Share

บทที่ 3

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-15 11:41:39

“ถอยไป! ข้าจะเข้าไปดูท่านแม่!” เฉินจิ้งอี้ คุณชายใหญ่วัยย่างแปดขวบปีที่เกิดจากฟูเหริน คิดก้าวเข้าไปในห้องที่ใช้ทำคลอด กลับโดนท่านย่าของตนยื่นมือออกมาขวางไว้

“ข้างในเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด หาใช่สถานที่ที่บุรุษสมควรย่างเท้าเข้าไปวุ่นวาย เป็นเด็กดีรออยู่ที่นี่ ย่าจะเข้าไปดูอาการท่านแม่ของเจ้าให้เอง รอจนข้างในเก็บกวาดกันดีแล้ว เจ้าค่อยตามเข้าไปก็ยังไม่สาย” แม่เฒ่าเฉินปรามหลานชาย แต่กลับหันไปทางหลานสาวตัวน้อย บอกเสียงสั่น “ไป! แม่นมหลิน อุ้มหรงเอ๋อร์ตามข้ามา!”

ชั่วอึดใจนั้น เสี่ยวเซียงหรงพลันพบข้อดีของการเป็นสตรีอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ เด็กน้อยวัยสี่ขวบครึ่งอย่างนางสามารถเข้าไปในห้องคลอดของท่านแม่ได้ ในขณะที่พี่ชายใหญ่ผู้เก่งกาจฉลาดเฉลียวของนางกลับเข้าไปไม่ได้...ที่แท้การเป็นสตรีช่างดีนัก!

ในตอนที่ท่านยาของนางพาเซียงหรงเข้าไปพบมารดา ภายในห้องยังเก็บกวาดไม่ทันเรียบร้อยดี สภาพห้องทำคลอดที่เซียงหรงเห็นจึงเต็มไปด้วยเลือด เลือด เลือด และเลือด มองไปทางไหนก็เห็นผ้าเปื้อนเลือดและกะละมังน้ำสีแดงฉาน น่าขนพองสยองเกล้าเป็นที่สุด

ไม่เพียงมีสภาพน่าหวาดกลัวพาให้อกสั่นขวัญหาย ภายในห้องทำคลอดแห่งนี้ยังมีกลิ่นคาวผสมกลิ่นน้ำแกงโสมเข้มข้นคละคลุ้ง

นี่มัน...นี่มันอะไรกัน ที่แท้การคลอดบุตรก็น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้?

เสี่ยวเซียงหรงตัวสั่นระริก

แม่นมหลินรู้สึกได้ว่าเด็กน้อยในอ้อมแขนกำลังตื่นกลัว จึงลูบหลังปลอบโยนนางไม่หยุด

“ท่าน ท่านแม่...ท่านแม่…” เซียงหรงร้องเรียกมารดา น้ำตาหลั่งเป็นสาย

เดือนก่อนนางหกล้ม เลือดออกนิดเดียวยังเจ็บจนน้ำตาไหล แต่นี่...ครั้งนี้มารดาของนางคลอดน้องชายสาม เลือดออกมากมายถึงเพียงนี้ จะเจ็บปวดทรมานเพียงไหนกัน... มิน่าเล่า...มิน่าเล่าท่านแม่จึงได้กรีดร้องเสียงดังถึงเพียงนั้น ดังจนกลบเสียงพายุฝนเสียมิด!

ที่จริงแล้วยามนี้ ฟูเหรินของจวน หลี่เซียงเหลียน ไร้สิ้นเรี่ยวแรง สติใกล้จะดับวูบเต็มที เป็นเสียงเรียกของบุตรสาวนั่นเองที่รั้งนางไว้

หลี่เซียงเหลียนลืมตาขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า นางส่งยิ้มจางๆ ให้บุตรสาวตัวน้อยในอ้อมอกแม่นมหลิน กล่าวน้ำเสียงแหบแห้ง

“หรงเอ๋อร์...นับจากนี้...เป็นเด็กดี...”

จู่ๆ ลูกสะใภ้ก็กล่าวคล้ายสั่งเสียเช่นนี้ แม่เฒ่าเฉินตกใจจนใบหน้าที่เผือดสีอยู่แล้วพลันซีดเผือดยิ่งขึ้น นางรีบมองไปที่หมอตำแย เพียงเห็นหมอตำแยใบหน้าซีดขาว น้ำตาคลอ คนที่ผ่านโลกมานานอย่างนางก็พลันรับรู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

นางเลิกผ้าห่มดูด้วยความร้อนใจ เพียงเห็นว่าลูกสะใภ้ตกเลือดมากมายแค่ไหน ก็หน้าซีด ปากสั่น

“เหตุใด...เหตุใด...” ดูเหมือนโลหิตลูกสะใภ้ที่ไท่โฮ่วพระราชทานสมรสให้บุตรชายนาง จะยังไม่หยุดไหลเลยด้วยซ้ำ!

“ท่านแม่...บุตรชายของข้า...ปลอดภัยดีเจ้าค่ะ...” หลี่เซียงเหลียนเอ่ยอย่างอ่อนแรงเต็มที นางรู้ตัวดีว่าครั้งนี้ความตายคงไม่ละเว้นนางแล้ว เป็นห่วงก็แต่บุตรชายบุตรสาวทั้งสามคน หากสิ้นนางไปแล้ว ต่อไปนี้พวกเขาจะอยู่อย่างไร “ท่านแม่...ต่อไป...บุตรชายทั้งสองและบุตรสาว...คงต้อง...ฝาก…ท่านแล้ว...”

“เจ้า...เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!” แม่เฒ่าเฉินแม้ปากแข็งแต่ใจอ่อน เห็นลูกสะใภ้ซึ่งกาลเวลาพิสูจน์แล้วว่านางช่างแสนดี ตกอยู่ในสภาพนี้ ก็ถึงกับหลั่งน้ำตา

เห็นสะใภ้สายเลือดสูงส่งคล้ายอยากพูดบางสิ่ง ทว่าเปล่งเสียงได้เบานัก แม่สามีก็รีบขยับเข้าไปกุมมืออันบอบบาง ขยับหน้าขยับใบหูเข้าประชิดติดริมฝีปากอันซีดเซียว

“...ตรวจสอบ...ยาบำรุง...” เอ่ยได้เท่านั้น ร่างบนเตียงก็ปิดเปลือกตา ลงอย่างอ่อนล้า พร้อมๆ กับที่มือที่กุมมือแม่สามีกลับค่อยๆ คลายออก ก่อนจะแน่นิ่งไป

เสี่ยวเซียงหรงยื่นหน้าออกมาจากผ้าคลุมศีรษะ ร้องถามท่านย่าเสียงใส

“ท่านย่า...ท่านย่าเจ้าขา ท่านแม่พักผ่อนแล้วหรือ?”

ผู้ชราไม่รู้จะตอบอย่างไร สุดท้ายก็ได้แต่เออออตามหลานสาวที่เพิ่งจะกำพร้าแม่ “ถูกแล้ว มารดาของเจ้า...พักผ่อนแล้ว...” นางไม่กล้าหันไปสบตาหลานสาวสักนิด

หลังควบคุมสติและน้ำเสียงอยู่ครู่หนึ่ง สตรีที่สูงอาวุโสที่สุดในจวนก็ขยับริมฝีปากเอ่ยออกมาด้วยความสะเทือนใจ “หรงเอ๋อร์คนดี...ยังจำที่มารดาเจ้าพูดเมื่อครู่นี้ได้หรือไม่?”

เสี่ยวเซียงหรงพยักหน้า ตอบอย่างไร้เดียวสา “จำได้เจ้าค่ะ ท่านแม่บอกว่าให้ข้าเป็นเด็กดี”

“จำไว้ให้ดี” แม่เฒ่าเฉินบอก น้ำเสียงอ่อนล้า “ทางนี้หมดเรื่องแล้ว วันนี้เจ้าก็กลับไปอบอุ่นร่างกาย พักผ่อนเถอะ หากล้มป่วยลงไปอีกคน บิดาเจ้าคงไม่มีวันอภัยให้ย่าแล้ว...”

“เจ้าค่ะ ท่านย่า” เสี่ยวเซียงหรงรับคำอย่างว่าง่าย

แม้จะเสียดายที่อุตส่าห์เข้ามาถึงนี่แล้วกลับไม่ได้สนทนากับมารดาให้มากหน่อย...ทว่ามารดามักกล่าวว่านางเป็นเด็กดีอยู่เสมอ เมื่อครู่นี้ก็ยังย้ำเตือนอีกว่าให้นางเป็นเด็กดี เช่นนั้นนางก็จะเชื่อฟังผู้ใหญ่ จะเป็นเด็กดีของท่านแม่ต่อไป จะไม่กระทำตัวดื้อรั้นให้ท่านแม่ที่แสนดีต้องผิดหวังในตัวบุตรสาวเพียงคนเดียวอย่างนางเด็ดขาด!

เสี่ยวเซียงหรงเหลียวมองน้องชายตัวอวบอ้วนข้างกายมารดาเล็กน้อย เห็นน้องชายสามชูไม้ชูมือดูไร้เดียงสาก็อยากจะเข้าไปจับแก้มนวลเนียนนั่นใจจะขาด ได้แต่หลุบตาก้มหน้าลงซบอกแม่นมหลินอย่างเสียดาย

ทว่า...

เอ...ประเดี๋ยวนะ...

เหตุใดเมื่อครู่ท่านย่าจึงได้ทำเสียงคล้ายกับจะร้องไห้?

หรือท่านย่าจะดีใจที่ท่านแม่สารถคลอดน้องชายสามออกมาได้อย่างปลอดภัย?

อืม...เป็นเช่นนี้กระมัง...

เซียงหรงเงยหน้าบอกแม่นมที่อุ้มตนเองอยู่เสียงใส

“แม่นมเจ้าขา...พวกเราไปกันเถอะ ท่านแม่ของข้าพักผ่อนแล้ว”

“โถ...คุณหนูของบ่าว...” ก็ไม่รู้ว่าทำไมแม่นมหลินถึงได้หลั่งน้ำตา...นางเพียงแต่รู้ว่า ในเมื่อมารดาพักผ่อนแล้วก็ไม่สมควรอยู่รบกวนการพักผ่อนของมารดา ไม่เช่นนั้นหากท่านแม่ของนางล้มป่วย พรุ่งนี้เช้า ท่านแม่ของนางคงไม่อาจลูบผมจูบหน้าผากนางเช่นทุกวันได้อีกแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 16

    “ของเหล่านั้นก็เพียงของนอกกาย ท่านเก็บไว้เถอะ!”“หรงเอ๋อร์...” หลี่จือหลินขยับมือที่กุมมือน้อยไว้ ยกมือของเซียงหรงข้างที่ถือถังหูลู่ขึ้นจรดริมฝีปากเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม “กัดสักคำสิ”เสี่ยวเซียงหรงตื่นตระหนก รีบส่ายหน้ายิกเห็นนางใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มทีแล้ว หลี่จือหลินยิ้มน้อยๆ ก่อนย่อตัวลงนั่งชันเข่า ปาดน้ำตาที่ใกล้จะร่วงหล่นให้นาง จุมพิตแก้มนุ่มละมุนที่เริ่มจะโดนความเย็นกัดจนขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนถังหูลู่ที่ถูกตนบังคับจับมือให้ถือเอาไว้เบาๆเซียงหรงพลันตกใจจนลืมร้องไห้อา...บอกนางเรื่องกำไลหยกที่ห้อยคอนางอยู่ดีไหมนะ? หลี่จือหลินไล้ปลายนิ้วเรียวงามไปตามกรอบหน้าเล็กๆ ที่ผิวพรรณขาวนวลผ่องใสราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้หลังชั่งใจอยู่ชั่วครู่ จวิ้นหวังจ๋างจื่อก็เลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างถนอมยังก่อนถูกแล้ว...เขายังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนบอกนางในยามนี้ รอนางโตกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน...ทว่าเรื่องที่สมควรพูดก็ยังต้องพูด หว่านเมล็ดไปแล้วที่ไหนเลยคนชนชั้นตระหนี่ถี่เหนียวเช่นเขาจะปล่อยให้เสียเปล่า ไม่คิดเก็บเกี่ยวสักนิด ยามนี้เกาทัณฑ์ของเขาง้างสายเอาไว้แล้ว ลูกศรหรือก็ชี้ไปที่เป้า จะไม่ใ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 15

    “ข้าไม่แต่งให้ท่านนะ!!!” เสียงอันดังของเซียงหรง กับประโยคน่าตกใจ ทำเอาคนรอบข้างหันมามองพี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อกับนางเป็นตาเดียวกันสายตาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนด้านหน้า ทำเอาเสี่ยวเซียงหรงต้องกัดริมฝีปากแน่น ในใจได้แต่คิดว่า แย่แล้ว!นาง...เหตุใดนางกระทำการไม่ยั้งคิด โพล่งประโยคไร้มารยาทพรรค์นั้นออกมาต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้! ทำเช่นนี้...ทำเช่นนี้จวิ้นหวังจ๋างจื่ออย่างเขาคงเสียหน้ามากกระมัง?“เอ่อ...คือ...คือว่าข้า...” เซียงหรงอยากจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ไม่รู้ว่าสมควรแก้ไขอย่างไรดีแล้วก็...ก็นางไม่อยากแต่งให้คนผู้นี้จริงๆ นี่นา!ไม่ใช่แค่กับคนผู้นี้ กับผู้ใดนางก็ไม่แต่งทั้งนั้น!หลี่จือหลินเห็นท่าทางของนางและสายตาคนรอบข้างแล้ว ก็แย้มรอยยิ้มที่ไม่พาดผ่านไปถึงดวงตา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ของหมั้นก็รับไปแล้ว จะไม่แต่งให้ข้าได้อย่างไร”เอ๋!!! ของหมั้น? นางไปรับของพรรค์นั้นมาตั้งแต่เมื่อใด???หลี่จือหลินลดสายตาลงมองถังหูลู่ในมือนางเสี่ยวเซียงหรงเห็นสายตาเขาแล้วก็มองตามนะ นี่มัน หรือ...หรือว่า...“ต่อให้เจ้าโยนทิ้งลงพื้น ก็ถือว่าเจ้ารับของจากข้าไปแล้ว” หลี่จือหลิน ชิงดักคอ“ข้าจะคืน

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 14

    เซียงหรงพยายามกวาดตามองหาพี่หญิงรอง น้องสี่ ท่านพ่อ และพี่ชายใหญ่ ทว่ากลับมองไม่เห็นใครสักคนแม้เงา“เป็นอะไรไป” เจ้าของร้านพลันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือเด็กสาวคนนี้จะพลัดหลงกับสาวใช้?ประเดี๋ยวนะ...เด็กสาวผู้นี้มีเงินติดตัวมาหรือไม่ ได้ยินมาว่าพวกคุณหนูตัวน้อยเช่นนี้มักไม่ค่อยพกถุงเงิน เป็นหญิงรับใช้ต่างหากที่คอยดูแลชำระค่าสินค้าต่างๆ ให้พวกนาง...หากนางพลัดหลงกับสาวใช้และครอบครัวจริง เช่นนั้นความหวังที่จะได้เงินห้าตำลึงของตนคงหมดลงแล้ว! ไม่ถูก อย่าว่าแต่ห้าตำลึงเลย กับแค่เงินห้าอีแปะนางจะมีจ่ายให้หรือไม่ก็ยังไม่รู้!เจ้าของร้านพลันหงุดหงิดขึ้นมา วันนี้ค้าขายไม่ดียังไม่พอ ยังถูกคุณหนูตัวน้อยไม่รู้ความจากเรือนใดก็ไม่รู้มาก่อกวนเช่นนี้อีก!เขารีบเอ่ยเสียงแข็ง “คุณหนู จะไม่เอาถังหูลู่ทั้งหมดนี้แล้วก็ไม่เป็นไร ทว่าถังหูลู่ที่ท่านทำตกพื้นไม้นั้นเป็นของซื้อของขาย ท่านจะเก็บขึ้นมากินหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ทว่าท่านสมควรจ่ายค่าถังหูลู่ไม้นั้นมา” เจ้าของร้านแบมือ กระดิกนิ้ว เอ่ยเสียงขรึม “ข้าคิดค่าเสียหายกับค่าเสียเวลารวมทั้งหมดห้าอีแปะก็แล้วกัน! กับแค่เงินห้าอีแปะ อย่าบอกเชียวนะว่าคุณห

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 13

    เฉินเซียงหรงหันกลับไปมองทางพี่ใหญ่และท่านพ่อที่ยืนอยู่คนละฟากฝั่งเล็กน้อยเอาเถอะ...แยกจากไปซื้อถังหูลู่ครู่เดียว ทั้งยังมีสาวใช้ตามมาด้วยถึงสี่คน คงไม่เกิดเรื่องไม่ดีใดให้ทุกคนต้องเดือดร้อนวุ่นวายใจกระมัง?เสี่ยวเซียงหรงหันกลับไปยิ้มให้พี่หญิงรองและน้องสี่ แปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้รอยยิ้มของพี่หญิงรองกับน้องสี่ดูแปลกนักล้วนคิดมากไป...ล้วนคิดมากเกินไปทั้งนั้น...เสี่ยวเซียงหรงสลัดความคิดในแง่ร้ายที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่ารังเกียจทิ้งไป ก้าวขาเดินไปพร้อมๆ กับพี่หญิงน้องหญิงด้วยหัวใจที่เป็นสุขอา...ถังหูลู่...แค่นึกถึงรสหวานของน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนผิงกั่ว[1] นางก็แทบอดใจรอลิ้มชิมรสชาติที่ไม่ได้สัมผัสมานานไม่ไหวในจวนของพวกนางไม่เคยทำขนมชนิดนี้เลยสักครั้ง ด้วยท่านพ่อและท่านย่าเกรงว่าจะทำให้ฟันของพวกนางไม่งาม ซ้ำยังปวดฟัน ยามออกมาข้างนอกเช่นนี้ ท่านพ่อก็ยังห้ามปรามไม่ให้นางแตะต้อง กล่าวว่านอกจากจะทำให้ฟันเสียได้แล้ว ยังไม่แน่ว่าจะสะอาด...กินถังหูลู่ไม้หนึ่งเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจ คงไม่ถึงกับนับว่าเป็นเด็กไม่ดีกระมัง?อื้อ! ถูกแล้ว นางทำเพื่อให้พี่หญิงรองและน้องสี่สบายใจอย่างไรล่ะ!

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 12

    เสี่ยวเซียงหรงเห็นพี่ชายใหญ่ดูฮึกเหิมจริงจังก็อดขำไม่ได้ดูเหมือนพี่ใหญ่ของนางจะถูกเกมทายปริศนาทำให้เพลิดเพลินจนไม่อาจถอนตัวโดยง่ายแล้วเมื่อเห็นว่ามีการท้าทายกันเกิดขึ้น คนทั้งหลายในบริเวณนั้นต่างก็พากันแห่เข้ามาร่วมฟังคำถามจากเถ้าแก่ และรอลุ้นว่าคุณชายที่ยังเยาว์ผู้นี้จะตอบคำถามไปได้สักกี่ข้อ ชั่วอึดใจเดียวหน้าร้านทายปริศนาก็มีผู้คนมามุงแน่นขนัดเซียงหรงเองก็เพลิดเพลินไปกับการละเล่นทายปริศนาครั้งนี้ นางยืนฟังคำถามอย่างสงบ ขณะฟังไปก็คิดตามไปด้วย เถ้าแก่ถามมาสองข้อ นางก็ตอบในใจถูกทั้งสองข้อ ขณะกำลังตั้งใจฟังคำถามข้อที่สาม คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีมือคู่หนึ่งมาปิดปาก พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่หญิงรอง เฉินเหม่ยลี่ และน้องสี่ เฉินเหม่ยเซียงกำลังจะเอ่ยทัก พี่หญิงรองกลับดึงนางออกไปจากกลุ่มคนทั้งอย่างนั้นเซียงหรงเห็นว่าพี่ใหญ่และน้องเล็ก รวมถึงบ่าวชายสาวใช้ที่ติดตามมาล้วนกำลังเพลิดเพลินกับการทายปริศนา ซ้ำพี่หญิงรองและน้องหญิงสี่ยังมีสาวใช้ตามมาด้วยคนละสองคน รวมเป็นสี่คน นางจึงไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่รบกวนความสนุกของผู้คน ยอมเดินตามพี่หญิงน้องหญิงของตนออกไปอย่างเงียบๆเดินห่างออกมามากห

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 11

    เด็กสาวที่ไหนๆ ก็ชอบของน่ารักๆ เช่นนี้ทั้งนั้น เขามั่นใจว่าตนเองเดาไม่ผิดและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเสี่ยวเซียงหรงพยักหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม กล่าวเสียงหวาน สำเนียงติดจะอ้อน“พี่ใหญ่...โคมกระต่ายอันนั้นน่ารักมากจริงๆ”เห็นนัยน์ตาสุกสกาวของน้องสาวแล้ว เฉินจิ้งอี้ก็ยิ่งฮึกเหิมในที่สุดน้องสาวตัวน้อยของเขาก็เลิกเหม่อลอยแล้ว!“ดี! ในเมื่อเจ้าอยากได้ พี่ใหญ่ก็จะชิงโคมกระต่ายมาให้เจ้า!” เฉินจิ้งอี้จูงมือน้องชายน้องสาวแยกจากคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปทายปริศนาชิงโคมไฟทันทีหึ...คนอื่นๆ ก็ล้วนมีคนติดตามกันทั้งนั้น เหมือนๆ กับที่เขาและน้องชายน้องสาวมี เหตุใดเขาจะต้องใส่ใจคนเหล่านั้น?คนเหล่านั้นยามอยู่ในจวนล้วนเก่งกาจ หาเหตุมากลั่นแกล้งรังแกหรงเอ๋อร์ของเขาได้ทุกวัน ส่วนท่านพ่อแม้จะรักเอ็นดูเขาและน้องชายน้องสาวแล้วอย่างไร? วันทั้งวันท่านพ่อผู้นั้นก็เอาแต่ใส่ใจงานราชการ ไม่สนใจเรื่องในเรือนสักนิด เขาบอกกล่าวสิ่งใดกลับดุว่า กล่าวว่าบุรุษเช่นเขาสมควรใส่ใจศึกษาหาความรู้และความเจริญก้าวหน้า มิใช่คอยกล่าวหาคนในเรือนทั้งๆ ที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ยามนี้ออกมานอกจวนก็เชิญเหล่าคนที่เก่งกาจทั้งหลายดูแลตนเองและกันและกันให้ดีก็

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status