เข้าสู่ระบบหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มที่เป็น 'สามี' ก็รีบรุดเข้ามาประคอง ดวงตาคมเข้มที่มองหน้าเธอนั้นแดงเหมือนผ่านการร้องไห้มา และสีหน้าของเขานั้นก็ดูอิดโรยเหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน
"พี่ขอโทษ"
เป็นคำขอโทษที่ซูไม่ได้อยากรับไว้ การที่เจ้าของร่างล้มหัวฟาดไป ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเจ้าหล่อนทำตัวเอง
"ช่วยพี่หว่านเมล็ดผักได้ไหม"
"พี่ไม่เห็นรึไงว่าแดดมันร้อน"
หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังหน้า แสงแแดดยามเที่ยงวันที่สาดส่องมามันทำเธอหงุดหงิดอยากกลับไปที่ร่มเร็วๆ
"อีกแค่นิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว"
"เอ๊ะพี่...."
หญิงสาวขึ้นเสียงทำหน้าไม่พอใจใส่ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำคนบ้านใกล้เรือนเคียงส่ายหน้าไปมา นึกสงสารชายหนุ่มจับใจ มีตาหามีแววไม่ เมียสวยแล้วอย่างไร แต่นิสัยนั้นน่ารังเกียจริงๆ
"เบาๆ สิซูเอ๋อร์"
"ไม่เบา"
หญิงสาวไม่มีทีท่าจะทำตามคำพูดสามี
"คนมองกันหมดแล้วนะ"
ชายหนุ่มที่เกรงว่าภรรยาจะโดนคนนินทาพยายามดึงตัวเธอเข้าไป แต่สาวเจ้าก็สะบัดแขนใส่ ท่าทีไร้มารยาทต่างจากใบหน้าสวยพิมพ์ใจ ใครเห็นก็เอือมระอา
"มองก็ดี จะได้รู้กันให้หมดว่าฉันเป็นภรรยาไม่ใช่คนใช้ที่ต้องก้มหน้าทำงานงกๆ ไปวันๆ "
ซูเอ๋อร์โวยวายใส่สามีที่ถือถุงใส่เมล็ดพันธ์ เธอมองเขาด้วยแววตาเกลียดชังก่อนจะกระทืบเท้าเดินหนีไป และไม่รู้ว่าขาเธอไปสะดุดเข้ากับอะไร ทำให้ร่างบางล้มหน้าคว่ำ หัวกระแทกก้อนหินเข้าอย่างจัง สติที่มีมืดลงทันที
"ซูเอ๋อร์"
เหตุการณ์ตรงหน้ามันเกิดขึ้นเร็วมาก สามีวิ่งเข้าไปช่วยไม่ทัน ซูเอ๋อร์หมดสติไปสามวัน และไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา เงินที่สามีเพิ่งได้มาจากการขึ้นไปเก็บผลไม้ป่า หมดไปกับค่ารักษาที่ทำได้เพียงประคับประคอง
'สมน้ำหน้า'
'ทำอะไรได้อย่างนั้น'
'เฉิงอี้ก็ดีเกินไป'
'ฉันล่ะอยากได้มาเป็นเขยจริงๆ'
แน่นอนว่าภรรยาที่ไม่ทำงานทำการ ชอบแต่งตัวสวย เชิดหน้าไปวันๆ ไม่มีใครสงสาร มิหนำซ้ำยังนินทาเธอสนุกปากว่า 'สมควรแล้ว'
แต่แล้ว....
ภรรยาน่าชังของเฉิงอี้ก็ฟื้นขึ้นมา ซึ่งเขาไม่ทันสังเกตุด้วยซ้ำว่าแววตาของภรรยาที่มองตัวเองนั้นเปลี่ยนไป ในดวงตาคู่สวยที่น่าหลงไหลฉาบด้วยความสงสารในโชคชะตาของอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง โดนภรรยาด่าทอทุกวัน ก็ไม่เคยถือโทษโกรธเลย
"หิวไหม"
คำถามนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย มือหนาประคองร่างผอมบางของเธอให้ไปนั่งที่โต๊ะไม้เก่าๆ ที่เขาเป็นคนประกอบเอง
"หิวค่ะ"
พอเธอตอบไปว่า 'หิว' ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าสามีก็รีบวิ่งเข้าไปในครัว อาหารมื้อแรกของเธอเป็นอาหารง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ แต่คงไม่ใช่ซูเอ๋อร์ที่กลัวเล็บพัง ผมเหม็นเพราะควัน มีหน้าที่นั่งกินอย่างเดียว เธอมองอาหารที่สามีตั้งใจทำให้ เขาหายเข้าไปในครัวนานพอสมควร ก่อนจะออกมาพร้อมกับอาหารรสชาติอ่อนๆ เหมาะสำหรับคนป่วยที่เพิ่งฟื้นตัว
'ข้าวต้มเห็ดหอมกับผักดอง'
"กินเยอะนะๆ"
ชายหนุ่มถือถ้วยข้าวต้มมาวางตรงหน้าเธอ ส่วนเขาก็มีถ้วยข้าวต้มวางตรงหน้าเหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงที่ของเธอนั้นมีหมูปั้นก้อนใส่เข้าไป ส่วนของเขานั้นมีเพียงแค่เห็ดหอมที่เป็นส่วนประกอบหลักเท่านั้นเอง
"คุณ..."
คำว่า 'คุณ' ที่หลุดออกไป ทำให้เฉิงอี้ที่ก้มหน้าตักข้าวต้มเงยขึ้นมามอง
"พี่เฉิง"
ยังดีที่ซูไวตัวทัน เธอกลืนคำว่าคุณลงท้องไปอย่างไว เธอไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนบ้า แล้วต้องถูกส่งตัวไปรักษา สู้สวมบทเป็นภรรยา ซูเอ๋อร์เรียกชายตรงหน้าว่าอย่างไร เธอก็ควรเรียกเหมือนกัน
"ไม่อร่อยเหรอ"
เขามองคนตัวเล็กตรงหน้าที่ชอบโวยวายเพราะไม่ถูกใจอาหารที่เขาทำ เธอมักตำหนิเขาเสมอว่าไม่มีอาหารดีๆ ให้เธอกินจนรูปร่างผอมบาง ส่วนรสชาตินั้นก็จืดกลืนไม่ลง
"อร่อยดีค่ะ"
หญิงสาวตักข้าวต้มใส่ปาก ถึงจะไม่ได้เป็นอาหารเลิศหรูมีราคา แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ แล้วมันจะไม่อร่อยได้ไง ดูเห็ดหอมที่ใส่สิ ล้างสะอาดไม่มีดินติดเลย
อร่อยเหรอ??
คิ้วเข้มเลิกสูงเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่คุ้นหู อยู่ๆ ภรรยาชมว่าอาหารที่เขาทำให้กิน 'อร่อย' นี่นะ แปลกมาก แปลกสุดๆ แปลกถึงขั้นเขาต้องเอ่ยถามคนที่ก้มหน้าก้มตากินว่า
"ยังเจ็บหัวอยู่ไหม"
"ไม่ค่อยแล้วค่ะ"
ถ้าเปรียบเป็นบ้านหลังอื่นคงเป็นบทสนทนาธรรมดา แต่สำหรับเขาถือว่าเป็นคำตอบที่รื่นหูเกินไป ซึ่งปกติแล้วถ้าหากเขาถามอะไรที่ดูเซ้าซี้เกินไป มักจะโดนแผดเสียงด่าไปฉากใหญ่ บางครั้งก็โยนถ้วยชามทิ้งขว้างกระจายเพียงเพราะรำคาญที่เขาถามนู่น นี่ นั่นเหมือนจับผิดเธอ
"พี่เฉิงก็ต้องกินเยอะๆ นะ"
ไม่ใช่แค่คำพูดเปลี่ยนไป แต่ภรรยาที่ไม่เคยสนใจว่าเขาทำอะไร ที่ไหน กับใคร วันนี้เธอกลับมีน้ำใจตักหมูก้อนในถ้วยข้าวต้มแบ่งให้ ในดวงตาคมฉายแววแปลกใจขณะมองดูหมูก้อนในถ้วยสลับกับใบหน้าซีดๆ ไร้สีสันของภรรยา ความสงสัยนั้นมันทำให้เขาคิดเองเออเองว่า
การที่เธอล้มหัวฟาด
สมองอาจจะ...
ได้รับการกระทบกระเทือนก็ได้!!
แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างปลุกให้หญิงสาวที่เพิ่งผ่านศึกหนักในคืนร้อนแรงลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ เสื้อผ้ากระจัดกระจาย ส่วนสามีก็ไม่รู้ไปไหน เธอมองผ่านหน้าต่างออกไป ถึงได้รู้ว่าสามีแสนดีกำลังปลูกผักในสวนอย่างตั้งใจ หัวกะหล่ำปลีเพิ่งเก็บไป ส่วนแปลงปลูกคะน้าตรงนั้นก็กำลังโตได้ที่สวยเชียว"ขยันจริงๆ"ซูพูดกับตัวเองที่มีความทรงจำของซูเอ๋อร์ทุกอย่าง ผู้ชายคนนี้ทำแต่งาน วันๆ อยู่แต่ในสวนหรือไม่ก็ไปรับจ้างปลูกข้าวสาลีช่วยชาวบ้านที่มีพื้นที่ทำนาทำไร่ ฤดูเก็บเกี่ยวเขาก็ไป เงินทุกหยวนที่ได้มา ไม่ทันจะได้เก็บไว้ก็มักจะถูกภรรยาขอไปใช้ซื้อเสื้อผ้าและของฟุ่มเฟือย แล้วสามีจะมีเงินเหลือเก็บได้อย่างไร มีปลิงตัวใหญ่คอยสูบ คอยใช้ คำว่า 'ประหยัด' ไม่เคยอยู่ในหัวสมองด้วยซ้ำ'ฉันอยากได้ชุดใหม่''แต่คุณเพิ่งซื้อไปเองนะ''โอ้ยพี่!! จะงกอะไรนักหนา'พอโดนขัดใจ ซูเอ๋อร์ก็มักจะขึ้นเสียงใส่ ดวงตาคู่สวยเบิกโตอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดก้นใส่สามีที่เพิ่งได้เงินมา ทำหน้างอไม่พูดไม่จา น้ำสักแก้วยื่นให้สามีหายเหนื่อยล้าก็ไม่มี เร่งแต่จะเอา เงิน เงิน และ เงิน อย่างเดียว'ซูเอ๋อร์'เฉิงอี้เรียกภรรยาที
"รอบเดียวพอนะครับ"คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้คนที่คิดว่ารอดแน่ๆ ถึงกับต้องคิดใหม่ ดูเหมือนการสื่อสารของเธอจะผิดพลาดไป ทำไมเขาถึงได้มองเธอด้วยแววตาแฝงความนัยและดูกรุ้มกริ่มยังไงพิกล"รอบเดียวอะไรคะ"คนที่โดยสามีรั้งไว้ฝืนยิ้มแห้งๆ ถามกลับไป เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ท่าทีซื่อใสนั้นทำชายหนุ่มงง ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เธอเป็นคนเอ่ยปากชวนเอง"จะยั่วพี่หรือครับ"เสียงทุ้มถาม ริมฝีปากของเขาที่คลอเคลียข้างหูทำซูขนลุกซู่ "พี่เฉิงอย่าแกล้งสิคะ"หญิงสาวตอบไป ในใจของเธอตอนนี้คือร้อนรน จะหนียังไงให้พ้นจากสามีที่จ้องจะกินภรรยา"ใครแกล้งกันแน่"มุมปากหยักกระตุกยิ้มจางๆ เมื่อเห็นแววตาของภรรยาสั่นไหว ไม่ต่างจากกวางน้อยที่กลัวหมาป่าจนกระสับกระส่าย ท่าทีที่ดูเปลี่ยนไป มันควรทำให้เขากังวลใจ แต่ทำไมนะ ทำไม เขาถึงได้มองว่ามันน่ารักน่าเอ็นดู"พี่เฉิง"หญิงสาวเรียกชื่อของสามีที่มือเริ่มซุกซน เดี๋ยวจับตรงนั้น เดี๋ยวแตะตรงนี้ บางตำแหน่งก็แอบรู้สึกดี แต่บางตำแหน่งก็ทำเธอใจเต้นไม่เป็นส่ำเลย"หือ??"ชายหนุ่มตอบรับเบาๆ "อย่าค่ะ"คำห้ามถูกกลืนหายเมื่อถูกริมฝีปากของสามีเจ้าของร่างทาบทับลงมา ความรู้สึกมันวาบหวามซาบซ่าน เหมือ
หลังจากกินข้าวเสร็จสามีก็เก็บถ้วยชามไปล้าง ทำราวกับเป็นหน้าที่ในชีวิตประจำวัน ส่วนเธอที่เป็นภรรยานั้นแค่นั่งเป็นกำลังใจให้ก็พอ"ไม่ถูกต้องเอามากๆ"ซูพึมพำ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เสนอตัว ไม่ใช่ว่าเธอรักสบาย แต่ผู้ชายร่างสูงใหญ่เขากำชับเธอเสียงหนักแน่นว่าอย่าฝืนทำอะไรที่เกินตัว ไอ้ที่เกินตัวเขาหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงถ้วยชามที่เพิ่งกินไป มันไม่ได้เหนื่อยหนักหนาอะไรเลย หญิงสาวคิดในใจ ในเมื่อไม่รู้ว่าทำอะไร เธอจึงลุกขึ้นยืนสำรวจในบ้านของเจ้าของร่างนี้แทน "ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่"ดวงตาคู่สวยกวาดมองทุกอย่างรอบตัวที่ดูแตกต่างไปจากโลกเดิมของเธอ เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มี ทั้งๆ ที่นี่คือปี 1980 ที่จีนกำลังพัฒนา สามีของซูเอ๋อร์คงจนมากสินะ ถึงยังใช้ตะเกียงให้ความสว่างอยู่เลย หญิงสาวคิดในใจ การไม่มีไฟฟ้าใช้บอกตรงๆ ว่าลำบากพอสมควรบ้านไม้เก่าๆ หลังนี้ในสายตาของเธอที่อยู่คอนโดและมีพื้นที่จำกัด ถือว่ากว้างพอสำหรับสองสามีภรรยา ภายในบ้านถูกจัดสรรแบ่งออกเป็นสัดส่วน มีห้องนอน ห้องเก็บของ มีพื้นที่โถงตรงกลาง ส่วนห้องครัวอยู่นอกบ้าน มีห้องน้ำที่สร้างถัดจากห้องครัวหน่อยหนึ่งห้องน้ำอยู่ข้างนอกนี่นะ??ซูคิดพลางถอนหายใจ หญิงส
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มที่เป็น 'สามี' ก็รีบรุดเข้ามาประคอง ดวงตาคมเข้มที่มองหน้าเธอนั้นแดงเหมือนผ่านการร้องไห้มา และสีหน้าของเขานั้นก็ดูอิดโรยเหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน"พี่ขอโทษ"เป็นคำขอโทษที่ซูไม่ได้อยากรับไว้ การที่เจ้าของร่างล้มหัวฟาดไป ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเจ้าหล่อนทำตัวเอง "ช่วยพี่หว่านเมล็ดผักได้ไหม""พี่ไม่เห็นรึไงว่าแดดมันร้อน"หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังหน้า แสงแแดดยามเที่ยงวันที่สาดส่องมามันทำเธอหงุดหงิดอยากกลับไปที่ร่มเร็วๆ"อีกแค่นิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว""เอ๊ะพี่...."หญิงสาวขึ้นเสียงทำหน้าไม่พอใจใส่ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำคนบ้านใกล้เรือนเคียงส่ายหน้าไปมา นึกสงสารชายหนุ่มจับใจ มีตาหามีแววไม่ เมียสวยแล้วอย่างไร แต่นิสัยนั้นน่ารังเกียจริงๆ "เบาๆ สิซูเอ๋อร์""ไม่เบา"หญิงสาวไม่มีทีท่าจะทำตามคำพูดสามี"คนมองกันหมดแล้วนะ"ชายหนุ่มที่เกรงว่าภรรยาจะโดนคนนินทาพยายามดึงตัวเธอเข้าไป แต่สาวเจ้าก็สะบัดแขนใส่ ท่าทีไร้มารยาทต่างจากใบหน้าสวยพิมพ์ใจ ใครเห็นก็เอือมระอา"มองก็ดี จะได้รู้กันให้หมดว่าฉันเป็นภรรยาไม่ใช่คนใช้ที่ต้องก้มหน้าทำงานงกๆ ไปวันๆ "ซูเอ๋อร์โวยวายใส่สามีที่ถือถุงใส่เม
เคยได้ยินประโยคที่ว่า...'ผู้หญิงทุกคนมีค่าไหม??'ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าคอนโด ค่านู่น ค่านี่ บลา บลา บลา ที่รอให้จ่ายตอนสิ้นเดือน มันเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้หญิงโสดวัยทำงานอย่าง 'ซู' ต้องขยันทำงาน คติประจำใจของเธอคือทำงาน = มีเงินซูที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยดัง จึงเลือกสมัครงานที่บริษัทดัง อัตราการแข่งขันสูงมาก เธอต้องทำผลงาน ผลของความขยันก็ไม่เคยทรยศใคร "ยินดีด้วยนะ""เก่งมากเลยซู""น่าอิจฉาจังเลย"ซึ่งบริษัทที่ซูได้ทำงานเป็นบริษัทที่ให้ค่าตอบแทนในการทำงานสูงมาก เป็นศูนย์รวมหัวกะทิที่จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง และซูก็ได้เป็นหนึ่งในพนักงานที่สอบผ่านข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ตัวต่อตัวเมื่อทำงานได้ระยะหนึ่ง ซูก็เลือกที่จะผ่อนคอนโด ผ่อนรถ ด้วยความอยากมีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง ทำให้เธอใช้ชีวิตบ้าระห่ำไปกับการทำงาน เพื่อหาเงินมาโปะคอนโด โปะรถให้หมดไวๆ ใช้เวลาสามปี เธอก็ปลดหนี้ได้ และจุดมุ่งหมายใหม่คือเก็บเงินเพื่อเปิดร้านอาหารที่เป็นความชอบส่วนตัว เธอโตมากับครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่ได้มีต้นทุนมาก ดังนั้นเธอจึงต้องปากกัดตีนถีบสอบให้ได้ทุน และทุนนี้ก็เปลี่ยนชีวิตของเธอ เธอมีโอกาสเธอมีงาน เธอม







