แชร์

ตอนที่ 9 ใจอันหนักอึ้ง

ผู้เขียน: พริมริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-27 14:06:01

ตอนที่ 9 ใจอันหนักอึ้ง

เช้าวันต่อมา ณ เรือนศรีสงคราม

เรือนนอนของดารากาอยู่ห่างจากเรือนใหญ่ไม่มากนัก เป็นเรือนไม้สักทองทั้งหลังงดงามไม่แพ้กันทว่าหลังเล็กกว่าและอยู่อย่างโดดเดี่ยว

แสงยามเช้าสีทองสาดเข้ายังหน้าต่างห้องนอนทอดยาวเกิดเงาบนผนัง ผ้าม่านสีขาวโปร่งปลิวตามแรงลมเอื่อย ดวงหน้าขุนอัครเดชยังติดตายากจะสลัดทิ้ง

“พี่บัว”

“เจ้าคะ คุณหนู”

“ค่ำวานนี้เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อกับแม่กลับมากันยามใด”

“ค่อนดึกเจ้าค่ะ บ่าวลอบมองข้างบันไดใบหน้าซีดเซียว ยิ่งคุณหนูดารานีคล้ายคนเป็นลมมาเจ้าค่ะ”

ดารากานิ่งงันไปอึดใจ แม้นว่าไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ทว่ายังได้ชื่อว่าเป็นคนจิตใจดี กตัญญูรู้คุณ ยามนี้คนในบ้านเดือดร้อนเธอเองก็พลอยร้อนใจตาม

“บ่าวเคยได้ยินเรื่องท่านขุน เขาเล่าลือกันว่าคาถาอาคมแกร่งกล้าแม้กระทั่งเสกคนให้กลายเป็นหินเจ้าคะ”

“หินงั้นหรือ?” น้ำเสียงตื่นตระหนก

“เจ้าค่ะ” บัวทำท่าขนลุกก่อนจะสะดุ้งโหย่ง

ตึง ตึง ผลัวะ! 

จู่ ๆ บ่าวรับใช้อีกคนอายุยังน้อยเพียงสิบหกปี วิ่งตึงตังพรวดพราดเข้ามาในห้อง

“คุณหนู คุณหนูเจ้าค่ะ”

“อะไรแม่ชะเอม! เดินเหินให้เบาฝีตีนสักหน่อย ใครได้ยินจะหาว่าบ้านนี้ไม่สั่งสอนบ่าวไพร่” บัวเตือนเสียงเข้มก่อนจะหยิบขันน้ำล้างหน้าให้ดารากา

“แหมะ ๆ ทำเป็นสั่ง เป็นสอนชะเอม พี่บัวก็เป็นบ่าวคือกันนั่นแล่ะ”

“แม่ชะเอม!!”

บัวกระแทกเสียงใส่ตั้งท่าเข้าไปตบสักฉาด เธอหมั่นไส้บ่าวคนนี้มานานนักหนาแล้ว อยู่เรือนคุณหนูดารากาแต่หมั่นคาบข่าวเอาไปนินทาจนทั่วเรือน

“หยุดเดี๋ยวนี้!!”

บัวชะงักมือ เสียงกร้าวคุณหญิงจันทร์ฉายดังขึ้นมาจากโถงกลางเรือน จึงรีบทรุดลงนั่ง

“บ้านนี้นี่กระไรกัน บ่าววิ่งซนอย่างกับลิงกับค่าง ส่วนบ่าวอีกคนพูดจากรรโชกโฮกฮาก มิต้องสงสัยเหตุใดบุตรสาวกูจึงติดนิสัยไพร่มา!”

“ท่านแม่!! พี่นี!”

“ไม่ต้องลุกขึ้น” จันทร์ฉายเสียงอ่อนลงหย่อนร่างนั่งข้างบุตรสาวบนเตียง “แม่มีเรื่องมาแจ้งเจ้า วันพรุ่งให้เจ้าเตรียมตัวไปพร้อมกันกับพี่นียังเรือนขุนอัครเดช”

ดารากาจ้องหน้ามารดา แล้วเหลือบไปทางพี่สาวซึ่งคอยแต่หลบตา ข้างในโหวงนิด ๆ มีลางสังหรณ์บางอย่างแต่ยังไม่กล้าเอ่ยถาม

“ออเจ้าจะไปให้ฐานะบ่าวของพี่สาว ปิดหน้าปิดตาอยู่แต่ในเรือน ทว่าพอถึงวันทำพิธีเจ้าค่อยออกมาสับเปลี่ยนแทนพี่สาว”

“วันทำพิธี...” มือเล็กเผลอจับหน้าท้องไม่รู้ตัวขณะเอ่ยเสียงแผ่ว

“พี่สาวของออเจ้าเป็นลูกสาวคนโต แม่คิดฝากผีฝากไข้ ให้ได้ตกได้แต่งแก่หน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์”

“แล้ว แล้วลูกล่ะ ท่านแม่...”

ดารากาส่งเสียงอ้อนวอน เธอเข้าใจแล้วว่าวันทำพิธีหมายถึงอะไร เธอต้องเป็นตัวแทนพี่สาวไปร่วมหลับนอนแทนนั่นเอง

“เมื่อมนตร์ดำสิ้นสลาย เจ้าจะได้เปิดตัวเป็นบุตรสาวอีกคนของพ่อกับแม่” จันทร์ฉายทอดเสียงอ่อนลง โอบลูกสาวมากอดเบา ๆ “อีกหน่อยเจ้าจะได้ตกแต่งเช่นกัน ขุนอัครเดชขอเพียงทำพิธีเจ็ดวันต่อครั้งเท่านั้น”

“เจ็ดวันต่อครั้ง..”

น้ำเสียงดารากายังเลื่อนลอย ภาพใบหน้าแกร่งและริมฝีปากร้อนจัดรุกรานกลางวัดผุดพราย เรือนร่างสะท้านขึ้นหน้าท้องหดเกร็ง

“ท่านแม่ ลูกขออยู่กับน้องตามลำพังเจ้าค่ะ” ดารานีเอ่ยขึ้น

จันทร์ฉายชำเลืองมองสีหน้าบุตรสาวคนเล็กแล้วให้หนักอก แม้ว่าตัวเธอรักลูกไม่เท่ากัน แต่อย่างไรเสียดารากาก็ยังได้ชื่อว่าเป็นลูกอีกคน อึดอัดใจที่ต้องพูดออกมาเช่นนี้คล้ายไร้เยื่อใยแม่ลูก

“แม่จะรอยังชานเรือน ค่อยพูดค่อยจา ออเจ้าเองจงฟังพี่สาวของเจ้า” 

จันทร์ฉายกำชับก่อนจะเยื้องกายออกจากห้องนอน ปล่อยให้สองพี่น้องคุยกันตามลำพัง

“พี่นี!” ดารากาโพล่งขึ้น “ไม่ อย่าให้น้องไป น้องไม่อยากทำ”

ดารานีรวบมือเล็กของน้องสาวขึ้นมาลูบปลอบใจยามที่ขยับริมฝีปากพูดขึ้น

“พี่มีคนรักแล้ว”

“ฮะ! กระไรกัน เมื่อใด ไยน้องไม่รู้ความนี้” ดารากาผงะออกเล็กน้อย

“พี่พบชายคนหนึ่งชื่อแม้น ช่วงวันทำบุญใหญ่เมื่อหลายเดือนก่อน เราสองคนนัดแนะพบเจออยู่เนืองนิตย์”

“ที่ใด?” ดารากาเสียงเบาหวิว

ดารานีก้มหน้าลงเล็กน้อยพวงแก้มแดงซ่าน “บนเรือน”

“พี่นี! หมายความว่ากระไร บนเรือน พี่ตกเป็นของเขาแล้วหรือ?”

ดารานีขยับดวงหน้าช้า ๆ บนริมฝีปากแต้มรอยยิ้มบางเบา “พี่รักเขามาก เรารักกันและเขาสัญญาว่าจะมาสู่ขอ”

“แต่ว่า...”

“หากพี่ร่วมพิธีกับขุนอัครเดช เขาต้องล่วงรู้ถึงสิ่งนี้ พี่ไร้พรหมจารี”

ดารากานิ่งอึ้งเอนกายออกห่างพี่สาวเล็กน้อย ต้องการมองหน้าค้นหาความจริง ทว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของดารานีล้วนไม่หลอกลวง

ดวงหน้าทั้งดวงของดารานีแดงซ่านระเรื่อด้วยเลือดฝาดลามลงลำคอ ดวงตาวาวแสงฉายแววคนมีความรัก ผิดพรรณเปล่งปลั่งนวลเนียน

“แล้วหากขุนอัครเดชจับได้...”

“ไม่มีทาง ดารา” ดารานีกำมือน้องสาวแน่นขึ้น ทอดเสียงอ่อนโยน  “เราเหมือนกันมาก เหมือนทุกส่วน ผิวพรรณนวลเนียนมิมีตำหนิร่องรอย  และพี่ขอด้วยความขอร้อง พี่ขอร้อง...น้องสาวของพี่”

ดารากาสะท้านกายยามมือเย็นเยียบของดารานีวางลงบนกรอบหน้า

“พี่มิอาจตกเป็นของผู้ใดได้อีกแล้ว นอกจากเขาผู้เดียว คนที่พี่รัก”

ดารากาสบตาพี่สาวฝาแฝด มือกำแน่นสั่นเทาบนตัก มีบางอย่างจุกลำคอต้องการตะโกนออกไปแต่ไม่อาจทำได้ สถานการณ์บีบบังคับให้เธอต้องเดินหน้าทั้งที่ภายในหน่วงร้าว เสมือนว่าตนเองนั้นไร้ตัวตนในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครมองเห็นคุณค่าการมีอยู่แม้แต่น้อย

เธอนึกภาพขุนอัครเดชยามที่ได้ล่วงรู้ความจริง เรือนกายสั่นเทาทันที เช็ดเหงื่อกลางฝ่ามือกับผ้าซิ่น

หากเขารู้ความจริง อสูรร้ายในคราบขุนนางผู้ดีเช่นเขาจะกระทำต่อเธอเช่นไรกัน

ปลายคางยังจดจำความรู้สึกถึงแรงกดไม้ตะพดรวมไปถึงริมฝีปากบวมช้ำที่เขาจงใจบดเบียด

หากข้ายอมรับ… ทุกสิ่งสิ้นสุด ครอบครัวได้ปลดอาคม

แต่หากข้าปฏิเสธ… ตระกูลศรีสงครามอาจดับสิ้น!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พันธะสวาทจอมเวทย์ [18+, พีเรียดอีโรติก]   ตอนที่ 12 ไม่มีใครเหมือนของท่านขุนอัครเดช

    ตอนที่ 12 ไม่มีใครเหมือนของท่านขุนอัครเดชเหตุใดเขาจึงมิทำมันให้จบสิ้น เธอนอนเกร็งไปทั่วร่าง หวาดหวั่นจนลำคอแห้งผาก ขาเป็นตะคริว ความขุ่นข้องพาให้เธอดันไหล่เขาออก คิ้วเข้มขมวดทันที“เป็นกระไร เรายังทำพิธีไม่เสร็จ”“แล้วเหตุใดท่านขุนจึงมิทำเสียให้แล้วโดยไว ท่านท่องบทสวดประเดี๋ยวหยุด ประเดี๋ยวท่อง เยี่ยงนี้เมื่อใดกันจึงจักเรียบร้อย”ด้วยถูกเลี้ยงดูมากับบ่าวไพร่จึงทำให้เธอมักพูดโพล่งออกไปไม่ทันคิด เห็นคิ้วข้างขวาเขายกขึ้นโก่งสูง ขยับหน้าขึ้นจ้องเธอนิ่ง“ออเจ้าเร่งรัดข้าหรือ? ต้องการให้ข้าทำแบบรีบร้อนเช่นนั้นหรือ?”“ใช่ท่านขุน ข้าคิดว่าท่านช้าเกินไปแล้ว ข้าเป็นแม่หญิงมีตระกูล แค่ให้ข้าต้องนอนอยู่บนพื้นกระดาน บนผ้าสีขาวกลางห้องทำพิธีมืดทึมนี่ก็นับว่าหมิ่นเกียรติมากพอแล้ว แทนที่ท่านจักทำมันให้จบ ๆ กลับให้ข้านอนใจเต้นระทึกเป็นนาน”ขุนอัครเดชเกิดความสับสนไม่แน่ใจ นับจากที่พบเธอในวัดเพลานั้นเธอคล้ายหวาดกลัว แม้ว่ามีเค้าลางดื้อดึงซ่อนอยู่ ส่วนวันก่อนหวาดกลัวหนักกว่าเดิมจนสั่นไปทั้งร่างทว่าในค่ำนี้ แรกที่เขาสัมผัสร่างเธอยังสั่นเทิ้ม แล้วเหตุใดแปรเปลี่ยนไปอีกแล้ว“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเร่งบทสวดขึ้น

  • พันธะสวาทจอมเวทย์ [18+, พีเรียดอีโรติก]   ตอนที่ 11 ท่านขุน 18+

    ตอนที่ 11 ท่านขุน 18+แอ๊ด!เปลือกตาแม่หญิงลืมโพล่งผวาเล็กน้อยยามเห็นเรือนร่างสูงใหญ่ไร้เสื้อท่อนบน สวมเพียงผ้าซิ่นสีขาวทำพิธีตัวยาวจดข้อเท้า ผิวเข้มคล้ำจากแดดเผาเลียจนรอยสักยันต์มากมายบนผิวหนังเกือบจะกลืนหายเธอไม่กล้าสบตาก้มศีรษะลงทันใด“นั่งชันเข่าไว้”เสียงทุ้มพร่ากว่าคราวก่อนยิ่งพาให้ท้องน้อยหดรัด เธอขยับท่อนขาขึ้นนั่งชันเข่าแบบหญิงสำหรับทำพิธีกรรม แว่วเสียงท่านขุนคุกเข่าหน้าโต๊ะหมู่บูชาแล้วท่องบทสวดถ้อยบทสวดทุ้มต่ำที่เธอไม่เคยได้ยินก้องกังวานจนร่างสะท้าน บรรยากาศหนักอึ้ง คล้ายเรือนกายถูกถ่วงนิ่ง รับรู้เพียงกลิ่นกำยานและกลิ่นเครื่องหอมอันน่าพิศวงดารากาสะดุ้งสุดตัว สัมผัสถึงไออุ่นแผ่นใหญ่ด้านหลัง ท่านขุนนั่งชันเข่าเช่นกันโน้มหน้าลงลาดไหล่พ่นลมหายใจร้อนจัดขยับขึ้นใบหู เขายังไม่ถูกตัวเธอด้วยซ้ำทว่ามันทำให้เธอสั่นไปทั้งร่าง“วันนี้ออเจ้าหอมกลิ่นบางอย่าง”ดารากาเม้มปากเอียงศีรษะหนีไปอีกด้านทันทีเมื่อขอบปากหนาจดลงลำคอระหง ก่อนที่เขาจะขยับออกห่าง เธอได้ยินบทสวดดังขึ้นอีกครั้งใกล้ใบหูขุนอัครเดชหยิบมีดลงอาคม มีดสองคมส่องประกายวาววับทำจากเหล็กน้ำพี้ดำสนิททว่าสะท้อนเงาล้อแสงไฟดั่งกระจกเง

  • พันธะสวาทจอมเวทย์ [18+, พีเรียดอีโรติก]   ตอนที่ 10 วันส่งตัว

    ตอนที่ 10 วันส่งตัวเช้าวันรุ่งขึ้น ณ เรือนบวรเวทย์เรือนไทยสูงตระหง่านตรงกลางแมกไม้หนาทึบ กลิ่นดอกกาสะลองชัดกว่ากลิ่นใด ในขณะที่ดารากาเยื้องย่างมาถึงยังเรือนแห่งนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ร่างอรชรในชุดบ่าวสีน้ำตาลโจงกระเบนเนื้อหยาบพันผ้าคาดอกเผยผิวนวลผิดไปจากทาสคนอื่น ปิดคลุมหน้าด้วยผ้าหยาบสีน้ำตาลโพกพันถึงลำคอ นั่งเงียบถัดอยู่ด้านหลังบ่าวบัว มือรวบไว้บนพื้นค้อมตัวลงก้มศีรษะ สะดุ้งเบา ๆ ยามที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่น“ท่านขุนอัครเดช” ดารานีทักเสียงเบา“ข้าให้คนเตรียมห้องหับไว้ให้ออเจ้าแล้ว อยู่อีกชานเรือนฟากฝั่งทิศเหนือ ช่วงนี้กำลังเข้าหน้าฝนไม่ร้อนสักเท่าใด”เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าทำให้ดารากาหดขาพับเพียบเข้ามาอีกไม่รู้ตัว เธอสั่นไปหมดก้มหน้าจนเกือบติดพื้น“เจ้าค่ะ”“นำบ่าวมาเพียงเท่านี้หรือ”“เจ้าค่ะ”“แล้วบ่าวผู้นั้น ไยจึงโพกผ้า เจ้าเงยหน้า” เขาส่งเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ทว่าเพียงเท่านี้ดารากาก็ตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง หัวใจเต้นแรงกระหน่ำ หูคล้ายดับไปแล้วจึงก้มหน้างุดลงอีก“ท่านขุนเจ้าคะ บ่าวผู้นั้นชื่อชะเอม มันโดนไฟคลอกตั้งแต่ยังเล็ก ใบหน้าพิกลพิกาลนัก เลยให้มันโพกผ้าไว้ตลอดเวลาเจ้าค่ะ”“วั

  • พันธะสวาทจอมเวทย์ [18+, พีเรียดอีโรติก]   ตอนที่ 9 ใจอันหนักอึ้ง

    ตอนที่ 9 ใจอันหนักอึ้งเช้าวันต่อมา ณ เรือนศรีสงครามเรือนนอนของดารากาอยู่ห่างจากเรือนใหญ่ไม่มากนัก เป็นเรือนไม้สักทองทั้งหลังงดงามไม่แพ้กันทว่าหลังเล็กกว่าและอยู่อย่างโดดเดี่ยวแสงยามเช้าสีทองสาดเข้ายังหน้าต่างห้องนอนทอดยาวเกิดเงาบนผนัง ผ้าม่านสีขาวโปร่งปลิวตามแรงลมเอื่อย ดวงหน้าขุนอัครเดชยังติดตายากจะสลัดทิ้ง“พี่บัว”“เจ้าคะ คุณหนู”“ค่ำวานนี้เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อกับแม่กลับมากันยามใด”“ค่อนดึกเจ้าค่ะ บ่าวลอบมองข้างบันไดใบหน้าซีดเซียว ยิ่งคุณหนูดารานีคล้ายคนเป็นลมมาเจ้าค่ะ”ดารากานิ่งงันไปอึดใจ แม้นว่าไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ทว่ายังได้ชื่อว่าเป็นคนจิตใจดี กตัญญูรู้คุณ ยามนี้คนในบ้านเดือดร้อนเธอเองก็พลอยร้อนใจตาม“บ่าวเคยได้ยินเรื่องท่านขุน เขาเล่าลือกันว่าคาถาอาคมแกร่งกล้าแม้กระทั่งเสกคนให้กลายเป็นหินเจ้าคะ”“หินงั้นหรือ?” น้ำเสียงตื่นตระหนก“เจ้าค่ะ” บัวทำท่าขนลุกก่อนจะสะดุ้งโหย่งตึง ตึง ผลัวะ! จู่ ๆ บ่าวรับใช้อีกคนอายุยังน้อยเพียงสิบหกปี วิ่งตึงตังพรวดพราดเข้ามาในห้อง“คุณหนู คุณหนูเจ้าค่ะ”“อะไรแม่ชะเอม! เดินเหินให้เบาฝีตีนสักหน่อย ใครได้ยินจะหาว่าบ้านนี้ไม่สั่งสอนบ่าวไพร่” บ

  • พันธะสวาทจอมเวทย์ [18+, พีเรียดอีโรติก]   ตอนที่ 8 เจ็ดวันครา

    ตอนที่ 8 เจ็ดวันคราขุนอัครเดชยืดเรือนกายเคร่งเครียด ในเพลานี้เขาตระหนักแล้วว่าหลวงพิริยเดชหมายถึงสิ่งใด การถอนคำสาปแช่งอาคมแกร่งกร้าวที่ไร้ผู้สืบทอดจนหาต้นตอมิได้ มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น คือ ตาย!!“ท่านหมายใจจะให้ธิดาท่านสิ้นชีวาหรือ?”เขาพุ่งคำถามทันทีไม่รอช้า จ้องดวงตาคุณหลวงที่แฝงความกังวล ใบหน้าหมองคล้ำ“มิได้ท่านขุน ข้ามิได้ต้องการให้ดารานีต้องตาย”“ถ้าเช่นนั้น ท่านหมายถึงการหาตัวตายตัวแทน ใช่หรือไม่”“ท่านขุนเก่งฉกาจนัก เดาใจข้าได้ถูกต้อง”ขุนอัครเดชนิ่งอึ้ง สิ่งที่เขาคาดเดามิได้เก่งกาจอันใด ทว่าการถอนคำสาปมีอยู่เพียงไม่กี่วิธี ดังนั้นการหาตัวตายตัวแทนย่อมดีกว่าให้ธิดาต้องตายดับ“ข้าอาจมิได้เก่งกาจอันใด ขอหลวงท่านขยายความด้วยเถิด”ขุนอัครเดชหยิบน้ำขึ้นจิบทันที ลำคอแห้งผากกะทันหัน เพราะภายในใจนั้นรู้เต็มอกว่าต้องทำเยี่ยงไร ภาพในห้วงสำนึกเพลานี้จึงเป็นภาพที่มิควรเห็น พยายามไม่จดจ้องดวงหน้างดงามที่เอาแต่ก้มหน้า“โหรหลวงท่าน...ข้านี้กระดากปากยิ่งนัก เป็นถึงพ่อคนแม่คนแต่ต้องพูดเยี่ยงนี้ให้บุตรีเสียชื่อ ทว่าหากไม่กระทำเยี่ยงนี้ข้าเองก็จนปัญญา”หลวงพิริยเดชเอ่ยถ่อมตัวเล็กน้อย“ข้าต้

  • พันธะสวาทจอมเวทย์ [18+, พีเรียดอีโรติก]   ตอนที่ 7 เรือนบวรเวทย์

    ตอนที่ 7 เรือนบวรเวทย์ด้วยความสุขุมอย่างบุตรสาวคนโตทำให้มองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และแม้นว่าคุณหลวงกับคุณหญิงจะรักลูกสาวคนนี้ปานใด ทว่าความรักนี้คงยังมิสู้ความรักในตัวกลัวตายตระกูลล่มสลาย“เป็นเจ้า ดารานี ลูกรักของแม่ ฮื้อ...” พูดจบจันทร์ฉายหยิบผ้าไหมผืนเล็กปาดน้ำตา “พ่อเจ้านัดกับท่านขุนอัครเดชไว้บ่ายนี้ จะไปขอความช่วยเหลือ”สองฝาแฝดลอบมองหน้ากันสีหน้าไร้สีเลือดปากสั่น ก่อนแฝดพี่จะเป็นคนเอ่ยถาม“แล้วลูกคนใดกัน เป็นลูกคนใดที่ต้องไป”“ดารานี เจ้าเป็นคนต้องคำสาป เจ้าต้องไปด้วยตนเองให้ท่านขุนเห็นหน้า หากท่านขุนมีใจเมตตา พวกเราจะหลุดพ้นจากคำสาปนี้ตลอดไป”ดารานีอึ้งงัน ในทรวงอกอัดแน่นบางอย่างที่ตนต้องเป็นฝ่ายแบกความรับผิดชอบต่อดวงชะตาครอบครัว“มีใจเมตตา!! เชอะ ท่านพ่อท่านแม่พูดราวกับว่าการได้แตะเนื้อต้องตัวร่วมเตียงกับพี่นีถือเป็นโชควาสนาของเรา แท้จริงควรเป็นเขาเสียมากกว่าที่ได้ผลประโยชน์!”ตึง! คุณหลวงกระทืบเท้าลงพื้นเรือน ยกนิ้วชี้หน้า ใบหน้ากราดเกรี้ยวจนริมฝีปากบิดเบี้ยว“ดารานี!! เจ้ามันปากไพร่ คงเพราะอยู่แต่พวกชั้นต่ำจึงได้พูดจาโพล่งขึ้นเช่นนี้ อย่าหวังเลยว่าจะได้ออกไปใช้ปากเยี่ยงนี้กั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status