เสิ่นลู่ซือที่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาของหวงเฟยหลง นางจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมองบ้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นสายตาที่แทบจะกลืนกินมู่ซูเจียว
องค์รัชทายาทผู้นี้ช่างคลั่งรักมากไปหรือไม่ ขนาดอยู่ในงานเลี้ยงยังไม่มีการสงวนท่าทีเลย มิน่าเล่ามู่ซูเจียวของนางจึงได้ถูกผู้อื่นปองร้าย และริษยามากถึงขนาดนี้
แล้วองครักษ์ผู้หล่อเหลาของนางเล่า เขามาที่นี่ด้วยหรือไม่นะ
ด้วยความสงสัยเสิ่นลู่ซือจึงได้ย้ายสายตาของตนเองมองรอบกายของหวงเฟยหลง ก่อนจะสบสายตากับโม่โฉ่วที่มองมาทางนางพอดี
โฉมสะคราญแย้มยิ้มอย่างยินดี พลางยกจอกสุราผลท้อขึ้นมา หมายจะสื่อความนัยให้โม่โฉ่วได้รู้
‘สุราจอกนี้ ข้าขอดื่มให้ท่าน...ว่าที่สามีของข้า’
มุมปากเล็กยกโค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยว ก่อนจะกระดกจอกสุราในมือจนหมดจอก
โม่โฉ่วที่มองเสิ่นลู่ซือพลันชะงักค้าง เขาเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพราะสายตาที่ดูไม่น่าไว้วางใจของนาง และไม่คิดว่าเขาผู้นี้กำลังถูกหญิงงามหยอกเย้า ยิ่งสายตาหวานที่มองมานั้นพาลให้เขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
หากเป็นน้องสาว เขาคงจะเอาไม้มาฟาดที่ก้นนางเสียเต็มแรง โทษฐานที่กล้าเกี้ยวพาบุรุษซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้!!
ทางด้านหญิงงามที่เย้าแหย่บุรุษจนพอใจแล้ว นางก็หันกลับมาพูดคุยกับสหายต่อ
“คุณหนูมู่เจ้าคะ น้ำชาเจ้าค่ะ”
นางกำนัลที่ยืนคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง ส่งถ้วยน้ำชาที่เพิ่งรินมาใหม่ให้กับมู่ซูเจียว
‘หืม...ทำไมถึงมีกลิ่นหอมรัญจวนใจ ชวนให้รู้สึกอยากเสียตัวนะ’
เสิ่นลู่ซือขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่ชอบมาพากล นางมองถ้วยน้ำชาของมู่ซูเจียวเขม็ง พลันนึกถึงเหตุการณ์สำคัญในนิยายได้
ในวันนี้เสิ่นลู่ซือคนเก่าได้วางแผนวางยากำหนัดให้กับมู่ซูเจียว หวังจะให้นางได้แสดงท่าทางที่น่ารังเกียจ แล้วถูกปลดจากตำแหน่งว่าที่พระชายา แต่ฮองเฮาที่ไม่อยากให้องค์รัชทายาทได้อำนาจหนุนหลังจากเสนาบดีมู่ พระนางจึงได้ซ้อนแผนของเสิ่นลู่ซือ จัดหาบุตรชายจากตระกูลทางฝั่งพระนาง เพื่อให้ตระกูลมู่มาอยู่ในกำมือ
แต่น่าเสียดายที่องค์รัชทายาทได้ให้การช่วยเหลือมู่ซูเจียวไว้ได้ทัน และผู้ที่ต้องรับโทษในครั้งนี้คือเสิ่นลู่ซือ แม้นางจะบอกปัดว่าไม่ได้ร่วมมือกับคุณชายผู้นั้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ สุดท้ายนางก็ถูกโบยห้าสิบไม้ และชื่อเสียงของจวนราชครูต้องมัวหมองเพราะเหตุการณ์นี้
หญิงสาวกัดฟันกรอด นางคงคิดน้อยไปสินะ ถึงนางไม่ได้เป็นผู้ลงมือแล้ว แต่ก็ยังมีผู้อื่นที่ยอมเป็นมือเป็นเท้าให้กับฮองเฮา
ดีล่ะ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็จะขอฉวยโอกาสนี้มาไว้ในกำมือเสียเอง
ภารกิจเอาโม่โฉ่วมาเป็นสามีจะได้สำเร็จเสียที
เสิ่นลู่ซือแสยะยิ้มร้ายกาจด้วยความสมใจ แผนการมากมายได้ถูกวาดไว้ในหัวทั้งหมดแล้ว
“อ๊ะ...ข้าขอดื่มชาของเจ้าบ้างสิซูเจียว”
“ได้สิ”
มู่ซูเจียวยื่นถ้วยน้ำชาของตนให้กับเสิ่นลู่ซือ แต่นางกำนัลผู้นั้นกลับเข้ามาขวางเอาไว้
“เอ่อ...ชาถ้วยนี้เป็นของคุณหนูมู่ หากคุณหนูเสิ่นอยากดื่ม บ่าวจะไปเอามาให้ใหม่เองเจ้าค่ะ” มือที่ถือกาน้ำชาสั่นระริกด้วยความกังวลใจ
หญิงงามตวัดสายตาดุมาให้นางกำนัลเมื่อถูกขัดใจ “ข้ากับซูเจียวคือสหายกัน ข้าอยากดื่มชาถ้วยนี้ นางกำนัลเช่นเจ้ากล้ามาสอดปากหรือ”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยต่อว่านางกำนัลด้วยความไม่พอใจ สายตาคมหวานตวัดมองอย่างเกรี้ยวกราด
“เอ่อ...อย่าได้อารมณ์เสียเลยนะลู่ซือ”
มู่ซูเจียวพยายามไกล่เกลี่ย เมื่อเห็นเสิ่นลู่ซือกำลังมีโทสะ นางเกรงว่าเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้
“หึ ข้าเห็นแก่เจ้าหรอกนะซูเจียว ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้ งั้นเจ้าก็ไปเอาชากาใหม่มาให้ข้าซะสิ”
“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
นางกำนัลรีบก้มหัวขออภัยเสิ่นลู่ซือเป็นการใหญ่ นางลอบพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะหมุนกายเดินไปเอาน้ำชากาใหม่มาให้กับเสิ่นลู่ซือ
“เฮ้อ..แต่กว่านางจะมาข้าคงจะกระหายน้ำจนคอแห้งเป็นแน่”
“งั้นลู่ซือดื่มน้ำชาถ้วยของข้าก่อนก็ได้” นางเอ่ยอย่างใจดี
“ขอบคุณนะซูเจียว เจ้าช่างเป็นสหายที่มีน้ำใจจริง ๆ ไม่รู้ว่าข้าหลงผิดไปคิดร้ายกับเจ้าทำไมกันนะ”
เสิ่นลู่ซือแย้มยิ้มหวาน ก่อนจะรับถ้วยน้ำชามาดื่มจนหมด ส่วนกาน้ำชาที่สาวใช้วางไว้ นางก็แสร้งลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปสูดอากาศข้างนอก ปลายนิ้วเรียวภายใต้แขนเสื้อผลักกาน้ำชาจนหกกระเด็น ทำให้น้ำชาบางส่วนกระเด็นมาโดนแขนเสื้อของเสิ่นลู่ซือ และชายอาภรณ์ของมู่ซูเจียว
“อ๊ะ! นี่ข้าช่างซุ่มซ่ามนัก อาภรณ์ของเจ้าเลอะหมดเลย”
เพราะเสียงเอะอะทางด้านนี้ จึงทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของคนในงาน ฮองเฮาที่รอจังหวะอยู่แล้วจึงทรงตรัสถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“เกิดอะไรขึ้นหรือคุณหนูมู่ หรือว่าเจ้าถูกกลั่นแกล้งอีกแล้ว” ท้ายน้ำเสียงมีแววเย้ยหยันมู่ซูเจียว นางเป็นถึงว่าที่พระชายาแต่กลับยอมให้ถูกกลั่นแกล้งเสียได้ ช่างไม่เหมาะสมกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้เลย
“หม่อมฉันซุ่มซ่ามเองเพคะฮองเฮา จึงทำให้อาภรณ์ของคุณหนูมู่เลอะน้ำชาไปด้วย ต้องขออภัยที่ทำให้เวลาแห่งความสำราญต้องมีเรื่องให้มาระคายพระทัยเพคะ”
เสิ่นลู่ซือลุกขึ้นยืนแล้วก้มศีรษะขอพระราชทานอภัย
“อ้อ...เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นคุณหนูมู่ก็รีบไปเปลี่ยนอาภรณ์เถิด ช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูหนาว หากเจ้าเกิดป่วยไข้ไปอีก องค์รัชทายาทจะเจ็บปวดเอาได้”
“ขอบพระทัยในความห่วงใยของฮองเฮาเพคะ”
มู่ซูเจียวยอบกายคารวะอ่อนช้อย ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับนางกำนัลซึ่งเป็นคนของฮองเฮา ส่วนเสิ่นลู่ซือเองก็ฉวยโอกาสที่ฮองเฮากำลังเสวนากับฮ่องเต้ ได้รีบปลีกตัวออกมาเช่นกัน ก่อนจากมาได้ลอบขยิบสายตาหนึ่งทีให้กับโม่โฉ่วที่มองนางโดยไม่ละสายตา
วันนี้นางจะทำให้แผนการของฮองเฮาต้องผิดพลาด และนางนี่แหละจะเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้
หลี่อี้เฉินเงยหน้ามองร่างสูงของหวงเฟยหลง ยังไงวันนี้เขาจะต้องทำให้มู่ซูเจียวกลายเป็นคนรักของเขาให้ได้!“ดี ดีมาก แล้วนี่เล่า”จบคำของเขา องครักษ์ของหวงเฟยหลงก็พาตัวนางกำนัลผู้หนึ่งเข้ามา หญิงสาวเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นางเอ่ยคำสารภาพเพราะหวาดกลัวความผิด และต้องการรักษาชีวิตรอดเมื่อครู่นี้หลังจากที่นางแยกตัวจากขันทีที่เป็นคนของฮองเฮา คนขององค์รัชทายาทก็มาพาตัวนางให้มาที่นี่ ทั้งยังข่มขู่ว่าหากนางไม่สารภาพผิด นางและครอบครัวจะต้องโทษประหารชีวิต โทษฐานที่ทำร้ายคุณหนูสูงศักดิ์ผู้เป็นว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทนางไม่มีทางเลือกจริง ๆ“เป็น เป็นคุณชายหลี่ที่วางแผนจะล่วง...” สายตาคมกริบที่ตวัดมองมาให้เปลี่ยนคำพูด “เอ่อ...คุณชายหลี่ตั้งใจลวงคุณหนูมู่ให้มาที่นี่เพคะ เพราะต้องการจะทำร้ายคุณหนูมู่ ที่ไม่รับคำสารภาพรักจากคุณชายหลี่เพคะ”“เป็นอย่างไร ทั้งพยานและหลักฐานที่มัดแน่นเช่นนี้ เจ้าจะกล้าเล่นลิ้นอะไรได้อีก”“ไม่ ไม่ใช่ ข้าแค่อยากหลับนอนกับนางเท่านั้น!!”หลี่อี้เฉินที่เผลอหลุดปากสารภาพความจริง หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ สายตาที่เบนไปมององค์รัชทายาท ยิ่งทำให้เขาอยากจะกัดลิ้นตายเสียเดี
บทที่ 5ข้อเสนอหวงเฟยหลงที่ลอบติดตามมู่ซูเจียวก็เห็นความผิดปกติในทันที ทางเดินที่นางกำนัลพาไปนั้นไม่ใช่ตำหนักรับรอง แต่กลับเป็นตำหนักเล็กของพระสนมนางหนึ่งที่ถูกปิดตายไปแล้ว หนทางที่ต้องลัดเลาะไปมานั้นดูวกวนไปมา จนเขาอดจะสงสัยกับการกระทำนี้ของนางไม่ได้มู่ซูเจียวที่เคยมาเยือนวังหลวงหลายคราก็เริ่มตงิดใจ นางหยุดชะงักไม่ก้าวเดินตามนางกำนัลไปอีก“คุณหนูมู่มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ”นางกำนัลที่รู้ว่ามู่ซูเจียวไม่ได้เดินตามมานั้นจึงรีบเอ่ยถามทันที หากครั้งนี้นางทำแผนการของฮองเฮาล้มเหลว ตัวนางและครอบครัวคงไม่แคล้วต้องไปเยือนปรโลกเป็นแน่“ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะมาผิดทาง ทางนี้มันเป็นวังหลังของฝ่าบาทมิใช่หรือ เหตุใดเจ้าจึงไม่พาข้าไปตำหนักรับรองกัน”“คือ...ตำหนักรับรองมีคุณหนูคุณชายมาพักกันหมดทุกห้องแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูมู่ไปที่ตำหนักรับรองอีกที่หนึ่งนะเจ้าคะ”“เช่นนั้นหรือ แต่ข้าว่า...”ฟุบ!!ขันทีที่ติดตามมาทางด้านหลัง ลอบสับมือที่หลังคอของมู่ซูเจียวจนนางสลบไปในทันที ขันทีผู้นี้ประคองร่างที่ไร้สติของมู่ซูเจียวไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น“ไม่ได้เรื่อง แค่งานง่าย ๆ ยังทำไม่สำเร็จ”“ขะ ขอโทษเจ้าค่ะ”“รีบพานางไปเร็
เสิ่นลู่ซือที่เห็นชายหนุ่มชะงักค้างไป นางก็ฉวยโอกาสคว้าลำคอหนาของเขาให้โน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากเล็กประกบจูบริมฝีปากหนาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ลิ้นเล็กของนางตวัดปาดชิมไปมาด้วยความชอบใจ ก่อนจะผละออกเพื่อดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเขาด้วยความขบขันบุรุษผู้นี้ช่างน่าเอ็นดูนัก เขาคงจะไม่ประสีประสากับเรื่องนี้ใช่หรือไม่ไม่เป็นไรนะ อดีตแม่ค้าสาวที่ชื่นชอบดูหนังเรต 20+ ผู้นี้ จะใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมากกว่า10 ปีเพื่อสอนเขาเอง“อ่า...”โม่โฉ่วที่ถูกสัมผัสนุ่มละมุนของเสิ่นลู่ซือเมื่อครู่ หัวสมองของเขาพลันขาวโพลนไปชั่วขณะ ริมฝีปากหยักหนากระตุกยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกร้อนเร่ามากกว่าคราแรก“อื้อ ข้า...หายใจไม่ทัน”มือเล็กยกขึ้นมาทุบหน้าอกแกร่งหลายครั้ง จูบของเขาช่างเผ็ดร้อนยิ่งนัก นี่เขาไม่ใช่ลูกแกะน้อย แต่เป็นสุนัขจิ้งจอกที่ห่มหนังแกะใช่หรือไม่“เป็นท่านที่ต้องการเองนะคุณหนูเสิ่น”ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมากระซิบที่ใบหูเล็ก แล้วขบเม้มที่ติ่งหูของนางอย่างหยอกเย้า ก่อนจะเบนมาดอมดมที่ซอกคอขาวหอมกรุ่นที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากร้อนลวกไล่ดูดดึงขบเม้มที่ลำคอระหง จนผิวกายที่เ
บทที่ 4ข้าต้องการท่านหวงเฟยหลงที่คอยมองคู่หมั้นของตนตลอดเวลานั้น เขารู้สึกว่าเรื่องราวครั้งนี้มีข้อพิรุธหลายจุด และเขาเองก็ยังคงหวาดระแวงในตัวเสิ่นลู่ซือไม่เสื่อมคลายขณะที่เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไร กระดาษแผ่นเล็กก็ถูกลอบส่งมาให้กับโม่โฉ่วผ่านทางนางกำนัล ด้านในมีข้อความว่า 'ช่วยซูเจียว' โม่โฉ่วยื่นแผ่นกระดาษให้องค์รัชทายาท เขารับมาอ่านก่อนจะเอ่ยสั่งการเสียงเข้ม “ลายมือของลู่ซือ เจ้าไปจับตาดูลู่ซือเสีย ข้าเกรงว่าจะเกรงเรื่องร้ายกับนางเช่นกัน”“แล้วคุณหนูมู่เล่าขอรับ”“ข้าจะไปดูแลนางเอง ฝากด้วยนะโม่โฉ่ว อย่างไรนางก็เปรียบเหมือนน้องสาวของข้า”“ขอรับ”โม่โฉ่วที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ขององค์รัชทายาท จึงได้ลอบปลีกตัวออกจากงานเลี้ยง โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นฝีเท้าบางเบาดุจขนนกลอบติดตามเสิ่นลู่ซือมาไม่ห่าง คิ้วกระบี่ขมวดกันแน่นเมื่อเริ่มเห็นความผิดปกติของหญิงสาว เรือนร่างบอบบางของนางเดินโซเซไปมาคล้ายกับคนเมาสุรา แต่เท่าที่เขาเห็นนางเพิ่งดื่มสุราไปเพียงสองจอกมิใช่หรือ'เหตุใดจึงเมามายเสียแล้ว นางคงจะคออ่อนมากสินะ'ร่างสูงใหญ่ที่ติดตามมาไม่ห่างหัวเราะขันคนงาม รู้ว่าตัวเองคออ่อนแล้วยังยกจอกสุร
เสิ่นลู่ซือที่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาของหวงเฟยหลง นางจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมองบ้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นสายตาที่แทบจะกลืนกินมู่ซูเจียวองค์รัชทายาทผู้นี้ช่างคลั่งรักมากไปหรือไม่ ขนาดอยู่ในงานเลี้ยงยังไม่มีการสงวนท่าทีเลย มิน่าเล่ามู่ซูเจียวของนางจึงได้ถูกผู้อื่นปองร้าย และริษยามากถึงขนาดนี้แล้วองครักษ์ผู้หล่อเหลาของนางเล่า เขามาที่นี่ด้วยหรือไม่นะด้วยความสงสัยเสิ่นลู่ซือจึงได้ย้ายสายตาของตนเองมองรอบกายของหวงเฟยหลง ก่อนจะสบสายตากับโม่โฉ่วที่มองมาทางนางพอดีโฉมสะคราญแย้มยิ้มอย่างยินดี พลางยกจอกสุราผลท้อขึ้นมา หมายจะสื่อความนัยให้โม่โฉ่วได้รู้‘สุราจอกนี้ ข้าขอดื่มให้ท่าน...ว่าที่สามีของข้า’มุมปากเล็กยกโค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยว ก่อนจะกระดกจอกสุราในมือจนหมดจอกโม่โฉ่วที่มองเสิ่นลู่ซือพลันชะงักค้าง เขาเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพราะสายตาที่ดูไม่น่าไว้วางใจของนาง และไม่คิดว่าเขาผู้นี้กำลังถูกหญิงงามหยอกเย้า ยิ่งสายตาหวานที่มองมานั้นพาลให้เขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจหากเป็นน้องสาว เขาคงจะเอาไม้มาฟาดที่ก้นนางเสียเต็มแรง โทษฐานที่กล้าเกี้ยวพาบุรุษซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้!!ทางด้านหญิงงามที่เย้าแหย่บ
บทที่ 3พบหน้าว่าที่สามีขณะที่สตรีทั้งสองกำลังปรับความเข้าใจอยู่นั้น อีกด้านหนึ่งกลับมีเงาของสตรีนางหนึ่งยืนหลบมุมอยู่หลังเสา นางมองมาทางทั้งสองด้วยแววตากรุ่นโกรธ เพลิงโทสะอัดแน่นไปทั่วร่างกายบอบบาง แววตามาดร้ายจับจ้องทั้งสองไม่วางตา“ที่ข้าสั่งไปได้เรื่องหรือไม่” น้ำเสียงหวานเอ่ยถามนางกำนัลที่ถูกซื้อตัว“ระ เรียบร้อยเจ้าค่ะ ข้าน้อยใส่ในถ้วยน้ำชาของคุณหนูมู่แล้วเจ้าค่ะ”“ดี” ดวงหน้างามเผยรอยยิ้มเย็นชานางหยิบเงินตำลึงทองให้กับนางกำนัลผู้นั้น แล้วหมุนกายเดินจากไปในทันที ทำเหมือนกับทั้งสองไม่เคยพบหรือรู้จักกันมาก่อนหลังจากที่เสิ่นลู่ซือปรับความเข้าใจกับมู่ซูเจียว ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันได้อย่างถูกคอมากยิ่งขึ้น“องค์รัชทายาททรงเคยร้องไห้เพราะวิ่งหนีหนอนด้วยหรือเจ้าคะ”มู่ซูเจียวยิ้มขำกับเรื่องเล่าในวัยเด็กของพระคู่หมั้น นางเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจึงอดจะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ดูท่าทั้งสองคงจะผูกพันกันมาก คงไม่แปลกที่ตอนแรกเสิ่นลู่ซือจะหึงหวงองค์รัชทายาท จนพาลมาผิดใจกับนางที่เป็นพระคู่หมั้นของพระองค์“พระองค์ทรงขยะแขยงสัตว์ตัวเล็กที่เนื้อตัวนุ่มนิ่มเจ้าค่ะ ข้าเลยชอบแกล้งจับหนอ