Home / รักโบราณ / พลิกชะตารักหญิงบ้า / ตอนที่34เริ่มการปรับปรุงซ่อมแซมร้าน

Share

ตอนที่34เริ่มการปรับปรุงซ่อมแซมร้าน

last update Huling Na-update: 2025-07-28 18:10:36

ตลอดหลายวันมานี้ หลี่เฉินและจื่ออิงแทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก ทั้งคู่ยุ่งอยู่กับการปรับปรุงและซ่อมแซมร้านตั้งแต่เช้ายันเย็น ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางเข้าตัวอำเภอ กลับบ้านมาก็เกือบค่ำมืด 

ตั้งแต่วันแรกก็เริ่มต้นด้วยการติดต่อช่างและพาช่างเข้ามาดูหน้างาน พูดคุย ปรึกษา วางแผน และต่อรองราคา จนแทบไม่มีเวลานั่งพัก โชคดีที่ช่างที่หลี่เฉินหามานั้นเป็นคนขยันและมืออาชีพ 

แต่ถึงอย่างนั้นการปรับปรุงและซ่อมแซมก็ใช่ว่าจะง่าย ตัวอาคารเดิมนั้นแม้โครงสร้างโดยรวมยังคงแข็งแรง แต่สภาพทั้งภายนอกและภายในอาคารกลับทรุดโทรมจนเห็นได้ชัด เพราะผ่านการใช้งานมายาวนาน หลังคากระเบื้องดินเผาหลายแผ่นแตกร้าว บางจุดมีรอยรั่ว หากมีฝนตกคาดว่าคงไหลซึมลงมาเป็นสาย

ผนังด้านนอกลอกเป็นแผ่นๆ เผยให้เห็นปูนเก่า ด้านในแตกร้าวเป็นเส้นตื้นๆ เต็มไปหมด ส่วนภายในยิ่งแล้วใหญ่ พื้นไม้เดิมด้านบนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าว และเต็มไปด้วยรอยครูด รอยสึกจากการใช้งานมาอย่างยาวนาน โต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าโยกเยกคลอนแคลน บางตัวขาเกือบหัก ส่วนเคาน์เตอร์ด้านหน้าก็ผุพัง มีร่องรอยปลวกกินจนบางจุดทะลุ พื้นปูนเดิมก็แตกร้าวเป็นเส้นยาว ดูแล้วไม่สบายตาเอาเสียเลย

ทั้งหมดนี้จื่ออิงจดไว้เป็นรายการยาวเหยียด หลังจากที่สำรวจทุกซอกทุกมุมจนหมด เธอก็ร่างภาพออกมาอย่างชัดเจนว่าอยากให้ร้านออกมาในรูปแบบไหน 

ซึ่งเรื่องของการออกแบบและรูปแบบร้าน หลี่เฉินล้วนให้ภรรยาเป็นคนจัดการทั้งหมด เขาอยากให้เธอทำทุกอย่างตามที่เธอชอบได้อย่างเต็มที่

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

หลังจากตรวจสอบโครงสร้างร้านอย่างละเอียด หลี่เฉินก็ตัดสินใจเริ่มต้นปรับปรุงทุกอย่างตั้งแต่พื้นถึงเพดาน เขาวางแผนร่วมกับช่างอย่างรอบคอบ เพื่อให้ทุกมุมของร้านออกมาตรงกับความต้องการของภรรยาให้มากที่สุด

สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หลังคากระเบื้องดินเผาแบบเก่าที่แตกร้าวต้องรื้อออกทั้งหมด และเปลี่ยนใหม่เป็นกระเบื้องสีเทาหม่นแบบด้าน ที่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิก แต่มีความทนทานและแข็งแรงมากกว่าเดิม

ต่อด้วยผนังด้านนอก ที่เดิมเป็นปูนลอกล่อนจนเห็นคราบดำจากความชื้น พวกเขาสั่งฉาบใหม่ทั้งหมด และเลือกทาสีครีมอ่อนตัดด้วยกรอบหน้าต่างไม้สีเข้ม ทำให้ร้านดูสะอาดตาไม่ฉูดฉาดเกินไป

ส่วนภายในร้านก็สั่งให้ทุบผนังกั้นระหว่างอาคารเก่ากับร้านน้ำชาออกให้กลายเป็นพื้นที่เดียวกันจนกว้างขวาง พื้นไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดยามเดินนั้นถูกสั่งให้รื้อทิ้งทั้งหมดแล้วปูใหม่ด้วยไม้ขัดเงาวาววับ ส่วนพื้นที่เป็นพื้นปูนแตกก็ปูใหม่ด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีเทาครีมที่ดูสว่างและสะอาดตา เพิ่มความทันสมัยแต่ยังคงความคลาสสิกไว้ได้อย่างลงตัว

หลังจากที่มอบหมายงานทั้งหมดให้ช่างผู้รับเหมาแล้ว ก็ยังต้องเลือกซื้อวัสดุต่างๆ และคอยตรวจสอบความคืบหน้าทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ วันไหนไม่ต้องออกไปซื้อของก็ต้องอยู่ดูช่าง ตรวจงาน หรือช่วยกันจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง งานต่างๆ ค่อยๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น สองสามีภรรยาก็เริ่มมีเวลาพักหายใจหายคอบ้าง 

ช่วงที่กำลังยุ่งอยู่กับการปรับปรุงร้าน จื่ออิงกับสามีต้องขอความช่วยเหลือจากป้าโจวให้ช่วยดูแลเหยียนเหยียนให้ ทั้งสองจำต้องฝากบุตรสาวเอาไว้กับบ้านป้าโจวให้ช่วยดูแล ซึ่งจื่ออิงเองก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ช่วงนี้เธอไม่ค่อยจะมีเวลาให้บุตรสาว

เย็นวันนี้หลังจากแวะไปดูความคืบหน้าที่ร้านเรียบร้อย สองสามีภรรยาจึงพากันไปเดินตลาดซื้อของสดกลับบ้าน พวกเขาซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่ และของโปรดของเหยียนเหยียนติดมือมาหลายอย่าง ตั้งใจจะเข้าครัวทำอาหารเย็นด้วยกัน และยังซื้อของฝากมาฝากป้าโจวเต็มสองมือ

พอกลับจากตลาดก็รีบตรงไปบ้านป้าโจวเพื่อรับเหยียนเหยียนกลับบ้าน เด็กหญิงตัวน้อยดีใจจนวิ่งเข้ามากอดแม่แน่นที่วันนี้พ่อกับแม่ของเธอกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน

วันนี้ภายในห้องครัวเล็กๆ จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความคึกคัก จื่ออิงทำอาหารไปพลางพูดคุยกับบุตรสาวไปพลางด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข 

เหยียนเหยียนยืนอยู่บนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆ ข้างๆ มารดา คอยหยิบเครื่องปรุง ส่งวัตถุดิบให้ด้วยความตั้งใจ ปากเล็กๆ เจื้อยแจ้วไม่หยุด ใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตากลมโตเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

"แม่คะ ใส่ซอสถั่วเหลืองเลยไหมคะ" 

เหยียนเหยียนชูขวดขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น

"เดี๋ยวก่อนค่ะ ยังไม่ถึงขั้นนั้น"

จื่ออิงหัวเราะ

"หนูช่วยแม่ใส่ข้าวโพดลงในข้าวผัดก่อนค่ะ"

"ได้เลยค่ะ"

เด็กหญิงตอบ แล้วค่อยๆ เทข้าวโพดใส่ลงในกระทะอย่างระมัดระวัง

หลี่เฉินยืนอยู่ที่อ่างล้างจาน ล้างผักเงียบๆ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เขาเงยหน้ามองสองแม่ลูกเป็นระยะ แววตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น

"ว้าว น่ากินมาก"

เหยียนเหยียนมองข้าวผัดตาเป็นประกาย

"เหยียนเหยียนทำข้าวผัดเก่งขนาดนี้ แบบนี้ต้องให้ทำทุกวันแล้วมั้ง"

หลี่เฉินพูดขึ้นเบาๆ

"งั้นพ่อเตรียมท้องไว้เลยนะคะ หนูจะทำทุกวันจนกว่าพ่อจะเบื่อเลย"

 เด็กหญิงตอบกลับทันที พร้อมหัวเราะเสียงใส

เมื่อถึงเวลาอาหาร โต๊ะกินข้าวก็เต็มไปด้วยอาหารน่ากินหลายอย่างที่ส่วนใหญ่เป็นของโปรดของเหยียนเหยียน ไม่ว่าจะเป็นไข่ตุ๋นนุ่มๆ ที่แทบจะละลายในปาก เต้าหู้ผัดหมูสับรสกลมกล่อม ข้าวผัดใส่ข้าวโพดหวานหอมๆ และน้ำแกงปลาที่มีกลิ่นสมุนไพรลอยอบอวลทั่วบ้าน ทั้งสามนั่งล้อมโต๊ะด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น

"อื้ม...อร่อยมากเลยค่ะ"

 เหยียนเหยียนร้องชมเสียงดัง ตักไข่ตุ๋นเข้าปากคำแล้วคำเล่า 

"ฝีมือแม่อร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ"

จื่ออิงยิ้มกว้าง หัวเราะเบาๆ พลางลูบหัวบุตรสาว 

"อร่อยก็กินเยอะๆ เลยค่ะ จะได้โตเร็วๆ"

หลี่เฉินมองดูทั้งสองด้วยรอยยิ้ม 

ครอบครัวเล็กๆ ของพวกเขาได้ใช้เวลากินข้าวร่วมกันอย่างมีความสุข เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และเสียงช้อนกระทบจานดังอย่างต่อเนื่องในค่ำวันนั้น มันอาจเป็นเพียงมื้ออาหารธรรมดา แต่ก็เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความสุขเล็กๆ ที่มีค่ามหาศาลสำหรับพวกเขา

หลังจากอาหารมื้อเย็นจบลง ทั้งสามก็พากันมานั่งพูดคุยกันในห้องโถงเป็นการย่อยอาหาร จื่ออิงกับหลี่เฉินจึงถือโอกาสคุยกับเหยียนเหยียนถึงเรื่องสำคัญที่ทั้งคู่ปรึกษากันเอาไว้ก่อนหน้า นั่นคือเรื่องการเข้าโรงเรียนอนุบาลของบุตรสาว

"เหยียนเหยียนจ๊ะ"

จื่ออิงเอ่ยเรียกบุตรสาวน้ำเสียงอ่อนโยน พลางลูบผมอ่อนนุ่มเบาๆ 

"หนูอยากไปโรงเรียนไหมคะ"

เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตากลมโตเปล่งประกายเจิดจ้า

"อยากไปมากเลยค่ะแม่ หนูอยากมีเพื่อน อยากเรียนหนังสือ หนูอยากใส่ชุดนักเรียนด้วยค่ะ"

เหยียนเหยียนเอ่ยบอกอย่างกระตือรือร้น เรื่องนี้สร้างความตื่นเต้นยินดีให้กับเหยียนเหยียนเป็นอย่างมาก เด็กหญิงตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ เพราะเธอใฝ่ฝันอยากไปโรงเรียนมานานแล้ว เธออยากมีเพื่อนเยอะๆ อยากเรียนหนังสือ และอยากใส่ชุดนักเรียนเหมือนเด็กคนอื่นบ้าง

"อยากไปขนาดนั้นเลยเหรอ"

หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ 

"แล้วลูกรู้มั้ยว่าไปโรงเรียนต้องตื่นเช้า ต้องทำการบ้าน ต้องเรียนหนังสือทุกวันเลยนะ"

เหยียนเหยียนพยักหน้าหงึกๆ ด้วยท่าทางจริงจัง 

"หนูรู้ค่ะ หนูทำได้ หนูจะตื่นเช้า หนูอยากเรียนหนังสือ หนูจะตั้งใจฟังคุณครู"

ทั้งจื่ออิงและสามีหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยความเอ็นดู พวกเขาดีใจที่บุตรสาวตื่นเต้นและมีความสุขกับการเริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิต

"งั้นพรุ่งนี้ แม่กับพ่อจะพาเหยียนเหยียนไปสมัครเรียนนะคะ"

จื่ออิงพูดพร้อมยิ้มอบอุ่น

"แล้วเราจะแวะกินไอติมด้วยดีไหม" 

หลี่เฉินก้มหน้าลงมาเอ่ยกระซิบ

เหยียนเหยียนตาโต รีบตบมือตัวเองเบาๆ ด้วยความดีใจ 

"ดีค่ะ หนูอยากกินไอติมรสถั่วแดง แล้วก็วุ้นหวานเย็นด้วย"

เสียงหัวเราะและบทสนทนาเบาๆ ยังคงดังไปทั่วบ้านในค่ำคืนนั้น มันคือช่วงเวลาเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความสุขของครอบครัวที่ค่อยๆ สร้างอนาคตด้วยความรัก และดูแลกันในทุกก้าวสำคัญของชีวิต

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่38แม่ของเหยียนเหยียนหายไป

    แสงแดดอ่อนยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา เส้นแสงอุ่นนวลพาดผ่านผืนฟูกและเรือนร่างสองร่างที่ยังหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างแนบแน่น เสียงนกน้อยร้องรับอรุณดังแผ่วอยู่ไกลๆ ปะปนกับเสียงลมยามเช้าที่พัดผ่านม่านบางเบา ทำให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความสงบและอบอุ่นจื่ออิงรู้สึกตัวช้าๆ เปลือกตาของเธอกะพริบไล่แสงที่แตะต้องใบหน้าเบาๆ ก่อนสายตาจะค่อยๆ ปรับให้ชินกับแสงและสิ่งรอบตัวสิ่งแรกที่เธอรู้สึกได้คือความอบอุ่นจากวงแขนแข็งแกร่งที่ยังโอบรอบตัวเธอเอาไว้แน่น แผ่นอกแข็งแกร่งที่แนบอยู่ด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่ที่ทาบอยู่บนหน้าท้องของเธอ ลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดลงมา และกลิ่นอายที่ชวนให้วาบหวามของเจ้าของวงแขนที่ยังคงติดอยู่บนผิวกายของเธอ ราวกับจะยืนยันว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่เพียงแค่ความฝันจื่ออิงหันศีรษะไปมองคนด้านหลังช้าๆ เห็นใบหน้าหล่อคมของชายหนุ่มในยามหลับที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน หัวใจของเธอพลันกระตุก ใบหน้างามร้อนวาบขึ้น เธอเม้มริมฝีปากแน่นอย่างขัดเขิน ดวงหน้าแดงเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ การกระทำของหลี่เฉินเมื่อคืนนี้ บอกกับเธอว่าอย่าตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกจื่ออิงข่มความอับอายที่เกิด

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่37เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์

    ลมหายใจของหลี่เฉินร้อนผ่าว รินรดลงบนผิวเนื้อของเธอราวกับเปลวไฟอ่อนๆ ที่กำลังโอบล้อมร่างกาย มือใหญ่ของเขาค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธอด้วยความอ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยแรงปรารถนา สัมผัสนั้นไม่ได้เพียงแค่แตะต้องร่างกาย หากแต่เหมือนปลุกให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกขณะ ทุกสัมผัสจุดความรู้สึกบางอย่างในกายให้ลุกวาบโดยไม่ทันตั้งตัวจื่ออิงไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าของเธอหลุดหายไปจากร่างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งหลี่เฉินผละตัวออกห่างจากเธอ ความอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่จึงจางหาย ลมเย็นบางเบาพัดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง สัมผัสผิวกายทำให้ขนอ่อนของเธอลุกชัน เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าจื่ออิงปรือตาขึ้นช้าๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงหยุดการกระทำทุกอย่างลง หรือว่าเธอทำอะไรผิดไป แต่แล้วจื่ออิงก็ต้องชะงัก เมื่อตอนนี้ภาพอันแสนเย้ายวนกลับปรากฏอยู่ตรงหน้าแสงจากตะเกียงน้ำมันส่องสะท้อนลงบนเรือนร่างของหลี่เฉินที่กำลังยืดกายอยู่ตรงปลายเท้าของเธอ เขานั่งชันเข่า สองแขนแข็งแกร่งยกขึ้นสูง กำลังถอดเสื้อตัวบางออกจากศีรษะ ท่วงท่าเหล่านั้นเป็นไปอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ราวกับตั้งใจให้เธอไล่สายตาสำรวจไปทั่วเรื

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่36อ้อมกอดที่อบอุ่น

    ในอ้อมกอดอุ่นนั้น จื่ออิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หัวใจเธอเต้นช้าลงอย่างสงบ ราวกับได้พักพิงอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุด เธอไม่รู้ว่าหลี่เฉินยืนกอดเธอนานแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงเลยเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันแววตาของหลี่เฉินอ่อนโยน ลึกซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยความรัก"อาอิง"เสียงของเขานุ่มนวล "คุณรู้ไหมว่าผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลย ว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า"จื่ออิงมองสบตาเขาแล้วยิ้มอ่อนโยน เธอเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร เขาก็ยกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน"ขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างๆ กัน ขอบคุณที่เป็นความสุขให้ผมกับลูก"เขากระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาเธอกะพริบตาถี่ๆ รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตคับอก เธอไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้สึกตื้นตันใจไปหมดจนพูดไม่ออก ทำเพียงยกมือขึ้นกอดเอวเขาเอาไว้แน่น สื่อความรู้สึกทั้งหมดที่เธอไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้หลี่เฉินมองเธออย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง คราวนี้ริมฝีปากของเขาแนบลงบนแก้ม

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่35ส่งเหยียนเหยียนเข้านอน

    หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก เด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มนั่งพิงไหล่มารดาอย่างอ่อนแรง พอท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหนัก ร่างเล็กๆ ขยับตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากหาวหวอดใหญ่ ทำเอาจื่ออิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกสาวอย่างอ่อนโยน"หืม ดูสิ คนเก่งของแม่ง่วงนอนแล้วใช่ไหมคะ"เหยียนเหยียนพยักหน้าช้าๆ ดวงตากลมใสเริ่มปรือด้วยความง่วง แต่ก็ยังฝืนลืมตาไว้ไม่ยอมหลับ"ค่ะ แต่หนูก็อยากฟังนิทานก่อนนอนก่อน" เสียงเล็กๆ พูดเบาๆ เหมือนกระซิบ พร้อมกับซุกตัวเข้าหาแม่เล็กน้อยจื่ออิงยิ้ม พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ขณะที่เหยียนเหยียนซบใบหน้ากับอกเธออย่างง่วงงุน เธอกำลังจะลุกขึ้นเพื่อพาลูกเข้านอน แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว อ้อมแขนอบอุ่นของหลี่เฉินก็ยื่นเข้ามารับร่างเล็กของเหยียนเหยียนไปอย่างนุ่มนวลแต่ในจังหวะที่มือของเขาเอื้อมมารับตัวลูกสาว ใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มต่ำลงมาจนปลายจมูกโด่งชนเข้ากับแก้มนุ่มของคนเป็นแม่แผ่วเบาสัมผัสนั้นทำให้จื่ออิงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายทันที จนสบเข้ากับดวงตาของหลี่เฉินที่กำลังมองมาอย่างอ่อนโยน แววตาของเขาสื่อความหมายได้มากกว่าคำพูดใดๆ"เหนื่อยมากไหมครับวันนี้"เขาถามเบาๆ เสียงนุ่มนวลนั้น

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่34เริ่มการปรับปรุงซ่อมแซมร้าน

    ตลอดหลายวันมานี้ หลี่เฉินและจื่ออิงแทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก ทั้งคู่ยุ่งอยู่กับการปรับปรุงและซ่อมแซมร้านตั้งแต่เช้ายันเย็น ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางเข้าตัวอำเภอ กลับบ้านมาก็เกือบค่ำมืด ตั้งแต่วันแรกก็เริ่มต้นด้วยการติดต่อช่างและพาช่างเข้ามาดูหน้างาน พูดคุย ปรึกษา วางแผน และต่อรองราคา จนแทบไม่มีเวลานั่งพัก โชคดีที่ช่างที่หลี่เฉินหามานั้นเป็นคนขยันและมืออาชีพ แต่ถึงอย่างนั้นการปรับปรุงและซ่อมแซมก็ใช่ว่าจะง่าย ตัวอาคารเดิมนั้นแม้โครงสร้างโดยรวมยังคงแข็งแรง แต่สภาพทั้งภายนอกและภายในอาคารกลับทรุดโทรมจนเห็นได้ชัด เพราะผ่านการใช้งานมายาวนาน หลังคากระเบื้องดินเผาหลายแผ่นแตกร้าว บางจุดมีรอยรั่ว หากมีฝนตกคาดว่าคงไหลซึมลงมาเป็นสายผนังด้านนอกลอกเป็นแผ่นๆ เผยให้เห็นปูนเก่า ด้านในแตกร้าวเป็นเส้นตื้นๆ เต็มไปหมด ส่วนภายในยิ่งแล้วใหญ่ พื้นไม้เดิมด้านบนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกย่างก้าว และเต็มไปด้วยรอยครูด รอยสึกจากการใช้งานมาอย่างยาวนาน โต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าโยกเยกคลอนแคลน บางตัวขาเกือบหัก ส่วนเคาน์เตอร์ด้านหน้าก็ผุพัง มีร่องรอยปลวกกินจนบางจุดทะลุ พื้นปูนเดิมก็แตกร้าวเป็นเส้นยาว ดูแล้วไม่สบายตาเอาเสียเล

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่33เลี้ยงฉลอง

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หลี่เฉินและจื่ออิงเดินออกจากร้านน้ำชาด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข รอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าของทั้งคู่ วันนี้พวกเขาได้อาคารแห่งนั้นมาเป็นของตัวเองแล้ว ร้านอาหารในฝันกำลังเข้าใกล้ความเป็นจริงไปอีกก้าว และมันไม่ใช่ก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะต้องใช้เงินก้อนโต แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าคุ้มค่า จื่ออิงมองอาคารไม้ผสมปูนที่เพิ่งกลายเป็นของพวกเขาด้วยสายตาแน่วแน่ ใจของเธอพองโตด้วยความหวัง นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ เป็นโอกาสที่เธอและหลี่เฉินจะสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับครอบครัว หลี่เฉินหันไปมองภรรยา ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือของเธอไว้แน่น ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวภรรยา ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจทำสิ่งใด เขาก็พร้อมจะเดินเคียงข้าง คอยสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เสมอสำหรับหลี่เฉินแล้ว ตอนนี้จื่ออิงไม่ใช่เพียงแค่ภรรยา แต่เป็นคู่ชีวิตที่เขาอยากก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปด้วยกันทั้งสองเดินเคียงข้างกันไป ท่ามกลางบรรยากาศยามบ่ายที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คน เสียงรถลาที่แล่นผ่านไปมา และกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาตามลม พวกเขารู้ดีว่าหน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status