Share

บทที่ 56

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-09-03 22:34:02

เสียงฆ้องเบาๆ ดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน หัวข้อในการประชันความสามารถรอบที่สี่ถูกประกาศโดยเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิที่นั่งอยู่ในศาลากลางลาน

"สายลมฤดูใบไม้ผลิพลิ้วพัด บุปผานับพันผลิบาน"

กลายเป็นว่าในรอบที่สี่ สาวงามทั้งหมดจะต้องแต่งบทกวีจากหัวข้อที่กำหนดให้นี้ให้ได้ก่อน จากนั้นจึงสามารถเริ่ม ‘คัดอักษร’ ตามคำสั่งที่จะได้รับในภายหลัง ทั้งหมดนี้กำหนดให้ใช้เวลาไม่เกินสองก้านธูปเท่านั้น ผู้เข้าแข่งขันจึงพยายามเพ่งสมาธิ ขยับพู่กันจรดลงบนกระดาษ เซียงหรงเองก็เป็นผู้หนึ่ง ที่เริ่มลงมือบรรจงเขียนด้วยท่วงท่าสง่างาม

"บุปผาร่วงโรยใต้เงาจันทร์ น้ำค้างหล่นราวน้ำตาผู้คน

เฉกเช่นสกุณารำพัน ถึงเมฆางดงามไร้ผู้ยล

หยกงามอาจหักด้วยกำลัง สัตย์จริงถูกบิดเบือนด้วยเล่ห์กล"

เห็นคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงแต่งบทกวีได้เร็วนัก เหล่าผู้ใคร่รู้ต่างอดใจไม่ไหว ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมอง

มีบางคนเริ่มกระซิบกระซาบ

“ถ้อยคำของนาง...ช่างลึกซึ้งและงดงาม”

“น่าเสียดายที่นาง...”

เซียงหรงฟังเสียงเหล่านั้น แต่คราวนี้มิได้ใส่ใจมากนัก นางจรดพู่กันต่อด้วยใจที่ปลอดโปร่ง

คนคงเริ่มพูดเรื่องข่าวลือเสียหายพวกนั้นแล้วกระมัง... เช่นนี้ก็ดี! ข้ามิได้ปรารถนาสายตาชื่นชมจากผู้ใด เพียงแต่ไม่อาจทำให้ผู้ที่ข้าไม่อาจปล่อยวางพลอยถูกดูหมิ่นไปด้วยเท่านั้น ต่อให้บทกวีของข้าต้องกลายเป็นดั่งกระแสลมที่พัดผ่าน ไม่ว่าผู้ใดจะเห็นคุณค่าหรือไม่ มันก็ยังเป็นตัวของมันเองเช่นนั้น

เมื่อจรดพู่กันวางลงในที่สุด นางทอดสายตามองต้นเหมยที่ผลิดอกอยู่ไม่ไกล กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ผสานกับกลิ่นหมึกในอากาศช่างให้ความรู้สึกที่ดียิ่ง

เซียงหรงยิ้มจางๆ

สำหรับข้า ความงามเช่นนี้ ก็เพียงพอแล้ว

หลังจากเขียนกลอนเสร็จไม่นาน ม้วนกระดาษถูกเก็บไปให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เซียงหรงยิ้มเยื้อนเมื่อคิดถึงการแข่งขันคัดอักษรที่กำลังจะเริ่มขึ้น

ก็ไม่รู้ผู้อื่นจะคิดอย่างไร แต่สำหรับข้า...

เฉินเซียงหรงหลุบตาลงซ่อนรอยยิ้มซุกซนสดใส

ท่านอาจารย์เจ้าขา หรงเอ๋อร์ขอเล่นสนุกสักครั้งเถิด!

ที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้เข้ารับการศึกษาในสำนักศึกษาเหมือนผู้อื่น แต่ท่านอาจารย์ทั้งสองของนางก็เป็นอาจารย์ที่ทุ่มเทและเอาใจใส่ นางจึงมุมานะฝึกฝนด้วยตนเองไม่ขาด แม้ว่าจะไม่ได้เก่งถึงขั้นคัดอักษรได้สองมือพร้อมกัน แต่ก็นั่นล่ะ...นางไม่ได้เป็นอัจฉริยะเสียหน่อย แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเร่งรีบจนต้องเขียนตัวหนังสือพร้อมกันเช่นนั้นด้วยนี่

ไม่นานเกินรอ นางกำนัลด้านข้างก็มอบกระดาษที่เขียนสิ่งที่นางต้องคัด เซียงหรงอ่านสิ่งที่เขียนในกระดาษแล้วก็ถึงกับแทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหว คาดไม่ถึงว่าการละเล่นระหว่างนางกับท่านอาจารย์ผู้ชรา จะมาปรากฏในการประชันขันแข่งเช่นนี้  

การแข่งขันแต่งบทกวีคัดอักษรในครั้งนี้มีความพิเศษแตกต่างจากปีก่อนๆ มากจริงๆ กรรมการไม่ใช่เพียงกำหนดให้เขียนตัวอักษรอย่างงดงามเท่านั้น แต่ยังเพิ่มเงื่อนไขที่ท้าทายยิ่งขึ้น ผู้เข้าแข่งขันต้องเขียนบทกลอนสั้น ๆ ที่แต่งขึ้นเอง โดยใช้ตัวอักษรสามแบบในแผ่นเดียวกัน ได้แก่ อักษรแบบข่ายซู[1] อักษรเฉ่าซู[2] และอักษรสิงซู[3]

ในระหว่างเขียน ผู้แข่งขันต้องจัดองค์ประกอบให้ตัวอักษรแต่ละแบบสมดุลในพื้นที่เดียวกัน และต้องส่งมอบความหมายที่เชื่อมโยงกับหัวข้อ ‘ความอิสระในจิตวิญญาณ’

เมื่อการคัดอักษรเริ่มต้น บรรดาผู้แข่งขันต่างตั้งสมาธิ จรดพู่กันลงบนกระดาษอย่างเคร่งเครียด แม้จะมีผู้ที่ยังสามารถรักษาสีหน้าท่าทีเอาไว้ได้ แต่ก็มีสตรีอีกหลายคนเผยแววร้อนรนออกมาแล้ว

เฉินชิวเยว่ก็เป็นผู้หนึ่งที่แทบจะรักษารอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าเอาไว้ไม่ไหว น่าตายนัก การแข่งคัดอักษรเช่นใดจึงมีกติกาโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!

เซียงหรงเหลือบมองผู้คนรอบตัวที่ต่างดูจริงจังจนเกินเหตุ ดวงตาคู่งามของนางพราวระยับ

เหตุใดพวกเขาถึงจริงจังกันปานนั้น? เพียงแค่สนุกกับพู่กันในมือไม่ได้หรือ

เซียงหรงหยิบพู่กันขึ้นมา พลิกข้อมือเบาๆ เพื่อไล่ความเมื่อยล้าจากการเขียนบทกวีเมื่อครู่ นางมิได้รีบร้อน มืออันบอบบางขาวผ่องจรดพู่กันลงบนกระดาษเขียนอักษรอย่างละเมียดละไม เริ่มต้นด้วยตัวอักษรข่ายซู

"เมฆขาวลอยเลื่อนในฟ้า หมู่แมกไหวเอนตามสายลม" 

ลายเส้นตัวอักษรขนาดเล็กบนกระดาษนั้นเต็มไปด้วยสมดุลและความงาม ตัวอักษรทุกตัวล้วนกลมและหนักแน่น ทุกจังหวะการลากพู่กันของนางมั่นคงราวกับกำลังสลักอักษรไว้บนหินผาหาใช่กระดาษเพียงแผ่นเดียว

เมื่อเขียนอักษรข่ายซูเสร็จ นางสะบัดข้อมือเปลี่ยนการเขียนเป็นอักษรเฉ่าซู ลากปราดๆ ราวกับกำลังใช้พู่กันร่ายระบำบนแผ่นกระดาษเซวียนจื่อขาวสะอาดแผ่นนั้น

"แม้ฟ้ากว้างใหญ่ดั่งทะเล ปีกนกยังโผบินสู่เสรี" 

สุดท้าย เซียงหรงประดับบทกวีของตนด้วยอักษรสิงเฉ่าที่เป็นรูปแบบหนึ่งของตัวอักษรสิงซู ซึ่งมีลักษณะเอนเอียงไปในแนวหวัดมากกว่าบรรจงอีกรูปแบบหนึ่งคือสิงข่ายที่มีความบรรจงมากกว่า แต่งแต้มจังหวะการเคลื่อนไหวให้พลิ้วไหวเหมือนปลาที่แหวกว่ายในลำน้ำ แต่ก็มีจังหวะหยุดยั้งหนักแน่นอยู่ในที บรรจงเขียนประโยค

"อิสระในใจ มิอาจพันธนา" 

ตลอดเวลาที่เขียน ใบหน้าของเซียงหรงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อารมณ์ผ่อนคลายของนางดูผิดแผกจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด นางไม่ได้เขียนด้วยความพยายามพิสูจน์ตนเอง  ทว่าทุกเส้นสายที่บรรจงสรรสร้างลงไป เป็นเพราะความรักและสนุกสนานกับการเขียนเท่านั้น

อย่างน้อยก็นับว่าเป็นการฝึกซ้ำๆ ไม่ได้เสียหายอะไร อีกทั้งหากโชคดีชนะการแข่งขันย่อมได้รางวัล...ไม่ใช่ว่าเรือนอี้หรงยังรอการซ่อมแซมอยู่หรือ? อื้ม! ดียิ่ง! เซียงหรงพลันเกิดความฮึกเหิมขึ้นมา จากที่ไม่เคยมุ่งหมายชัยชนะ ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากสามารถคว้าเอาเงินรางวัลมาซ่อมแซมเรือนอี้หรงที่ท่านย่ารักหวงแหน และสามารถตัดชุดที่งดงามอุ่นสบายให้คนในจวนทุกคนแล้วเสร็จก่อนที่ฤดูหนาวจะวนมาถึง การออกนอกจวนครั้งนี้ก็ไม่นับว่าเสียเปล่าแล้ว

[1] ตัวบรรจง

[2] ตัวหวัด

[3] ตัวอักษรบรรจงกึ่งหวัด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 111

    ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 110

    “ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 109

    หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 108

    “หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 107

    ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 106

    หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status