: ลู่จิน
ฉันเดินรากกระเป๋าเดินทางของตัวเองขึ้นมายังห้องพักตามที่พี่หลินอี้บอกหลังจากสามารถสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ เมื่อได้มองสำรวจไปรอบตัวบ้านแล้ว บ้านหลังนี้เป็นสไตล์เนเซอร์รัลสองชั่นที่ผสมผสานความทันสมัยและความร่มรื่นได้ดีโทนสีของบ้านจะออกเป็นโทนดำเสียมากกว่าแสดงถึงรสนิยมดิบเถื่อนของเจ้าของบ้านได้ดีเลยทีเดียว ห้องของฉันเป็นห้องนอนกว้างที่มีชั้นลอยที่เดินขึ้นไปเป็นที่นอนส่วนด้านล่างจะถูกตกแต่งไว้ให้เป็นที่พักผ่อนโดยมีเบาะนุ่มเป็นวงกลมขนาดใหญ่กว่าตัวคนวางอยู่ตรงกลางห้อง พอลองได้นอนลงไปก็รู้สึกว่านุ่มดูดวิญญาณใช้ได้เลย แค่มีเจ้าเบาะนี้ฉันไม่จำเป็นต้องขึ้นไปนอนบนเตียงก็ได้ เดินมาที่มาอีกหน่อยก็เจอเจ้ากับหน้าต่างใต้ชั้นลอย พบว่าผนังส่วนนี้สามารถเปิดเลื่อนออกไปเจอระเบียงเล็กๆ ที่พอให้เดินไปยืนรับลมด้านนอกพร้อมชมวิวที่ตอนนี้มีแต่ความมืดได้ ก็เขาดันสร้างมันห่างจากบ้านคนขนาดนี้จะเห็นอะไรได้ละ… ก่อนหน้านี้ฉันลองโทรหาครอบครัวเพื่อเช็กว่าคำพูดของพี่หลินอี้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า สรุปว่าทุกคนปิดเครื่องหนีฉันเรียบร้อย!... ใช่! ฉันถูกตัดหางปล่อยวัดเรียบร้อยแล้ว ครอบครัวฉันไว้ใจให้ฉันมาอยู่บ้านผู้ชายได้ยังไงกันถึงเขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นก็เถอะ คิดแล้วก็เศร้าจริงๆ "จนแบบจนจริงๆ แล้วสินะ..." ฉันได้แต่พยายามคิดหาวิธีหาเงินจุนเจือตัวเองเพราะดูจากพฤติกรรมของพี่หลินอี้แล้วเขาดูไม่ค่อยจะอยากรับฉันมาอยู่เท่าไรหรอก จะให้ฉันแบมือขอเงินเขาก็คงไม่ใช่เรื่อง... ฉันต้องหางานทำ แล้วเก็บเงินไปเช่าห้องอยู่ถึงที่นี่จะเป็นบ้านที่น่าอยู่มากแค่ไหนแต่จะให้อยู่ในสถานะผู้อาศัยตลอดหนึ่งปีมันก็ค่อนข้างละอายใจ คิดได้แบบนั้นฉันก็เอาโทรศัพท์กดหาข้อมูลการรับสมัครงานตามเว็บต่างๆ ซึ่งมันก็มีทั้งงานที่ฉันพอจะทำได้และทำไม่ได้ แต่ฉันต้องคำนึงถึงระยะทางการเดินทางด้วย ถ้าจะนั่งรถประจำทางไปทำงานมันก็ได้อยู่หรอกแต่เงินค่ารถนี่สิ...ที่มีอยู่คงพอได้แค่ไม่กี่วัน "เอ๊ย งานนี้มันสถานที่ตั้งมันอยู่ตรงข้ามบริษัทตระกูลจางเลยนี่" ฉันถึงกับเด้งตัวยืนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ งานที่เจอมันเป็นคาเฟ่ของหวานที่อยู่ตรงข้ามบริษัทของพี่หลินอี้พอดี ถ้าได้งานนี้ฉันก็ไม่ต้องคำนึงถึงการเดินทางแล้ว! เพียงฉันหน้าทนขอติดรถเขาไปทำงานเพียงเท่านี้ก็ประหยัดเงินค่าเดินทางไปได้เลย เยี่ยม! "เอาละ ฉันเลือกงานนี้!" : เช้าวันต่อมา ฉันแต่งตัวลงมานั่งรอพี่หลินอี้ที่โซฟาด้านล่างตั้งแต่เช้าเนื่องจากกลัวจะไม่ทันเวลาเขาออกไปทำงาน แต่วันนี้มันช่างน่านอนเหลือเกิน...บ้านหลังนี้บรรยากาศดีชะมัดเลย ฉันจะเผลอหลับก่อนที่เขาจะลงมาไหมนะ... ตึก ตึก นั้นมัน..เสียงคนเดินลงบันได "โหะ มาแล้ว!" ฉันเด้งตัวขึ้นยืนยิ้มหวานให้ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกับชุดสูทที่พาดอยู่บริเวณแขน เขากำลังเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับมองฉันด้วยสายตานิ่งเรียบราวกับมองไม่สนใจและเดินผ่านฉันไปเฉยเลย ทำให้ฉันต้องรีบเดินตามไปเกาะแขนเขาไว้อย่างถือวิสาสะ "อะไร...จะขอเงินเหรอ?" "เปล่า เงินยังมีอยู่นิดหน่อยแต่จะขอติดรถไปด้วย" พี่หลินอี้หยุดเดินก่อนจะหันมามองฉันตรงๆ ด้วยสายตาดุ "ไม่มีเงินยังจะออกไปเที่ยวอีก" "ไม่ได้ไปเที่ยวนะ! ฉันจะไปทำงาน" "ทำงาน? ฉันไม่รับเธอทำงานที่บริษัทฉันหรอกนะถึงประวัติเธอจะตรงสายงานแต่พนักงานไม่ได้ขาดแคลน"เขาพูดพร้อมน้ำเสียงจริงจัง จริงๆ ไม่ต้องปฏิเสธกันขนาดนั้นก็ได้นะ =_= "เปล่า ส่งประวัติไปสมัครงานไว้เมื่อคืนเขาบอกให้เข้าไปสัมภาษณ์วันนี้ แล้วมันอยู่แถวบริษัทพี่เลยจะขอติดไปด้วย" "แน่นะ ไม่ใช่ว่าสุดท้ายตามฉันขึ้นไปถึงบริษัทนะ"พี่หลินอี้ยังคงพูดด้วยความระแวง "มโนเกินไปละ ฉันหนีพี่ไปถึงเมืองไทยเลยนะคิดก่อนพูดหน่อย"ฉันแบะปากใส่คนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ แต่พอนึกขึ้นได้ว่ายังต้องพึ่งพาเขาจึงพยายามระบายยิ้มหวานกลบเกลื่อน "ให้มันจริง!" พี่หลินอี้พูดก่อนจะเดินตรงไปที่รถโดยที่ไม่ได้ห้ามฉัน นั้นแสดงว่าเขาอนุญาตให้ฉันไปด้วยได้ทีฉันก็รีบวิ่งตามเขาไปติดๆ จริงๆ เขาก็แค่วางมาดไปแบบนั้นแหละฉันรู้ว่าเขาใจดี ...... รถคันหรูแล่นมาจอดแทบริมฟุตบาทบริเวณหน้าตึกสูงเพื่อส่งหญิงสาวให้เข้าไปสัมภาษณ์งาน หลินอี้มองตามแผ่นหลังเล็กที่กำลังวิ่งตรงเข้าไปยังคาเฟ่ตรงข้ามบริษัทด้วยความสดใส มันเป็นร้านคาแฟ่ที่เหล่าบรรดาพนักงานของบริษัทเขามาใช้บริการเป็นประจำซึ่งถือว่าเป็นร้านขายดีอันดับต้นๆ ของละแวกนี้เลยก็ว่าได้ หลินอี้ได้แต่มองตามเธอด้วยความรู้สึกที่แอบเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย เธอเป็นลูกคุณหนูเอาแต่ใจขนาดนั้นจะสามารถทำงานในร้านคาเฟ่แบบนี้ได้จริงๆ น่ะเหรอ...จะสามารถทนแรงกดดันของงานได้จริงหรือเปล่า "ไม่ใช่เรื่องของแกสักหน่อยจางหลินอี้ ยัยนั้นโตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว" คิดได้แบบนั้นเขาก็เลี้ยวรถเข้าบริษัททันทีที่ก่อนจะเตรียมตัวทำงานโดยตั้งใจจะไม่สนใจหญิงสาวคนนั้นอีก วันนี้เขาต้องประชุมเรื่องการสร้างมินิซีรีส์ที่กำลังหาตัวนักแสดงเขาเองก็ค่อนข้างยุ่งคงไม่สามารถสนใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นได้มากนักถึงแม้ในใจจะแอบเป็นห่วงตามหน้าที่อยู่ก็ตามอีกด้านของลู่จิน เธอกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางกลิ่นกาแฟหอมๆ และกลิ่นขนมปังอบที่ไม่ต้องกินก็รับรู้ได้เลยว่ารสชาติดี สายตาหวานก็มองสำรวจรอบตัวร้านระหว่างรอเจ้าของร้านออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจคาเฟ่เป็นสไตล์มินิมอลที่เน้นสีขาวและสีของไม้เป็นการตกแต่งหลัก ทำให้สามารถนั่งมองได้อย่างเพลิดเพลินไม่รู้สึกเบื่อแถมยังสบายตา ที่นี่แยกทุกอย่างเป็นโซนได้อย่างดีแต่ที่เธอสนใจที่สุดคงจะเป็นของตกแต่งที่มองก็ดูรู้มาจากประเทศไทยเสียส่วนใหญ่ ไม่แน่เจ้าของร้านอาจจะเป็นคนที่ชอบเมืองไทยมากก็ได้ตึง! เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจให้ลู่จินต้องหยิบมันขึ้นมาดู เจ้าของข้อความนั้นไม่ใช่ใครคือหลินอี้นั้นเอง 'โอนเงินค่าใช้จ่ายสำหรับอาทิตย์นี้ให้ ใช้อย่างประหยัด ได้งานหรือเปล่าก็บอกด้วย''จางหลินอี้'หืม? ลู่จินอ่านข้อความจากแชทของหลินอี้อย่างแปลกใจเธอไม่คิดว่าเขาจะให้เงินเธอด้วยซ้ำ ด้วยความไม่เชื่อเธอจึงรีบเข้าเช็กในบัญชีทันที 'เงินเข้า 10,xxx'"โหะ ของจริง0-0!!"ลู่จินถึงตกใจเมื่อเห็นยอดเงินเข้าที่โชว์อยู่หน้าจอ เธอไม่คิดว่าเขาจะห่วงเธอด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เมื่อเช้าเขาไม่ถามอะไรเธอสักคำ"สวัสดีค่ะ"ระหว่างที่ลู่จิ
: ลู่จินภายในลิฟต์พี่หลินอี้ยังคงมองหน้าฉันนิ่งไม่คาดสายตาแถมยังทำหน้าดุจนฉันงงไปหมดว่าไปทำให้เขาไม่พอใจตอนไหนกัน ทั้งๆ ที่วันนี้ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลยสักอย่าง"พี่จะมองฉันด้วยสายตาดุๆ นั้นอีกนานไหม?""ไม่ตอบแชท ไม่ขอบคุณ ไม่แจ้งว่าตกลงได้งานไหม...มันคืออะไรลู่จิน"เขาพูดรัวๆ แสดงถึงความไม่พอใจที่ฉันเมินเฉยต่อข้อความเขา แต่ฉันมีเหตุผลนะ...ก็คนเราทำงานวันแรกจะให้หยิบโทรศัพท์มาตอบแชทก็คงดูไม่ดี แต่ถ้าตอบเขาแบบนี้เขาจะคิดว่าข้ออ้างไหมนะ"เอิ่ม...""พูด""ขอบคุณสำหรับเงินที่โอนมาให้ค่ะ ฉันจะใช้อย่างระวัง...แล้วงานก็ได้ทำแล้วค่ะ วันนี้เริ่มงานแล้ว"ฉันพูดลากเสียงยาวพร้อมกับก้มหัวต่ำให้เขาอย่างจงใจประชด แต่ดูเหมือนหลินอี้จะไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นเลยแถมยังดูโมโหกว่าเดิมเสียอีก"ไป๋ลู่จิน...แล้วทำไมเธอไม่ตอบแชท""ฉันทำงานวันแรกนี่ จะให้มาจับโทรศัพท์มันก็น่าเกลียดพี่เป็นเจ้าคนนายคนอยากให้ลูกน้องตั้งใจทำงาน แต่ลูกน้องเอาแต่เล่นโทรศัพท์พี่จะชอบหรือเปล่าละ""อย่ามาย้อนนะ เธอแค่บอกได้งานแล้ว เลิกช่วงเย็นหรือช่วงดึกแค่นั้นมันยากเหรอ?"เขาถามฉันพร้อมคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันช้าๆ ท่าทางเขาตอนนี้ดูอยากจะตี
ตกเย็นฉันรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกสนุกมากจริงๆ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิตเลยที่ฉันทำงานขนาดนี้ เพราะช่วงที่เรียนก็มีทำงานอยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงขั้นตั้งใจทำงานแลกเงินแบบนี้พอก้มมองนาฬิกาในโทรศัพท์ก็พบว่าตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ฉันกำลังเดินข้ามถนนมาหาพี่จางหลินอี้ตามที่เขาบอก ตอนมาส่งของรู้สึกว่าพี่เจ้าหน้าที่ให้ฉันขึ้นไปง่ายมากผิดกับตอนนี้ที่เขาแจ้งฉันว่าฉันจะต้องแจ้งเหตุผลในการมาอย่างชัดเจน!แล้วจะให้ฉันบอกว่าอะไร? มาหาประธานของคุณงี้เหรอ? คงไม่มีใครเชื่อเด็กแบบฉันแน่น"งั้นฉันนั่งรอเขาด้านล่างก็ได้ค่ะ""ถ้าเพื่อนเป็นพนักงานบริษัทนี้ป่านนี้เขาคงกลับไปกันหมดแล้วละ ลองโทรหาเขาสิถ้ามีหลักฐานพี่จะให้ขึ้น"ถึงพี่เจ้าหน้าที่จะบอกแบบนั้นแต่จะให้ฉันโทรหาพี่หลินอี้เพียงเพราะต้องการขึ้นไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง ฉันเลยปฏิเสธแล้วอ้างว่าเพื่อนทำโอทีขอนั่งรอที่โซฟาด้านล่างดีกว่า"เอะ...ลู่จิน ไป๋ลู่จิน"ฉันหันไปตามเสียงเรียกจากด้านหลัง พอหันไปฉันก็ถึงขั้นต้องกระโดดโลดเต้นเมื่อคนตรงหน้าคือเพื่อนเก่าของฉันที่เคยเรียนด้วยกัน'เหมยลี่' ซึ่งเธอก็ห้อยบัตรพนักงานของบริษัทจางหลินอยู่ที่คอ"เหมยลี่ไม่ได
: บาร์หลังจากที่ลู่จินออกไปคุยโทรศัพท์เสร็จก็พยายามประคองตัวเองเข้ามาบอกเหมยลี่ให้รู้ว่าเธอต้องกลับเสียแล้ว วันนี้คงไม่ได้พักกับเหมยลี่ตามที่รับปาก แต่พอมาถึงที่โต๊ะกลับพบว่าเพื่อนสาวมีชายหนุ่มรูปหล่อนั่งติดกันอยู่"เหมยลี่...ฉันว่าฉันต้องกลับแล้ว"ลู่จินพยายามกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่ดูเหมือนวันนี้เหมยลี่จะไม่ปล่อยเธอไปง่ายอย่างใจคิดเมื่อลู่จินถูกดึงให้นั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก ก่อนเหมยลี่จะยื่นแก้วเหล้าให้เธอจนถึงปาก"ดื่มชดใช้เดี๋ยวนี้ ชดใช้ที่หายไปไม่บอกเพื่อน""อ่าา ฉันเมาแล้วเหมยลี่"ลู่จินพยายามอธิบายพร้อมใช้มือดันแก้วเหล้าให้ออกห่างตัว แค่ตอนนี้ที่เธอเป็นอยู่ก็มึนหัวจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว"น๊าาาาาา""พอดีกว่าครับ...ลู่จินดูจะไม่ไหวแล้วเอาเป็นว่าผมดื่มแทนเธอนะ"ระหว่างที่เหมยลี่คะยั้นคะยอจะให้ลู่จินดื่มให้ได้ ชายหนุ่มที่เข้ารวมนัดเดทคนหนึ่งก็แย่งแก้วเหล้าไปจากมือเล็กก่อนจะดื่มแทนลู่จินจนหมดแก้ว ทำเอาทั้งสองสาวหันมองหน้ากันทันทีก่อนที่เหมยลี่จะระบายยิ้มล้อเลียนออกมาเป็นเชิงแซวความสัมพันธ์ของทั้งคู่"เห้ ลู่จินดูเหมือนอี๋เฉินจะสนใจเธอเลย"เหมยลี่กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเพ
:จางหลินอี๋ตลอดทางกลับบ้านผมยังคงชำเลืองหางตามองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะ เพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเผลอให้อารมณ์นำเหตุผลเสียแล้ว ผมโมโหจนเผลอจูบเธอเข้าโดยที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองเผลอทำแบบนั้น…อาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้เธอพูดอะไรไปมากกว่านั้นแล้วละมั้ง เพราะยิ่งพูดคนฟังอย่างผมก็ยิ่งโมโห! เพราะทุกอย่างที่พูดมามันเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำมาก่อนผมคงไว้ใจเธอมากเกินไปพอรถจอดเทียบตัวบ้าน เมื่อหันไปมองอีกทีลู่จินก็ผล็อยหลับไปเสียแล้วอาจจะเป็นเพราะเธอเมามากนั่นแหละ ผมจึงต้องเดินอ้อมไปซ้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มอย่างระมัดระวังเพื่อจะพาเธอขึ้นห้องนอนช่วงเวลาที่ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนคนตัวเล็กก็เอาแล้วบ่นพึมพำไม่เป็นภาษาจนผมต้องแอบมองใบหน้านั้นเป็นระยะ ไม่แน่ว่าที่เธอกำลังพึมพำอาจจะกำลังด่าผมในฝันอยู่ก็ได้ที่ผมเผลอเอาเปรียบเธอไปแบบนั้นเมื่อถึงห้องนอนผมก็จัดการวางร่างเล็กลงบนเตียงนุ่มของตัวเองเพื่อให้เธอได้นอนพัก ตอนแรกก็กะว่าจะพาเธอไปนอนที่ห้องแต่ก็กลัวว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะไม่ยอมตื่น แบบนั้นคงไปทำงานไม่ทันแน่น ยิ่งเพิ่งจะได้งานแบบนี้ขืนวันที่สองไปสายละก็คงไม่พ้นถูกไล่ออก"แล้วชุดสา
รถแล่นจอดเทียบริมฟุตบาทหน้าคาเฟ่… ไป๋ลู่จินกำลังจะเปิดประตูลงรถเพื่อเข้างานแต่ต้องชะงักไปเมื่อประตูยังถูกล็อกหญิงสาวจึงหันมามองเจ้าของรถตาขวางเพราะเธอรู้ว่าเขาตั้งใจแกล้งแน่นอน"ไม่เปิดเหรอ? ให้ฉันทะลุประตูไปเหรอ?"ไป๋ลู่จินที่ยังหงุดหงิดกับคำบ่นของชายหนุ่มจึงประชดเขาไปอีกรอบ จางหลินอี้จึงได้แต่หัวเราะในลำคอก่อนจะหันมามองใบหน้างอของหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาดุ"ประชดฉันทั้งที่ตัวเองผิดมันไม่เกินไปหน่อยหรือไงไป๋ลู่จิน""พี่เองก็เป็นผู้ใหญ่การที่เด็กทำผิดแล้วสำนึกผิด ขอโทษแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรอภัย""ที่เธอทำมันหลายกระทง ทั้งหนีเที่ยว ไปนัดบอร์ด มีผู้ชายตามติด...""อ่าาาา ก็บอกว่าไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้นเลย"ลู่จินกลอกตามองบนเพราะขี้เกียจอธิบาย ทำไมเขาเอาแต่บ่นเป็นตาแก่นักหนาก็ไม่รู้"แล้วเขาจะโทรมาได้ยังไงถ้าเธอไม่ไปเชื่อมความสัมพันธ์""ไม่รู้ จะรู้ได้ยังไงพี่ก็เห็นว่าฉันเมาจำไม่ได้หรอก""งั้นจะกินทำไม หรือตั้งใจเมาเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นสนใจ""หาเรื่องฉันตลอด เดี๋ยวโมโหก็จูบฉันอีกนิสัยไม่ดี"ไป๋ลู่จินพูดก่อนจะสะบัดตัวหันหนีไปทางกระจกอย่างไม่พอใจ เมื่อเธอพูดแบบนั้นหลินอี้ก็ถึงกับนิ่งไปใ
เวลาพักกลางของไป๋ลู่จินได้หมดความสงบสุขไปแล้วเรียบร้อย เมื่อจางหลินอี้เอาแต่โทรจิกให้เธอมาส่งกาแฟอยู่ได้ทุกห้านาที! พอเธอบล็อกการติดต่อของเขา เขาก็ให้เลขาโทรเข้าเบอร์ร้านจนโชนถึงขั้นให้เธอรีบออกมาส่งได้ก่อนเวลาพัก ซึ่งตอนนี้เธอก็อยู่ในลิฟต์พร้อมเอสเปรสโซเย็นในมือด้วยความหงุดหงิด ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจจะไม่มาแล้วแท้ๆ เชียวกลับต้องมาเพราะความปั่นประสาทของหลินอี้ตึง ประตูลิฟต์เปิดออกลู่จินก็ได้แต่ยืนมองซ้ายมองขวาหาห้องทำงานของหลินอี้ เพราะนี้เป็นยังไม่หมดเวลาพักเที่ยงทำให้ยังไม่มีพนักงานกลับมาอีกทั้งบริษัทนี่ก็กว้างใหญ่จนต้องใช้วิธีเดินหาลู่จินเลยเดินอ่านตามป้ายหน้าห้องไปเรื่อยๆ ไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธอจากด้านหลัง"แฮ!""ผีหลอก!!"ลู่จินต้องใจจนสะดุ้ง แต่เมื่อเธอหันไปมองต้นเสียงก็ยิ่งทำให้เธอหน้าซีดไปใหญ่เมื่อคนที่มาสะกิดเธอนั้นไม่ใช่ใครแต่กลับเป็นเหมยลี่เพื่อนรักเธอเองเหมยลี่ที่ได้เห็นเพื่อนรักในชุดยูนิฟอร์มของร้านก็ตื่นเต้นใหญ่มองสำรวจเธอไปทั่วทั้งตัวอย่างสนใจ"โห แกทำงานที่คาเฟ่พี่โชนเหรอ สุดยอดร้านนั้นเจ้าของหล่อมาก""ชะ ใช่ๆ พะ พักเสร็จเร็วเนอะ"ลู่จินยังคงพูดต
หลังจากกินข้าวเที่ยงกันเสร็จหลินอี้หันมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองพบเวลาก็ยังเหลืออยู่นิดหน่อย แถมหญิงสาวตรงหน้าพอกินอิ่มตาก็ผล็อยจะหลับแต่ยังคงทำเป็นนั่งมองนู่นนี่เพื่อทำให้ตัวเองตื่นตัว "ไปนอนโซฟาดีๆ""ฉันไม่ใช่เด็กสะหน่อยที่กินอิ่มแล้วต้องนอนหลับ"หลินอี้ทนเห็นลู่จินปากแข็งต่อไปไม่ไหวทั้งๆ ที่ดูง่วงขนาดนั้นเลยจัดการเดินเข้าไปซ้อนตัวเธอขึ้นแล้วอุ้มตรงไปที่โซฟากว้าง ลู่จินที่ตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วของเขาก็ได้แต่กอดคอคนตัวสูงไว้แน่นเพราะกลัวว่าเขาจะแกล้งโยนเธอลงโซฟาแต่เปล่าเลยเขาค่อยๆ วางร่างเธอลงบนโซฟาเบาอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอาหมอนอิงมารองหัวให้ราวกับพ่อเอาลูกเข้านอนทำเอาลู่จินถึงกับสับสนในการกระทำที่แปลกไปของเขา"มองอะไร...หลงรักฉันหรือไง?""ประสาท หลงตัวเอง!"ลู่จินแบะริมฝีปากก่อนจะล้มตัวนอนลงบนโซฟา"หึ นอนไปเถอะ""กลัวไม่ทันเวลาเข้างาน""ฉันมีประชุมตอนเธอเข้างานพอดี ตั้งเวลาไว้แล้ว""แล้วพี่จะนั่งลงทำไม"ลู่จินถามสายตาก็มองหลินอี้ที่กำลังนั่งลงบนโซฟาปลายเท้าเธอทั้งๆ ที่ยังมีโซฟาตัวเล็กอยู่ไม่ไกลกัน ก่อนที่เขาจะเอนหัวพิงขอบโซฟาแล้วหลับตาลงราวกับเหนื่อยล้าเต็มที"ฉันก็อยากพักบ้าง วันนี้
:วันต่อมาลู่จินยังคงติดรถหลินอี้มาทำงานปกติ แต่วันนี้เป็นวันแรกที่จะต้องไปออกกองซึ่งโชนจะเป็นคนขับรถไปส่งที่กองพร้อมกับขนเครื่องดื่มไปด้วย เธอจะต้องพักอยู่ที่นั่นหนึ่งคืนเพราะจะมีซีนถ่ายทำยาวถึงช่วงเย็นด้วย ถือว่าเป็นการทำงานออกพื้นที่ครั้งแรกของลู่จินเลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องเมื่อวานหลังจากที่หลินอี้ดีขึ้นเขาก็พาลู่จินออกไปหาอะไรกินด้านนอกตามปกติ แถมลู่จินยังถือโอกาสไปซื้อหมอนข้างให้เขาจริงๆ แต่พอเจ้าตัวเห็นกลับเอามันไปให้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้นแถมยังบอกว่าเขาไม่ต้องการมัน ทั้งๆ ที่ตัวเองชอบขอนอนกอดเธออยู่เรื่อยแท้ๆ ทำแบบนี้ลู่จินก็อดคิดไปไกลไม่ได้เลย"ลู่จิน...""คะ?"ลู่จินถึงกับสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ หลินอี้ก็เรียกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา"มู่อี๋เฉินเขาโทรหาเธอทำไม...""...เอิ่ม"อยู่ๆ ก็ถามเรื่องนั้นขึ้นมาแถมยังทำหน้าตาจริงจังอีกทำเอาอดคิดไม่ได้เลยว่าต้นเหตุที่เขาเมาคือเรื่องนี้ "เขาสารภาพรักกับเธอใช่ไหม""ก็...ใช่"เบรก~ พี่หลินอี้หักรถเข้าริมฟุตบาทแล้วเบรกแรงๆ จนลู่จินถึงกับต้องจับเข้าที่เบาะเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยว สายตาคมกริบจ้องมองตรงไปด้านหน้าราวกับกำลังคิดหาคำพูด แต่เป็นลู่จินเองที่เ
ลู่จินเด้งตัวลุกจากเตียงเมื่อรู้สึกถึงแสงที่ส่องแยงตาจนไม่สามารถนอนหลับอีกต่อไปได้นี่มันหมายความว่า วันนี้เธอตื่นสายเสียแล้ว!"แย่แล้ว!"ลู่จินจะรีบก้าวลงจากเตียงแต่ต้องชะงักเพราะแขนหนักของหลินอี้ยังกอดเอวเธอไว้เธอแน่น จนนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วอดจะหันมาหยิบเข้าที่แขนล่ำไม่ได้เขามักจะชอบทำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย! ชอบเอาเปรียบเธอตอนง่วงนอนเสมอเลย แต่แทนที่เจ้าตัวจะตื่นกลับทำเพียงแค่ร้องครางในลำคออู้อี้ก่อนจะนอนพลิกตัวไปอีกข้างอย่างกับนี่เป็นห้องของตัวเองเสียอย่างนั้น "พี่ไม่ทำงานหรือไง จางหลินอี้นี่มันสายแล้วนะ""อือ ไม่ทำ...หยุด"เขาพูดขณะยังซุกใบหน้าหล่อเหลาลงในผ้าห่มราวกับรู้สึกรำคาญเธอ"แล้วแต่พี่ ฉันต้องไปทำงานแล้ว""ฉันลาให้เธอแล้ว""ทำไม...""จะนอน...."ร่างของหลินอี้พลิกตัวกลับมากอดเข้าที่เอวเล็กก่อนจะขยับตัวเองมานอนหนุนตักนุ่มแทนหมอน "พะ พี่หลินอี้"ลู่จินถึงกับทำอะไรไม่ถูก ตอนแรกที่เธอยอมให้เขานอนค้างด้วยเพราะเห็นว่าเขาเมามากแต่ตอนนี้เขาควรจะสร่างแล้วสิ ทำไมมือไม้ยังเป็นปลาหมึกอยู่อีก พอได้เห็นเขาในมุมนี้ลู่จินก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เธอไม่คิดว่าคนนิ่งเงียบอย่า
ร่างสูงนั่งเหม่อลอยมองความมืดอยู่นอกระเบียงราวกับกำลังขบคิดเรื่องราวมากมาย มือข้างหนึ่งก็ยังคงถือแก้วไวน์ไว้ไม่ห่างก่อนจะค่อยๆ ยกมันขึ้นดื่มเป็นแก้วที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้...หลินอี้เชื่อว่าความเมาจะทำให้คนรู้ความในใจเขาจึงเลือกดื่มเข้าไปเสียหลายขวดในเวลาไม่กี่ชั่วโมงจนเริ่มเกิดอาการมึนเสียแล้ว ที่เขาทำแบบนี้เพราะอยากเข้าใจความรู้ตัวเองที่มีต่อหญิงสาวคนนั้น คนที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีความรู้สึกประหลาดแบบนี้กับเธอเลย แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงเขาก็ยังไม่มั่นใจ เรื่องที่เขามีอาการไม่พอใจขนาดนั้นอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ชอบการกระทำของมู่อี๋เฉินที่ดูออกหน้าออกตาก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาชอบลู่จินจริงๆแต่ถ้าขืนทำอะไรที่ไม่มั่นใจออกไปแล้วสุดท้ายผลที่ออกมากลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกชอบไป๋ลู่จินขึ้นมาเธอจะต้องเสียใจมากแน่ "ปวดหัวชะมัด"หลินอี้กุมหัวตัวเองขณะกำลังดันตัวลุกขึ้นจากโซฟาจะเดินกลับเข้าในห้อง เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมึนได้ถึงขนาดนี้เพียงเพราะไวน์ไม่กี่ขวด ร่างสูงพาตัวเองเข้ามานั่งลงบนเตียงหนากว้างที่ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกเตียงกว้างขนาดนี้ทำไมในเมื่อเขาก็ไม่มีคนนอนข้างกายเลยสักคืน คิด
: บ้านจางหลินอี้: ลู่จิน "โอ๊ย เป็นบ้าหรือไง"ฉันโวยวายเมื่อถูกลากเข้ามาในบ้านก่อนที่เขาจะผลักฉันให้นั่งลงบนโซฟาแรงๆ ก่อนหน้านี้ก็แบกฉันโยกใส่รถอย่างกับตุ๊กตา ตลอดทางก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีกด้วยเหตุการณ์มันน่าอึดอัดไปหมดแล้ว!"หัวโดยอะไร..."นี่เป็นคำพูดแรกตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ร้านที่เขาพูดกับฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาโมโหอะไรเหมือนกันถึงได้พาลไปทั่วแบบนี้หน้าของเขาก็ดูเครียดมากและยังดูมากไปอีกตอนที่เขาคุยอะไรสักอย่างกับอี๋เฉินก่อนออกมา "ชนโต๊ะ""อืม"เขาตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยาติดมือกลับมานั่งลงข้างๆ ฉัน แล้วเปิดมันออกเพื่อค้นหายาขึ้นมาทาหน้าผากให้ฉัน แต่เมื่อฉันเห็นเข้ายืนมือมาใกล้มันก็อดจะขยับหนีไม่ได้เพราะความกลัวเจ็บ จนเขาจะต้องเอื้อมมือมาจับคางฉันไม่ให้ขยับ ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะป้ายเนื้อครีมลงบนหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบา ไม่รู้เพราะความกลัวหรือความตื่นเต้นที่ถูกจับหน้า...มันกำลังทำให้ใจของฉันเต้นแรงจนกลัวว่าเจ้าของมือหนานี่จะได้ยินตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด 'มู่อี๋เฉิน'"หึ..."เขาแค่นหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงอีกครั้งเมื่อสายตาคมหันไปเห็นเบอร์ที่โชว์ขึ้นมาหน้าจอโทรศัพท์ฉัน ก่
ลู่จินยังคงทำงานไปด้วยความเหม่อลอยจากเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นดูเหมือนล้วนแล้วจะมีสาเหตุมาจากเธอทั้งนั้น แต่ที่น่าฉงนไปกว่านั้นคือ ไป๋ลู่จินยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด..."เฮอ...""พี่ลู่จิน พี่ถอนหายใจรอบที่หนึ่งล้านแล้วนะ"นกยูงมองลู่จินอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะวางของในมือแล้วตรงมาจับไหล่เธอไว้"พูดมา มีอะไรหนักใจน้องคนนี้จะรับฟังพี่เอง!"ลู่จินไล่สายตามองสำรวจใบหน้าเล็กของเด็กสาวที่ดูอยากจะช่วยหรือไม่ก็อาจจะรำคาญจนจำใจยอมรับฟัง ...เธอเล่าให้นกยูงฟังก็ดี เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเธอก็ไม่ใช่คนปากโป้งยังไงสะเรื่องนี้ก็ปรึกษาเหมยลี่ไม่ได้อยู่แล้ว "ฉันกำลังอยากรู้ว่าฉันทำอะไรผิด...""ยังไงละ?""คือฉัน...เอิ่ม...มีพี่ชายที่สนิทมากอยู่คนหนึ่งแล้วฉันก็บังเอิญไปเจอผู้ชายอีกคนหนึ่งวันที่ฉันเมา วันนั้นดูเหมือนว่าเขาจะโทรมาตอนที่ฉันหลับไปแล้ว...พี่ชายคนนั้นเขาก็รับ ฉันคิดว่ามันไม่มีอะไร...แต่วันนี้พอเขาทั้งคู่เจอกันมันดูเหมือนสงครามยังไงชอบกล""อ่าาา งั้นที่พี่สงสัยคือพี่ผิดอะไรอย่างนั้นเหรอ?""ใช่...พี่ชายที่ฉันพูดถึงเขาดูจะโกรธฉันมากที่อยู่กับผู้ชายคนนั้นแถมหลุดคำแปลกๆ ออกมาอีก
ไม่รอช้าร่างสูงเปลี่ยนทิศทางเดินตรงเข้ามาหาทั้งสองคนทันที ทำเอาพนักงานแถวนั้นรีบทำความเคารพกันจ้าละหวั่นที่เห็นประธานเดินตรงเข้ามาด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ลู่จินและมู่อี๋เฉินเห็นท่าทางที่แปลกไปของคนรอบข้างก็รีบหันกลับไปดูด้านหลังตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนที่มู่อี๋เฉินจะระบายยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร เขาคิดว่าถ้าเขาสนใจผู้หญิงคนนี้เขาก็ควรทำตัวดีต่อพี่ชายเธอเสียหน่อยผิดกับลู่จินที่เมื่อได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของหลินอี้ก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อยๆ ขยับเท้าน้อยๆ เข้าไปใกล้เพื่อถามว่าทำไมเขาถึงมายืนจ้องเธอแบบนี้"พี่...มาตรงนี้ทำไม"เสียงเล็กเอ่ยถามเบา"เธอมาที่นี่ทำไม..."แต่ต้องถูกเขาย้อนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด แถมท่าทางที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแบบนั้นลู่จินรู้ได้เลยว่าถ้าเธอเถียงเขาแม้แต่คำเดียว เขาสามารถด่าเธอได้ตรงนี้ไม่อายคน"ฉันมาทำงานค่ะ เอาของขึ้นมาส่ง""แล้ว..."หลินอี้ตวัดสายตาไปมองมู่อี๋เฉินที่ยังคงยืนยิ้มอย่างนอบน้อม"ผมมาประชุมครับ ผมได้รับบทนำเป็นพระเอก"มู่อี๋เฉินอธิบาย"ฉันรู้ว่านายคือพระเอกที่สปอนเซอร์เลือก แต่ที่ฉันถามคือ...นายมาอยู่ตรงนี้กับลู่จิน…ทำไม"การเน
บ้านซูฉวี่"ผิดแผน ผิดแผนไปหมด! น่าโมโหจริงๆ"มือเรียวระดมปาข้าวของลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด ในสมองก็ยังนึกถึงภาพสายตาที่แสดงความห่วงใยของหลินอี้ที่มองหญิงสาวคนนั้นไม่หาย "ใจเย็นๆ ก่อนซูฉวี่ ถ้าอย่างนั้นเธอไม่ต้องไปรับงานนี้ไหมล่ะ"จีจี้ผู้จัดส่วนตัวของซูฉวี่เอ่ยในขณะที่ตามเก็บข้าวของตามพื้นที่ถูกซูฉวี่ขว้างปาเพื่อระบายอารมณ์โมโห "ไม่! ฉันจะรับงานนี้การที่เขาไม่แคร์ฉันมันยิ่งทำให้ฉันอยากจะเอาชนะใจเขาให้ได้""ซูฉวี่ มันไม่เสียเวลาไปหน่อยหรือไง ถ้าเขาไม่สนใจก็คือไม่สนใจนะ""คิดหน่อยสิพี่จีจี้ ถ้าเขาเกิดหลงรักฉันขึ้นมาจริงๆ มันจะคุ้มค่าแค่ไหน?"ใบหน้าสวยระหงเชิดขึ้นอย่างมั่นใจ"อย่าลืมสิว่าเขาเป็นใครและรวยแค่ไหน"ซูฉวี่พูดอย่างภูมิใจในตัวเป้าหมายที่เธอเลือก ตอนนี้จางหลินอี้ถือว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่กำลังได้รับการยอมรับจากบรรดานักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ซูฉวี่จึงคิดว่าผู้ชายอายุยังน้อยแต่ประสบความสำเร็จขนาดนี้มันช่างน่าสนใจและเธอไม่มีทางเชื่อว่าเธอจะทำให้เขารักเธอไม่ได้"แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีใจให้ผู้หญิงคนนั้นนะ คนที่อยู่ในห้อง""ฉันถึงให้พี่ไปสืบไง แล้วตกลงเธอเป็นใคร""ไป๋ลู่จิน..
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากสองหนุ่มสาวให้หันไปมอง ภาพตรงหน้าคือนางแสดงสาวที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายในบริษัทกำลังยืนอยู่ในชุดเดรสสีแดงสดด้วยสายตาไม่พอใจนัก ด้านหลังยังมีผู้จัดการส่วนตัวที่เดินตามมาติดๆ ด้วยสีหน้าซีดเซียวบ่งบอกว่าเธอคงเพิ่งถูกดาราสาวต่อว่ามาแน่นอน ลู่จินที่เห็นความสวยของหญิงสาวตรงหน้าก็ถึงกับชะงักไปก่อนสมองจะนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือ'ซูฉวี่'นักแสดงที่กำลังโด่งดัง ผิดกับหลินอี้ที่เมื่อได้เห็นนักแสดงสาวก็ถึงกับหัวเราะในลำคอเพราะไม่คิดว่าเหยื่อจะติดกับเร็วขนาดนี้จริงๆ แล้วเขาให้ซูเฟียไปกระจายข่าวเปิดรับนักแสดงนำคนใหม่เพื่อจงใจให้ซูฉวี่รู้ว่าเขาไม่ได้แคร์ถ้าต้องเปลี่ยนตัวนักแสดง ตอนนี้เรื่องมันกลายเป็นทางซูฉวี่เองที่ต้องมาหาเขาถึงที่เพราะกำลังจะเสียงานไปแล้วจริงๆ"ประธานจางฉันขอคุยด้วยหน่อย"ซูฉวี่พูดพร้อมกับมองจ้องมายังลู่จินที่กำลังคีบไก่เข้าปาก ลู่จินเองเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ควรอยู่ตรงนี้เลยรีบเก็บข้าวของเพื่อจะออกไปแต่กลับถูกหลินอี้ดึงข้อมือไว้ก่อนจะตักปีกไก่น้ำแดงมาวางไว้ในถ้วยข้าวของเธอ"นั่งกินให้เรียบร้อย""ฉันอิ่มแล้ว..."ลู่จินพูดพร้อมชำเลือง
หลายวันต่อมาชีวิตประจำวันระหว่างลู่จินและหลินอี้ก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ ทั้งคู่ยังคงไปกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน และลู่จินยังคงมาทานข้าวเที่ยงที่หลินอี้เตรียมไว้ให้แลกกับการที่เธอต้องมาส่งกาแฟเขาทุกวันเช่นกันจนตอนนี้คนในบริษัทเริ่มจะคุ้นชินกับการมาของเธอโดยที่ทุกคนเข้าใจว่าเธอเป็นคนรู้จักของหลินอี้แต่บางคนก็บอกว่าเธอคือคนที่กำลังพยายามเข้าหาหลินอี้ซึ่งตัวเธอก็ไม่เคยคิดจะอธิบายแต่วันนี้เหตุการณ์ในบริษัทดูเคร่งเครียดกว่าปกติทุกคนเอาแต่ก้มหน้าทำงานอย่างแข็งขันและเดินสวนกันไปมาให้วุ่น ลู่จินที่เก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ไหวเลยตั้งใจเดินไปหาเพื่อนรักที่แผนเพื่อสอบถามเรื่องนี้"เหมยลี่ๆ""เอ้า มาส่งกาแฟเหรอ ทำไมมาแผนกฉันละ"เหมยลี่ถามเพื่อนรักในขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยรูปดาราสาวหลายคน ดูเหมือนเธอเองก็กำลังยุ่งไม่น้อย"เอิ่ม วันนี้ที่บริษัทดูยุ่งจังเลยเนอะ""ยุ่งสิ อยู่ๆ ซูฉวี่นางเอกที่ถูกวางตัวในมินิซีรีส์เรื่องใหม่ก็ขอถอนตัวกะทันหันอีกสองวันจะประชุมผู้บริหารแล้วด้วย ถ้าสปอนเซอร์รู้ว่าเรายังไม่มีนางเอกให้เขาอาจจะแย่ได้""เอ้า! แล้วทำไมถึงถอนตัวแบบนี้""เพราะประธานของเร