“เอ่อ.. เป็นตระกูลไฉ มาขอหมั้นคุณหนูสี่ให้นายน้อยไฉตงชุนเจ้าค่ะ” อิงชุ่ยพูดเสียงเบาด้วยรู้ว่าคุณหนูใหญ่เกลียดคุณหนูสี่ และยังไม่สามารถวางอุบายรังแกนางได้สำเร็จสักครั้ง
“เจ้าว่าอะไรนะ ขอหมั้นนังจิ้งจอกนั่น!! นังแพศยา เตียงคุณชายหลินรออยู่ข้างหน้ายังกล้าให้ท่าบุรุษอื่นเชียวรึ” เหอๆ นังตัวดี คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่ หากคุณชายหลินรู้ เจ้าไม่มีทางชูคออยู่บนเตียงได้แน่ และถ้าหากนายน้อยไฉรู้ว่าเจ้ามีค่าเพียงสาวใช้อุ่นเตียงก็อย่าหวังเลยว่าเจ้าจะเป็นแต่งเข้าไปเป็นฮูหยิน
ฮูหยินซูก็ไม่ทำให้ลูกสาวสุดที่รักอย่างซูหนี่ย์ต้องผิดหวัง คนเราหากหวังดีปฏิเสธแม่สื่ออ้อมๆก็ยังพอรักษาหน้า แต่คนอย่างฮูหยินซู มีช่องให้ทำลายซูเจินจูมีหรือจะไม่ทำ เล่าวีรกรรมซูเจินจูที่เข้าไปให้ท่าคุณชายหลินถึงในจวนนายอำเภอ ออกอุบายให้คุณชายหลินทำลายชื่อเสียงตน ร้องขอขึ้นเป็นฮูหยินตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนทั้งที่พิ่งจะอายุสิบสามปี เพราะความอิจฉาที่คุณชายหลินมีใจให้ซูหนี่ย์ คุณชายหลินทั้งสงสารทั้งรู้สึกผิดจึงเขียนสัญญาจะรับนางเข้าจวนไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียง
ฮูหยินรองก็รู้สึกไม่ชอบใจ ตระกูลที่มาสู่ขอเป็นเพียงตระกูลที่ทำการค้าเล็กๆเทียบไม่ได้กับตระกูลซู นางถึงขั้นเหยียดหยามตระกูลไฉที่ไม่เจียมตัวอาจเอื้อมมาสู่ขอลูกสาวนาง สำหรับนางแล้ว เป็นอนุขุนนางย่อมดีกว่าเป็นฮูหยินตระกูลพ่อค้าเล็กๆมากนัก
ซูหนี่ย์พอใจกับสิ่งที่ฮูหยินทำอย่างที่สุด อยากจะรู้นักว่านังเจินจูจะขายออกอีกหรือไม่ เรื่องเน่าๆฉาวโฉ่ของนางถูกแม่สื่อรู้แล้ว มีหรือจะไม่พูดต่อ แล้วคนทั้งอำเภอมีหรือจะไม่รู้
ซูเจินจูเองก็รู้สึกสนุกกับอุบายน้ำตื้นของสตรีเหล่านี้มากนัก พวกนางช่างน่าชัง เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นคนแซ่เดียวกัน หากนางถูกรังเกียจ ผู้อื่นก็คงไม่อยากเกี่ยวข้องกับนาง นั่นหมายถึงซูหนี่ย์ ซูเม่ย และซูเหวินก็จะขายไม่ออกไปด้วยไม่ใช่หรือ ปัญญาของพวกนางมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น หากพวกนางถูกขายเห็นทีว่าคงไปช่วยโจรนับเงินแล้วหันมาเยาะเย้ยนางที่ไม่ได้จับเงินนั่นแน่ๆ แต่เบาปัญญาเช่นนี้ก็ดี นางเองจะได้ไม่ต้องทำอะไรรุนแรง อย่างมากก็แค่ตีเหล่าอันธพาลพวกนั้นเหมือนตีหมา สงสัยก็แต่ไฉตงชุน คนผู้นี้เป็นใครกันนะ...
ทุกปีเมื่อถึงยามเหมันต์ หิมะโปรยปราย ชาวบ้านหลายครอบครัวต้องนำลูกสาวหลานสาวออกมาขาย เด็กบางคนทั้งผอมและดูขี้โรคก็ถูกนำมาแลกเพียงข้าวสาลีกับธัญพืชหยาบเพียงยี่สิบจินเท่านั้น ชาวบ้านเลือกที่จะขายลูกสาวเพื่อแลกอาหารให้ลูกชายได้อิ่มก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป โชคดีที่ปีนี้หิมะหยุดตกเร็วกว่าทุกปี อาจจะทำให้เด็กสาวเหล่านั้นได้มีชีวิตอย่างอิสระได้นานขึ้นอีกสักหน่อย
“หิมะหยุดตกแล้ว คุณหนูจะไปดูหมู่บ้านชนบทหรือไม่เจ้าคะ” สี่เสวี่ยถามซูเจินจูที่นั่งอ่านตำราอยู่ข้างหน้าต่าง พักนี้คุณหนูของนางมักจะหาตำราการรักษาต่างๆจนไม่สนใจจะสอนนางวาดลายผ้าใหม่ๆแล้ว นางรู้ว่าลายผ้าพวกนี้จะช่วยหาเงินให้คุณหนูได้ นางไม่อยากให้คุณหนูไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของคุณชายหลิน คุณหนูบอกไว้ว่าถ้าหาเงินได้เยอะๆ นางก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นสาวใช้
“อีกสองวัน วันนี้เจ้าก็นับเงินให้ข้าหน่อยว่าข้ามีเงินเท่าไหร่แล้ว”
“บ่าวนับให้คุณหนูทุกวันนั่นแหละเจ้าค่ะ เมื่อวานคุณหนูมีเก้าร้อยกับสิบตำลึง แต่คุณหนูซื้อขนมชั้นดีของร้านเสี่ยวซือกวงมาสองตำลึง ตอนนี้คุณหนูเหลือเงินเก้าร้อยกับแปดตำลึงเจ้าค่ะ”
“ไอหย๋า ข้าเผลอแปปเดียวก็ต้องหันกลับมาเรียกเจ้าว่าจิงหลี่สี่เสวี่ยเสียแล้ว”
“คุณหนูอย่าล้อบ่าวเล่นสิเจ้าคะ คุณหนูต้องเก็บเงินเยอะๆเพื่อที่จะไม่ต้องไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงให้คุณชายหลินนะเจ้าคะ แต่นี่คุณหนูซื้อขนมกล่องละสองตำลึง บ่าวท้อใจเหลือเกินเจ้าค่ะ” แม่ปากจะบ่นมากมายแต่สี่เสวี่ยที่ถูกคุณหนูหยอกเย้าก็มีความสุขเหลือเกิน
“ฮ่ะๆ ทำไมเจ้าบ่นเป็นคนแก่แบบนั้นเล่า ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่หาเงินสักหน่อย”
“คุณหนูทำเหมือนจะไม่หาเงินแล้วจริงๆนี่เจ้าคะ บ่าวไม่อยากเป็นเมียบ่าวของคุณชายหลิน พี่อิงชุ่ยบอกว่าหากคุณหนูเข้าจวนนายอำเภอ บ่าวก็ต้องตามไปด้วย และจะต้องเป็นเมียบ่าวให้คุณชายหลินตอนคุณหนูตั้งครรภ์”
“อิงชุ่ยพูดแบบนั้นเพราะอิจฉาเจ้าต่างหาก” ยัยเด็กคนนี้พูดเรื่องตั้งครรภ์เรื่องเมียบ่าวไม่มีความกระดากอายสักนิด อยู่กับข้ามาไม่กี่วัน ติดนิสัยข้าไปมากถึงเพียงนี้หรือยัยเด็กนี่ไม่มีความกระดากอายอยู่แล้วกันแน่นะ
“มีอะไรน่าอิจฉากันละเจ้าคะ กลางวันต้องทำงาน กลางคืนต้องปรนนิบัติ หากเวลามากขนาดนั้น ไม่สู้บ่าวคอยปรนนิบัติคุณหนูดีกว่า” สี่เสวี่ยไม่คิดว่าการเป็นเมียคุณชายหลินเป็นเรื่องที่ดีนัก เพราะหากเป็นเรื่องดีคุณหนูคงไม่วางแผนหนีการเป็นเมียคุณชายหลินเช่นนี้ คุณหนูเป็นคนฉลาด ในเมื่อคุณหนูว่าไม่ดี นางก็ต้องว่ามันไม่ดีเช่นกัน
“เจ้าตัวแสบ” ฮ่ะๆ นางชอบเด็กคนนี้จริงๆ อยู่ด้วยกันมาไม่เท่าไหร่ก็ทำอะไรได้ดั่งใจนางไปหมด ยิ่งนิสัยยอมตายแต่ไม่ยอมให้นางถูกรังแก ยินดีให้นางไปตีคนอื่นแต่จะไม่มีทางปล่อยให้นางถูกคนอื่นตี และยังไม่เคยสงสัยอะไรในตัวนางสักนิด ทำให้นางยิ่งชอบสี่เสวี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ
“บ่าวจะไปจ้างรถม้าข้างนอกไว้ล่วงหน้านะเจ้าคะ”
“อืม เจ้าไปเถอะ”
ในขณะเดียวกัน หลินเฮงฉวนก็ได้มาหาซูเจินจูที่บ้าน เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เขาได้ข่าวว่านายน้อยไฉตงชุนแห่งร้านชำบ้านไฉให้แม่สื่อมาสู่ขอซูเจินจู แต่คนของตระกูลซูกลับเงียบเฉยไม่คิดจะไปบอกกล่าวเรื่องนี้ให้ชัดเจน แม้แต่ตัวซูเจินจูเองก็ไม่คิดจะไปอธิบายอะไรกับเขาแม้สักนิดทำให้เขาโกรธมาก ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ยิ่งไม่อยากสนใจกลับเฝ้ารอคำอธิบายอยู่ทุกคืนทุกวัน ต้องเป็นเพราะว่าซูเจินจูจะต้องเป็นคนของเขา ไม่ใช่สิ ต้องเป็นเพราะเขาเป็นห่วงบุรุษอื่นๆที่จะต้องถูกอุบายของซูเจินจูแล้วต้องมาตกที่นั่งลำบากแบบเขา จึงทำให้เขาโกรธมากต่างหาก
“คารวะคุณชายหลินเจ้าค่ะ”
“รบกวนคุณหนูซูหนี่ย์แล้ว”
“ท่านพ่อไปทำการค้าที่อำเภอกุ้ยเจ้าค่ะ ให้หนี่เอ๋อร์ต้อนรับคุณชายแทนท่านพ่อดีหรือไม่เจ้าคะ” ซูหนี่ย์ยิ้มให้หลินเฮงฉวนเล็กน้อยก่อนหลุบตาลงต่ำ มือเทชาลงถ้วยก่อนส่งให้ถึงมือของหลินเฮงฉวน
“คงไม่รบกวนเจ้า ข้ามาพบคุณหนูซูเจินจู” หลินเฮงฉวนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แม้จะเจ็บใจแค่ไหน แต่ซูหนี่ย์ก็ยังคงสีหน้าอ่อนโยนหัวไปสั่งอิงเถาที่อยู่ข้างๆให้ไปเรียกซูเจินจูมาพบคุณชายหลิน
“คุณหนูสี่บอกว่าไม่สบาย ไม่สะดวกพบคุณชายหลินเจ้าค่ะ” หลังรายงานเสร็จอิงเถากลับไปยืนอยู่ตรงมุมห้อง
คุณชายหลินขมวดคิ้ว
“ไม่สบายอีกแล้วหรือ ไม่สบายจริงๆหรือคุณหนูสี่ต้องการหลบหน้าข้ากันแน่” ตอนนี้เฮงฉวนมั่นใจแล้วว่าซูเจินจูต้องการหลบหน้าเขา และเขากำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“คุณชายหลินใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ เป็นหนี่ย์เอ๋อร์ดูแลน้องไม่ดี ทำให้คุณชายต้องขุ่นเคือง”
“ไม่ใช่ความผิดเจ้า นางกำเริบเกินไป ข้าเพียงต้องการมาถามเรื่องไฉตงชุนเท่านั้น แต่ดูจากที่นางไม่ยอมพบข้า เห็นทีว่าระหว่างข้ากับนางก็คงต้องเกี่ยวข้องกันอย่างลำบากใจไปเช่นนี้”
“เจินจูเอ๋อร์ทำเกินไป หนี่ย์เอ๋อร์อับอายแทนน้องสาวคนนี้เหลือเกินเจ้าค่ะ หากคุณชายไม่รังเกียจหนี่ย์เอ๋อร์จะพาคุณชายไปพบเจินจูเอ๋อร์ในเรือนนางเองเจ้าคะ คุณชายจะได้หาทางออกเรื่องของนางให้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย นายน้อยไฉเองก็เป็นคนจริงใจ พบหน้านางเพียงสองสามครั้งก็สมัครใจรักใคร่ให้แม่สื่อมาสู่ขอ แต่ใครจะทราบว่านางจะดื้อรั้น ไม่ยอมแต่งไปเป็นฮูหยินร้านชำเพราะไม่ต้องการรับภาระจัดการบัญชี แต่ต้องการเป็นฮูหยินของคุณชายหลินเท่านั้น” ซูหนี่ย์แสร้งหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหางตาที่ไม่มีน้ำตา ไม่ว่ายังไงนางก็ต้องทำให้ความเกี่ยวข้องของทั้งสองคนจบลงให้ได้
“ไปที่เรือนนางคงไม่เหมาะ อีกสองวันยามซื่อให้นางไปเจอข้าที่เหลาอาหารตือฟ่างกว่างเถอะ”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะพานางไปให้ตรงเวลานะเจ้าคะ”
“อืม รบกวนเจ้าแล้ว วันนี้ข้าขอตัว”
ซูหนี่ย์ออกไปส่งคุณชายหลินถึงหน้าประตูบ้านก่อนจะให้อิงเถาไปบอกนัดหมายแก่ซูเจินจู
ซูเจินจูที่เหมือนจะเฉยชากับเหล่าสตรีในเรือนมากขึ้นทุกวันก็สนใจเพียงตำราการรักษาตรงหน้าเท่านั้น การนัดแนะจากอิงเถาก็เป็นเหมือนสายลมวูบนึงที่ซูเจินจูไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
นายน้อยหงพาซูเจินจูเดินชมสินค้าภายในร้าน สินค้าหลากหลายแต่เต็มไปด้วยของชั้นดี สินค้ามากมายที่ได้มาจากต่างแคว้น สินค้าหลายอย่างเป็นของที่ได้มาจากชนเผ่าต่างๆ หนังสัตว์ที่ผ่านการฟอกหนังมาอย่างดี ขนสัตว์หายากอย่างพวกจิ้งจอกแดงหรือขนหมาป่าสีขาวก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ หนังเสือ หนังหมี หรือแม้แต่เขากวาง เขี้ยวเสื้อ ก็ถูกนำมาตั้งแสดงสินค้า ยิ่งเห็นว่าร้านฟู่หงเทียนมีสินค้าชั้นดีเท่าใดซูเจินจูก็ยิ่งตระหนักได้ถึงอิทธิพลของเจ้ากรมอาภรณ์ ร้านค้าขนาดสี่ห้องกว้างขวางเกินกว่าจะดูได้อย่างละเอียดทั้งหมด แม้ซูเจินจูจะพยายามเดินดูจนทั่ว แต่ด้วยประกอบกับนายน้อยหงที่คอยอธิบายสิ่งต่างๆภายในร้านอย่างใส่ใจทำให้กินเวลายาวนานเกือบสามชั่วยาม“อีกสองวันถึงจะเป็นงานเปิดรับศิษย์ของสำนักต่อสู้ พรุ่งนี้คุณหนูซูอยากไปที่ใดหรือไม่ ข้าจะพาท่านไปเอง”“ไม่รบกวนนายน้อยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาคนของข้าไปเดินเล่นในเมือง เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆมีจุดหมายใด”“เช่นนั้นข้าจะให้คนคุ้มกันของข้ามาดูแล”“ข้าคงต้องเสียมารยาทปฏิเสธเสียแล้ว หลิวหยาง จางหมิ่นของข้าคงเพียงพอจะปกป้องข้าได้ อย่าให้ข้าทำให้นายน้อยหงต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ”“เช
วันถัดมาในยามเฉิน เฟยอวี่เข้ามาหาซูเจินจูเพื่อรายงาน“คุณหนู บ่าวสืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ พ่อค้าต่างแคว้นหลายคนเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง ของมีค่าหลายอย่างถูกขนเข้าเมืองหลวงผ่านขบวนขนสินค้า จุดหมายคือตรอกถงยู่ ที่เป็นแหล่งจัดงานประมูลของตลาดมืด นี่เป็นของรายการของส่วนหนึ่งที่บ่าวได้มาจากบัญชีส่งสินค้าเจ้าค่ะ”“งานประมูลของตลาดมือหรือ น่าสนใจ เจ้ารู้เรื่องงานนี้ดีแค่ไหน”“บ่าวเคยได้ยินว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อประมูลของหายาก มีทั้งโสมพันปี อาวุธต่างๆ หยกม่วง หินแร่ รวมถึงหัวของผู้ครองแคว้นก็เคยถูกนำมาประมูลเจ้าค่ะ การจะเข้าร่วมประมูลได้ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละหนึ่งพันตำลึง และหากมีของที่ต้องการนำเข้าประมูลก็นำของไปประเมิณได้เช่นกันเจ้าค่ะ”“เจ้าทำงานได้ดีมาก พักสักหน่อยแล้วออกเดินทางไปรอข้าที่เมืองหลวง สืบข่าวเรื่องการประมูลให้ข้า และจองโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ให้เพียงพอกับคนของเรา ข้าจะพาสี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยหรง เฟยเมี่ยว หลิวหยาง จางหมิ่นไป”“บ่าวรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยอวี่รับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงจากซูเจินจูก่อนจะออกจากห้องไป คล้อยหลังเฟยอวี่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อซูเจินจูก็ตรง
“เฟยอวี่ การเข้าเมืองหลวงต้องใช้ป้ายผ่านเข้าเมืองด้วยหรือ”“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้เจ้าค่ะคุณหนู แต่ชาวบ้านทั่วไปหากต้องการผ่านเข้าเมืองหลวงจะต้องเสียอีแปะเป็นค่าผ่านทางให้กับทหารเฝ้าประตู เสียเยอะหรือเสียน้อยแล้วแต่ว่าผู้เฝ้าประตูเป็นใคร ส่วนป้ายผ่านเข้าเมืองเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเจ้าค่ะ ในความเป็นจริงแล้วป้ายพวกนี้มีขึ้นเพื่อให้คนมีเส้นสายสามารถผ่านเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียอีแปะ ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและได้รับความเคารพจากทหารเฝ้าประตู รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกทหารสร้างปัญหากับพวกคนรวยและขุนนางด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ แค่ยื่นป้ายออกไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วสินะ ช่างดีจริงๆ”“นายน้อยหงคงเหลือเส้นสายอยู่ไม่น้อยถึงขนาดใจกว้างทำป้ายให้คุณหนูได้ง่ายๆ”“เขาเห็นข้าเป็นโอกาสที่จะช่วยร้านผ้าฟู่หงเทียนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งต่างหาก เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ออกไปสืบข่าวดูสักหน่อยก็ได้ ไปเมืองหลวงครั้งนี้ข้าจะพาเจ้า สี่เสวี่ย หลิวหยาง จางหมิ่น เฟยหรง เฟยเมี่ยว และเฟยหลันไปด้วย บอกเพ่ยเพ่ยกับเยว่ชิงเสียแต่เนิ่นๆให้นางได้เตรียมตัวจัดการงานและดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่ตอนที่พวกเรา
“พ่อหนุ่มเจิ้งผู้นี้ดูมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าคะ จะว่าไปพ่อหนุ่มเจิ้งเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตน แม่แต่แซ่ก็ไม่บอก ชื่อเจิ้งก็ไม่รู้ว่าใช่ชื่อจริงหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู คุณหนูเองก็แปลกนัก แค่พ่อหนุ่มเจิ้งบอกจะมาด้วยก็ปล่อยให้มา บอกจะไปก็ไม่ถามไถ่สิ่งใดสักคำ”“ช่างเขาเถอะ เพียงแค่ไม่มีพิษภัยกับพวกเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆรู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”“เจ้าค่ะคุณหนู”ซูเจินจูพาเจียงไป๋ไปยังห้องที่เจียงชิงนอนอยู่และให้ซินเซียงยกที่นอนอีกหนึ่งอันมาวางข้างเตียงเพื่อให้พี่น้องได้นอนห้องด้วยกัน“เจ้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ช่วงนี้ก็คอยดูแลนาง ข้างๆห้องเจ้าคือห้องของชิงหยุน มีอะไรก็ไปหานางได้ สี่เสวี่ยเจ้าไปบอกให้ซินเซียงหาอะไรให้เด็กนี่กินเสียหน่อยเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เจียงไป๋มองคนทั้งหมดทยอยออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมานั่งข้างเตียงของเจียงชิง“พี่สาว ท่านรีบตื่นขึ้นมานะ…”... เช้าวันต่อมาซูเจินจูเดินทางเข้าร้านหว่างลี่เซียงพร้อมเฟยหลันตั้งแต่ยามเฉิน กิจการของร้านหว่านลี่เซียงเป็นไปด้วยดี คนที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างเพ่ยเพ่ยกลับทำงานได้อย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นก
“มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว
การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล