หนึ่งปีผ่านไป
นับตั้งแต่นั้นมา ธนาก็ออกไปงานตอนกลางคืนหรือคาสิโนลดน้อยลงมากว่าเก่า ถึงจะไปก็จะกลับมาเร็วขึ้น แถมไม่ค่อยแวะเข้าผับไปหารันเวย์เหมือนแต่ก่อนอีก เริ่มลดคราบมาเฟียหายไปทีละนิด
แถมงานทุกอย่างที่เป็นงานสีเทา ก็จะคอยมอบหมายให้ลูกน้องไปจัดการแทนแทบทั้งหมด ส่วนตัวเขาเองกลับต้องมาคอยรับ-ส่ง เดียน่าไปมหาลัยแทน และจะเข้าไปที่บริษัทใหญ่ ซึ่งผลิตเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์คือบริษัทในเครือของเขาอยู่ตอนนี้
แถมกลางดึกก็แอบเข้าไปนอนที่ห้องของเดียน่าเกือบแทบทุกคืน และมีอะไรกับเธอแทบจะทุกครั้ง ที่มีโอกาสได้อยู่กันสองคน แต่สถานะของทั้งคู่ ก็ยังคงเป็นความลับของคนในบ้าน โดยที่ยังไม่มีใครรู้ หรือทราบเลย
แต่ก็มีนวลจันทร์ แม่บ้านคนเก่าแก่ของบ้าน ที่เริ่มจะระแคะระคายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย เพียงแต่แค่หวังว่า เจ้านายหนุ่มจะไม่ทิ้งคว้างหญิงสาวเพียงคนเดียวของบ้านก็เท่านั้น
“วันนี้มีเรียนกี่โมง” ธนาเอ่ยถามขึ้นทันที ที่เห็นเดียน่าเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน ด้วยชุดนักศึกษาที่เพรียบพร้อมแล้ว
“เรียนแค่ช่วงเช้าค่ะ บ่ายอาจารย์ยกคลาส” เดียน่าเอ่ยตอบออกไปตามตรง เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องโกหกอยู่แล้ว
“เลิกเร็วก็โทรมาแล้วกัน ฉันจะให้คนไปรับแทน เพราะวันนี้มีประชุมที่บริษัทไม่รู้จะเสร็จตอนไหน ถ้าเสร็จเร็วก็จะไปรับ” ธนาที่นั่งอยู่ ลุกขึ้นมาพูดบอกทันที เพราะทุกวันนี้แทบจะเป็นคนขับประจำของเดียน่าเลยก็ว่าได้
“เดียร์ว่า...” หญิงสาวทำท่าทางกำลังจะปฏิเสธ
“ห้ามขัดคำสั่ง ฉันไม่ยอมให้ไปด้วยกันกับชีโน่เด็ดขาด” แต่ร่างสูงก็สวนขึ้นมาก่อน เพราะรู้ว่าหญิงสาวจะพูดอะไร
เดียน่ามักจะหาข้ออ้างว่า จะขอไปกับชีโน่ ซึ่งระยะทางที่ไปก็คนละเส้นทาง แถมชีโน่ก็เรียนคนละเวลากับเธอ และอีกอย่างลูกชายขับรถเร็ว ธนาเลยไม่ยอมให้เดียน่าไปกับชีโน่
“แต่เดียร์อายุ 20 แล้วน่ะค่ะ ไหนคุณเคยบอกว่าถ้าเดียร์ อายุถึง 20 เมื่อไหร่ คุณจะปล่อยให้เดียร์เป็นอิสระบ้างยังไงล่ะ คุณโน่อายุแค่ 16 เอง คุณยังยอมปล่อยให้ขับรถไปเรียนคนเดียวได้เลย ทำไมคุณไม่ห่วงลูกชายคุณบ้างล่ะค่ะ” เดียน่าร่ายยาวออกมาทันที พร้อมกับเปรียบเปรยใส่ชีโน่ลูกชายของเขาทันที ที่อายุยังน้อยก็ยอมให้ใช้รถไปคนเดียว
“ทำไม อยากออกไปอยู่ข้างนอกมากนักเหรอ” ธนาพูดขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะคิดอย่างไร
“...เดียร์แค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังทำ” เดียน่าพูดขึ้นมา เพราะเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ธนากำลังทำอยู่ตอนนี้ ว่าคือความรู้สึกอะไรกันแน่ที่แสดงกับเธอ
“เพราะเธอคือผู้หญิงยังไงล่ะ และเธอก็ยังขับรถไม่เป็นลืมไปแล้วหรือไง” ธนาพูดขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรเลย
“เดียร์ไปรถประจำทางก็ได้...ไม่ต้องลำบากคุณขับรถไปรับไปส่งเองแบบนี้ทุกวัน งานการคุณก็มีตั้งเยอะ อีกอย่างเดียร์ไม่ใช่เด็กแล้วน่ะค่ะ” เดียน่าพยายามสันหาเหตุผลมาอ้างแก่ร่างสูง สารพัดเหตุผล
“เสียใจด้วยน่ะ ถึงเธอจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตามแต่ เธอก็เป็นเด็กในสายตาฉันอยู่ดี เด็กในอุปถัมภ์ของฉันไปตลอดชีวิต” ธนาก้มลงมาพูดใกล้ๆ กับเดียน่า
“คำก็เด็ก…สองคำก็อุปถัมภ์” คำพูดที่พ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปนความน้อยใจของเดียน่า พร้อมกับสายตามองกลับไปที่ร่างสูงตรงหน้าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ไปได้แล้ว ฉันจะสายเอา ต่อปากต่อคำเก่งเสียเหลือเกิน” ธนาปรับอารมณ์ และเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อเห็นอาการของหญิงสาว
“เดียร์ไปเองก็ได้ค่ะ ถ้าคุณรีบ เพราะนี้ก็ยังไม่ถึงเวลา” เดียน่าพูดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อธนากำลังจะก้าวเท้าเดิน
“เคยบอกว่าไง” ร่างสูงรีบหันกลับมาทันที ที่ได้ยินหญิงสาวพูด พร้อมกับจ้องมองขู่ไปที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างอยากลงโทษเสียเดียวนี้เลย เมื่อเธอเริ่มไม่ฟังคำสั่งของเขา
“คนแก่บ้าอำนาจที่สุดเลย” เดียน่าตะคอกเสียงใส่ทันที อย่างไม่ยอมแพ้
“แก่แล้วทำไม หืม มีแรงเอาเธอทุกวันก็แล้วกันน่า” เมื่อได้ยินดังนั้น ธนาจึงก้มมากระซิบที่ข้างใบหูของเดียน่าทันที แล้วเอ่ยแซวออกไป พร้อมกับหันหลังเดินผิวปากออกไปทันทีอย่างอารมณ์ดี
“...” หญิงสาวขนลุกซู่ขึ้นมาทันที พร้อมกับเม้มปากไว้แน่น ไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา ได้แต่เดินออกไปตามหลังของธนาอย่างเงียบๆ
บนรถ
“กระโปรงไม่มีตัวที่ยาวกว่านี้แล้วหรือยังไง” ธนาบ่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย เมื่อรถขับออกมา แล้วมองดูหญิงสาวที่นั่งมาข้าง เพราะกระโปรงทรงเอที่เธอใส่ เวลานั่งแล้วเลิกขึ้นสูงจนเห็นเรียวขาขาวๆนั้น *จะบอกออกไปตามตรงเขาว่าห่วง ก็กลัวเสียฟอร์ม จึงได้แต่ดุออกไป*
“คุณจะบ่นอะไรนักหนาล่ะค่ะ ตั้งแต่ขับออกมาจากบ้านก็พูดไม่หยุด หัดเป็นคนแก่ขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เดียน่าที่เริ่มจะทนไม่ไหว ก็สาดคำพูดใส่คืนบ้าง
“เดียน่า” เสียงตวาดออกมาทันที
“ขา...ว่ายังไงคะ” เดียน่าที่รู้ว่า พลอยทำให้ร่างสูงเริ่มโมโห ก็แกล้งขานรับเสียงหวานออกไป อย่างยั่วยวน
“เดี๋ยวเถอะ จะจับกดให้จมเตียง เดินไม่ได้ไปหลายวันเลย มันน่านักนะ ยัยแสบ” ธนาบ่นอุบอิบออกมา แต่ก็พอจะทำให้หญิงสาวที่นั่งข้างได้ยินแทบทุกคำ
“จอดทำไม ไหนบอกรีบยังไงล่ะ” เดียน่าเลิกคิ้วขึ้นถามทันที ที่เห็นธนาเลี้ยวรถจอดข้างทาง
“ฉันหิวข้าว...เธอก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหมือนกันไม่ใช่หนิ่ ลงไปกินข้าวก่อน เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงคงไปทันอยู่” ธนาเอ่ยตอบออกไป พร้อมกับยกมือขึ้นดูนาฬิกา
“คุณไม่เผื่อเวลารถติดบ้างเลยหรือไง...” เดียน่าพูดขึ้นทันที
“หุบปากได้แล้ว ลงไปกินข้าว” ธนาไม่ได้สนใจในคำพูดของหญิงสาว แต่เปิดประตูรถกำลังจะก้าวขาลง
“เดียร์ไม่หิว...จ็อก ๆ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นไม่ที่จะจบประโยค เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นมาทันที
“หึ...ไม่หิวเลยเนอะ” ธนาเค้นหัวเราะออกมา แล้วเอ่ยแซวขึ้นมาทันที พร้อมกับลงจากรถไป และส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของหญิงสาว
อีกด้าน
“นายครับวันนี้ไอ้เชนรายงานมาว่า เห็นไอ้ธนามันพาสาวนักศึกษาไปกินข้าวแถวๆกับมหาลัย ก็คงจะไม่เข้ามาที่คาสิโนของมันอีกเช่นเคยครับ” อาชา ลูกน้องคนสนิท เข้ามารายงานเจ้านาย
“เห้อะ...กูนึกว่ามันมีอะไรดีๆ ที่ไม่ยอมมาที่นี่ ที่แท้ก็ติดสาวนี้เองสิน่ะ” เสียงเข้มของเจ้านาย เอ่ยขึ้นอย่างรับรู้
ปีเตอร์ เจ้านายขององค์กรคาสิโนและธุรกิจมืดทุกชนิด แถมยังเป็นคู่อริของธนา ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะความเข้าใจผิดในอดีต ที่ทำให้ทั้งคู่แตกหักกัน และมาเป้นศรัตรูกันจนถึงทุกวันนี้ ธนาพยายามจะอธิบายความจริงให้ฟังตลอด แต่ปีเตอร์ไม่เคยคิดที่จะฟังเลยแม้แต่น้อย แถมยังขู่เอาไว้ตลอดว่าจะจองล้างจองผลาญกันไปตลอด จนกว่าฝ่ายใดจะตายไปจากกันก่อน
“เห็นว่า มันขับรถไปรับไปส่งสาวคนนี้เอง ที่มหาลัยทุกวันเลยครับ” อาชาเอ่ยย้ำบอกเจ้านายอีกที
“สาวคนนี้คงจะสำคัญกับมันมากสิน่ะ ถึงขั้นไปรับไปส่งเอง แต่ลูกชายกลับปล่อยให้ไปเรียนเอง พวกมึงไปสืบมา ว่าสาวคนไหนที่ทำให้มัน ไม่โผล่หน้ามาที่คาสิโน่เลย” ปีเตอร์เอ่ยสั่งลูกน้องออกไปทันที
ตามติดหนึ่งปีผ่านไปนับตั้งแต่นั้นมา ธนาก็ออกไปงานตอนกลางคืนหรือคาสิโนลดน้อยลงมากว่าเก่า ถึงจะไปก็จะกลับมาเร็วขึ้น แถมไม่ค่อยแวะเข้าผับไปหารันเวย์เหมือนแต่ก่อนอีก เริ่มลดคราบมาเฟียหายไปทีละนิดแถมงานทุกอย่างที่เป็นงานสีเทา ก็จะคอยมอบหมายให้ลูกน้องไปจัดการแทนแทบทั้งหมด ส่วนตัวเขาเองกลับต้องมาคอยรับ-ส่ง เดียน่าไปมหาลัยแทน และจะเข้าไปที่บริษัทใหญ่ ซึ่งผลิตเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์คือบริษัทในเครือของเขาอยู่ตอนนี้แถมกลางดึกก็แอบเข้าไปนอนที่ห้องของเดียน่าเกือบแทบทุกคืน และมีอะไรกับเธอแทบจะทุกครั้ง ที่มีโอกาสได้อยู่กันสองคน แต่สถานะของทั้งคู่ ก็ยังคงเป็นความลับของคนในบ้าน โดยที่ยังไม่มีใครรู้ หรือทราบเลยแต่ก็มีนวลจันทร์ แม่บ้านคนเก่าแก่ของบ้าน ที่เริ่มจะระแคะระคายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย เพียงแต่แค่หวังว่า เจ้านายหนุ่มจะไม่ทิ้งคว้างหญิงสาวเพียงคนเดียวของบ้านก็เท่านั้น“วันนี้มีเรียนกี่โมง” ธนาเอ่ยถามขึ้นทันที ที่เห็นเดียน่าเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน ด้วยชุดนักศึกษาที่เพรียบพร้อมแล้ว“เรียนแค่ช่วงเช้าค่ะ บ่ายอาจารย์ยกคลาส” เดียน่าเอ่ยตอบออกไปตามตรง เพราะไม่มีอ
ปากอย่าง ใจอย่างณ บ้านปัญญาพิวัฒน์ธนากลับเข้ามาถึงบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ก็พบกับความเงียบภายในบ้าน เพราะทุกคนหลับกันหมดแล้ว ร่างสูงเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน โดยเป้าหมายแรกคือ ห้องของเดียน่า เมื่อพบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อค ชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าไปที่ห้องของตัวเอง ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและใช้เวลาเพียงไม่นาน ร่างสูงที่สวมชุดนอนก็เดินออกมาจากห้องตัวเองด้วยท่าทีที่เบาที่สุด และเดินหน้ามุ่งตรง ไปยังห้องของเดียน่าทันทีเมื่อเข้าไปได้กลับพบเพียงความมืดปกคลุม แต่ก็พอมองเห็นรางๆ แสงสลัวจากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง และทั้งห้องก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน ร่างสูงเดินย่องเข้าไปทางเตียงนอน พบเพียงร่างบางที่นอนหลับสนิทที่มุดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาร่างสูงยืนมองอย่างพิจารณาอยู่สักพัก และขึ้นไปบนเตียงนอนของหญิงสาว แล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับร่างบาง แล้วสวมกอดหญิงสาวเอาไว้ พร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมๆจากตัวของหญิงสาวตามซอกคอระหง และก็อดใจไม่ไหวที่ยกมือขึ้นมาจับเต้าอวบคู่งามของหญิงสาว“หึ โนบราด้วย...” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นมาเบาๆ พร้อม
มีความมั่นใจสูง“หนูเดียร์ มาแล้วหรือค่ะ ป้าทำข้าวต้มไว้รอเสร็จพอดีเลย ทานพร้อมกันกับคุณธนาเลยนะคะ มาค่ะป้าตักข้าวให้” นวลจันทร์ถามขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวเดินมาที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับร่างสูงของธนาที่เดินมาตามหลัง และนั่งลงโดยไม่ได้เอ่ยอะไร“ค่ะ...ขอบคุณป้านวลมากนะคะ” เดียน่าเอ่ยขอบคุณ พร้อมกับนั่งลงอย่างเรียบร้อย โดยไม่ได้สนใจร่างสูงของธนาที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เมื่อเดินตามหลังเธอมา“ขอบคุณอะไรกันค่ะ หน้าที่ของป้าอยู่แล้วที่ต้องดูแลทุกคนในบ้าน” นวลจันทร์พูดขึ้นมาอย่างถ่อมตัว เพราะเธอคือแม่บ้าน มันคือหน้าที่อยู่แล้ว“เดียร์ขอโทษนะคะ ที่วันนี้เดียร์ไม่ได้ลงมาช่วยทุกคนเลย” เดียน่าพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด พร้อมกับถลึงตาใส่ธนาเพียงเล็กน้อย เป็นปกติเธอจะไม่ใช่คนที่ตื่นสายเลย และก็จะลงมาช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารเช้าแทบทุกวัน“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ดูสิค่ะ หนูเดียร์ของป้าหน้าซีดหมดเลย” นวลจันทร์เอ่ยขึ้นมา พร้อมกับมองหน้าของหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ที่วันนี้สาวน้อยของบ้าน มีใบหน้าที่ไม่สดใสเลย“...” หญิงสาวก้มหน้าลงทันที“ตักข้าวต่อได้เลยครับป้านวล เย็นนี้ผมมีงานต้องไปจัดการอีกเยอะ ขืนช้ากว่านี้มีหวังได้กลั
คนไร้สถานะ“คุณธนาหายดีแล้วหรือค่ะ” นวลจันทร์ ถามขึ้นมาทันที ที่เห็นเจ้านายหนุ่มเดินลงมานั่งที่โต๊ะอาหาร ในเวลาเกือบจะคล้อยบ่ายแล้ว“เอ่อ...อ่อครับ แล้วเดียน่าละ ลงมากินข้าวยังครับ” ธนาทำหน้างงทันที แต่พอนึกขึ้นได้ว่า คนที่บ้านอาจคิดว่าเขาป่วย เพราะเขาเป็นคนที่ให้หมอมาหาเอง จึงเฉไฉตามน้ำไปก่อน“หนูเดียร์ยังไม่เห็นลงมาทานข้าวเลยค่ะ นี้ก็จะบ่ายแล้ว ปกติหนูเดียร์ไม่เคยตื่นสายนี้ค่ะ หรือว่าจะป่วยอีกคน” นวลจันทร์เอ่ยตอบเจ้านายหนุ่มออกไปตามตรง เพราะตั้งแต่เช้าก็ยังไม่เห็นหญิงสาวลงมา“ชีโน่ล่ะครับ” ธนาเปลี่ยนเรื่อง ถามหาลูกชายทันที“คุณหนูออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ คุณธนาจะทานข้าวต้มไหมค่ะ ป้าจะได้ทำให้ใหม่ พอดีป้าทำไว้ตั้งแต่ที่คุณหมอสิบทิศมาแล้ว กลัวว่าจะเสียเอา”“...” ธนาได้แต่พยักหน้ารับ“เดี๋ยวป้าไปเรียกหนูเดียร์ให้น่ะค่ะ จะได้ลงมาทานพร้อมกัน ป่วยหรือเปล่าไม่เห็นลงมาสักที” นวลจันทร์เอ่ยบอก พร้อมกับกำลังจะสาวเท้าเดินออกไป“ไม่ต้อง...ผมไปเอง” เสียงเข้มเอ่ยบอก พร้อมกับลุกขึ้น เดินไปชั้นบนของบ้านทันที โดยไม่สนใจว่านวลจันทร์จะมองเขาแบบไหนก๊อก ก๊อก ก๊อก“เดียร์...เปิดประตู” เสียงเข้มกระโ
ระหว่างเราคืออะไร(NCนิดหน่อย)เดียน่าที่ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ จึงได้แต่นอนลงอยู่นิ่งๆ อย่างว่าง่าย และหันหน้าหนีไปทางอื่น พร้อมกับหลับตาลงอย่างสนิท เพราะอายไม่กล้าที่จะสู้หน้าร่างสูง ที่ก้มลงมองส่วนนั้นของเธอ“ก็ไม่บวมแล้วนี้ แค่ยังแดงๆอยู่ เดี๋ยวก็คงหายแหล่ะ” ธนาเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง โดยไม่ได้เก้อเขินเลยแม้แต่น้อยแต่ในทางกลับกัน คนที่ถูกจ้องมอง กลับต้องนอนม้วนผ้าห่มอยู่เพราะทำตัวไม่ถูก และก็เขินอายหน้าแดงยังกับลูกตำลึงอยู่ตอนนี้“เขินเหรอ หน้าแดงเชียว” ธนาเอ่ยแซวขึ้นมา เมื่อจ้องมองไปที่หญิงสาว“หยุดมองได้แล้ว” เดียน่าเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าร่างสูงยังคงจ้องมองที่หว่างขาของเธออยู่ พร้อมกับพยายามที่จะหุบขาลง“เดี๋ยวช่วยรักษาให้” เสียงทุ้มของธนาเอ่ยขึ้นมา“รักษา...รักษายังไง คุณไม่ใช่หมอน่ะ” เดียน่าเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยในตัวของชายหนุ่ม เพราะเขาไม่ใช่หมอ จะรักษาเธอได้อย่างไรกัน“นอนเฉยๆก็พอ” ธนาเอ่ยบอก พร้อมกับก้มลงไปละเลงลิ้นใส่บัวกลีบกุหลาบที่ตอนนี้ยังคงเป็นสีแดงอยู่ จากการร่วมรักกันมาทั้งคืน“อ๊ะ...คะ คุณ อื้อ...” ร่างบางของเดียน่าบิดไปมาทันที เมื่อร่างสูงปรนเปรอส่วนนั่นของเธอ
หมอจำเป็นเมื่อทำการตรวจดูอาการของเดียน่าจนเสร็จสิ้นแล้ว สิบทิศก็ได้ฉีดยาไปให้หนึ่งเข็ม และจัดการเตรียมยา แล้วจัดแจงรายละเอียดต่างๆ ให้แก่ธนาฟังอย่างละเอียดอีกที“อันนี้คือยาแก้ปวด-ลดไข้ ให้เธอทานได้เลย ไข้จะได้ลดเร็ว พี่ฉีดยาให้แล้วอาการคงไม่น่าเป็นห่วง” สิบทิศเอ่ยบอก พร้อมกับอธิบายเรื่องยาให้ฟังอีกครั้ง“เดี๋ยว...พี่จะทำอะไร” ธนารีบห้ามและเอ่ยถามขึ้นทันที เมื่อเห็นสิบทิศกำลังจับผ้าชุบน้ำที่เปียกบิดน้ำออกให้หมาดๆ“เช็ดตัวยังไงล่ะ ตัวร้อนขนาดนี้” สิบทิศเอ่ยบอกออกไป“เอามาครับ ผมเช็ดเอง” ธนาแย่งผ้านั้นจากมือของสิบทิศไปถือไว้เสียเอง“เฮ้อ...นี้คือยาแก้อักเสบน่ะ ทานหลังอาหาร” สิบทิศได้แต่ส่ายหน้าอย่างน่าเบื่อหน่ายให้แก่ธนา แล้วหยิบยาขึ้นมาอธิบายบอกอีกอย่าง“เอ่อ...” ธนาได้แต่ทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆ ไม่กล้าพูดออกมา“มีอะไรอีก” จนสิบทิศต้องเป็นฝ่ายถามขึ้นมาเสียเอง“ขอยาคุมฉุกเฉินด้วยครับ” ธนารวบรวมความกล้า แล้วก็พูดออกมา“ห๊ะ...นี้แกสดเลยเหรอว่ะ” สิบทิศเอ่ยถามขึ้นอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าธนาจะทำอะไรที่มักง่าย และประมาทแบบนี้“ครับ ปล่อยในด้วย แฮร่ ๆ...” ธนาก้มหน้าตอบ พร้อมกับยิ้มแห้งๆให้กับสิบทิศ