ห้างสรรพสินค้าคิงส์ตัน
“พี่ตะวันเข้าไปก่อนนะจ๊ะ ชูใจอยากกินขนมไทยร้านโน้น” ฉันเอ่ยบอกกับพี่สาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลเสียงใส ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังแผงขายขนมไทยร้านประจำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่วางตา
“ไปสิเดี๋ยวพี่ไปด้วย” พี่ตะวันเอ่ยบอกกับฉันก่อนที่เธอจะเดินเข้ามากุมมือบางของฉันเอาไว้ เราทั้งคู่พากันเดินข้ามสะพานลอยหน้าห้างสรรพสินค้าของพี่ฮันเตอร์ ก่อนที่ฉันกับพี่ตะวันจะแยกกันไปซื้อของที่ตัวเองต้องการ
“เดี๋ยวพี่ซื้อผลไม้ก่อนเดี๋ยวพี่ตามไป”
“จ้ะ”
วันนี้ฉันขอตามพี่ตะวันมาซื้อของเข้าร้าน ฉันนั่งๆ นอนๆ มามากพอแล้วขืนฉันยังอยู่แบบนี้ฉันต้องสติแตกไปก่อนอย่างแน่นอน
‘ลูกแม่ก็คงไม่อยากอยู่เฉยๆ ใช่ไหมคะ?’ ฉันเอ่ยบอกกับเด็กน้อยในครรภ์ของฉัน พร้อมกับขาเรียวของฉันก้าวไปยังแผงขายขนมไทยที่อยู่ไม่ไกล
“ป้าคะ หนูเอาฝอยทอง จ่ามงกุฎ ขนมเปียกปูน และก็...ถั่วแปบค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าเสียงสดใส พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับเธอ
“รับอะไรเพิ่มอีกไหมหนู” ฉันมองไปยังมือเหี่ยวย่นที่กำลังตักขนมใส่ถุงให้ฉัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของเธออีกครั้ง
“หนูระวังด้วยลูก”
“อะ” อยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนจะวูบ โชคดีที่มีคนเข้ามาช่วยประคองฉันเอาไว้จากทางด้านหลังไม่อย่างนั้นฉันคงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นเสียแล้ว
“ขอบคุณ...?” ฉันกำลังจะหันไปขอบคุณผู้มีพระคุณที่เข้ามาช่วยฉันไว้อย่างนอบน้อม แต่แล้วฉันก็ต้องชะงักไปทันทีที่เห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ห่างจากฉันเท่าไหร่นัก
และแม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น แต่ฉันก็จำได้เขาได้ไม่เคยลืม ‘ไนท์’ เพื่อนสนิทของฉัน ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย และวันนี้เขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าของฉัน
“ยังชอบกินขนมไทยไม่เปลี่ยนเลยนะชูใจ”
“ไนท์”
“นึงว่าชูใจจะลืมเราไปแล้วเสียอีก?” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ชายหนุ่มยกยิ้มออกมา...แต่ทำไมฉันถึงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดมากกว่ายินดีที่เราได้พบกัน
“มีอะไรรึเปล่าไนท์?”
“คุยกันหน่อยได้ไหม เรามีเรื่องอยากขอโทษชูใจ”
“ได้สิ คุยกันตรงนี้ก็ได้” ฉันยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เรื่องที่ไนท์เคยทำเอาไว้กับฉัน ฉันยังคงจำมันได้ไม่เคยลืม...
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เวลามันก็ล่วงเลยมานานหลายปีแล้ว และจากที่เห็นสภาพของไนท์ฉันมั่นใจว่าเขาคงได้รับทบเรียนมามากพอแล้วเช่นกัน ถ้าเขาพร้อมที่จะขอโทษฉัน ฉันก็พร้อมจะให้อภัยกับเขา
“ซอยข้างๆ มีคาเฟ่อยู่เราไปนั่งคุยกันในนั่นได้ไหม แถวนี้คนเยอะชูใจไม่ต้องกลัวเราหรอกนะ”
“...” ฉันมองออกไปรอบๆ อย่างช่างใจ มันเป็นอย่างที่เข้าบอกที่ที่ฉันยืนอยู่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา เขาเองก็คงไม่กล้าทำอะไรกับฉันอย่างในคืนนั้นแล้วแหละ
“ได้สิ” ฉันยกยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับเขาออกไป พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความบอกพี่ตะวันที่กำลังเลือกซื้อผลไม้อยู่ที่แผงขายผลไม้ในซอยข้างๆ
“ชูใจโกรธเรารึเปล่า?”
“ถ้าถามว่าโกรธไหม อืม เราโกรธและเราก็ไม่สามารถไว้ใจไนท์ได้เหมือนเดิม” ฉันหยุดเดินก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ ก่อนที่สายตาของฉันจะเหลือบไปเห็นเงาชายร่างใหญ่คนหนึ่งสะท้อนอยู่ที่ผืน มันดูจะไม่มีอะไรเลยถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ดึงฉันเข้าไปหาพร้อมกับเอาผ้าผืนบางปิดปากและจมูกของเราไว้ เพียงเสี่ยวนาทีสติของฉันก็ดับวูบไป...
“เราขอโทษนะชูใจ”
...
“ชูใจ!!!” เสียงของตะวันร้องเรียกน้องสาวออกมาด้วยความตกใจ เธอเห็นน้องสาวถูกชายร่างใหญ่จับขึ้นรถไปต่อหน้ากับตาของเธอ ตะวันค่อนข้างมั่นใจว่าชูใจไม่ได้เต็มใจจะขึ้นไปบนรถคันนั้นอย่างแน่นอน
“ตามรถคันนั้นไปค่ะ” ตะวันรีบเข้าไปนั่งในรถแทกซี่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เธอจะเอ่ยบอกกับชายคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างร้อนใจ
“คะ ครับ”
“พี่ฮันเตอร์รับโทรศัพท์สิคะ” หญิงสาวพึมพำออกมาพร้อมกับต่อสายหาสามีของเธอไปด้วย
(ครับ)
“พี่ฮันเตอร์ช่วยชูใจด้วยคะ ฮืออออ”
(เกิดอะไรขึ้นครับ?)
“น้องถูกจับตัวไปค่ะ ฮึกกกก ตอนนี้หนูกำลังตามน้องไปค่ะ”
(ตามไปได้แต่ห้ามลงจากรถเด็ดขาด พี่จะออกไปหาหนูเดี๋ยวนี้) ฮันเตอร์เอ่ยบอกกับภรรยาตัวน้อยของเขาเสียงเรียบอย่างใจเย็น
(ต่อสายหาไอ้สกายเดี๋ยวนี้) เสียงของฮันเตอร์เอ่ยบอกกับลูกน้องของเขาเสียงเรียบ
“ฮืออออ...”
ตะวันมองไปยังรถสปอร์ตสีดำเงาตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้มขาวเนียนของตะวัน หญิงสาวกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้จนแน่น
(ไม่ต้องกลัวนะตะวัน ชูใจจะต้องปลอดภัยไอ้กายรู้ตำแหน่งของน้องแล้ว ตอนนี้คนของพวกเรากำลังไปช่วยน้อง...)
“จริงเหรอคะ?” ร่างบางเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง ก่อนที่เธอจะตั้งใจฟังปลายสายพูดอีกครั้ง ถึงสถานการณ์ในตอนนี้จะยังวางใจไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและก็หวังว่าพวกเขาจะตามมาช่วยชูใจน้องสาวของเธอได้ทัน
(หนูห้ามเข้าไปใกล้รถของพวกมันเด็ดขาด ตามอยู่ห่างๆ และห้ามลงจากรถ รับปากกับพี่สิครับ...)
“ค่ะหนูจะคอยดูอยู่ห่างๆ” ในขณะที่ริมฝีปากบางของตะวังเอื้อนเอ่ยบอกกับปลายสาย สายตาของเธอก็ยังคงจับจ้องไปยังรถสปอร์ตตรงหน้าอย่างไม่วางตา
(พี่ได้ตำแหน่งของชูใจแล้ว รอพี่ก่อนนะครับพี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้)
“รีบมานะคะ”
(พี่ฮันเตอร์...พี่สกายรู้ใช่ไหมคะว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้) ตะวันเอ่ยถามปลายสายออกไปเสียงเรียบ ตะวันเป็นคนที่ยอมคนอื่นมาตลอด แต่เมื่อไหร่ที่มีใครก็ตามทำร้ายคนที่เธอรัก เธอก็พร้อมที่จะสู้ยิบตาเพื่อทุกคนที่เธอรัก
ตะวันกับชูใจเหลือกันอยู่เพียงสองคนพี่น้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายน้องสาวเพียงคนเดียวของเธอเด็ดขาด
(ตอนนี้พี่ยังไม่รู้อะไรมากครับ แต่ก็พอเดาได้ไม่ยาก)
“...”
(ชูใจไม่ได้มีปัญหากับใครมาก่อนจะมีก็เพียงคนเดียวเท่านั้น)
“เข้าใจแล้วค่ะ”
...
[ชูใจ]
“...” ฉันลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองไปยังชายและหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหน้า ฉันจำคนทั้งคู่ได้ดีผู้ชายที่นั่งข้างคนขับจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไนท์ ส่วนผู้หญิงที่กำลังขับรถอยู่ฉันมองเห็นหน้าของเธอไม่ชัด แต่จากที่ฉันเห็นตรงนี้ท่าทางของเธอเหมือนกับ...
‘พี่โมนา’
“รีบจบเรื่องนี้ก็ดีนายจะได้กลับไปอยู่อังกฤษกับพี่” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
“ครับ เราจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นั่น”
ฉันยังคงหลับตาพริ้มพร้อมกับค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงออกมา โชคดีที่ฉันตั้งเบอร์ของพี่สกายเป็นเบอร์โทรฉุกเฉินทำให้ฉันสามารถต่อสายหาพี่เขาได้อย่างอย่างง่ายดาย
โชคดีที่ฉันรู้ตัว ฉันจึงกั้นลมหายใจไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นฉันคงได้สลบไปจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าทั้งสองคนทำแบบนี้กับฉันทำไม และเท่าที่ฉันจำได้ฉันไม่เคยทำร้ายพวกเขาเลยสักครั้ง
(หนูครับ...) เสียงของสกายพี่สกายดังออกมาจากปลายสาย
“จะจัดการมันยังไง?” เสียงของพี่โมนาเอ่ยถามชายหนุ่มออกมาด้วยความสงสัย พร้อมกับชายมองมาที่ฉันเล็กน้อย
“ไปให้ถึงบ้านร้างก่อนเดี๋ยวพี่โมนาก็รู้เองครับ”
“ชูใจไม่ได้มีส่วนทำให้ไนร่าตายพี่คิดว่าวิธีนี้มันแรงไปหน่อย”
‘ไนร่า’ ฉันเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหน
“แรงเหรอครับ...ผมต้องสูญเสียน้องสาวเพียงคนเดียว ต้องกลายเป็นคนพิการพี่คิดว่าแค่นี้มันน้อยไปเหรอครับ”
“...” ฉันนอนฟังทั้งสองคุยกันอยู่เงียบ พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่ขาดสาย ตอนนี้ฉันเข้าในแล้วว่าทำไมเพื่อนที่ฉันเคยรักถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“ถ้าไอ้สกายมันไม่ทำให้ไนร่าเสียใจจนต้องฆ่าตัวตาย วันนี้ผมก็คงไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะมัน เป็นเพราะมันคนเดียว” ไนท์เอ่ยออกมาอย่างเจ็บแค้นในอก เขากำมือของตัวเองไว้แน่นจนเส้นเลือดบริเวณหลังมือของเขามีนปูดขึ้นมา
“ฮืออออออ ชีวิตผมมีแค่ไนร่ากับพี่นะครับพี่โมนา”
“ไม่ต้องร้องนะพี่จะช่วยไนท์จัดการกับพวกมันเอง ตอนนี้ทุกอย่างมันใกล้จะสำเร็จแล้ว”
“ฮึกกก ฮือออออ”
“ไอ้สกายมันต้องเจ็บปวดเหมือนกับที่ไนท์เคยเจ็บปวด” โมนาเอ่ยบอกกับชายหนุ่มด้วยความสงสาร มือบางลูบลงที่แก้มของไนท์พร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาให้กับเขาอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่มีพี่ผมจะอยู่ยังไง...”
“พี่รักไนท์มากนะ”
“ผมก็รักพี่ครับ หลังจากจบเรื่องนี้เราสามคนพ่อ แม่ ลูกจะได้กลับไปใช้ชีวิตด้วยกันนะครับ” ไนท์ประคองมือบางของพี่โมนาเอาไว้ พร้อมกับจุ๊บเบาๆ ที่หลังมือของเธออย่างทะนุถนอม
4 เดือนต่อมา...ห้องคลอด“พี่สกายคะ พี่สกาย”“พี่สกาย”“คะ ครับ” พี่สกายขานรับเสียงเรียกของฉันออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะขยับหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของฉัน“ถ้าหนพูดอะไรซึ้งๆ พี่จะร้องไห้ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปเสียงอ่อน ในขณะที่คุณหมอกับพยาบาลกำลังทำคลอดให้กับฉัน ฉันเลือกที่จะคลอดลูกด้วยวิธีการผ่าคลอด ฉันยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างกลัวฉันจึงขอคลอดลูกด้วยวิธีนี้“ร้องครับ หนูรู้ไหมหัวใจของพี่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว” พี่สกายเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ตาคมทั้งสองข้างของเขา“หนูได้ยินอยู่ค่ะ” ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับชายหนุ่มตรงหน้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่สดใสอย่างเช่นทุกครั้ง“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้างครับ?” พี่สกายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมยกมือทั้งสองข้างของเขาขึ้นมาจับไหล่เปลือยเปล่าของฉันเอาไว้“หนูรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมูที่กำลังขึ้นเขียงเลยค่ะ”“หมูน้อยของพี่”“หัวอยู่นี้...” เสียงของคุณหมอที่พูดขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายของฉันเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข“ตื่นเต้นครับ หนูตื่นเต้นไหมครับ?”“ตื่นเต้นค่ะ พี่สกายใจเย็นๆ
1 ปีต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจเป็นเพื่อน และเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเบียร์กับหม่อน ชูใจสมควรที่จะมีความสุขที่สุด เพราะชูใจเป็นผู้หญิงที่มีแต่ให้ไม่ว่าจะกับใคร...”“ถ้าวันนั้นเบียร์ไม่ได้ชูใจช่วยเอาไว้ วันนี้เราคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฮึกกกกก พี่สกายโชคดีมากนะคะที่ได้ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้ไปครอบครอง ฝากเพื่อนรักของพวกเราด้วยนะคะ”ฟองเบียร์เช็คคราบน้ำตาออกจากแก้มขาวเนียนของตัวเอง พร้อมกับเอ่ยความในใจออกมาเสียงสั่น ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเธอทำให้ทุกคนทราบซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาเป็นอย่างดี“ขอบคุณค่ะ เราเองก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันพี่มีเบียร์กับหม่อนเป็นเพื่อน” ฉันรับกระดาษทิชชูมาจากเจ้าบ่าวของฉันก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองอย่างเบามือ พร้อมกับเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงใสตามความรู้สึกของตัวเอง“ลำดับต่อไปเชิญคุณตะวันค่ะ”“ก่อนอื่นตะวันต้องขอขอบคุณแขกทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาไกลถึงภูเก็ต และก็ขอขอบคุณทุกท่านที่รักและก็เอ็นดูชูใจน้องสาวของตะวัน ขอบคุณมากค่ะ”“ชูใจ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เราสองคนจำความได้ ไม่ว่าพี่จะมีปัญหาอะไรก็มีน้องคอยช่วยเหลืออยู่
[สกาย]1 สัปดาห์ต่อมา...ภูเก็ต“ชูใจหลับไปแล้วเหรอวะ?” ไอ้เพิร์ชเอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่ม“หลับไปแล้ว”ขณะนี้ครอบครัวของผมอยู่กันที่ภูเก็ต ผมกับชูใจตัดสินใจร่วมกันว่าจะพาลูกที่จากไปของเรามาลอยอังคารที่นี่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับชูใจตลอดเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นผมรู้ดีว่าชูใจคือคนที่เจ็บปวดที่สุดเธอย้ำกับผมหลายต่อหลายครั้งว่าเราสองคนต้องไปต่อ ‘เธอเชื่อว่าสักวันลูกจะกลับมาเกิดกับเราอีกครั้ง’ เธอทำให้ผมเห็นว่าเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังคงบอบช้ำกับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่“แล้วนี้มึงจะเอายังไงต่อวะ?” ไอ้ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่มันจะยื่นเอกสารในมือมาให้กับผม“โชคดีของพวกมันที่ชิงตายกันไปก่อน ไม่อย่างนั้นกูจะทำให้พวกมันรู้ว่าตายทั้งเป็นเป็นยังไง” ผมอ่านเอกสารผลการชันสูตรพลิกศพในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองยังท้องทะเลที่มืดสนิทตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ผมว่างเอกสารลงตรงหน้าก่อนที่เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี...ผมแค่ไม่ทำร้ายใครก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความอดทนของผมสิ้นสุ
ห้องพักฟื้น...“ชูใจ” สกายเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างคนรักของเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบแก้มขาวเนียนที่บวมช้ำเป็นรอยแดงของร่างบางอย่างเบามือ“พี่ทะนุถนอมหนูมาอย่างดี...พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มอุ้มมากุมมือบางของคนรักเอาไว้ไม่ยอมห่างสายตาของทุกคนมองไปยังสกายและชูใจเป็นตาเดียวด้วยความสงสารทั้งคู่จับใจ รอไม่นานหมอเจ้าของไข้กับเพิร์ชก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับ“หมอชูใจเป็นยังไงบ้าง?” สกายเอ่ยถามคุณหมอตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังหมอเพิร์ชเพื่อนรักของเขาที่อยู่ไม่ไกลอย่างรอคำตอบ“ไอ้เพิร์ช?”“ตอนนี้คุณชูใจพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ...”“ขอบคุณมากครับ ไม่ว่าหมอต้องการอะไรผมจะหามาให้...” สกายยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เหมือนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้อง เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นมาเป็นระยะ“แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมไม่สามารถช่วยเหลือทารกในครรภ์ของเธอได้ครับ”“มะ หมายความว่ายังไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามหมอหนุ่มตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ตาคมมองไปยังชายตรงหน้าและเพื่อนรักของเขาสลับกันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ
รถสปอร์ตหรูชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะพลิกคว่ำต่อหน้าต่อตาของเขา หัวใจของที่แข็งแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบเขาทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ชูใจ!!” เสียงของสกายร้องเรียกคนรักของเขาออกมาเสียงหลง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุตรงหน้าทันทีด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ด้านในจับใจ“ชูใจ!! มะ ไม่นะ” ตะวันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอด้วยความหวาดกลัว ตะวันรู้ดีว่าในรถคันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชูใจน้องสาวของเธอเพียงคนเดียว แต่มีหลานสาวของเธอที่อยู่ในครรภ์ของชูใจอีกด้วยที่เธอเป็นห่วง“พี่ตะวัน” เสียงของน้ำมนต์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างบางจะกอดตะวันเอาไว้แน่น ในขณะที่เพิร์ชกับฮันเตอร์ และลูกน้องของพวกเขาช่วยสกายดึงประตูรถหรูที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษเหล็กออก~~วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~ วี้...หว่อ~~“หนูครับ” ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสกายก็รีบอุ้มคนรักของเขาออกมาทันที ขายาวรีบก้าวไปยังรถพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลในทันที“หนูครับ ได้ยินเสียงพี่ไหม ฮึกกกก ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่หน่อยนะครับ” สกายมองดูเลือดที่ไหลท่วมร่างบางในอ้อมกอดของเขาด้วยความเจ็บ
“สามคนพ่อ แม่ ลูกงั้นเหรอคะ?” ฉันเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเอาเรื่องมือทั้งสองข้างของฉันจะถูกมัดตรึงเอาไว้ด้านหลัง แต่ตัวของฉันยังคงขยับได้อยู่ ฉันค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับพวกเขา พร้อมกับพยายามแกะเชือกที่มัดมือของฉันออก“ชูใจ!!!”“เธอไม่ได้สลบอย่างนั้นเหรอ?” พี่โมนาเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความตกใจ“ใช่ฉันไม่ได้หลับ ฉันได้ยินสิ่งที่พวกคุณคุยกันชัดทุกคำ”“งั้นเธอก็รู้แล้วสินะว่าลูกในท้องของฉันเป็นลูกของไนท์ไม่ใช่ไอ้สกาย” พี่โมนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยสักนิด“ไหนๆ เธอก็ต้องตายอยู่แล้วฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญ...”“คืนนั้นไอ้สกายมันเรียกหาแต่เธอ พอฉันพามันมาถึงเตียงมันก็อ้วกใส่ฉันและก็หลับเป็นตาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับมันและก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย”“พี่ทำแบบนี้ทำไมคะ?”“ไนท์?” ฉันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าแต่เธอกลับเงียบใส่ฉัน ฉันจึงหันไปเรียกอดีตเพื่อนรักของฉันแทน ฉันมองไปที่ไนท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“ไอ้สกายมันทำให้น้องของฉันต้องตาย มันพรากแก้วตาดวงใจไปจากฉันมันก็สมควรได้รับแบบนั้นกลับไปเช่นกัน” ฉันหันมาจ้อง