LOGIN
แดเนียล
ผมรู้สึกถึงความเงียบเหงาที่ก่อตัวขึ้นในอกขณะทอดสายตาไปยังแสงสีตระการตาที่สว่างวาบทั่วท้องฟ้ากรุงเทพฯ ค่ำคืนส่งท้ายปีเก่า ช่วงเวลาที่ผมเคยเฝ้ารออย่างเปี่ยมสุขเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ภาพความทรงจำในอดีตหวนคืนมา พ่อกับแม่มักจะเนรมิตเพนต์เฮาส์สุดหรู ณ มหโภคิน ทาวเวอร์ ให้สอดรับกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองอันรื่นเริงของเมือง งานเลี้ยงอันหรูหราที่ซึ่งเหล่าตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศจะมารวมตัวกัน สมัยเด็กผมกับ นาตาลี น้องสาว จะวิ่งเล่นไปทั่วบ้าน ซึมซับไออุ่นและความสุขของเทศกาล มันเคยเป็นช่วงเวลาที่ผมโปรดปรานที่สุดในรอบปี
ทว่าบัดนี้ผมกลับทำได้เพียงจ้องมองแสงไฟที่ส่องประกายทั่วเมือง ผู้คนกำลังปาร์ตี้ เสียงดนตรีดังกระหึ่ม ทว่าสิ่งที่ผมสัมผัสได้ มีเพียงความเงียบงันของบ้านที่เกือบจะว่างเปล่า
นับตั้งแต่พ่อแม่จากไป เทศกาลวันหยุดก็ไม่ใช่วันแห่งเวทมนตร์สำหรับผมอีกต่อไป ไม่มีงานเลี้ยง ของประดับตกแต่งทั้งหมดถูกเก็บนิ่งอยู่ในกล่องเก็บของ
นาตาลีรักการเฉลิมฉลองและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ แต่มันหนักหนาเกินไปสำหรับคนเพียงคนเดียว ในฐานะผู้กุมบังเหียนอาณาจักรมหโภคินกรุ๊ป ผมไม่มีเวลาสำหรับเรื่องไร้สารอย่างงานเลี้ยงฉลองวันหยุด มันเหมือนกับว่าพ่อแม่ได้พาความอบอุ่นของเทศกาลติดตัวพวกท่านไปด้วยในวันที่จากไป
ทั้งผมและนาตาลีต่างไม่มีครอบครัวของตัวเอง วันหยุดจึงมักจะจบลงที่การใช้เวลาร่วมกันสองคน หรือไม่ ผมก็ไปทำงาน ปล่อยให้น้องสาวอยู่ตามลำพัง
แต่ปีนี้ ด้วยกำหนดการเดินทางที่ใกล้เข้ามา ผมกลับตัดสินใจไม่ทำงานในคืนส่งท้ายปีเก่า ปกติแล้วผมจะใช้เวลาช่วงนี้ตามลำพังที่ออฟฟิศ ตรวจรายงานการเงิน แต่เมื่อปีนี้ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อย ผมจึงได้แต่นั่งอยู่ที่นี่ นั่งจมอยู่กับความหลัง พลางเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ของเมือง
อากาศภายนอกเย็นสบาย แต่ในเพนต์เฮาส์ที่กว้างขวางผมกลับรู้สึกอ้างว้าง ผมรู้สึกได้ว่านาตาลีกำลังตระเตรียมอะไรบางอย่างอยู่สุดโถงทางเดิน ทั้งที่ผมนึกว่าเธอจะใช้เวลาช่วงค่ำอยู่ที่นี่ด้วยกัน
ผมกำลังคิดจะสั่งอาหารเดลิเวอรีหรู ๆ สักอย่าง แต่ก็นึกไม่ออกว่าเธอชอบอะไร ผมจึงนั่งรอ ผมยอมรับว่าท่าทีที่ร่าเริงอยู่เสมอของเธอในช่วงเทศกาลเป็นสิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจผมได้
ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อนาตาลีเดินเร็ว ๆ ออกมาจากห้อง คว้าเสื้อโค้ตตัวเก่งก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมยังคงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“อ้าว” เธออุทานเบา ๆ “แดนพี่ยังอยู่เหรอค แน็ตนึกว่าพี่จะไปทำงานเหมือนทุกปีซะอีก”
“อีกไม่กี่วันพี่ก็จะเดินทางแล้ว เลยกะว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศมาอยู่เป็นเพื่อนน้อง” ผมตอบ พลางสังเกตเห็นใบหน้าที่เกร็ง ๆ ของเธอ “แต่น้องดูเหมือนกำลังจะไปไหนนะ”
“ค่ คือแน็ตว่าจะไปเคาท์ดาวน์กับเพื่อน” เธอบอกพลางเดินมานั่งพิงที่เท้าแขนของเก้าอี้ ผมบอกได้ทันทีว่าความเงียบเหงาของบ้านหลังนี้กำลังเริ่มกัดกินเธอ และผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังกับความคิดที่จะต้องใช้เวลาคืนนี้เพียงลำพัง “แน็ตน่าจะบอกพี่ก่อน ขอโทษค่ะ คือแน็ตชินที่เห็นพี่ทำงานตลอดเลยไม่ได้คิดว่าจะต้องบอกอะไร”
ผมส่ายหน้า ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกผิด ท้ายที่สุด เธอก็พูดถูก ผมไม่เคยแม้แต่จะหยุดงานวันเสาร์อาทิตย์ ใจหนึ่งผมอยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่อีกใจก็อยากจะรั้งเธอไว้
“ถ้างั้นเอางี้นะคะ” เธอโพล่งขึ้นมา “เดี๋ยวแน็ตโทรเช็กกับเพื่อนก่อนว่าโอเคไหม แล้วเราก็ไปด้วยกันเลย”
ผมพยักหน้าและยิ้ม การไปใช้เวลาช่วงวันหยุดกับคนที่ไม่รู้จักก็ยังดีกว่าการต้องอยู่คนเดียว
ผมคว้าขวดวิสกี้ชั้นเลิศที่ซื้อมาสำหรับคืนนี้ และเราก็เดินลงไปยังโรงจอดรถ
ผมขับรถเอง รู้สึกงุนงงเล็กน้อยขณะขับรถออกจากย่านสาทรข้ามสะพานมาโผล่ที่ฝั่งธนฯ
มันแปลก ผมนึกว่านาตาลีจะไปปาร์ตี้เคาท์ดาวน์กับพวกลูกไฮโซที่โตมาด้วยกันเสียอีก
แต่เมื่อรถสปอร์ตหรูจอดสนิทหน้าตึกแถวเก่า ผมก็ตระหนักได้ในทันทีว่าเจ้าของบ้านหลังนี้มีฐานะที่แตกต่างจากเรามาก ผมรู้สึกเหมือนคนโง่ขึ้นมาตงิด ๆ ที่ดันสวมสเวตเตอร์กุชชี่กับเข็มขัดราคาแพงระยับมา
แดเนียล ห้าปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นการผจญภัยที่พลิกผันชีวิต อาณาจักรมหโภคินกรุ๊ปจำเป็นต้องทะยานไปข้างหน้า และคู่แข่งก็จำเป็นต้องถูกขจัดให้พ้นทาง ผมใช้เวลาห้าปีเต็มเดินทางไปทั่วเอเชีย เจรจาธุรกิจกับมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมจะหาได้ ไล่ตั้งแต่จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไปจนถึงเวียดนามและอินโดนีเซีย บัดนี้โลกจะได้ประจักษ์ว่ามหโภคินรีสอร์ตและมหโภคินทาวเวอร์สคือผู้นำแถวหน้าในวงการอสังหาริมทรัพย์สุดหรู ผมเรียนรู้อะไรมากมายแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันรู้สึกดีที่ได้กลับบ้าน...กลับประเทศไทย แม้จะยังมีงานบางอย่างที่ต้องกลับไปสะสาง แต่ผมต้องกลับมาเพื่องานแต่งงานของน้องสาว นาตาลีคือครอบครัวเพียงคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ และผมไม่มีวันพลาดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ ผมยืนอยู่ด้านหน้าแท่นพิธีข้าง ๆ ปัณณ์ ว่าที่เจ้าบ่าวของนาตาลี ผมดีใจจริง ๆ ที่เธอได้เจอกับผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างเขา ทั้งสองเจอกันที่ไพรเวทคลับหรู ได้ยินว่าเจอกันในห้องคาราโอเกะส่วนตัวที่เพื่อนจองไว้ แล้วปัณณ์ก็ตกหลุมรักเธอหัวปักหัวปำ เขาคือผู้ชายที่ให้เกียรติคนที่เขารัก และจริงใจกับทุกคำพูด
“โอเค งั้นฉันไป” เธอบอกอย่างตื่นเต้น “รักพี่อแดนกับเธอจัง สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะ พรุ่งนี้โทรหานะอัยย์” ฉันหัวเราะเบา ๆ ขณะมองเพื่อนคว้าแจ็กเกตก่อนจะวิ่งพรวดพราดออกจากประตูไป ทันทีที่เสียงประตูปิดลงความเงียบและความเป็นส่วนตัวก็ห่มคลุมเราสองคน ความรู้สึกที่ว่าเราอยู่กันเพียงลำพังมันช่างน่าตื่นเต้น ฉันสัมผัสได้ทันทีว่าแดเนียลสนใจในตัวฉัน และแน่นอนฉันก็สนใจเขาจนแทบคลั่ง ฉันไม่เคยอยู่กับผู้ชายคนไหนมาก่อน ไม่ใช่ว่าฉันพยายามเก็บพรหมจรรย์ไว้เพื่อใคร เพียงแต่ฉันขี้อายและผู้ชายไม่กี่คนที่ฉันเคยคบหาก็ไม่เคยพยายามมากพอ ฉันเหลือบมองแดเนียลที่กำลังจ้องแก้วในมืออย่าง เคอะเขิน เขาฮอตจนฉันแทบจะทนไม่ไหว ฉันขยับนั่งตัวตรงเคียงข้างเขา รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมสัน เขาหันมาคว้าแก้วในมือฉันไปวางบนโต๊ะ ใช้สองมือประคองใบหน้าฉันไว้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาอย่างนุ่มนวล องค์ประกอบทุกอย่างช่างเป็นใจ แสงไฟประดับปีใหม่ระยิบระยับ กลิ่นหอมจาง ๆ ของอาหาร และเสียงเพลงปีใหม่ที่คลออยู่เบื้องหลัง ฉันเอนตัวรับจูบนั้น สัมผัสถึงความปรารถนาอ
อัยย์ลดา ยอมรับเลยว่าตอนที่นาตาลีโทรมาบอกว่าพี่ชายของเธอจะมาร่วมปาร์ตี้ด้วย ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยว่าจะต้องมายืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ฮอตที่สุดเท่าที่ฉันเคยพานพบ เพียงแรกสบตาฉันก็รู้ทันทีว่าตัวเองกำลังเจอปัญหาใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าเจิดจ้าคู่นั้นคมกริบสั่นสะเทือนทะลุทะลวงเข้ามาในใจ ประกายระยับในดวงตายามที่เขาวาดรอยยิ้มกว้างรับกับเรือนผมสีบลอนด์เข้มหยักศกที่ปรกใบหน้า มันคือองค์ประกอบที่ทำให้ฉันแทบลืมหายใจ ฉันปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะสอดปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมสลวยนั้น แล้วดึงรั้งเขาเข้ามาใกล้ ความร้อนวูบวาบในอกนี้เกิดจากส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสายตาที่หิวกระหายของเขากับวิสกี้ชั้นเลิศ รสเข้มที่เขาจงใจเติมให้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า เสน่ห์อันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวเขาปกติแล้วคือสิ่งที่ทำให้ฉันต้องถอยหนี แต่สำหรับแดเนียลมันกลับยิ่งดึงดูดให้ฉันถลำลึก ขณะที่บทสนทนาถึงเรื่องวัยเด็กดำเนินไปแม่ก็ลุกขึ้นเริ่มเก็บจาน ฉันสังเกตเห็นและลุกตามทันทีตามความเคยชิน เอื้อมมือไปคว้าชามเปล่า แต่นาตาลีกลับคว้ามือฉันไว้ ขยิบตาให้อย่างรู้ทันพลางเหลือบมองพี่ชายที่ยังคงจ้องฉันเข
ผมส่งยิ้มให้นาตาลี ผมไม่อยากให้เธอมองว่าผมกำลังตัดสินเพื่อนของเธอ แต่นี่แหละนาตาลี หัวใจของเธอยิ่งใหญ่เกินกว่าจะทำตัวเป็นคุณหนูจอมหยิ่งจากตระกูลมหโภคิน ขณะก้าวขึ้นบันได กลิ่นอาหารหอมฉุยก็ลอยมาแตะจมูก ผมเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย ไออุ่นที่ลอดออกมาจากใต้ประตูบานนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือน ‘บ้าน’ อย่างประหลาด นาตาลีเคาะประตูและประตูเปิดผางออก สตรีร่างท้วมผมดัดลอนใบหน้ายิ้มแย้มยืนยิ้มกว้าง ก่อนจะรวบตัวนาตาลีไปกอดอย่างอบอุ่น เธอยิ้มให้ผมก่อนจะพยักหน้าทักทาย “สวัสดีค่ะป้าณี” นาตาลียกมือไหว้อย่างสนิทสนม “เข้ามาเลยจ้ะ” เธอบอก “ตามมาในครัวเลย ป้าเตรียมของอร่อยไว้รออยู่แล้ว” นาตาลีหันมายิ้มกว้างและบีบแขนผมเบา ๆ เธอจูงมือป้าณีเดินนำไปยังที่มาของกลิ่นอาหารและเสียงเพลงเฉลิมฉลอง นาตาลีดูมีความสุขมากเหลือเกินเมื่ออยู่ที่นี่ ดูเหมือนเธอได้สร้างครอบครัวเล็ก ๆ ของตัวเองไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว เมื่อผมเลี้ยวเข้าสู่ห้องครัว มันไม่ได้หรูหรา แต่กลับอบอุ่น บนเคาน์เตอร์มีอาหารน่าตาน่ากินเต็มไปหมด สายตาผมกวาดไปทั่วจนกระทั่งหยุดลงที่หญิงสาวเรือนร่างเย้ายวน
แดเนียล ผมรู้สึกถึงความเงียบเหงาที่ก่อตัวขึ้นในอกขณะทอดสายตาไปยังแสงสีตระการตาที่สว่างวาบทั่วท้องฟ้ากรุงเทพฯ ค่ำคืนส่งท้ายปีเก่า ช่วงเวลาที่ผมเคยเฝ้ารออย่างเปี่ยมสุขเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ภาพความทรงจำในอดีตหวนคืนมา พ่อกับแม่มักจะเนรมิตเพนต์เฮาส์สุดหรู ณ มหโภคิน ทาวเวอร์ ให้สอดรับกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองอันรื่นเริงของเมือง งานเลี้ยงอันหรูหราที่ซึ่งเหล่าตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศจะมารวมตัวกัน สมัยเด็กผมกับ นาตาลี น้องสาว จะวิ่งเล่นไปทั่วบ้าน ซึมซับไออุ่นและความสุขของเทศกาล มันเคยเป็นช่วงเวลาที่ผมโปรดปรานที่สุดในรอบปี ทว่าบัดนี้ผมกลับทำได้เพียงจ้องมองแสงไฟที่ส่องประกายทั่วเมือง ผู้คนกำลังปาร์ตี้ เสียงดนตรีดังกระหึ่ม ทว่าสิ่งที่ผมสัมผัสได้ มีเพียงความเงียบงันของบ้านที่เกือบจะว่างเปล่า นับตั้งแต่พ่อแม่จากไป เทศกาลวันหยุดก็ไม่ใช่วันแห่งเวทมนตร์สำหรับผมอีกต่อไป ไม่มีงานเลี้ยง ของประดับตกแต่งทั้งหมดถูกเก็บนิ่งอยู่ในกล่องเก็บของ นาตาลีรักการเฉลิมฉลองและพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ แต่มันหนักหนาเกินไปสำหรับคนเพียงคนเดียว ในฐานะผู้กุมบั







