หลังจากวันนั้นหมอไป๋ก็ตักตวงความหวานจากเธอทุกคืน ไม่ว่าจะทำงานมาเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน พลังกายบนเตียงเขายังเต็มเปี่ยมไม่มีถดถอยเขารับบทเป็นผู้ฝึกสอนให้ลูกศิษย์คนโปรด อย่างน้อยก็ต้องเก่งกาจเทียบเคียงคนสอนให้ได้เช้าวันหยุดนี้ ภารัชชาตื่นเช้าขึ้นมาชงเพรียวมัจฉะดื่ม แต่ขณะที่เธอยืนดื่มเงียบๆ เพียงลำพัง กลับมีร่างสูงของหมอไป๋มายืนเทียบข้าง ในมือเอื้อมไปหยิบแคปซูลกาแฟพร้อมแก้ววางไว้ที่เครื่องชงอัตโนมัติเขาปรายหางตามองเธอครู่หนึ่ง สีหน้าอารมณ์ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เธอตีความไม่ออกหรอกว่าเขาคิดอะไร เห็นหน้าทมึงตึงเป็นปกติอยู่แล้ว“ทำไมตื่นไม่เรียก”“คะ”“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันด้วย”ภารัชชามุ่นคิ้วเล็กน้อย ฉับพลันข้างแก้มก็ร้อนฉ่า เพราะเมื่อคืนทั้งคู่ก็บรรเลงเพลงรักที่ระเบียงก่อนจบลงบนเตียงนอน“ฉันเห็นคุณเหนื่อยๆ ก็เลยอยากให้นอนต่อค่ะ” เธอชำเลืองตามองเขาที่นิ่งเงียบไป เห็นนอนหลับสบายก็เลยไม่อยากปลุกแค่นั้นเอง“คราวหลังปลุกด้วย ฉันไม่ชอบตื่นทีหลัง” เขาตอบแล้วชักสีหน้าติดหงุดหงิดใจ ตื่นมาแล้วไม่เจอเธอเหมือนโดนหลอกฟันแล้วทิ้งไงล่ะพักหลังมานี้ทั้งคู่มีอะไรกันบ่อยแทบไม่ได้พัก จะต้องจบลงที่นอนกอดกัน
ภารัชชาเผลอทำหน้างอง้ำใส่เขา แต่มันดันน่ารักจับใจที่ได้เห็นแก้มนุ่มนิ่มพองออก หมอไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะขยับมือไปบีบแก้มเธอจนปากยู่“คุณไป๋... อย่าแกล้ง” เธอส่งเสียงเรียกชื่อเขา แต่ยังโดนเขาแกล้งด้วยการบีบแก้มให้ปากยู่ยี่อยู่หมอไป๋กระตุกยิ้ม ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ โฉบริมฝีปากจูบเธออีกครั้งแล้ววางมือกำเข้าที่ลำคอระหง ภารัชชาเชิดดวงหน้ารับจูบที่หอมหวานชวนให้เคลิ้มตาม“อือ...” เธอครางรับเบาๆ เมื่อรู้สึกดีกับจูบที่เขามอบให้มือบางวางทาบไว้ที่แผงอกกำยำ เธอลูบไล้ไปมาก่อนยกแขนคล้องลำคออีกฝ่ายเอาไว้ ขณะที่ริมฝีปากยังแลกเปลี่ยนความหวาน สอดแทรกดุนดันเกี่ยวพันจนเกิดเสียงชุ่มแฉะในโพรงปากซ่งไป๋แทบจะพรากลมหายใจเธอไป ก่อนที่เขาจะผละริมฝีปากออกในวินาทีถัดมา จนเห็นหยาดน้ำลายเป็นเส้นใสเชื่อมระหว่างกัน“ถอดเสื้อออกสิ”“คุณก็ถอดสิคะ”หมอไป๋ชะงักงัน ไม่คิดว่าเธอจะใช้คำพูดนี้กับเขา หนำซ้ำยังกระเถิบตัวขึ้นไปบนเตียง เหยียดเรียวขายาวส่งสายตายั่วยวนกันทางอ้อมเห็นชอบปรามาสว่าเธออ่อนหัดเรื่องจูบ คราวนี้จะลองงัดไม้ที่คิดว่าเด็ดมาเข้าสู้ อย่างน้อยสีหน้าเขาเมื่อครู่ก็ทำเธอใจชื้น ให้เขาช่วยถอดมันน่าจะตื่นเต้นกว่าเ
ร่างสูงเดินนวดต้นคอคลายอาการเมื่อยขบ หลังนั่งประชุมนานกว่าสามชั่วโมง พอกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ในช่วงสองทุ่มกว่า เขาก็ปรี่ตรงไปยังห้องนอนทันที แต่ดันสวนกับภารัชชาที่ออกมาจากห้องถ้วยฟูซะก่อนร่างบางชะงักตัวเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มให้เขาโดยไม่พูดอะไร“อาบน้ำแล้วใช่มั้ย” เขาเลิกคิ้วถาม ขณะที่สายตาไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าภารัชชาสวมชุดนอนลายการ์ตูนขาสั้น ถึงจะอายุอานามไม่ใช่น้อยแต่ก็ชอบของน่ารักเป็นชีวิตจิตใจ เวลาได้เจอการ์ตูนในวัยเด็กหรือของเล่นที่ไม่เคยเล่น เธอจะซื้อมาเก็บสะสมไว้เป็นความภาคภูมิใจ“อาบแล้วค่ะ ห้องน้ำว่างแล้วคุณอาบได้เลย”“อาบแล้วไปเล่นกับแมวเนี่ยนะ”“ลูกสาวฉันสะอาดนะคะ แค่ไปจุ๊บก่อนนอนเอง”เธอเชิดหน้าอย่างเอาเรื่องเขา กล้ามาพูดถึงลูกรักแบบนี้ได้ไง ถ้วยฟูตัวหอมแล้วก็รักสะอาดจะตาย ถึงขั้นถ้าเธอไม่อาบน้ำจะไม่ให้จุ๊บด้วยซ้ำหมอไป๋กลั้นขำพลางกระตุกยิ้มมุมปาก แม่แมวร้อนตัวแทนลูกสาวขนาดนี้ สะอาดจริงอย่างที่พูดไหม หรือต้องให้เขาพิสูจน์ด้วยการจูบปากแม่แมวเป็นเครื่องยืนยันดี“เตรียมตัวด้วยล่ะ”“เตรียมตัวอะไรคะ”“คืนนี้เราจะทำลูกกัน”หมอไป๋แอบกระดากอายที่พูดไป แต่เก็บอาการไว้แทบไม่แสดง
คำว่าภรรยาของผมกระแทกโสตประสาทเธออย่างจัง ขับสีผิวบนใบหน้าขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ราวกับลูกตำลึงสุกหมอไป๋แสดงออกชัดว่าไม่ชอบหน้าสิบทิศ ต่อให้ไม่ใช้คำพูดถากถางหรือเหน็บแนมเหมือนที่ใช้กับภรรยา แต่สายตาเขามันชัดจนสิบทิศที่รีบผละออกแล้วมองมายังรู้สึกได้“ขอโทษทีครับ... ผมลืมตัวไปหน่อย” สิบทิศก้มหน้าเช็ดน้ำตาที่รินไหล ภารัชชาที่เห็นก็พลอยเห็นใจจนเบะปากตามไปด้วย“ครับ คราวหน้าก็อย่าลืมตัวอีกล่ะ” หมอไป๋ยิ้มให้ แต่รอยยิ้มส่งไปไม่ถึงดวงตาที่แข็งกร้าว ก่อนเขาจะดึงแขนภรรยาให้มายืนข้างตนร่างบางแทบเซถลาไปชนอกอีกฝ่าย เธอมองสองหนุ่มที่จ้องหน้ากันราวกับจะหาเรื่องกัน โดยเฉพาะหมอไป๋ที่แววตาขุ่นมัวดูไม่สบอารมณ์จนเธอต้องรีบคลี่คลายสถานการณ์“คุณไป๋มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ มาแต่เช้าเชียว...” ภารัชชายิ้มแหย พลางหลุบตามองของในมือที่เขายื่นมา“แค่ขับรถผ่านมา”“ขับรถผ่านมาเหรอ”“รับไปสิ”เขายื่นของในมือเชิงยัดเยียดให้เธอ ซึ่งเธอก็รับมาถือไว้ก่อนจะเปิดดูของข้างใน ทำเอาดวงตาคู่งามเป็นประกายรอยยิ้ม เมื่อเห็นของกินอย่างซาลาเปาหอมๆ กับขนมจีบลูกพอดีคำในกล่องโฟม“ขนมจีบกับซาลาเปาน่ากินมากเลยค่ะคุณไป๋” เธอเงย
ช่วงเวลาสองทุ่มที่ไฟดวงใหญ่กลางห้องถูกปิดแล้ว เหลือแค่โคมไฟที่ติดกำแพงบนหัวเตียงยังส่องสว่างอยู่ ส่วนหมอไป๋วันนี้เขาอยู่เฝ้าเธอทั้งวันไม่มีบ่นเลยสักแอะเดียวปกติจะพูดหนึ่งประโยคก็เหน็บคำไปแล้ว แต่นี่นอกจากเขาจะไม่พูดอะไร ยังเอาชุดมาเปลี่ยนตอนอาบน้ำแล้วนอนเฝ้าเธอทั้งคืนอีกต่างหากร่างบางกระชับผ้าห่มเตรียมจะล้มตัวลงนอน แต่คอยลอบมองคนตัวสูงเป็นระยะว่าจะเดินมาปิดไฟไหม“คุณจะปิดไฟเลยมั้ยคะ”“ไม่ต้อง เปิดไว้นั่นแหละ”เธอมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย หมอไป๋หยิบผ้าคาดตามาใส่ ก่อนจะทิ้งตัวนอนที่โซฟาหันหลังให้แสงจากดวงไฟหัวเตียงแทนอาจเป็นที่มาของคำว่า... จบที่เราเบาที่สุดลูกคนเดียวอย่างหมอไป๋ไม่เคยยอมใครมาก่อน แต่ครั้งนี้เห็นว่าเธอป่วยแล้วก็ต้องมาโดนหางเลขเพราะตัวเขาหรอกถึงได้ยอมให้ กลับไปถึงห้องเมื่อไหร่เขาก็ยังเลือกปิดไฟนอนตามเดิม“คุณไป๋...”“นอนซะ”เธอกำลังจะอ้าปากถามว่าปิดไฟไหมงับปากแทบไม่ทัน ก่อนจะแอบงุดหน้าอมยิ้มคนเดียวแล้วล้มตัวลงนอน มือก็กระชับผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างในท่าที่ตะแคงมองแผ่นหลังกว้างของหมอไป๋“ภารัชชา” เขาเรียกชื่อเธอ แต่ยังนอนหันหลังให้อยู่“คะ” เธอขานรับ ขณะสบมองไหล่กว้างของเข
ใครจะคิดว่าภาพนี้จะเกิดขึ้น...หลังคลื่นพายุความเสียใจสงบลง หมอไป๋ก็สละเวลาทั้งวันมาดูแลภารัชชาโดยเฉพาะ ไม่ปริปากบ่นหรือเหน็บแนมเธอแม้แต่คำเดียว แค่นั่งป้อนข้าวต้มปลาร้อนๆ ให้คนป่วยทานเงียบๆหมอไป๋บริการเป่าให้ก่อนป้อนถึงปากด้วย ทำเอาภารัชชานั่งงุดหน้าเม้มปากข่มอาการใจเต้นแรง ก่อนจะอ้าปากงับช้อนที่เขาป้อนให้ใบหน้าสวยสดเริ่มมีเลือดฝาดระเรื่อบนผิวแก้ม แต่ยังทิ้งร่องรอยของคราบน้ำตาให้เห็น ทั้งดวงตาที่บวมช้ำ ลามไปยันปลายจมูกที่ขึ้นสีแดงผลจากการร้องไห้หนัก“ทำไมเธอถึงกล้าไว้ใจคนที่ไม่รู้จัก” เขาเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายกำแพงความเงียบ สายตาสบมองใบหน้าเรียวเล็กไม่ละไปไหน“ก็เขาแนะนำตัวว่าเป็นเพื่อนคุณนี่คะ อีกอย่างฉันไม่อยากทำให้คุณต้องขายหน้า... เขาพูดเหมือนรู้จักคุณดีด้วยฉันก็เลยเชื่อใจ”“เฮ้อ เธอนี่มัน”“ฉันโง่เอง... ไม่ต้องย้ำหรอกค่ะ”หมอไป๋ส่ายหน้าพลางลอบถอนหายใจทิ้ง แต่ก็เข้าใจทำไมเธอถึงหลงกลลมปากกิตติธัช หมอนี่วาจาเป็นเลิศเรื่องโน้มน้าวใจคนอยู่แล้วอีกอย่างเขาก็เป็นเป้าหมายที่ควรถูกกำจัดแต่แรก กิตติธัชจะตามสืบเรื่องของเขาจนรู้ทุกซอกทุกมุมก็ไม่แปลก มันคงผิดที่เขาเองที่ไม่เคยเล่าหรือบอกอะไรให