เช้าวันแรกของการนอนโรงพยาบาลของพิมพ์พิชชาไม่ได้สดใสนัก...ออกจะอึมครึมพิกลเสียด้วย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าน้องทรายจะเป็นหนักได้ขนาดนี้...แสดงว่าพี่ชายไม่เก่งจริงนี่น่า” น้ำเสียงที่แสดงออกต้องการแขวะพี่ชายของคนไข้ของชายหนุ่มในชุดลายพรางพาให้พิมพ์พิชชาพาลหายใจไม่ออกขึ้นมากะทันหันมือบางสะกิดให้แพรวารินทร์ช่วยทำอะไรสักอย่างแต่เพื่อนสาวกลับไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย...แพรวารินทร์มัวแต่ปอกผลไม้อยู่ไม่ได้มองอะไรเลย
“เก่งไม่เก่งถึงเวลาคุณต้องผ่าตัดแล้วผมเป็นหมอเจ้าของไข้คุณจะรู้เอง...อยากลองมั้ยล่ะ” พี่เสือของหญิงสาวก็ไม่ได้ปล่อยให้มีใครมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียวเช่นกัน...นี่ล่ะที่ทำให้หายใจไม่ออก
ไม่รู้ไปเกาเหลากันเมื่อไร่นะคู่นี้...เฮ้อ หนักใจ
“พี่เมฆกับพี่เสือนี่ตลกดีเนาะ ฮะฮะ เอ่อ แล้วนี่พี่เมฆรู้ได้ยังไงคะว่าทรายอยู่โรงพยาบาล” พิมพ์พิชชาทำลายบรรยากาศมาคุด้วยการสอบถามชายในชุดลายพราง
พงศ์พยัคฆ์เบือนหน้าหนีทันทีราวกับไม่อยากจะมองหน้าคนอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมน้องสาวของเขา เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี เขาคนนี้ไงล่ะคนที่อยู่ในดวงใจของแพรวารินทร์ ผู้ชายแสนดีที่ชื่อ...เมฆา
“พี่โทรหาน้องแพรว่าจะเอาของฝากจากเชียงรายไปให้ที่บริษัทน่ะแต่น้องแพรบอกว่าไม่ได้อยู่ที่บริษัทเพราะน้องทรายเข้าโรงพยาบาลน่ะ พี่ก็เลยมาที่นี่”
“ฮะฮ่า ตกใจมากเลยสิที่ทรายเป็นแบบนี้”
“ตกใจสิ มากเลยด้วย”
การสนทนาภายในห้องตกเป็นของพิมพ์พิชชาและเมฆาขณะที่พี่ชายแท้ ๆ ของคนไข้กลับมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่แสดงความผิดปกติใด ๆ ดวงตาคู่คมไหววูบโดยไม่มีใครได้เห็นเมื่อย้อนคิดไปถึงอดีตอันยาวนาน...นานจนคิดว่าจะลืมแต่ก็ไม่เคยลืมได้สักวินาทีเดียว
9ปีก่อน
“จะเอาดอกไม้ไปไหนเหรือครับไอ้คุณเสือ” น้ำเสียงล้อเลียนที่ถูกส่งมาทำให้พงศ์พยัคฆ์ในวัย21ปียิ้มเขินออกมาน้อย ๆ ดวงตาคมยังคงจดจ้องช่อดอกกุหลาบขาวช่อโตในมือ ปัญจวัตรจึงยังคงล้อเลียนต่ออย่างสนุกสนาน “แหมๆๆ เอ ใครน๊าชอบดอกกุหลาบขาว เอๆ ใครน๊า...จะเอาไปสารภาพรัก?”
“เฮ้ยไม่ใช่...ฉันไม่ได้เอาไปให้เพราะเจตนาแบบนั้น” ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยปฎิเสธ “อย่าเข้าใจผิดซิวะ ฉันไม่ได้รู้สึกพิเศษแบบนั้นกับน้องเขาซะหน่อย”
“แน่ใจนะเว้ย นายเนี่ยห่วงน้องเขายิ่งกว่าฉันที่เป็นญาติอีก” ปัญจวัตรเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตรง ๆแต่คนทั้งสองก็เข้าใจตรงกันว่า “น้องเขา” คนนั้นคือแพรวารินทร์ เขาไม่อยากจะเชื่อพงศ์พยัคฆ์ว่าชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเด็กสาวผู้ที่มีศักดิ์เป็นญาติของเขา คุณปู่ของเขาเป็นพี่ชายของพ่อเลี้ยงพยัคฆ์เขาจึงมีศักดิ์เป็นญาติที่สนิทกันแต่พงศ์พยัคฆ์ปฏิบัติกับแพรวารินทร์ดียิ่งกว่าตัวเขาที่มีศักดิ์เป็นพี่เสียอีก แบบนี้น่ะเหรอไม่ได้รู้สึกพิเศษ
“แน่ใจซิ น้องเว้ย เพื่อนน้องก็เหมือนน้อง” นักศึกษาแพทย์ตัวท็อปของมหาวิทยาลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก “ไม่ได้...พิเศษอะไรเลย”
“จะพยายามเชื่อเว้ย” ปัญจวัตรเอ่ยแล้วถอนหายใจขำๆ เพื่อนเขายังไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองนั้นรู้สึกพิเศษกับญาติผู้น้องเขาเข้าเต็มเปาแล้ว เมื่อไหร่ล่ะเนี่ยพงศ์พยัคฆ์ถึงจะรู้หัวใจตัวเอง
“ไม่ไร้สาระกับนายแล้ว ไปล่ะ” คนพูดแล้วเพื่อนสนิทไม่เชื่อเอ่ยก่อนที่จะหอบช่อดอกกุหลาบเดินจากไป
ปัญจวัตรมองตามแล้วส่ายหน้าขำๆ “เอาเข้าไป ไม่ได้พิเศษอะไรแต่หอบดอกไม้ที่เขาชอบไปให้เขา เหอะ”
ด้านคนหอบดอกไม้มาฝาก “เพื่อนน้องสาวผู้ไม่ได้พิเศษอะไรเลย” นั้นอมยิ้มอย่างไม่เข้าใจตัวเองจนกระทั่งเดินทางมาถึงบ้านของเด็กสาว ชายหนุ่มก้มลงมองช่อกุหลาบในมืออีกครั้งก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านยังไม่ทันที่จะได้เจอเจ้าของบ้านก็ได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากห้องนั่งเล่นเสียก่อนจนเขาต้องหยุดฟัง
“ขอบคุณพี่เมฆมากนะคะที่ช่วยหนูไว้ ถ้าไม่ได้พี่เมฆช่วยคงแย่แน่เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง”
“ทรายกับพี่เสือต้องชอบของขวัญวันเกิดปีนี้แน่ ๆเลย”
“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ เออ จริงสิคะน้องแพร ความจริงแล้วพี่...กำลังจะไปช่วยงานที่หาดใหญ่น่ะ ก็เลยมาหาเราที่นี่”
“แล้วมาหาหนูทำไมคะ”
“พี่คิดว่าพี่รักน้องแพรค่ะ”
“พี่เมฆ?”
“แล้วเราล่ะรักพี่ไหม ถึงมันจะเร็วไปแต่พี่ก็รู้จักเรามาครบปีแล้วนะจะเร็วไปไหมถ้าพี่จะขอหมั้นเราไว้ก่อน”
เสียงสนทนาเงียบลงไปในขณะที่คนแอบฟังนั้นหัวใจเต้นโครมครามราวกับลุ้นคำตอบ คนที่สนทนากันอยู่หนึ่งคนคือแพรวารินทร์ส่วนอีกคนนั้นคือเมฆา นายทหารหนุ่มโปรไฟล์ดีที่บังเอิญเข้ามาช่วยแพรวารินทร์ไว้ไม่ให้ถูกรถชนเมื่อปีก่อน นับแต่นั้นนายทหารหนุ่มคนนี้ก็มาหาแพรวารินทร์ทุกเย็นราวกับคนว่างจัดจนคนทั้งคู่สนิทกัน...สนิทจนบางครั้งสาวน้อยละเลยเขากับน้องสาวเลยทีเดียว
“หนู...รักพี่เมฆค่ะ”
“จริงเหรอคะ พี่ดีใจนะที่เราใจตรงกัน” เสียงสนทนาดังขึ้นอีกครั้งคำตอบของแพรวารินทร์ยังไม่ทันจบประโยคแต่ทั้งคนด้านในและด้านนอกก็เข้าใจเพียงว่าแพรวารินทร์ใจตรงกับนายทหารหนุ่ม
คำตอบของแพรวารินทร์ทำให้พงศ์พยัคฆ์รู้สึกเจ็บอย่างบอกอาการไม่ได้ชายหนุ่มรีบเดินออกจากตรงนั้นทันทีโดยไม่รั้งฟังต่อราวกับกลัวยิ่งฟังจะยิ่งเจ็บ
ปัจจุบัน
มันเป็นเรื่องบ้าที่สุดในชีวิตของเขา...ในตอนนั้นเองที่เขารู้ใจตัวเองว่าเขารักเพื่อนน้องสาวคนนี้ในแบบที่พิเศษกว่าการเป็นพี่น้อง ความผูกพันแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ไม่อาจตัดใจได้ แต่ในตอนนั้นอีกเช่นกันที่เขาได้รู้ว่าแพรวารินทร์รักเมฆา
แน่นอน...คนแพ้ก็ต้องเก็บอาการและเดินจากออกมา
เขาจะไปเทียบอะไรผู้ชายคนนี้ได้
“อย่ามัวพูดเรื่องอื่นอยู่สิคะพี่เมฆ...พูดเรื่องสำคัญดีกว่า” เสียงหวานของแพรวารินทร์ที่เงียบมาโดยตลอดดังขึ้นทำให้คุณหมอหนุ่มหันมาสนใจปัจจุบันอีกครั้งแม้ว่าไม่อยากจะสนใจ
“คือ...”
“เซย์เยส หรือเซย์โนคะ” พิมพ์พิชชาเอ่ยพร้อมกับแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกับแพรวารินทร์ที่มองเมฆาอย่างคาดคั่น
เมฆายกมือเกาท้ายทอยด้วยก่อนจะเอ่ย “วันที่20เดือนหน้าที่เชียงใหม่”
“กรี๊ด แพรแกได้ยินมั้ย พี่เมฆขายออกแล้ว” พิมพ์พิชชาร้องกรี๊ดอย่างดีใจออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบแพรวารินทร์ที่นน้อยครั้งจะยิ้มเองก็คลี่ยิ้มจนแก้มแทบแตกเช่นกัน
“ดีใจด้วยค่ะพี่เมฆ ทราย เราต้องเตรียมชุดกันแล้ว กั้นประตูกันมั้ย?”
“เป็นความคิดที่ดีเลยแก เราต้องปล้นพี่เมฆให้หมดตัวเลยจะมาเป็นน้องเขยพวกเราทั้งที” พิมพ์พิชชาเอ่ยก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อนึกบางเรื่องขึ้นมาได้ “แล้วฉันจะออกโรงพยาบาลทันวันงานมั้ยอะแก...พี่เสือ น้องต้องได้ไปงานนะ น้องต้องหายทันวันงาน พี่เสือต้องช่วยน้องนะ”
“วันงานอะไร?”
เมฆายิ้มระรื่นก่อนที่จะตอบด้วยท่าทีโอ้อวด “งานแต่งของฉันไง วันที่20เดือนหน้านี้”
“งานแต่งงาน?” มันคือสิ่งที่ฟังแล้วในหัวมีแต่ความสงสัย อะไรกันเมฆากำลังจะแต่งงานอย่างนั้นเหรอ
“ใช่ค่ะ พี่เมฆจะแต่งงาน แล้วก็ไม่ได้แต่งกันใครที่ไหนนะคะ น้องพลอยลูกอาสิริของเรานี่เอง”
“น้องพลอย?” คนกำลังจะแต่งงานยิ้มก่อนที่จะตอบออกไป “ใช่ ฉันกับพลอยคบกันมาหลายปีแล้ว”
กริ๊ง
“น้องพลอยโทรตามแล้วพี่คงต้องกลับแล้วนะน้องแพร น้องทราย มันอาจจะฉุกละหุกไปหน่อยแต่หวังว่าคุณจะรับผมเป็นน้องเขยนะหมอ หวังว่าวันงานเราจะเจอกัน” คนที่อยู่ ๆ ก็มีธุระเร่งด่วนเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกจากห้อง ไม่ทันได้คิดถี่ถ้วนร่างสูงก็ตามไปทันทีจนสองสาวภายในห้องได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงง...พงศ์พยัคฆ์เป็นอะไรไปล่ะ
“เดี๋ยว” หมอหนุ่มเรียกไว้ก่อนที่จะเร่งรุดมายืนขวางหน้านายทหารหนุ่ม “ที่ผ่านมานายกับแพร...ไม่ได้รักกันแบบหญิงชายเหรอ”
“อ้าว ทำไมนายคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้วะ” เมฆาถามกลับอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน และแล้วเขาก็พอจะคาดเดาอะไรได้ คงไม่ใช่ว่านายคนนี้เข้าใจผิดว่าเขารักกับแพรวารินทร์หรอกนะถึงได้ละเลยเธอมาตลอด “เฮ้ย ฟังนะไอ้หมอแมว ฉันรักน้องแพรเหมือนน้องสาวแท้ ๆ เว้ย เขาเองก็รักฉันแบบพี่คนนึง”
“งั้นหรอกเหรอ” เสียงที่เปล่งออกมาราวกับพงศ์พยัคฆ์กำลังถามตัวเองแต่ถึงจะอย่างนั้นเมฆาก็เอ่ยอธิบายให้ชายหนุ่มตรงหน้าเข้าใจ
“ความจริงฉันก็เคยชอบน้องเขาแบบชายหญิงนะ เคยสารภาพรักด้วยแต่น้องเขาบอกว่ารักฉันแบบพี่ชาย อยากให้ฉันเป็นพี่ชายเขาตลอดไป น้องเขาเป็นคนชัดเจนนะ ถ้าไม่ชอบก็วางสถานะให้อย่างตรงไปตรงมา แล้วนายล่ะ น้องเขาเคยขอให้นายเป็นพี่ชายตลอดไปไหม”
“...” ความเงียบของหมอหนุ่มทำให้เมฆาลอบยิ้ม คนตรงหน้าคงไม่ถูกขีดสถานะให้เป็นพี่ชายตลอดไปเป็นแน่ “ถ้าไม่ แสดงว่านายยังมีหวัง ให้ตายเถอะ ตอนนั้นคิดแบบนี้แล้วโคตรอิจฉาเลย แต่ตอนนี้ไม่แล้วเพราะนายชักจะทำตัวเองจนไม่อาจบอกได้เลยว่าน้องเขาจะมองนายเป็นคนแปลกหน้าหรืออากาศ ไม่คุยด้วยล่ะต้องรีบไปรับแฟน ไปล่ะไอ้หมอแมว”
“โอ๊ะ” คนนำลังจะก้าวออกไปส่งเสียงอุทานขึ้นก่อนจะเอ่ยบอก “คงไม่โกรธนะที่ฉันเปลี่ยนชื่อจากเสือให้เป็นแมวนะ ถึงโกรธฉันก็ไม่สนหรอก บาย”
“อย่างนั้นหรอกเหรอ หึ แกนี่มันโง่งี่เง่าจริง ๆไอ้เสือเอ้ย” เมฆาออกไปแล้วแต่หมอหนุ่มยังคงยืนนิ่งคิดอยู่ ที่ผ่านมาเขางี่เง่าเข้าใจผิดใช่ไหม มันบ้าที่สุด เขามันบ้า โง่ และงี่เง่า
ปีนั้นด้วยด้วยความเจ็บปวดผิดหวังทำให้เขาอยากหายไปไกล ๆและในที่สุดก็เขาสอบชิงทุนไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยสายการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลกทั้งที่ก่อนนั้นไม่เคยมีความคิดจากบ้านไปไหนเลยสักนิด
ในตอนแรกก็เป็นไปด้วยดีเขาสอบติดแต่แล้วเขาก็ถูกคนเป็นปู่บังคับให้สละสิทธิ์เพราะไม่อยากให้เขามุ่งมั่นกับการแพทย์มากนักด้วยว่าเขายังมีธุรกิจสายการบินและศูนย์การค้าของตระกูลให้ต้องสืบทอดในอนาคต เพราะท่านรู้ว่าถ้าให้เหตุผลเรื่องสานต่อธุรกิจเขาจะไม่ฟังคุณสัตยาผู้เป็นปู่จึงให้เหตุผลว่าเขาจะต้องแต่งงานกับแพรวารินทร์เพื่อปกป้องเด็กสาวจากผู้ไม่หวังดี เพราะพ่อเลี้ยงพยัคฆ์ลงแรงขอร้องด้วยเขาจึงยอมตกลงแต่งงานแต่ในใจก็เกิดทิฐิต่อต้านคนเป็นปู่และพ่อขึ้นมา ทั้งคู่ได้แยกแพรวารินทร์จากคนที่เธอรักแล้วเขายังจะมีหน้าเห็นแก่ตัวเข้าไปแทรกกลางอีกเหรอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่จนถึงทุกวันนี้เขาแทบจะไม่มองหน้าสบตาหญิงสาวเลย...เพราะไม่อยากให้เธอลำบากใจอย่างไรล่ะ
ในตอนนี้เขาก็ได้รู้ว่าตัวเขามันบ้าสิ้นดี งี่เง่า ไร้สาระ และเป็นสามีที่แย่มาก ถ้าเขาจะแก้ไขตอนนี้มันจะสายเกินไปหรือเปล่านะ หรือจะเป็นอย่างที่เมฆาพูด ตอนนี้เขาเป็นคนแปลกหน้า หรือ อากาศ สำหรับแพรวารินทร์ไปแล้วรึเปล่านะ
สายตาคมมองโต๊ะทำงานที่มีร่องรอยของการกรีดอย่างขบคิดว่าใครกันที่ทำแบบนี้ ใครที่เกลียดเธอถึงขนาดนี้ ใครกัน? ฟ้ารดาเฝ้าถามตัวเองโดยไม่รู้สึกถึงการมาของใครบางคน“ทำอะไรอยู่คะพี่ฟ้า ตายแล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะพี่ฟ้า ทำไมโต๊ะถึงได้เป็นแบบนี้” เสียงร้องอย่างตกใจของคนข้างหลังทำให้ฟ้ารดาถึงกับสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่หลังเธอคือสุนิสาหรือนิดพยาบาลสาวรุ่นน้องที่ดีกับเธอคนนึงแต่เมื่อเกิดข่าวลือเรื่องเธอกับพงศ์พยัคฆ์เมื่อสามเดือนก่อนทำให้เธอเปลี่ยนความคิดในทันทีเพราะสุนิสาเป็นคนนึงที่เอาข่าวลือไปใส่สีตีไข่จนไม่เหลือเค้าความจริงเธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะคบค้ากับคนหน้าซื่อใจคดหน้าไหว้หลังหลอก“มีอะไรเหรอคะคุณนิด” ฟ้ารดาเอ่ยตอบเสียงเรียบราวกับไม่รู้สิ่งที่พยาบาลสาวเคยทำแต่ก็ไม่ได้ยินดีที่จะคุยด้วย“ทำไมพี่ฟ้าทำเสียงแบบนั้นล่ะคะน่ากลัวมากเลย”สุนิสาแกล้งใสซื่อจนถ้าเธอไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นใสซื่อจริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่แค่ตกใจไปหน่อยคุณนิดมีอะไรก็พูดมาเถ
ร่างสูงของอัคนีเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยใบหน้านิ่งก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างของคนที่ทาบทามเขามาทำงานที่นี่“สวัสดีครับอาจารย์” อัคนีเอ่ยทักอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม เขานนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง เขาได้รู้จักกับแดนสรวงเมื่อ7ปีก่อนสมัยเรียนแพทย์ปี1แดนสรวงเป็นอาจารย์หมอที่เขาสนิทด้วยที่สุดหลังจากเรียนจบอาจารย์หมอหนุ่มทาบทามเขาให้มาทำงานที่นี่หลายครั้งแต่เพราะอยากอยู่ใกล้ครอบครัวทำให้ปฏิเสธไปจนในช่วง2ปีมานี้ที่ฟ้ารดาย้ายมาทำงานที่นี่ทำให้เขาลังเลอยากตามมาอยู่หลายครั้งจนกระทั่งปัญจวัตรโผล่เข้ามาทำให้เขาติดต่ออาจารย์หมอคนสนิทอย่างรวดเร็ว“ไงอัคนี นึกยังไงถึงอยากย้ายมา หวงพี่สาวเหรอ?”แดนสรวงเอ่ยถามลูกศิษย์คนสนิทอย่างขบขัน ไม่คิดว่าที่เคยพูดว่าหวงพี่สาวมากจะหวงขนาดยอมย้ายตามมาขัดขวางเลยทีเดียว สงสารก็เเต่เพื่อนรักของญาติผู้น้องป่านนี้จะรู้รึยังว่าตัวป่วนมาถึงถิ่นแล้ว“หวงมากครับจารย์ ว่าแต่จารย์รู้จักไอ้หน้าจืดปัญญาอ่อนที่มาป้วนเปี้ยนเกาะเกะพี่สาวผมแค่ไหน” อัคนีเอ่ยถามแดนสรวงถึงปัญจวัตร
หลังจากที่พิมพ์พิชชาวางสายจากปลายสายหญิงสาวก็ยืนมองบรรยากาศอย่างมีความสุขกับแผนการทำให้สองสาวขี้อิจฉาหน้าแตกกับใครบางคน“ทำแบบนี้ไม่กลัวแพรโกรธเหรอครับทราย”เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พิมพ์พิชชาต้องสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอคือรณพีร์นั่นเองเขายืนฟังเธอตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่ได้แสดงตัวเท่านั้นพิมพ์พิชชาหันมามองก่อนจะเอ่ยบอก“ความลับนะคุณพีร์อย่าให้ยัยแพรรู้เชียว”“มันก็ต้องมีอะไรมาแลกกันสิ แบบเงินมาผ้าหลุดอะไรประมาณเนี่ย” รณพีร์เอ่ยบอกพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย“ก็ได้คุณอยากได้อะไร”พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างเป็นรอง“ดินเนอร์กันสักมื้อ เสาร์นี้” รณพีร์เอ่ยบอกและลุ้นรอคำตอบจากหญิงสาว“ก็ได้เสาร์นี้” หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะถามต่อ “วันศุกร์คุณว่างมั้ยถ้าว่างมาแจมกับแผนของฉันหน่อยนะ”“ได้สิ ผมก็เบื่อที่จะต้องถูกคนโยงไปทำร้ายคนอื่นแล้ว ถ้าเรื่องไม่จบผมคงต้องไล่พวกเธอออก”รณพีร์เอ่ยบอกตามใจคิดปัญหานี้บานปลายมานานแล้วเขาเองก็ควรทำอะไร
รุ่งเช้าวันจันทร์ที่แสนสดใสพิมพ์พิชชาเดินยิ้มน่าระรื่นเข้ามาในบริษัทพร้อมแพรวารินทร์ด้วยกิริยาอาการที่บ่งบอกว่ามีความสุขมากมายหลังจากพักผ่อนมาหนึ่งอาทิตย์วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวจะได้กลับไปทำงานที่รักอีกครั้งหลังจากหยุดไป1เดือนเต็มๆและที่ทำให้ดีใจยิ่งกว่าคือจะได้ไปเจอหน้าใครบางคนที่หายหน้าไปทั้งอาทิตย์แต่ยังส่งดอกไม้มาเยี่ยมทุกวันอย่างเจ้านายสุดหล่อด้วย“นี่เลิกยิ้มได้แล้วแก ฉันนึกว่าเดินกับคนบ้า” แพรวารินทร์ออกเสียงปรามอย่างไม่จริงจัง ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาเพื่อนรักเอาแต่ยิ้มกว้างจนเธอได้แต่งง นางจะดีใจอะไรขนาดนั้นเล่นใหญ่จริง ๆ“ก็คนมันดีใจอ่า เดือนนึงแล้วน๊าที่ฉันไม่ได้มาทำงานคิดถึงงานแล้วก็เพื่อนร่วมงานจะแย่”“หรา ไม่ใช่คิดถึงคนที่หายไปหนึ่งอาทิตย์เหรอจ๊ะ”แพรวารินทร์ถามกลับอย่างรู้ทัน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคิดอย่างไรอยู่“รู้มากไปแล้วยะ ไปเข้าไปทำงานกันได้แล้ว”พิมพ์พิชชาว่าให้ก่อนจะดึงเพื่อนรักเข้าไปทำงาน“อ้าว ยัยทรายดูดมาทำงานแล้วเหรอนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหล่อนซะแล้
“สวัสดีครับคุณพิชชา อาการเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงทรงเสน่ห์เอ่ยทักทายไถ่ถามอาการทำให้คนไข้วัยทำงานถึงกับใจละลายความจริงเธอไม่ได้ป่วยแต่แค่อยากจะเห็นหน้าหมอหนุ่มเท่านั้นนายแพทย์อัคนี อัครวิทย์ อายุรแพทย์หนุ่มสุดหล่อวัย25ปีขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ในแถบนี้ยิ้มให้คนไข้อย่างเป็นมิตรแม้จะรู้ดีว่าสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายแค่อยากมาเห็นหน้าเขาเท่านั้นบ้างก็เอาของมาเยี่ยมเป็นประจำจนเป็นที่ชินตาของบุคลากรคนอื่นในโรงพยาบาล“วันนี้พิชชาจะเป็นอะไรดีเอ๋ย” อัคนีเอ่ยถามพร้อมยิ้มเอาใจอย่างน่ารักในสายตาเพื่อนหลายคนเขาเป็นคนกระล่อนและกวนประสาทสุดๆแต่สำหรับสาวน้อยสาวใหญ่ที่มาปลาบปลื้มเขากลับเป็นคนปากหวานและเอาใจเก่งเป็นอย่างมาก“วันนี้พิชชี่ปวดหัว ตัวร้อน ใจเต้นแรงมั๊กมากเลยค่ะหมอไฟขา” คนไข้สาวเอ่ยบอกทำท่าให้สมจริงจนหมอหนุ่มแอบขำ“แบบนี้คุณพิชชี่คงต้องมาหาหมอบ่อย ๆแล้วล่ะครับ หมอไฟว่าคุณพิชชี่เป็นโรครักหมอไฟแน่เลย” หมอหนุ่มเอ่ยหยอดพร้อมยิ้มแพรวพราว คนไข้สาวได้แต่เขินม้วนกับคำหยอดของหมอหนุ่ม&n
บ้านอัครวิทย์เพราะเกมพนันที่เคยพนันเดตแรกไว้กับฟ้ารดาที่ไร่พยัคฆ์ทำให้ปัญจวัตรต้องมาที่บ้านของฟ้ารดาในวันนี้หมอหนุ่มหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทำให้น้องชายฟ้ารดากลับมาบ้านเพื่อเดตแต่เพื่อเอาชนะใจพ่อแม่ของหญิงสาวด้วยและที่ปรึกษาหมายเลขหนึ่งในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อนรักแต่เป็นผู้เป็นพ่อแทนจากข้อมูลที่ได้รับทำให้หมอหนุ่มมั่นใจเกือบ90%ว่าจะได้ใจของว่าที่แม่แฟนในอนาคตส่วนอีก10%คือพ่อและน้องชายที่เขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าทั้งสองจะยอมให้เขาคบกับฟ้ารดา“เข้าไปข้างในกันคุณ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเดินตามอย่างมั่นคงและมั่นใจทุกสรรพสิ่งในบ้านอัครวิทย์เหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวทันทีเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านเดินนำผู้ชายเข้ามาในตัวบ้านนายแพทย์หมออาศิระยืนมองชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างไม่วางตาส่วนคุณนายฝนนภากลับมองอย่างตกใจไม่น้อยที่ลูกสาวคนเดียวพาชายหนุ่มที่หน้าคล้ายอดีตคนรักเข้ามาที่บ้านและแนะนำว่าเป็นแฟนหนุ่ม“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมปัญจ์ครับ”ปัญจวัตรเอ่ยทักทายอย่างเ