Share

บทที่ 3

Aвтор: กวักทรัพย์เข้ากรุสมบัติ
คนที่โทรมาคือพี่ชายคนสนิท ทั้งสองจบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์แห่งเดียวกัน แต่เขาจบก่อนเธอสองปี เขาเคยไปเรียนที่ต่างประเทศ และตอนนี้ก็มีชื่อเสียงมากในจีน

เขาดูแลตัวเองอย่างดีมาโดยตลอด

ดังนั้นจึงถือได้ว่าทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

“ว่าไงคะ” เธอรีบรับสายอย่างรวดเร็ว

“พี่มีคนไข้ แต่ตอนนี้พี่ติดธุระด่วนไปไม่ได้ เธอช่วยไปแทนพี่หน่อยสิ”

ซ่งหยุนหยุนเหลือบดูนาฬิกา วันนี้เธอไม่มีเคสรักษาคนไข้นอก ช่วงบ่ายมีผ่าตัดสองเคส ดังนั้นเธอจึงว่างในช่วงเช้า “โอเคค่ะ”

“ที่อยู่คือ สวนกุหลาบ เฟสเอ ห้องสามศูนย์หก เธอแค่บอกเขาว่ามาหาคุณฮั่ว คนเฝ้าประตูจะแจ้งเอง”

“อืม”

“อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ และอย่าถามคำถามอะไรมาก เธอแค่รักษาเขาก็พอ” ฝั่งนู้นกำชับมา

“เข้าใจแล้วค่ะ”

ซ่งหยุนหยุนรับปาก หลังจากวางสายโทรศัพท์ เธอก็นั่งแท็กซี่ไปยังสถานที่แห่งนั้น

ที่แห่งนี้คือเขตพื้นที่ระดับไฮเอนด์ ที่มีการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับสูง

คนเฝ้าประตูกันเธอไว้ เธอจึงบอกว่ามาหาคุณฮั่ว คนเฝ้าประตูจึงโทรไปยืนยันก่อนที่จะให้เธอเข้าไป

เธอกดกริ่งที่ห้องสามศูนย์หก

ประตูเปิดอย่างรวดเร็ว

ฮั่วซุนขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เสิ่นจือเฉียน “คุณคือ...”

ซ่งหยุนหยุนเข้าใจสิ่งที่เสิ่นจือเฉียนพูดแล้วว่า ผู้ป่วยรายนี้ดูเหมือนจะให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวมาก และเธอก็ไม่อยากทำให้ตัวเองมีปัญหาเพราะเรื่องนี้ เธอจึงสวมหน้ากากอนามัยไปด้วย

“หมอเสิ่นให้ฉันมาที่นี่แทนเขาค่ะ”

ฮั่วซุนเหลือบมองชุดปฐมพยาบาลในมือของเธอ “คุณรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?”

“รู้ค่ะ หมอเสิ่นแจ้งฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่บอกใครแน่นอนค่ะ”

ฮั่วซุนคิดว่าเสิ่นจือเฉียนคงไม่เรียกใครมาซี้ซั้ว จึงอนุญาตให้เธอเข้าไปข้างใน

เขาพาซ่งหยุนหยุนเดินผ่านโถงรับแขกขนาดใหญ่ ขึ้นไปยังชั้นสองก่อนจะถึงห้องนอน

ในห้องปิดไฟมืดสนิท เธอจึงเอ่ยถามว่า “ปิดไฟมืดขนาดนี้ หมอจะรักษาได้ยังไงคะ?”

เมื่อเจียงเหยาจิงได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง จึงดึงเสื้อคลุมที่โยนทิ้งไว้ข้าง ๆ มาปิดใบหน้าของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เปิดไฟ”

ฮั่วซุนเปิดไฟ

จู่ ๆ ภายในห้องก็สว่างขึ้น

ซ่งหยุนหยุนรู้สึกคุ้นเสียงนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เธอเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง เลือดบนเสื้อเชิ้ตสีขาวแห้งเหือดกลายเป็นสีแดงเข้ม

เธอไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดแค่มาที่นี่เพื่อรักษาคนไข้

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้ใครรู้ตัวตน ดังนั้นเธอเองก็ระวังตัว

เธอวางชุดปฐมพยาบาลไว้บนโต๊ะ แล้วเปิดฝากล่องออก จากนั้นหยิบกรรไกรแพทย์ออกมาตัดผ้ากอซบริเวณแผลที่บาดเจ็บ

ไม่นานเธอก็เห็นว่าบาดแผลมีการรักษาด้วยผ้ากอซธรรมดา ๆ เท่านั้น พอตัดผ้ากอซออกก็พบว่าบาดแผลถูกแทงสองแผลทางด้านขวาของซี่โครง

เธอทิ้งกรรไกรและทำความสะอาดแผลอย่างเชี่ยวชาญ

การเคลื่อนไหวของเธอเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

“คุณแพ้ยาชาหรือเปล่าคะ?” เธอถาม

ถึงแม้จะตรวตสอบแล้วว่าบาดแผลไม่ลึก และข้างในไม่เสียหาย แต่ยังก็ต้องเย็บแผล

ต้องใช้ยาชาเฉพาะที่

น้ำเสียงของเธอนิ่งสงบ แตกต่างจากน้ำเสียงตื่นตระหนกเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นถึงแม้จะได้ยินเสียงของเธอ เจียงเหยาจิงก็ฟังไม่ออก

เขาเชื่อมั่นในฝีมืออันคล่องแคล่วของเธอ จึงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่แพ้ครับ”

ซ่งหยุนหยุนผสมยาชาแล้วฉีดบริเวณที่ต้องการเย็บ

ผ่านไปสองนาทียาชาออกฤทธิ์ เธอจึงเริ่มลงมือเย็บแผล

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เรียกได้ว่าเร็วมากเลยทีเดียว

มือของเธอติดเลือด “ฉันขอเข้าไปล้างมือในห้องน้ำนะคะ”

“ชั้นล่างมีห้องน้ำ คุณไปใช้ได้เลยครับ” ฮั่วซุนกล่าว

เธอเดินออกไป

หลังจากแน่ใจแล้วว่าเธออยู่ชั้นล่าง ฮั่วซุนจึงปิดประตูแล้วเดินกลับเข้ามา

“รู้ข้อมูลแล้วครับ คนเมื่อคืนนี้มาจากฝ่ายมู่ฉิน อาจเป็นเพราะคุณกำจัดสายลับทั้งหมดที่เธอจัดตั้งในบริษัทออกไปหมด เธอจึงจนตรอกและต้องการฆ่าคุณ”

เจียงเหยาจิงลุกขึ้นนั่งบนเตียง เสื้อผ้าของเขาดูไม่เรียบร้อย แต่ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บควรจะอยู่ในช่วงอ่อนแอ กลับมีรัศมีทรงพลังอย่างน่าประหลาดใจ

เขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเคร่งขรึมราวกับสระน้ำลึก “ผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า?”

ฮั่วซุนชะงักก่อนกระซิบว่า “ใช่ครับ ผมตรวจสอบพบว่าเธอติดต่อกับซ่งลี่เฉิง เรื่องนี้ดูมีลับลมคมใน ซ่งลี่เฉิงระบุชื่อของคุณในการแต่งงานครั้งนี้อย่างชัดเจน กลับไม่ใช่เจียงเหยาเทียน เป็นไปได้ว่าเธอคือคนบงการ”

“เธอให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับฉันหลายต่อหลายชิ้นแล้ว ถ้าฉันไม่ให้อะไรเธอตอบแทนสักหน่อยจะดูเหมือนฉันไม่รู้จักบุญคุณ” เขาแค่ออกนอกประเทศไปทำธุระ แต่กลับมีคนใช้ประโยชน์จากการที่เขาไม่อยู่ทำให้เกิดปัญหามากมาย

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเฉยเมย แต่กลับหยุดความเย็นชาที่อยู่ลึกเข้าไปนัยน์ดวงตาของเขาไม่ได้ “ฉันได้ยินมาว่าเจียงเหยาเทียนเปิดคลับชื่อ เสน่หา อยู่แถว ๆ ถนนจงซิน”

ฮั่วซุนเข้าใจทันที “ไม่มีที่สำหรับพวกเขาในบริษัทอีกต่อไปแล้ว พวกเขาได้รายได้จากคลับแห่งนั้น ถ้าถูกปลดออก ผมคิดว่าชีวิตของพวกเขาในอนาคตจะต้องแย่ ๆ”

“ไปเถอะ” เจียงเหยาจิงพูดเบา ๆ

ขณะที่ฮั่วซุนเดินลงไปชั้นล่างซ่งหยุนหยุนก็กำลังจะขึ้นไปชั้นบนพอดี

ฮั่วซุนรู้ว่าเสิ่นจือเฉียนคงบอกเธอแล้วก่อนที่จะส่งเธอมา พูดได้ว่าเป็นทั้งคำสั่งและคำเตือน “ถ้าเรื่องในวันนี้หลุดออกไป คุณได้ตายอย่างไร้เกียรติแน่นอน”

หากข่าวเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเจียงเหยาจิงไปถึงหูของมู่ฉินและเจียงเหยาเทียน เธอต้องแย่แน่ ๆ

“ฉันจะเก็บเป็นความลับค่ะ” ซ่งหยุนหยุนก้มหัวลง “ฉันจะไปเอาชุดปฐมพยาบาลแล้วกลับเลยค่ะ”

เธอขึ้นไปชั้นบนเห็นชายคนนั้นหันหลังอยู่ที่ประตู เสื้อเปื้อนเลือดบนตัวของเขาถูกถอดออกเผยให้เห็นแผ่นหลังบางและกว้าง เอวเล็กแทบจะไม่มีไขมันเชื่อมต่อกับแนวบั้นท้ายหนาได้สัดส่วน ดูแข็งแกร่ง

“ยังไม่จากไปเหรอ?” ชายคนนั้นไม่ได้หันกลับมา แต่ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมอง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉี่ยยช้าผสมกับเหน็บแนม

ซ่งหยุนหยุนพลันก้มศีรษะลงทันที เมื่อสักครู่เหมือนเธอตกอยู่ในภวังค์
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 270

    เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 269

    ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 268

    เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 267

    ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 266

    พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 265

    ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status