تسجيل الدخولบทที่ 2
หลุมพราง
เสียงเพลงดังคลอมาเบา ๆ ลอยเข้ามาภายในห้องวีวีไอพีเมื่อทั้งสามคนย้ายสถานที่มาพูดคุย ในคราแรกเชอเอมตั้งใจจะกลับบ้าน แต่ก็ถูกซิกก้ารั้งเอาไว้อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้นานแล้วเช่นกัน หากให้ถามว่าเธอกับซิกก้าไปรู้จักกันตอนไหน ก็คงพูดได้เลยว่าผ่านขนิษฐา ที่ครั้งหนึ่งระหว่างเรียนพากันไปเที่ยวอิตาลีและได้รับการแนะนำให้รู้จักจนสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้ เธอฟังเรื่องเล่าจากเขามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของพี่ชายอย่างเซนนิก้าที่เธอไม่เคยเจอเลยสักครั้ง กระทั่งวันนี้...เธอรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อได้สบนัยน์ตาสีอำพันคู่นั้น ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงคุ้นดวงตาคมดุคู่นั้นได้มากขนาดนี้ มากเสียจน...ไม่อยากละสายตาไปไหน
“เอม เดี๋ยวมา” ซิกก้าดึงสติของเพื่อนด้วยการชูสมาร์ตโฟนราคาแพงครึ่งแสนเชิงบอก ก่อนจะลุกออกจากห้องไปทั้งที่ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบจากเพื่อน
ทิ้งกันแบบนี้เลยหรือ เธอจะทำเช่นไรดี เขินไหม เขิน
สายตาแบบนี้จัง มีเสน่ห์ดึงดูดให้อยากขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อดูให้ชัดเสียจริง ทำยังไงดีนะ เธออยากสบดวงตาคู่นี้ไปทั้งคืนเลย ไม่รู้ว่าความคิดที่ผุดขึ้นมานั้นเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือมันมาจากความรู้สึกจริง ๆ ของเธอ หรืออาจเป็นเวทมนตร์กันนะที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างดึงดูดให้เธออยากขยับทั้งตัวทั้งใบหน้าเข้าไปใกล้เขามากกว่านี้ เธอเหมือนถูกสะกดจริง ๆ นั่นแหละ เพราไม่ใช่แค่คิด แต่เธอกำลังทำมัน!
“เธอเองก็เปิดบาร์ ทำไมมาเที่ยวไนต์คลับ” เขาย้ำถามอีกครั้ง
ดวงตาคมดุยังคงสบดวงตาหวานที่ปรือตามองมาด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จำนวนมากที่เริ่มเล่นงานสาวเจ้า พลันรอยยิ้มขันก็ยกขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“เอม...เอมไม่ได้อยากนั่งชิลล์” เธอตอบเสียงยานครางเล็กน้อย
ทว่าน้ำเสียงของเธอเล่นงานเขาให้แล้ว!
มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดและเส้นเอ็ดปูดโปนขึ้นมา ความ
อึดอัดแล่นปราดไปทั่วสรรพางค์จากจุดกึ่งกลางกาย ขบกรามเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดขึ้นทีละน้อย...ทีละน้อย ยิ่งทวีคูณเมื่อเธอขยับกายมาใกล้ พลางยื่นใบหน้าเข้าหาอย่างไม่ทันตั้งตัว ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ ดวงตาหวานยังคงจ้องอย่างพินิจพิจารณาเข้ามาในนัยน์ตาของชายหนุ่มเซนนิก้าแปลกใจตัวเอง ชายหนุ่มไม่เคยเป็นเช่นนี้ หากพบว่าอีกฝ่ายทำตัวเป็นนักล่าในยามที่เขากำลังออกล่า เขาจะผละออกห่างทันที แต่ไม่รู้ทำไมเป็นเธอคนนี้ถึงนึกอยากลองดูว่าเธอจะทำเช่นไรต่อไป จังหวะที่เธอกะพริบตาเพ่งมา มองตรงเข้ามาในนัยน์ตาสีอำพันราวกับภาพสโลว์โมชัน ส่งผลถึงก้อนเนื้อเต้นระรัวราวกองศึก มือเรียวเล็กที่ยกขึ้นมานาบลงบนแก้มทั้งสองเรียกสายตาให้เขามองทุกขณะที่มือเคลื่อน แล้วจึงสบนัยน์ของหญิงสาวอีกครา
เขากำลังจะบ้าคลั่ง!
เธอมีอิทธิพลต่อเขาในระดับที่รุนแรงมาก มากจนเขาแทบทานทนไม่ไหว ในเวลาเดียวกันนั้น เชอเอมเอาแต่จ้องเขา ไม่ใช่เธอไม่มีสติ เธอรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เพียงแต่ควบคุมไม่ให้ทำไม่ได้มากกว่า เธอรู้ว่ากำลังเสียมารยาทที่ถือวิสาสะเอามือไปนาบแก้มเขา
นัยน์ตาคู่นี้...เธออยากมองมันให้ชัด...ชัดกว่านี้
เธอคุ้นมาก มากจริง ๆ ดวงตาหวานที่ปรือยังคงจ้องแล้วพยายามนึกให้ออกว่าเคยสบตั้งแต่เมื่อไรกันนะ ไม่ใช่ซิกก้าเป็นแน่ รายนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง
แต่...ยิ่งมองยิ่งสั่นไหวจังหัวใจ
เคยเจอที่ไหนกันนะ...เชอเอมพึมพำกับตัวเองภายในใจ พลางครุ่นคิดหาคำตอบจนนึกย้อนกลับไปทีละปีที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ กระทั่งความทรงจำที่ไหลย้อนกลับมาในเวลาที่เธอได้ไปอิตาลีเพื่อผ่อนคลายจากการเรียนตัวคนเดียว และได้พบกับคนหนึ่งที่บังเอิญเดินชนอย่างไม่ได้ตั้งใจ เป็นวันที่เธอลืมเลือนไปนานมากแล้ว ลืมไปจนกลับมาจำได้อีกครั้งในเวลาอันรวดเร็วเพราะเธอได้ ‘บางอย่าง’ จากเขาคนนั้นกลับมาเก็บไว้แล้วทำมันหายไปอย่างไม่ได้กลับคืนมาในวันที่เห็นเขากับคนรัก
‘ขอ...เอ่อ ขอโทษค่ะ นี่ของคุณ’
เชอเอมชะงักเมื่อได้สบสายตาสีอำพันของเขา พลันหัวใจกระตุกสั่นไหวรัวขึ้นมา หลงมองลึกเข้าไปในนัยน์สีสวยนั่นอย่างละสายตาไม่ได้ จนกระทั่งเสียงเรียบเรื่อยเอ่ยตอบกลับ
‘เอาไปเถอะ’
‘ดะ เดี๋ยว ของคุณนะ มาให้กันทำไม’
จำ...จำได้แล้ว
ผู้ชายคนนั้นและคนนี้
“รักแรกพบ ใช่...ใช่จริง ๆ สินะ” เธอพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว สายตายังคงจับจ้องเขาไม่วางตา
เซนนิก้าชะงัก ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหมดอารมณ์เสียเลย มีแต่ปะทุขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะเสียงของสาวเจ้าที่เซ็กซี่อย่างที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว มือหนาวางลงบนต้นขาขาวนุ่มที่โผล่พ้นเดรสรัดรูปสีแดงเว้าหลังจนถึงเอว ปลายนิ้วขยับวนลูบไล้อย่างหลงใหล สายตายังคงสบกับดวงตาหวานที่มองมาแล้วยิ้มเล็กน้อยด้วยความดีใจคล้ายเจออะไรบางอย่างที่หายไปนานแสนนานแล้วกลับมาเจออีกครั้ง แต่ทว่า ชายหนุ่มไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเขาคือเสือที่กำลังล่าเหยื่อให้มาตกหลุมพรางที่ขุดเอาไว้
เพียงเสี้ยววินาที ริมฝีปากบางทาบทับลงบนริมฝีปากอิ่ม มืออีกวางทาบทับลงบนแผ่นหลังเนียนนุ่มรั้งกายสาวให้ใกล้ชิด สอดมือเข้าใต้กระโปรง ลูบไล้อย่างอ้อยอิ่งเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยให้เขาได้รุกล้ำเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้มลองความหอมหวาน
หวาน
เขาอุทานขึ้นมาในใจเมื่อได้ลิ้มลอง ลิ้นร้อนยังคงทำหน้าที่ไม่ต่างไปจากมือที่เคลื่อนขึ้นสูง พลางโน้มทาบทับขึ้นคร่อมคนร่างเพรียว มือหนาสัมผัสได้ถึงเนื้ออูมที่อยู่ภายใต้ชั้นในตัวบาง เขาอยากหยอกเย้าให้เธอวาบหวาม ปลายนิ้วยังคงไล้วนอยู่บริเวณท้องน้อยของสาวเจ้าที่หดเกร็งเป็นระยะ ๆ จนรู้สึกได้ว่าเธอคงวาบหวามไปกับสัมผัสของเขา ริมฝีปากบางทำหน้าที่ได้ดีจนคนร่างเพรียวครางต่ำในลำคอ เกี่ยวกระหวัดลิ้นจูบตอบอย่างไม่ยอมแพ้ด้วยความสันทัด มือเล็กไล่ลูบขึ้นไปตามแขนแกร่งแล้วโอบรอบลำคอ ขยุ้มเส้นผมนุ่มยามสอดนิ้วเรียวทั้งห้าลากผ่านเส้นผมนุ่มของเขา
เธอทำเขาแทบบ้า
มีหรือเธอจะยอมอยู่เฉย แค่ยอมให้เขาป้อนด้วยช้อนของเขายังไม่พอหรอก คิดได้แล้วมือเล็กก็ใช้ช้อนตัวเองตักเนื้อปลากะพงยื่นไปตรงหน้าเขาทันที เขามองสาวเจ้าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดอะไร อ้าปากรับเนื้อปลากินทันที ทั้งสองผลัดกันป้อนบ้าง กินข้าวกันเองบ้าง จนอาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยงและพากันออกมาจากร้านอาหารก็เกือบบ่ายโมงแล้วแดดจ้ากำลังพอดี แต่ไอความร้อนก็ทำให้คนที่กำลังเดินไปตามทางถนนเหงื่อตกจนกระทั่งเดินไปเจอกับร้านเล็ก ๆ ของชาวบ้านซึ่งตั้งขายน้ำแข็งใส แต่ทว่าด้านหน้าร้านตั้งป้ายว่า ‘โอ้เอ๋ว’ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ไม่วายคว้าแขนของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังร้านที่เป็นเป้าหมายทันที ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงร้าน“โอ้เอ๋วคืออะไรเหรอคะ ไม่ใช่น้ำแข็งใสเหรอคะ” ถามออกไปด้วยความสงสัยเต็มประดา“หม้ายช่าย โอ้เอ๋วคือวุ่น หรอยแรง ลองกินม้าย” คนขายพูดภาษาใต้ตอบกลับมา“ขอสองถ้วยค่ะ” สาวเจ้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไร แต่ค่อยกลับไปหาข้อมูลก็ไม่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เรื่องก็เห็นจะเป็นภาษาใต้ที
หลังจากกินไอศกรีมกันจนอิ่มท้อง ทั้งคู่ก็พากันออกไปเดินเล่นตามถนนย่านเมืองเก่า พลางหามุมถ่ายรูป ผลัดกันถ่ายรูปบ้างเซลฟีบ้าง และมันทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงในฐานะของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เดินไปทางไหนก็ไม่มีคนรู้จัก มองเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าหรือไม่ก็นักท่องเที่ยว แตกต่างจากที่อิตาลี ที่ไปไหนจะต้องมีลูกน้องเป็นสิบคนเดินตามไปด้วยทุกที่ แม้แต่เข้าห้องน้ำก็ต้องเข้าคนเดียว มีลูกน้องกันเอาไว้ข้างนอก ความเป็นส่วนตัวและการได้เดินเล่นอย่างไม่กังวลเช่นนี้น่ะหรือ...ไม่มีหรอกและยิ่งได้เดินกับคนที่ทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้สักนิด การได้พบและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเชอเอมทำให้เซนนิก้าต้องเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่ทั้งหมดในความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะหญิงสาวได้กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขาไปเสียแล้ว และคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่นาน เขาจะต้องวางแผนรับมือให้ดีที่สุด หากเขาจะรั้นคำสั่งของผู้เป็นปู่ก็คงไม่มีอะไรราบรื่นเป็นแน่ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาอีกต่อไปยามที่ได้กลับอิตาลีใช่ อีกไม่นานเขาจะต้องกลับอิตาลี กลับไปเคล
สายฝนที่กระหน่ำตกลงมาในวันที่สองของการมาเที่ยวภูเก็ตทำให้เชอเอมและเซนนิก้าไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้เลย กระทั่งในวันที่สาย ฝนที่เคยตกก็หายไปราวกับว่าไม่มีมาก่อน ท้องฟ้าแจ่มใสจนคิดว่าเป็นหน้าร้อน แต่สำหรับหญิงสาวแล้ว ถือเป็นวันดีที่ทำให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้อง และเธอเองก็อยากออกมาเที่ยวในเมืองภูเก็ตมากกว่าจะนั่งมองคลื่นทะเลกระทบโขดหินที่วิวห้อง และสถานที่แรกที่เธอกับเซนนิก้ามาตามแพลนที่ฟ้าครามให้ไว้ก็ไม่พ้นร้านของกิน“อร่อยใช่มั้ยคะ” เชอเอมเอ่ยถามเซนนิก้าเมื่อได้กินไอศกรีมเจ้าดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนมีแต่คนนำไปขึ้นเว็บไซต์รีวิวอย่างร้าน Torry's Ice Cream ที่ตั้งอยู่บนถนนถลางแห่งย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต หลังจากรอให้ฝนหยุดตกมาหนึ่งวันเต็ม ๆ และมันก็เป็นวันที่ดีสำหรับเธอกับเขากับท้องฟ้าแจ่มใสแดดจ้า ราวเป็นใจให้หญิงสาวและชายหนุ่มได้ออกมาท่องเที่ยวและสำรวจพื้นที่ภูเก็ตไปด้วย“อืม อร่อย”“เอมมาครั้งนี้ก็ครั้งที่สอง ครั้งแรกที่มาก็ตอนแวะเพราะหิว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย” เชอเอมยิ้มกว้าง ภูมิใจกับสิ่งที่
บทที่ 9รอยยิ้มกับแสงตะวันเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นระลอกในยามสายของวันให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายหลังฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อคืน เซนนิก้าก้าวเดินออกมาในระยะห่างที่มากพอจะไม่ให้คนในวิลลาออกมาได้ยิน เมื่อสายทางไกลติดต่อมาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไรสำหรับชายหนุ่ม แม้เขาจะรู้ว่าไม่นานเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วแบบนี้ หากเมื่อก่อนยังไม่พบกับเชอเอม ก็คงมองว่ามันก็ช้าไปอยู่ดีกับเรื่องที่สักวันหนึ่งเขาจะต้องกลับไปจัดการในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลปาเนสบากาเรซแววตาคมกริบมองชื่อของบุคคลที่ต่อสายเข้ามาด้วยเบอร์ต่างประเทศอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด ทว่ายังไม่ยอมกรอกเสียงออกไป จนคนปลายสายต้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ในที“แกจะกลับเมื่อไร”น้ำเสียงแหบพร่าไปตามวัยที่ชราขึ้นส่งเสียงเข้มถาม เมื่อคนที่เป็นหลานชายคนโตดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัว นับตั้งแต่เลิกรากับเอเรียน่า หลานชายคนนี้ก็หนีหายไปจากครอบครัวตามน้องของต
เพื่อให้ได้เธอกลับไป ให้เธอตายใจก็เป็นได้“พี่โอนเงินยี่สิบล้านยูโรเข้าบัญชีโรงแรมที่นี่เพื่อให้ได้เป็นหุ้นส่วนและที่บาร์ของเอมอีกห้าล้านยูโรกับซิกไปแล้ว...ก็เพราะพี่หวงเอม” เขาตอบกลับหน้าตาเฉยอย่างไม่ยี่หระทว่าคนฟังคำตอบไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างที่เขาใช้น้ำเสียงโทนปกติ อุทานออกไปด้วยความตกใจอย่างที่สุด“อะไรนะคะ! พี่ต้องได้รับความกระทบกระเทือนที่หัวแน่ ๆ เลย” เธอพูดออกไปพร้อมกับดึงทิชชูออกจากจมูก“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พี่แค่อยากให้เอมอยู่ในสายตาพี่ตลอด เวลาเอมจะไปไหน ทำอะไร พี่จะได้รู้ว่ามีใครมาเกาะแกะเอมไหม” เขายังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเรื่อยอย่างปกติแต่ทว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเชอเอมน่ะสิ“นี่พี่...” เธอพูดไม่ออกจริง ๆ กับความใจป๋าของชายหนุ่ม“พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึก ความต้องการเหมือนซิกก้าที่อยากเลือกความรักเอง แค่เพิ่งรู้ตัวว่าหวั่นไหวกับเอมก็เท่านั้น แปลกตรงไหนที่พี่จะหึงจะหวง” เขายังคนตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิมจนเชอเอมทนไม่ไหว“พี่จะมา
ยกเว้นคราวนี้นะ เธอแค่อยากใช้เวลากับเซนนิก้าเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจตัวเองมากขึ้น ให้มันชัดเจนมากกว่านี้จนแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ปฏิเสธและก่อกำแพงขึ้นมาอีก ทว่าเท้าที่กำลังก้าวเดินพ้นเขตวิลลาของตัวเองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของฟ้าครามตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน สาวเจ้าจึงหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มไปให้“จะไปเอามื้อเช้าเหรอ”“ค่ะ กินมื้อเช้าก็ว่าจะออกไปเที่ยว จริงสิคะ พี่ครามช่วยลิสต์มาให้เอมได้ไหมคะว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง เอมขี้เกียจเสิร์ชดูอ่ะ”เชอเอมพูดออกไปตามตรงพร้อมสีหน้าหยีเมื่อพูดถึงความขี้เกียจของตัวเองให้ฟ้าครามได้หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ที่เป็นลูกคุณหนูตัวจริง แต่ยังดีที่มีจิตใจดี ไม่เห็นแก่ตัว“ได้สิ เดี๋ยวจะสงเคราะห์ แต่ขอแกล้งเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ฟ้าครามยิ้มหัวเราะตอบออกไป พลางชำเลืองมองเซนนิก้าที่กำลังยืนมองออกมาจากหน้าต่างวิลลาด้วยสายตาข่มขู่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูของเจ้าตัวมานาน“แค้นฝังหุ่นจังเลยนะคะ”“แน่นอน แฟนทั้งคนนะ มาขัดขวางความรักคนอื่นหน้าตา







