ฟู่หยวนเพ่ยครุ่นคิดอยู่ตลอดทั้งวัน รู้ตัวอีกทีก็เป็นยามซวี[1]ซึ่งเป็นเวลาหลังจากหวงตี้สวดมนต์เป็นจริยาวัตรเสร็จ เวลาต่อจากนั้นเป็นเวลาเข้านอน
เด็กสาวถูกห่อตัวด้วยผ้านวมหนาเดินทางมายังตำหนักใหญ่ เนื่องจากเป็นการถวายงานอย่างเป็นทางการที่มีการลงไว้ในบันทึกแดง ฟู่หยวนเพ่ยถูกแบกมาในท่านอนหงาย จึงเห็นใบหน้าหวงตี้ที่กำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ สีหน้าที่ดูสงบผ่อนคลายนั้นดูน่ามองไม่น้อยทีเดียว
เหล่าขันทีวางตัวนางนอนลงข้างเขา จากนั้นจึงออกไปอย่างรู้หน้าที่ เขาวางหนังสือแล้วพลิกกายตะแคงข้าง เท้าแขนข้างหนึ่งหนุนศีรษะ ชายหนุ่มอมยิ้มราวกับขบขันที่เห็นนางโดนห่อราวกับเปาะเปี๊ยะเช่นนั้น
นานจนหยวนเพ่ยทำหน้ามุ่ย ใช่ว่าอยู่แบบนี้จะสบายตัวเสียเมื่อไหร่ สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“ถ้าหม่อมฉันถูกมัดเช่นนี้จะถวายการนวดได้อย่างไรเล่าเพคะ”
“อึดอัดรึ? โกรธรึ?” เขาเอานิ้วจิ้มแก้มนางอย่างหยอกล้อ “คืนแรกทำเราระบมไปสามวันสามคืนเช่นนี้ก็ขอเอาคืนเสียหน่อยสิ”
“เช่นนั้นพระองค์ก็เชิญจิ้มตามสบายเลยเพคะ หม่อมฉันจะนอนทั้งแบบนี้จนถึงเช้า” หยวนเพ่ยว่าพลางหลับตาลง แสร้งไม่รู้สึกรู้สาสิ่งที่โอรสสวรรค์กำลังทำ
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น หวงตี้จึงตัดสินพระทัยลุกขึ้นประทับ ทรงค่อยๆ แกะปมผ้านวมที่ผูกไว้หลวมๆ ออก ครานี้นางสวมชุดนอนสีเขียวอ่อนพอดีตัวไม่รุ่มร่าม อาจเป็นเพราะเข้าใจถึงจุดประสงค์หลักในคืนนี้ นางจึงเตรียมตัวมาอย่างดี เด็กสาวลุกขึ้นนั่ง พอหายใจหายคอได้สะดวกก็เอ่ยขึ้น
“การนวดนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม หม่อมฉันไม่อยากให้พระองค์เข้าบรรทมดึก เช่นนั้นเรามาเริ่มกันดีกว่าเพคะ”
เห็นท่าทีจริงจังกระตือรือร้นเช่นนี้ พาให้หวงตี้หนุ่มรู้สึกกระฉับกระเฉงตาม พระองค์ถอดชุดนอนตัวบนออกแล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างรู้งาน มองนางที่พนมมือหลับตานิ่งแน่วแน่พึมพำอันใดบางอย่างที่พระองค์ไม่เข้าใจ จากนั้นนางจึงเริ่มจับชีพจรทั้งมือและเท้า
เมื่อแน่ใจแล้วว่าร่างกายของพระองค์แข็งแรงดี จึงเริ่มลงมือนวดโดยเริ่มจากปลายเท้าทั้งสองข้าง จากนั้นแยกขาของพระองค์ออกเล็กน้อย ใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลายถ่ายน้ำหนักลงอย่างเหมาะสม แล้วจึงเปลี่ยนมางอเข่าของอีกฝ่ายให้อยู่แนวระนาบแล้วค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักตัวลงมา ไม่กี่อึดใจก็ทำแบบเดียวกันนั้นกับขาอีกข้าง
หวงตี้ทอดพระเนตรอีกฝ่ายนวดขาพระองค์อย่างตั้งอกตั้งใจคล้ายทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่พระองค์สิ ยิ่งถูกนวดบริเวณต้นขาก็ยิ่งหายใจหอบเบาๆ ยามหลังมือของนางไปแตะถูกในตำแหน่งต้องห้าม ยิ่งหายใจติดขัดขึ้นมา ด้วยกลัวว่าถ้านางนวดไปมากกว่านี้ สิ่งนั้นที่หลับใหลมันกำลังจะ...
อา...
สิ่งที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้นจนได้...พญามังกรของพระองค์...กลับลุกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พระพักตร์โอรสสวรรค์แดงก่ำ เมื่อผงกศีรษะขึ้นมอง ก็เห็นฟู่หยวนเพ่ยจ้องตรงส่วนนั้นนิ่ง ก็ให้นึกกระดากขึ้นมาชอบกล
“เพ่ยเอ๋อร์...ข้า...”
“...”
“...”
ฟู่หยวนเพ่ยกะพริบตาอีกสองสามครั้งเหมือนคิดอะไรในใจ จากนั้นก็เปลี่ยนไปนวดยังตำแหน่งอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากกดตรงขาหนีบและเหนือเข่า ก็กดไปยังต้นขาท่อนบนซ้ายขวา ไม่นานนัก สิ่งที่เคยเปรียบเสมือนเสาเอกท้าทายศีลธรรมของโอรสสวรรค์ก็ค่อยๆ อ่อนตัวลง
เด็กสาวกระแอมเล็กน้อย ถึงแม้การเปิดประตูลมซึ่งเป็นการนวดที่ต้องสัมผัสต้นขา ขาหนีบ และ...หลังมืออาจไปโดนอัณฑะโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการตื่นตัวเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สำหรับหมอนวดแผนไทยที่นวดทั้งชายและหญิงเจอมาแล้วนักต่อนัก นางไม่คิดอันใดหรอก...เพียงแค่เข้าใจในเรื่องบางอย่างมากขึ้น
อา...ล้นหลามขนาดนี้...หยวนเพ่ยไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดพี่สาวของนางถึงได้หลงใหลบุรุษผู้นี้จนหัวปักหัวปำ...
หลังจากผ่านเหตุการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนอย่างการที่เสาเอกท้าทายศีลธรรมของหวงตี้เกิดตั้งตระหง่านระหว่างการนวด หยวนเพ่ยก็ตั้งหน้าตั้งตานวดต่อไป จากนวดเปิดประตูลมตรงขา ต่อด้วยการนวดดัดปลายเท้า ฝ่าเท้า
จากนั้นจึงเปลี่ยนไปเปิดประตูลมที่แขน นวดไล่ลงมาทั่วทั้งแขนและที่หลังมือ ร่องนิ้ว ดึงนิ้วให้เกิดเสียง แล้วเปลี่ยนมานวดบริเวณกระดูกสันหลัง สะบัก และหัวไหล่ ไล่น้ำหนักจนอีกฝ่ายครางออกมาอย่างสบายตัว การนวดกินเวลาหนึ่งชั่วยามจึงตบท้ายด้วยการประสานมือสับไปทั่วหลัง เป็นอันเสร็จสิ้นการนวดโดยสมบูรณ์
แม้หวงตี้จะพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อทั่วร่างล้วนเบาหวิวคล้ายว่าถ้าไม่ติดว่าเป็นช่วงกลางคืน พระองค์คงจะร่ายรำกระบี่อวดศักยภาพของตนให้ดูเป็นขวัญตา
หยวนเพ่ยเห็นท่าทีกระตือรือร้นราวหนุ่มน้อยเช่นนั้น ก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ ถึงแม้ในยามนี้นางจะอายุน้อยกว่าหวงตี้เกือบสิบปี แต่ในโลกของนาง นางอายุมากกว่าเขามาก และหวงตี้คนนี้ก็อายุน้อยกว่าน้องชายของนางไม่กี่ปี ในหัวใจจึงคิดรักใคร่ห่วงใยมากกว่าจะคิดกับเขาเชิงชู้สาว นางแตะแขนเสื้อของเขาเบาๆ เป็นการเตือน “บรรทมเถิดเพคะ พรุ่งนี้พระองค์ต้องออกว่าราชการแต่เช้านะเพคะ”
เขาแสร้งทำหน้ามุ่ย แต่ใบหน้านั้นเปี่ยมชีวิตชีวา เขาไม่เอ่ยอิดเอื้อน ปล่อยให้นางถอดปิ่นและกวานของเขาออกจนเรือนผมยาวสยายทิ้งตัวดังม่านน้ำตก ซึ่งปกติฟู่หยวนเพ่ยเป็นคนไม่ชอบผู้ชายผมยาวเท่าใดนัก แต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นบุรุษไม่กี่คนที่ไว้ผมยาวแล้วดูดีเพียงนี้
ชายหนุ่มทิ้งศีรษะลงบนตักของหยวนเพ่ยอย่างถือวิสาสะ ซึ่งนางก็ยอมให้ทำตามแต่โดยดี
“พระเนตรเป็นประกายเช่นนี้ บรรทมไม่หลับหรือเพคะ”
“เห็นเจ้าแล้วข้ามีแต่คำถามมากมายอยากถามเจ้าจนนอนไม่หลับ” หวงตี้เอ่ย “เจ้าเป็นสตรีที่มีแต่ความลับเต็มไปหมด จนคิดว่าต่อให้ถามเจ้าไปจนชั่วชีวิตก็คงมิอาจรู้หมดด้วยซ้ำ”