LOGIN"ได้ข่าวว่าซูเอ๋อร์ทำของกินไปขายหน้าหมู่บ้านเหรอวะ"
อาฟานชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันสะกิดถามเพื่อนที่กำลังมองหาไผ่ต้นสวยๆ ไปให้ภรรยา ระหว่างทางที่ขึ้นไปเก็บผักป่าเขาได้ผลไม้มาหลายชนิดเลย
"ใช่"
เฉิงอี้ตอบ ก่อนจะหันไปตัดต้นไผ่ต้นที่เขาเล็งไว้ ออกแรงฟันลงไป ต้นไผ่ลำใหญ่ก็ล้มลง เป็นชายหนุ่มที่แข็งแรงจริงๆ
"ขายได้ไหม"
อาฟานยังคงถามต่อไป
"ต้องถามว่าพอขายรึเปล่ามากกว่า"
คนที่มั่นใจในรสมือของภรรยาตอบ
"แต่ข้าว่าขายไม่ได้"
"ทำไม??"
"ก็เมียนายทำอาหารไม่เป็น"
"ไม่ได้ทำไม่เป็น แค่เธอไม่อยากทำ"
เฉิงอี้แก้ตัวให้ภรรยาที่มีข่าวลือในด้านลบมากมาย เป็นคนที่ไม่เอาใคร ถ้าใครทำให้ไม่พอใจ เธอพร้อมพุ่งใส่ไม่สนหัวหงอกหัวเทา
'แส่ไม่เข้าเรื่อง'
'โอ้ย! น่ารำคาญ"
'ป้าอย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้านได้ไหม'
"แก่ก็อยู่ส่วนแก่ไป อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย'
ด้วยความที่เธอเป็นคนพูดตรง ทำให้คำบางคำอาจจะดูแรงไป ท่าทางที่แสดงออกมาดูไม่มีความเกรงใจ และมักจะเป็นเขาที่ต้องตามไปขอโทษขอโพยเพราะกิริยาไม่น่ารักของเธอ
"ซูเอ๋อร์นี่นะทำอาหารเป็น"
อาฟานทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ
"เออ!!!"
เฉิงอี้ยืนยันเสียงหนักแน่น ขนาดเพื่อนสนิทเขายังแปลกใจ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเธอเป็นทุนเดิม
'ไหวไหมนะ'
เฉิงอี้เริ่มเป็นห่วงภรรยา ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี ของกินที่เธอทำไปขายวันนี้รสชาติอร่อยดี ยังไงก็ต้องขายได้สักไม้แน่ๆ
ทำไม....
ถึงขายไม่ได้!
ซูครุ่นคิดหาเหตุผลว่าอะไรคือปัญหา ซึ่งคงไม่ใช่ 'ราคา' เพราะวัตถุดิบที่ใช้ก็ไม่ได้แพงอะไร มีเพียงข้าวเหนียว และไข่ หญิงสาวตัดเรื่องราคาทิ้งไป แล้วปัญหามันคืออะไร คิ้วเรียวขมวดย่นเข้าหากันขณะพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง
'อร่อยมาก'
คำพูดของสามีแว่บขึ้นมา เขาชมว่าข้าวจี่ของเธอรสชาติดี ไม่มีใครเคยทำ ถ้าได้ลองกินสักครั้งรับรองต้องติดใจ แต่เมื่อทำมาแล้วขายไม่ได้ ใครมันจะไปรู้ล่ะว่ามันอร่อยอย่างที่สามีชม ซูพ่นลมหายใจออกมาขณะหอบของกลับมาบ้านพร้อมความผิดหวัง จะให้ทิ้งข้าวจี่ทั้งหมดก็ไม่อยากทำ สุดท้ายเธอจึงนำไปโยนให้ไก่ของสามีกิน
เฮ้อ...
ขนาดไก่ยังแย่งกันกินเลย
หญิงสาวพึมพำกับตัวเองที่ออกตัวแรงกับสามีว่าวันนี้จะต้องขายได้และมีกำไรติดมือกลับมา แต่กลับกลายเป็นว่า 'เข้าเนื้อ' ของสามีเน้นๆ เลย
"ฉันขอโทษค่ะ"
ซูบอกกับสามีที่กลับบ้านมาพร้อมกับไม้ไผ่สำหรับทำไม้เสียบข้าวจี่ให้เธอ เงินที่เขาให้เธอไปลงทุนหายวับไปกับตา ซึ่งเขาไม่ได้ต่อว่าหรือซ้ำเติมเธอแต่อย่างใด สิ่งที่เขาทำคือกอดปลอบให้กำลังใจ ฮือ~ ซึ้งจนน้ำตาคลอ
"ซูเอ๋อร์ของพี่ทำดีแล้ว"
แค่คำพูดปลอบใจไม่กี่คำ แต่กลับเป็นพลังให้เธอลุกขึ้นสู้ต่อไปจากที่นั่งซึมหมดแรง ไม่อยากทำอะไร เหมือนถูกเติมเชืัอไฟให้ลุกพรึ่บขึ้นมา
วันนี้ขายไม่ได้....
พรุ่งนี้ก็ต้องขายได้สิ!!!
หญิงสาวบอกกับตัวเองที่ฮึดสู้ใหม่ คนเราก่อนจะมีชีวิตที่สบาย ก็ต้องมีล้มลุกคลุกคลานบ้างเป็นธรรมดา แผลที่ได้มา ก็เป็นร่องรอยแห่งความภูมิใจ ในเมื่อวันนี้ไม่มีคนซื้อก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่ เธอจะปรับกลยุทธ์ในการขาย และมั่นใจว่ามันจะต้องเห็นผล
ซูตื่นขึ้นมาตอนตีสี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกระดาษที่เธอเขียนคำว่า "เชิญหยิบกินได้ตามสบาย" เธอเตรียมข้าวจี่ไปสี่สิบไม้ หากแจกฟรีแล้วติดใจ ครั้งหน้าเธอต้องขายได้สักไม้แน่ๆ
"ป้ามาหยิบเลยจ๊ะ ฉันไม่คิดเงิน"
"ลุงเอาไปกินสิ อร่อยนะ"
"ข้าวจี่ร้อนๆ เลยจ๊ะ"
พูดก็แล้ว กวักมือก็แล้ว แต่คนก็ยังเหมือนลังเลใจ กลยุทธ์แจกฟรีของเธอใช้ไม่ได้ในยุคสมัยนี้หรืออย่างไร ทำไมถึงได้ยืนนิ่งไม่เข้ามา แล้วดูสายตาของลุงๆ ป้าๆ ที่มองมาทางเธอสิ เหมือนกำลังมองตัวประหลาดยังไงยังงั้นเลย
"ฉันไม่กล้ากินหรอก"
"มีแผนอะไรรึเปล่า"
"ยายเฒ่าลองไปกินสิ"
"ไม่อยากอุดหนุนคนปากดี"
ถึงเธอจะแจกฟรี แต่ชาวบ้านที่เคยโดนเธอด่าก็ทำตัวยื้อๆ ยักๆ ไม่กล้าเข้ามา ดูท่าวีรกรรมของซูเอ๋อร์ในอดีตจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ข้าวจี่ของเธอเป็นหมันซะแล้ว
"ฉันเปลี่ยนไปแล้วจ๊ะป้า"
ซูยิ้มให้กับเหล่าป้าๆ ในหมู่บ้านที่ดูจะไม่เชื่อว่าเธอกลับตัวกลับใจ แววตาที่มองนั้นบ่งบอกว่า 'ฉันไม่เชื่อลมปากเธอ'
"ตอนนี้ฉันคิดได้แล้วว่าที่ทุกคนเตือนฉันเพราะหวังดี ฉันขอโทษในทุกๆ สิ่งที่ทำ ป้าๆ ให้โอกาสฉันได้กลับตัวกลับใจนะจ๊ะ ฉันอยากเป็นภรรยาที่ช่วยแบ่งเบาภาระของสามี และหาเงินช่วยพี่เฉิงจริงๆ"
ยก 'สามี' ผู้น่าสงสารมาอ้างทันที ซึ่งเธอรู้ดีว่าสามีนั้นเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านมากแค่ไหน เขาช่วยเหลือคนด้วยความเต็มใจ เป็นพ่อพระในสายตาทุกคนจริงๆ
"คิดได้ก็ดี"
"หวังว่าจะทำได้ไปตลอดนะ"
ถึงจะเคยมีอคติต่อกัน แต่เมื่อเห็นคนหนุ่มสาวมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ก็ใช่ว่าคนแก่จะใจร้ายไม่ให้โอกาสได้ตั้งตัว
"ฉันจะเป็นคนที่ดีขึ้นจ๊ะป้า"
ซูเอ่ยปากขอโทษทุกคน ผู้หญิงที่เคยเหวี่ยงทุกคนตอนนี้กำลังก้มหัวขอร้องโอกาสให้กับตัวเอง
"ฉันตาฝาดไปรึเปล่า"
"หยิกฉันหน่อยตาแก่"
ท่าทีอ่อนน้อมของซูเอ๋อร์ทำให้ความเกลียดชังที่สั่งสมมาหลายปีเริ่มเบาบางลง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเปลี่ยนความคิดได้ทันที
"ฉันเอาไม้หนึ่งละกัน"
ป้าจูที่เคยโดนเธอถอนหงอกเป็นคนแรกเดินเข้ามาหยิบข้าวจี่ร้อนๆ ของเธอไปกิน พอได้ชิมรสชาติก็ถึงกับตาโต
"ฉันเอาด้วย"
อีกคนที่เดินเข้ามาก็คือป้าเซียวที่สามีเธอแอบช่วยเหลือแบ่งปันไข่ไก่ให้ประจำ ถึงโดนเพื่อนรั้งแขนว่า 'อย่ากิน' ก็ยังเดินเข้ามาหาเธอและยิ้มให้
"นี่จ๊ะป้า"
ซูรีบยื่นข้าวจี่ให้ หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่ลุ้นในใจว่ารสชาติที่ทำจะถูกปากของคนที่นี่ไหม มือเรียวที่กำไว้ตอนนี้ชื้นเหงื่อจนเปียกไปหมดแล้ว
"ทำเองจริงๆ เหรอ"
"จ๊ะป้า"
"อร่อยมาก!!"
คำชมของป้าจูทำคนอื่นๆ ที่ยืนดูเริ่มยื่นมามาหยิบไปลองชิมบ้าง พอมีคนเริ่ม ก็ต้องมีคนตาม แล้วผลตอบรับที่ได้ก็ดีจนเธอหุบยิ้มไม่ได้เลย
"มันเรียกว่าอะไรนะ?"
"ข้าวจี่จ๊ะป้า"
ซูตอบพร้อมรอยยิ้มดีใจ เมื่อเห็นข้าวจี่ของเธอมีรสชาติถูกปากทุกคน
"พรุ่งนี้จะมาอีกไหม"
"เริ่มขายตอนไหน"
"ป้าสั่งไว้ก่อนสองไม้นะ"
ผลตอบรับที่ดีกว่าเมื่อวานทำให้ซูอารมณ์ดี เธอกลับมาทำงานบ้านรอสามี และทำอาหารที่สามีชอบเพื่อเอาใจ มื้อเย็นวันนี้เต็มไปด้วยบทสนทนามากมาย ซูเอ๋อร์ที่ชวนเขาคุยไปยิ้มไป ช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ
เฉิงอี้มองใบหน้าของภรรยาที่นับวันก็ยิ่งทำให้เขาแปลกใจ โดยเฉพาะความคิดในการค้าขายมันช่างห่างไกลจาก 'ซูเอ๋อร์' คนเดิมที่เกียจคร้าน เหนื่อยไม่เอา เบาไม่สู้ และไม่เคยแม้แต่จะชวนเขาคุยเวลากินข้าว
'ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ'
เฉิงอี้พึมพำ เขาสลัดความคิดที่ว่า 'ซูเอ๋อร์' อาจไม่ใช่ 'ซูเอ๋อร์' ออกไป เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ความคิดบ้าๆ นี้ผุดขึ้นมา 'ภรรยา' ก็คือภรรยา จะเป็นคนอื่นไปได้อย่างไร ชายหนุ่มกดความสงสัยเอาไว้ ความสุขเล็กๆ ทางใจ ทำให้เขาไม่อยากสงสัยในตัวเธอ
ใช่!!
เขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่สงสัยในตัวเธอ แต่เมื่อเห็นเธอคีบก้างออกจากตัวปลาอย่างชำนาญ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเธอแทบไม่แตะต้องปลาเลย
'โอ้ย! มีแต่ก้าง'
'พี่แกะเนื้อปลาให้ฉันหน่อยสิ'
'ต่อไปไม่กินแล้วนะ'
คนที่ไม่อยากกินปลา เพราะแกะก้างปลาไม่เป็นในวันนั้น ตอนนี้กำลังเลาะก้างปลาออกเพื่อเอาเนื้อหวานๆ มากินอย่างชำนาญ ความสงสัยที่สะสมมาตลอดหลายวัน ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะถามเธอ
"ซูเอ๋อร์"
เฉิงอี้มองใบหน้าสวยๆ ของภรรยาที่ทำตัวเป็นปกติดี แต่ผิดตรงที่เขานั้นไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริงๆ
"คะ"
เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มหวานๆ ของเธอทำให้เขาลังเลใจ คำว่า 'คุณเป็นใคร' มันจุกในลำคอเพราะชิ้นปลาที่เธอคีบมาวางไว้ให้ในจาน
"กินเยอะๆ นะคะ"
ซูยิ้มกว้างให้กับสามีที่อยู่ๆ ก็นิ่งไป บางทีสามีอาจจะเหนื่อยจากการไปหาไม้ไผ่ให้เธอก็ได้ เธอที่วันนี้อารมณ์ดีสุดๆ จึงลุกขึ้นเดินอ้อมหลังสามีไป มือเรียวจับที่ไหล่ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูของสามีที่แทบจะสำลักน้ำทันที เมื่อได้ยินคำพูดชวนให้คิดลึกว่า
"คืนนี้...."
"ฉันนวดให้นะคะ!!"
"พี่จะทำให้ซูมีความสุข"หลี่หมิงพูดพร้อมๆ กับมือที่ล้วงเข้าไปในชุดนอนตัวบางของภรรยา แล้วเริ่มเล้าโลมตรงจุดที่เธออ่อนไหว ความร้อนนิ้วที่วนเวียนตรงนั้นสร้างความวาบหวามให้ เขาช่างรู้ใจ แค่เพียงสัมผัสภายนอกก็ทำอารมณ์เธอกระเจิดกระเจิง"อื้อ~ พี่เฉิง"ซูกลั้นเสียงคราง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อสองนิ้วนั้นกำลังเข้าออกพลิ้วไหว เธอเกรงว่าจะทำเสียงดังไป หากแต่ความเสียวที่ถาโถมเข้ามาซ้ำๆ นั้นทำเธอกลั้นเสียงต่อไปไม่ไหวจริงๆ"อร้ายยย"สัมผัสสุขสมจากปลายนิ้วทำซูหอบหายใจ สามีรู้ว่าเธอชอบอะไร และเขาก็มักจะทำให้เธอแตะฝั่งฝันก่อนทุกที"ซูสวยมากเลย"หลี่หมิงเอยชมภรรยาที่ดูสวยและเย้ายวเสมอสำหรับเขา ยิ่งเธอใส่ชุดนอนบางเบาก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากจะดึงกระชากมันออกมา "พูดจริงเหรอคะ"ซูมองสามีที่ปากหวาน เขาชอบชมเธอทุกครั้งที่มีอะไรลึกซึ้งกัน และมันก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่สวยในสายตาของสามีจริงๆ "ครับ"หลี่หมิงตอบรับด้วยดวงตาหลงใหล มุมปากหยักได้รูปส่งยิ้มให้ เขาดูชอบใจเมื่อเห็นภรรยาลุกขึ้นมาคร่อมเขาแทน"ฉันคงต้องให้รางวัลแล้ว"มุมปากสวยผุดรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะยื่นมือเรียวบางไปจับที่ส่วนแข็งขืนขอ
สามปีผ่านไป🍃"ไม่ให้จับมะม๊า"มือน้อยๆ ของบุตรชายตอนนี้กำลังผลักไสบิดาที่เดินเข้ามาโอบเอวภรรยาที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็น"มะม๊าเป็นของผมคนเดียว"แววตาไร้เดียงสาของเจ้าก้อนแป้งในวันนั้นเปลี่ยนไป ซีซวนในวัยสามขวบฉลาดสดใส และ 'หวง' สิ่งของทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ซึ่งแน่นอนว่าของรักที่หวงแหนที่สุดของซีซวนตัวอ้วนก็คือ 'มะม๊าซูที่สวยที่สุดในบ้านนั่นเอง'"ของพ่อด้วยครับ"หลี่หมิงในชุดทหารย่อตัวนั่งลงยองๆ ลูบหัวของบุตรชายที่มองเขาราวกับเป็นศัตรูตัวร้ายที่จ้องจะแย่งความรักจากซูไป ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่ได้รับความรักไปเต็มๆ จากซู ก็คือ 'ซีซวน' จอมอ้อนนั่นเอง"มะม๊าซีซวนหิว""มะม๊าทำไข่เจียวอร่อยที่สุดในโลก""ซีซวนรักมะม๊าฮับ""กอดๆ ซีซวนหน่อย"ทั้งพูดเก่ง อ้อนเก่ง และยังใช้สายตาเรียกร้องเก่งเกินกว่าใคร คงต้องยกให้เจ้าซีซวนตัวน้อยที่ตัวติดกับมารดาตลอดเวลาจริงๆ "ไม่ใช่ มะม๊าเป็นของซีซวนคนเดียว"พ่อได้ยินว่าพ่อจะแบ่งความรักไป ซีซวนก็เบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เสียง 'ฮึกๆ' ของบุตรชายทำให้ซูหันมาเอ็ดสามีที่ชอบแกล้งว่า"พี่เฉิง!"ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้ เธอก็ยังติดปากเรียกชื่อสามีว่า 'พี
วันนี้ร้านอาหารเช้าขึ้นป้ายแจ้งว่า 'หยุด 1 วัน' ซึ่งสาเหตุที่ร้านหว่ออ้ายหนี่ประกาศหยุดนั้นเนื่องมาจาก..."พี่พูดจริงเหรอ"ซูทำหน้าตกใจเมื่อได้ฟังเรื่องบางอย่างจากปากสามีที่เดินเข้ามาบอกเธอที่ลุกขึ้นมาเตรียมแป้งปาท่องโก๋ตั้งแต่เช้ามืดว่า 'พี่มีเรื่องที่จะต้องเล่าให้ซูฟัง' ซึ่งเนื้อหาและใจความสำคัญที่พี่เฉิงเล่านั้นมันทำเธอไม่ค่อยอยากเชื่อเลยจริงๆ "ครับ"หลี่หมิงพยักหน้ารับ เขามั่นใจว่าตนเองในตอนนี้มีพร้อมทุกอย่าง ซูไม่จำเป็นต้องทำงาน เพราะแค่เงินเก็บและเงินเดือนเขาก็ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่ได้สุขสบาย หากแต่สีหน้าของภรรยาที่แสดงออกมาต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ ดูเธอเหมือนไม่ค่อยดีใจ และมองเขาที่กำลังพูดด้วยแววตาแปลกๆ ยังไงพิกล"ไม่อยากเชื่อเลย"ซูพึมพำขณะมองหน้าของสามีที่ไม่มีแววหยอกล้อใดๆ ดวงตาคมเข้มนั้นดูจริงใจ จะผิดไหมหากเธอคิดว่าสมองของเขาได้รับความกระทบกระเทือน"ชื่อเดิมของพี่คือหลี่หมิง""หลี่หมิง?"ซูทวนชื่อที่สามีบอกอีกครั้ง "ครับ"แววตาของสามีตอนพูดช่างดูจริงจัง ส่วนภรรยาที่นั่งฟังอยู่นั้นทำหน้าไม่ถูกเอาซะเลย"แผลพี่....""ทำไมครับ""หายดีแล้วจริงๆ ใช่ไหม"ซูเดินเข้าไปเปิดแผลบริเว
ห้าเดือนกว่าที่ไม่ได้เจอกัน ทำให้ซูออกอาการเก้อเขินสามีที่ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้เขาก็ดูหล่อเท่ซะเหลือเกิน "ปิดไฟได้ไหมคะ"ซูบอกด้วยท่าทีเอียงอาย ยกสองมือปิดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม"ไม่ปิดได้ไหม"คนไม่อายทำตาอ้อนใส่ เขาชอบมองเรือนร่างภรรยามันผิดหรืออย่างไร ซูดูสวยและอวบอิ่มขึ้นจนเขาละสายตาไม่ได้เลย"แต่ฉัน อื้อ~"คำพูดของเธอกลืนหายเมื่อถูกสามีป้อนจูบหนักหน่วงให้ เขาทำเธอแทบขาดอากาศหายใจ ลิ้นร้อนที่เกี่ยวพันตักตวงความหวานจนเธอแทบละลาย เนื้อตัวอ่อนระทวยในวงแขนของสามี"พี่คิดถึงซู คิดถึงมาก คิดถึงที่สุด"หลี่หมิงพร่ำบอกคิดถึงภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ ดวงตาคมที่มองเธอนั้นช่างร้อนแรงและเปี่ยมไปด้วยความต้องการ"อ๊ะ~"ซูสะดุ้งเมื่อมือของสามีเลื้อยไม่หยุด แต่ละจุดล้วนแต่ทำให้เธออ่อนไหว เสียงครางในลำคอบ่งบอกถึงความพอใจ เขาชอบมองใบหน้าของเธอตอนมีอารมณ์"อย่าเกร็งสิครับ"หลี่หมิงกระซิบข้างหูของภรรยาขณะแยกเรียวขาสวยออกจากกัน ดวงตาคมจ้องมองไปที่เนินกุหลาบแสนสวยนั้น มันช่างดูยั่วยวนชวนให้เขาสัมผัสจริงๆ"พี่เฉิง อย่าค่ะ"คำห้ามของซูที่หน้าแดงไม่เป็นผล เมื่อเห็นสามีก้มหน้าลงไปทำรักให้ ร่างกายของเธอ
เมื่อพายุฝนพัดผ่านไป ท้องฟ้าก็พลันสว่างสดใส ดวงตาของหลี่หมิงที่นั่งมองภรรยาให้นมบุตรชาย ช่างเปี่ยมไปด้วยความรักที่อัดแน่นมากมายเหลือเกิน"เขาชื่อซีซวนค่ะ"ซูพูดไปยิ้มไป ชื่อนี้มีความหมาย เขาจะเป็นเด็กที่ร่าเริงและมีความสุขมากกว่าใคร สดใสดั่งดวงอาทิตย์ที่สาดแสงส่องมา"ลองอุ้มไหมคะ"ซูถามสามีที่จดๆ จ้องๆ เจ้าก้อนแป้งในอ้อมแขนของเธออยู่นานสองนาน ตอนที่ซีซวนร้องไห้หิวนมนั้น สามีเธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย"พี่อุ้มได้เหรอครับ"เขาถามอย่างไม่แน่ใจ ดวงตาคมจ้องมองที่ใบหน้าแสนน่ารักของบุตรชาย มือไม้สั่นเพราะความตื่นเต้นจริงๆ"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ"ท่าทางเก้ๆ กังๆ ของคุณพ่อมือใหม่ทำซูอดหัวเราะเอ็นดูไม่ได้ เขาดูเกร็งๆ ขณะยื่นมือมารับเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยที่ดูดนิ้วหลับปุ๋ยไป แววตาของเขาที่มองใบหน้าของบุตรชายลึกซึ้งจนเธอกลั้นน้ำตาไม่ไหว เธอไม่ได้อยากร้องไห้ แต่มันดีใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอได้แต่จินตนาการภาพนี้ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ไปในที่สุด...ซีซวนก็ได้เจอกับพ่อสักที"แง้ แง้ แง้~"เสียงร้องไห้จ้าทำเอาหลี่หมิงที่นั่งเฝ้าบุตรชายที่นอนหลับปุ๋ยเลิ่กลั่กทันที ชายชาติทหารอย่างเขาไม่รู้วิธีว่าจะทำให้เจ้าตัวน้อ
"พี่เฉิง"ซูเรียกชื่อสามีที่หายตัวไป ดวงตาคู่สวยสั่นไหวพลันหยดน้ำใสๆ ก็ร่วงหล่นลงมา เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ 'สามี' ของเธอจริงๆ"ซู พี่กลับ..."เพี้ย!!ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดจนจบประโยค ภรรยาก็ตรงปรี่เข้ามาตบที่แก้มฝั่งซ้ายจนชา"พี่ไปไหนมา"ซูถามเสียงสั่น อารมณ์หลายอย่างถาโถมเข้าใส่ ทั้งดีใจทั้งโกรธสามีในคราวเดียว"พี่รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหน"ถึงจะรู้สึกเจ็บจนหน้าชา แต่เขารู้ดีว่าเทียบไม่ได้กับความลำบากที่ผ่านมาของภรรยาเลย"พี่ขอโทษ""ขอโทษ?"ซูเน้นคำว่า 'ขอโทษ' ของสามีที่หายไปถึงห้าเดือนกว่าและกลับมาพร้อมกับคำว่า 'ขอโทษ'"พี่อธิบายได้""อธิบายได้??"หญิงสาวกวาดตามองสำรวจสามีที่ดูไม่ได้ไปตกระกำลำบากอะไร เสื้อผ้าที่เข้าใส่ ดูดีและแพงกว่าตอนที่อยู่กับเธอเยอะเลยหนีไปกับชู้แน่ๆคงทนลำบากไม่ไหวน่าสงสารนะสามีหลายใจคำนินทาที่เธอเคยได้ยินและไม่สนใจ ตอนนี้กลับมาทิ่มแทงใจ สภาพของสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร เป็นเธอซะอีกที่ก้มหน้าทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว"พี่คิดถึงเธอนะ"ประโยคนี้เขย่าหัวใจคนฟัง เธอเองก็คิดถึงสามีเช่นกัน ดวงตาแดงก่ำมองที่ใบหน้าของสามี"คิดถึงแล้วทำไมถึ







