออาศัยอยู่กับลูกชายคนเดียวชื่อ ซูเว่ย และลูกสะใภ้ชื่อว่า มู่ชิง 

ซูเว่ย เป็นชายหนุ่มขยันขันแข็ง ส่วนมู่ชิง ลูกสะใภ้ของป้าโจว ก็เป็นหญิงสาวใจดีและคล่องแคล่ว ทั้งสองเพิ่งแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้ว 

บรรยากาศอบอุ่นของสองครอบครัวเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะและการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง หม้อไฟของจื่ออิงส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของสมุนไพรและน้ำซุปที่เตรียมไว้อย่างพิถีพิถันชวนให้น่าลิ้มลอง มันเป็นหม้อไฟที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจของจื่ออิง 

น้ำซุปถูกเคี่ยวจนได้รสกลมกล่อม เสริมด้วยสมุนไพรจีนและน้ำมันพริกที่เธอทำเอง กลายเป็นรสชาติที่เข้มข้น หอม และเผ็ดกำลังดี น้ำจิ้มสูตรพิเศษของเธอยิ่งชวนให้หม้อไฟน่ากินขึ้นไปอีก ทั้งยังมีน้ำซุปใสที่หวานหอมรสชาติกลมกล่อมอีกหม้อ ทุกคนรู้สึกได้ถึงความใส่ใจที่เธอมีในการทำอาหาร 

และก็เป็นอย่างที่คิดหม้อไฟของจื่ออิงอร่อยกลมกล่อมอย่างที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน เป็นรสชาติที่เมื่อได้กินแล้วก็อยากจะกินอีก อร่อยจนหยุดไม่ได้เลยจริงๆ 

 ทุกคนต่างเพลิดเพลินกับการลิ้มลองรสชาติหม้อไฟอย่างเอร็ดอร่อย

"อร่อยมาก" 

ซูเว่ยพูดขึ้น พลางคีบเนื้อจุ่มลงในหม้อไฟอีกครั้ง

"ใช่ค่ะ รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อมมาก" 

มู่ชิงเสริม

"หม้อไฟของจื่ออิงต้องขายดีแน่ๆ" 

ป้าโจวหัวเราะเบาๆ พลางตักผักสดลงหม้อ

จื่ออิงยิ้มรับอย่างภูมิใจ 

"ขอบคุณค่ะ"

แล้วเอ่ยต่อว่า

"ทุกคนคะ จริงๆ แล้วฉันกับสามีมีเรื่องอยากจะปรึกษาทุกคนด้วยค่ะ"

จื่ออิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง ทุกคนที่กำลังอร่อยอยู่กับหม้อไฟต่างเงยหน้าขึ้นมามองทันที

"เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ" 

ป้าโจวถามขึ้นด้วยความสนใจ

จื่ออิงหันไปสบตากับหลี่เฉิน ก่อนจะพูดออกมา

"คือเราอยากรับซื้อผักจากบ้านป้าโจวหลังจากที่เปิดร้านอาหารค่ะ" 

เธอกับหลี่เฉินได้พูดคุยเรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว และเขาก็เห็นด้วยเต็มที่ เพราะทั้งคู่มั่นใจว่าผักจากบ้านป้าโจวไม่เพียงแต่สดใหม่ แต่ยังปลอดภัยและมีคุณภาพดีอีกด้วย

ป้าโจวปลูกผักขายเลี้ยงชีพมาหลายปีแล้ว พื้นที่หลังบ้านของเธอเต็มไปด้วยแปลงผักเขียวขจี ไม่ว่าจะเป็นกวางตุ้ง ผักกาดขาว ต้นหอม ผักชี และผักพื้นบ้านอีกหลายชนิด ทุกต้นล้วนดูอุดมสมบูรณ์ และเติบโตด้วยความใส่ใจ 

ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบที่ร้านอาหารต้องใช้ และผักของป้าโจวก็มีรสชาติดีมาก ปัจจุบันทั้งซูเว่ยและมู่ชิงต่างตั้งใจจะสืบทอดกิจการปลูกผักของครอบครัว และช่วยกันดูแลสวนผักของครอบครัวมาตลอด

"อย่างที่ทุกคนรู้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังจะเปิดร้านอาหาร จึงอยากใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ ผักของบ้านป้าโจวคุณภาพดีและปลอดภัย เราจึงอยากใช้ผักของบ้านป้ามาทำอาหารค่ะ"

จื่ออิงพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

ป้าโจวได้ยินดังนั้นตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เธอทั้งดีใจและตื่นเต้นไปพร้อมกัน

"จริงเหรอจ๊ะ ถ้าแบบนั้นก็ดีสิ ป้ามีผักสดทุกวันเลยนะ สดใหม่จากสวน รับรองได้เลย"

หลี่เฉินยิ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร 

"ช่วยๆ กันครับ พวกเราได้วัตถุดิบดีๆ ไว้ใช้ อาเว่ยเองก็ไม่ต้องเหนื่อยไปขายที่ตลาดไกลๆ ได้รายได้เพิ่มด้วย"

"ผมกำลังวางแผนจะปลูกผักชนิดใหม่ๆ เพิ่มอยู่พอดีเลยครับพี่เฉิน" 

ซูเว่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าเปี่ยมความหวัง

มู่ชิงพยักหน้าเสริม 

"เราเริ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ไว้บ้างแล้วค่ะ"

จื่ออิงยิ้มกว้าง 

"ดีเลยค่ะ แบบนี้ร้านของเราก็จะมีผักสดๆ หลากหลายส่งตรงมาทุกวัน"

ป้าโจวหัวเราะออกมาเสียงใส สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี 

"โอ๊ย ป้าดีใจจริงๆ แบบนี้อาเว่ยก็มีเจ้าตัวเล็กให้ป้าได้แล้วสิ"

แม้ครอบครัวของเธอจะไม่ได้ลำบากมากนัก แต่การมีหลานตัวน้อยเพิ่มเข้ามาในบ้านก็ต้องอาศัยความพร้อม ทั้งเรื่องเวลา เงินทอง และความมั่นคง ซูเว่ยมักพูดเสมอว่า เขาอยากให้ครอบครัวมีความมั่นคงก่อนถึงจะมีลูก เพื่อให้เจ้าตัวน้อยได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและมั่นใจว่าเขาจะดูแลได้อย่างดีที่สุด

ระหว่างที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกัน เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ดังขึ้นทันที

"น้องตัวเล็กหรือคะ หนูอยากมีน้องค่ะ"

เหยียนเหยียนพูดขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย หลังจากที่นั่งมองคนนั้นทีคนนี้ทีอยู่นาน พร้อมกับกินหม้อไฟซุปน้ำใสรสอร่อยที่มารดาคอยคีบให้อยู่ไม่ขาดเอ่ยขึ้นทันทีที่ได้ยิน

คำพูดของเหยียนเหยียนทำให้ทุกคนรอบโต๊ะหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูในความไร้เดียงสา

จื่ออิงยิ้มขำ ขณะคีบลูกชิ้นจากหม้อไฟน้ำใสใส่จานให้บุตรสาว

และในช่วงเวลานั้น หลี่เฉินก็กำลังมองเธอด้วยสายตานุ่มลึก ดวงตาของเขามีทั้งความอ่อนโยนและความร้อนแรงบางอย่างที่ทำให้คนถูกมองถึงกับชะงักไปชั่วขณะ

จื่ออิงที่เผลอสบตากับเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อโดยอัตโนมัติ หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เธอรีบหลบตาทันทีด้วยความขัดเขิน มือไม้ที่เคยคล่องแคล่วกลับรู้สึกเงอะงะขึ้นมาเสียอย่างนั้น

แต่คนอย่างหลี่เฉินหรือจะปล่อยให้เธอหนีไปง่ายๆ เขาหัวเราะเบาๆ อย่างมีเลศนัย ก่อนจะคีบเนื้อชิ้นสวยใส่ถ้วยของเธอ แล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดผิวแก้ม ปลายจมูกโด่งแทบจะชนกับแก้มนุ่ม

"ผมก็อยากมีลูกอีกสักคนเหมือนกันนะ"

เสียงแหบพร่าเจือความเจ้าเล่ห์กระซิบเบาๆ อยู่ข้างใบหู

จื่ออิงเบิกตากว้างเงยหน้ามองเขาอย่างตกตะลึง แทบจะทำตะเกียบหลุดมือ ก่อนจะรีบเฉไฉ หันกลับไปคีบเนื้อรสเผ็ดร้อนเข้าปากทันที ราวกับต้องการกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง แต่แทนที่จะช่วยอะไรได้ ความเผ็ดร้อนจากน้ำซุปกลับทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าที่ร้อนผ่าวขึ้นมานั้นเป็นเพราะเครื่องเทศในหม้อไฟ หรือเพราะคำพูดชวนให้ใจเต้นของสามีกันแน่

หลี่เฉินหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างพอใจ ก่อนจะคีบเนื้อเข้าปากกินต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นสายตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นก็ยังจับจ้องที่ใบหน้าภรรยาตลอดเวลา ทำให้จื่ออิงไม่กล้าหันไปสบตาเขาอีก

บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของทุกคน แต่สำหรับใครบางคน กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศแสนหวานที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ

มื้อค่ำในคืนนี้จึงมีทั้งเสียงหัวเราะ ความสุข และความหวังที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ท่ามกลางความสัมพันธ์ของสองครอบครัวที่เริ่มแน่นแฟ้นเหนียวแน่น และอนาคตของร้านอาหารที่กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละน้อย

เช่นเดียวกับอนาคตของหลี่เฉินและจื่ออิง ความรู้สึกที่มีให้กันและกันก็กำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่38แม่ของเหยียนเหยียนหายไป

    แสงแดดอ่อนยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา เส้นแสงอุ่นนวลพาดผ่านผืนฟูกและเรือนร่างสองร่างที่ยังหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างแนบแน่น เสียงนกน้อยร้องรับอรุณดังแผ่วอยู่ไกลๆ ปะปนกับเสียงลมยามเช้าที่พัดผ่านม่านบางเบา ทำให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความสงบและอบอุ่นจื่ออิงรู้สึกตัวช้าๆ เปลือกตาของเธอกะพริบไล่แสงที่แตะต้องใบหน้าเบาๆ ก่อนสายตาจะค่อยๆ ปรับให้ชินกับแสงและสิ่งรอบตัวสิ่งแรกที่เธอรู้สึกได้คือความอบอุ่นจากวงแขนแข็งแกร่งที่ยังโอบรอบตัวเธอเอาไว้แน่น แผ่นอกแข็งแกร่งที่แนบอยู่ด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่ที่ทาบอยู่บนหน้าท้องของเธอ ลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดลงมา และกลิ่นอายที่ชวนให้วาบหวามของเจ้าของวงแขนที่ยังคงติดอยู่บนผิวกายของเธอ ราวกับจะยืนยันว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่เพียงแค่ความฝันจื่ออิงหันศีรษะไปมองคนด้านหลังช้าๆ เห็นใบหน้าหล่อคมของชายหนุ่มในยามหลับที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน หัวใจของเธอพลันกระตุก ใบหน้างามร้อนวาบขึ้น เธอเม้มริมฝีปากแน่นอย่างขัดเขิน ดวงหน้าแดงเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ การกระทำของหลี่เฉินเมื่อคืนนี้ บอกกับเธอว่าอย่าตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกจื่ออิงข่มความอับอายที่เกิด

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่37เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์

    ลมหายใจของหลี่เฉินร้อนผ่าว รินรดลงบนผิวเนื้อของเธอราวกับเปลวไฟอ่อนๆ ที่กำลังโอบล้อมร่างกาย มือใหญ่ของเขาค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความอ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยแรงปรารถนา สัมผัสนั้นไม่ได้เพียงแค่แตะต้องร่างกาย หากแต่เหมือนปลุกให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกขณะ ทุกสัมผัสจุดความรู้สึกบางอย่างในกายให้ลุกวาบโดยไม่ทันตั้งตัวจื่ออิงไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าของเธอหลุดหายไปจากร่างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งหลี่เฉินผละตัวออกห่างจากเธอ ความอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่จึงจางหาย ลมเย็นบางเบาพัดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง สัมผัสผิวกายทำให้ขนอ่อนของเธอลุกชัน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าจื่ออิงปรือตาขึ้นช้าๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงหยุดการกระทำทุกอย่างลง หรือว่าเธอทำอะไรผิดไป แต่แล้วจื่ออิงก็ต้องชะงัก เมื่อตอนนี้ภาพอันแสนเย้ายวนกลับปรากฏอยู่ตรงหน้าแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องสะท้อนลงบนเรือนร่างของหลี่เฉินที่กำลังยืดกายอยู่ตรงปลายเท้าของเธอ เขานั่งชันเข่า สองแขนแข็งแกร่งยกขึ้นสูง กำลังถอดเสื้อตัวบางออกจากศีรษะ ท่วงท่าเหล่านั้นเป็นไปอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ราวกับตั้งใจให้เธอไล่สายตาสำรวจไปทั่วเรื

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่36อ้อมกอดที่อบอุ่น

    ในอ้อมกอดอุ่นนั้น จื่ออิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หัวใจเธอเต้นช้าลงอย่างสงบ ราวกับได้พักพิงอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุด เธอไม่รู้ว่าหลี่เฉินยืนกอดเธอนานแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงเลยเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันแววตาของหลี่เฉินอ่อนโยน ลึกซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยความรัก"อาอิง"เสียงของเขานุ่มนวล "คุณรู้ไหมว่าผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลย ว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า"จื่ออิงมองสบตาเขาแล้วยิ้มอ่อนโยน เธอเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร เขาก็ยกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน"ขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างๆ กัน ขอบคุณที่เป็นความสุขให้ผมกับลูก"เขากระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาเธอกะพริบตาถี่ๆ รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตคับอก เธอไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้สึกตื้นตันใจไปหมดจนพูดไม่ออก ทำเพียงยกมือขึ้นกอดเอวเขาเอาไว้แน่น สื่อความรู้สึกทั้งหมดที่เธอไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้หลี่เฉินมองเธออย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง คราวนี้ริมฝีปากของเขาแนบลงบนแก้ม

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่35ส่งเหยียนเหยียนเข้านอน

    หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก เด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มนั่งพิงไหล่มารดาอย่างอ่อนแรง พอท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหนัก ร่างเล็กๆ ขยับตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากหาวหวอดใหญ่ ทำเอาจื่ออิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกสาวอย่างอ่อนโยน"หืม ดูสิ คนเก่งของแม่ง่วงนอนแล้วใช่ไหมคะ"เหยียนเหยียนพยักหน้าช้าๆ ดวงตากลมใสเริ่มปรือด้วยความง่วง แต่ก็ยังฝืนลืมตาไว้ไม่ยอมหลับ"ค่ะ แต่หนูก็อยากฟังนิทานก่อนนอนก่อน" เสียงเล็กๆ พูดเบาๆ เหมือนกระซิบ พร้อมกับซุกตัวเข้าหาแม่เล็กน้อยจื่ออิงยิ้ม พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ขณะที่เหยียนเหยียนซบใบหน้ากับอกเธออย่างง่วงงุน เธอกำลังจะลุกขึ้นเพื่อพาลูกเข้านอน แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว อ้อมแขนอบอุ่นของหลี่เฉินก็ยื่นเข้ามารับร่างเล็กของเหยียนเหยียนไปอย่างนุ่มนวลแต่ในจังหวะที่มือของเขาเอื้อมมารับตัวลูกสาว ใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มต่ำลงมาจนปลายจมูกโด่งชนเข้ากับแก้มนุ่มของคนเป็นแม่แผ่วเบาสัมผัสนั้นทำให้จื่ออิงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายทันที จนสบเข้ากับดวงตาของหลี่เฉินที่กำลังมองมาอย่างอ่อนโยน แววตาของเขาสื่อความหมายได้มากกว่าคำพูดใดๆ"เหนื่อยมากไหมครับวันนี้"เขาถามเบาๆ เสียงนุ่มนวลนั้น

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่34เริ่มการปรับปรุงซ่อมแซมร้าน

    ตลอดหลายวันมานี้ หลี่เฉินและจื่ออิงแทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก ทั้งคู่ยุ่งอยู่กับการปรับปรุงและซ่อมแซมร้านตั้งแต่เช้ายันเย็น ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางเข้าตัวอำเภอ กลับบ้านมาก็เกือบค่ำมืด ตั้งแต่วันแรกก็เริ่มต้นด้วยการติดต่อช่างและพาช่างเข้ามาดูหน้างาน พูดคุย ปรึกษา วางแผน และต่อรองราคา จนแทบไม่มีเวลานั่งพัก โชคดีที่ช่างที่หลี่เฉินหามานั้นเป็นคนขยันและมืออาชีพ แต่ถึงอย่างนั้นการปรับปรุงและซ่อมแซมก็ใช่ว่าจะง่าย ตัวอาคารเดิมนั้นแม้โครงสร้างโดยรวมยังคงแข็งแรง แต่สภาพทั้งภายนอกและภายในอาคารกลับทรุดโทรมจนเห็นได้ชัด เพราะผ่านการใช้งานมายาวนาน หลังคากระเบื้องดินเผาหลายแผ่นแตกร้าว บางจุดมีรอยรั่ว หากมีฝนตกคาดว่าคงไหลซึมลงมาเป็นสายผนังด้านนอกลอกเป็นแผ่นๆ เผยให้เห็นปูนเก่า ด้านในแตกร้าวเป็นเส้นตื้นๆ เต็มไปหมด ส่วนภายในยิ่งแล้วใหญ่ พื้นไม้เดิมด้านบนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าว และเต็มไปด้วยรอยครูด รอยสึกจากการใช้งานมาอย่างยาวนาน โต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าโยกเยกคลอนแคลน บางตัวขาเกือบหัก ส่วนเคาน์เตอร์ด้านหน้าก็ผุพัง มีร่องรอยปลวกกินจนบางจุดทะลุ พื้นปูนเดิมก็แตกร้าวเป็นเส้นยาว ดูแล้วไม่สบายตาเอาเสียเล

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่33เลี้ยงฉลอง

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หลี่เฉินและจื่ออิงเดินออกจากร้านน้ำชาด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข รอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ วันนี้พวกเขาได้อาคารแห่งนั้นมาเป็นของตัวเองแล้ว ร้านอาหารในฝันกำลังเข้าใกล้ความเป็นจริงไปอีกก้าว และมันไม่ใช่ก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะต้องใช้เงินก้อนโต แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าคุ้มค่า จื่ออิงมองอาคารไม้ผสมปูนที่เพิ่งกลายเป็นของพวกเขาด้วยสายตาแน่วแน่ ใจของเธอพองโตด้วยความหวัง นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ เป็นโอกาสที่เธอและหลี่เฉินจะสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับครอบครัว หลี่เฉินหันไปมองภรรยา ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของเธอไว้แน่น ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวภรรยา ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจทำสิ่งใด เขาก็พร้อมจะเดินเคียงข้าง คอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เสมอสำหรับหลี่เฉินแล้ว ตอนนี้จื่ออิงไม่ใช่เพียงแค่ภรรยา แต่เป็นคู่ชีวิตที่เขาอยากก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปด้วยกันทั้งสองเดินเคียงข้างกันไป ท่ามกลางบรรยากาศยามบ่ายที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คน เสียงรถลาที่แล่นผ่านไปมา และกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลม พวกเขารู้ดีว่าหน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status