Share

3.ไม่เป็นดั่งหวัง /2

last update Last Updated: 2025-10-06 23:36:31

ร่างสูงของเจ้าบ่าวได้หยุดยืนที่กลางห้องราวกับชั่งใจ  แต่ความเป็นจริงจิ่นหรงกำลังตื่นเต้นต่างหาก

“นี่ท่าน…”  มู่หลิงเห็นอีกฝ่ายก็ยกนิ้วชี้หน้า

“อย่าเสียมารยาท  คนผู้นี้คือรัชทายาท”  มู่เฟิงรีบเอ่ยบอกน้องสาวของตน  ก่อนที่นางจะทำกิริยาหยาบคายใส่

“ระ…รัชทายาทหรือ”  คนตื่นตระหนกยังคงไม่เชื่อ

“เรื่องอื่นเอาไว้เราจะอธิบายภายหลัง  ว่าแต่นายของเจ้าที่แต่งเข้ามา  ใช่แม่นางที่ช่วยรัชทายาทเอาไว้วันนั้นหรือไม่” อี้ฟานเอ่ยถามแทนผู้เป็นนาย  ซึ่งยืนนิ่งจ้องมองเจ้าสาวของตนด้วยดวงตาเปล่งประกายราวกับเก็บของรักที่หล่นหายกลับคืนมาได้

“ใช่… เป็นคุณหนูของเราเองที่ช่วยพวกท่านไว้เมื่อครึ่งเดือนก่อน”  มู่หลิงเอ่ยบอกเสียงอ่อนลง  

จิ่นหรงยกยิ้มเล็กน้อย  ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างชายาของตนที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นที่ถูกนำมาตั้งเอาไว้

“เปิดผ้าก่อนเพคะ”  แม่สื่อหลวงเอ่ยบอก

เจ้าบ่าวจึงทำตามโดยการใช้ไม้ยกผ้าคลุม  ไม่ถึงอึดใจมันก็ร่วงหล่นลงไปกองทางด้านหลัง  เผยใบหน้างามหวานหยดย้อยให้เห็น  ทำเอาจิ่นหรงถึงกับนิ่งงันไปในทันที

ทว่าเจ้าสาวกลับขมวดคิ้วด้วยความมึนงง

“พี่ชายสุดหล่อ  ไยท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”  ตันหยางเอ่ยถามอย่างใคร่รู้  พร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มคุ้นตาอีกสองคน

จิ่นหรงถึงกับผงะ  เพราะคำเรียกที่ได้ยิน มันเหมือนที่สตรีหยาบกร้านผู้นั้นใช้เรียกเขาทุกครั้งยามที่นางเข้ามาช่วยใส่ยาให้

‘มิใช่นางผู้นั้นหรือ’ ครุ่นคิดอย่างผิดหวัง

“สุรามงคลเพคะ”  แม่สื่อยังคงทำหน้าที่

ด้านเจ้าสาวรับมาถือโดยไม่คิดอันใด  ส่วนเจ้าบ่าวนั้นยังคงนั่งนิ่ง  แม้คราแรกที่เห็นใบหน้างามของตันหยางเขาจะเผลอตื่นเต้นดีใจ  เพราะคิดว่าตนนั้นโชคดีนักที่ได้แต่งกับหญิงงาม  ทว่าเมื่อนางเอ่ยปากแสดงท่าทางเหมือนครั้งที่พบกัน  ใจเขากลับห่อเหี่ยวลงในทันที  ราวกับของรักหล่นหายไปอีกครา

“ดื่มสิเพคะ”  ตันหยางยื่นจอกสุราน้ำเต้าไปชนกับอีกฝ่าย  จากนั้นนางก็ดื่มรวดเดียวหมด  พอเห็นเจ้าบ่าวยังคงนั่งนิ่ง  นางก็ช่วยดันมันเข้าปากเขาเสียเอง  สุดท้ายจิ่นหรงจึงต้องดื่มมันเข้าไปจนหมด  แล้วแม่สื่อก็เก็บกลับไป

“ตัดผมผูกรักเพคะ”  สิ้นคำหญิงชราก็ยื่นกรรไกรให้

ตันหยางรับมาจัดการเอง  เพราะพระสวามียังคงนั่งนิ่งเช่นเคย  ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อต้าน  ด้วยว่ามีคนของบิดายืนมองอยู่  หากเขาไม่ทำตามเป็นได้ถูกตำหนิจนหูชาเป็นแน่

หลังจากจัดการทุกอย่างแล้วเสร็จ  ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่บ่าวสาว  ยามนี้เองที่ตันหยางได้สังเกตอีกฝ่ายชัด ๆ

“ก่อนหน้านี้  เห็นพระองค์ตอนเจ็บตัวก็ว่ารูปงามแล้ว  นึกไม่ถึงว่ายามสบายดีจะรูปงามยิ่งกว่า  งามอย่างกับเทวรูปที่ถูกปั้นแต่งมาเลยเพคะ” นางกล่าวชมเขาจากใจจริง  แววตาหรือก็ทอประกายระยิบระยับราวกับเด็กน้อยเห็นขนม

“ข้าไม่ชอบเจ้า  และจะไม่มีวันชอบ”  เสียงเย็นชาเปล่งออกมาทำลายทุกสิ่งรอบตัว  แม้แต่คนที่ไม่ยี่หระกับเรื่องใดอย่างมู่ตันหยางยังนิ่งงัน  เพราะนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยเช่นนี้ออกมาในวันแต่งงานที่ควรจะเป็นวันเริ่มต้นที่ดี

ร่างเล็กขยับถอยห่างออกมานั่งตัวตรง  แววตาที่เคยเปล่งประกายเรียบนิ่งดุจสายน้ำที่ไม่มีการเคลื่อนไหว  ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “แต่หม่อมฉันชอบองค์รัชทายาทมากนะเพคะ  ชอบมากจริง ๆ” ก่อนจะขยับเข้าหา  นางกะพริบตาถี่ให้เขา  และยังยื่นมือออกมาเกาะแขนพระสวามีเอาไว้ด้วย

จิ่นหรงขยับลุกหนีทันที และก่นด่านางราวกับแค้นเคืองกันมานาน  “สตรีน่ารังเกียจ  ไม่รู้จักคำว่ายางอายบ้างเลยหรือ”

“บ้าจริง  คำเหล่านี้มันควรใช้กับคนที่เป็นสามีภรรยากันหรือเพคะ หม่อมฉันมิได้ไปทำเรื่องน่าอายกับคนอื่นเสียหน่อย เหตุใดพระสวามีถึงได้ตำหนิชายาเช่นนี้” มือขาวแสร้งยกขึ้นมาปาดน้ำตาของตนราวกับเสียใจมาก

จิ่นหรงเห็นเช่นนั้นก็นิ่งไป  แต่ถึงกระนั้นเขาก็หาได้เข้ามาปลอบนาง  มิหนำซ้ำยังพาตนออกไปจากห้องอีก  ทว่าประตูมันกลับเปิดออกไม่ได้  และยังมีเสียงตอบกลับมา

“ฝ่าบาทและไทเฮาทรงรับสั่งว่า รัชทายาทจะต้องบรรทมที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”  เป็นเสียงของซูกงกงที่กล่าวบอก

“นอนที่นี่ ไม่!  ข้าจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”

“ฝ่าบาทรับสั่งว่าหากไม่ทรงทำตาม  จะตัดงบซ่อมแซมสะพานที่หมู่บ้านเปิ่นพ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงยังคงเอ่ยต่อ  ทำให้มือเรียวที่กำลังทุบประตูต้องหยุดลง  ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้กลับไปที่เตียงนอน  แต่เดินไปนั่งบริเวณตั่งริมหน้าต่างแทน

“อย่ารื้อของหม่อมฉันนะเพคะ” เสียงหวานแว่วมา

จิ่นหรงเพียงแค่เหลือบตามองแต่ไม่ได้ตอบ  เมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเขาจึงหันมาสนใจข้าวของตรงหน้า

คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นรูปภาพมากมายวางอยู่  แต่ละใบมันมีรูปร่างที่ต่างกัน  ซึ่งทั้งหมดนี้เขาไม่เคยเห็น

“นี่มันอะไร?”  นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อย  และเขาก็นั่งพินิจอยู่เช่นนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งเสียงดุของชายาตัวน้อยดังขึ้น

“บอกแล้วว่าอย่ารื้อ”  นางตำหนิเขาจริงจัง  พร้อมกับทรุดกายลงมานั่งตรงข้าม  จัดเก็บแผ่นกระดาษหยาบเหล่านี้มาซ้อนทับกัน  โดยมีการพิจารณาด้วยว่าอันไหนก่อนหลัง

จิ่นหรงได้แต่นั่งนิ่ง เพราะเหมือนว่าเขาจะทำให้นางโกรธแล้ว ทว่ามันก็ดีมิใช่หรือ ชายาที่ไม่ได้เต็มใจแต่งผู้นี้ จะได้เลิกยุ่งกับเขา  ให้นางโกรธจนไม่เข้าใกล้ได้ยิ่งดี

“กะอีแค่ภาพวาดมั่ว ๆ ไม่เห็นมีค่าสักนิด”  

ตันหยางยกยิ้มก่อนจะขยับเอามือมาค้ำบนโต๊ะแล้วโน้มตัวเข้าไปหาเขาจนใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ กลิ่นหอมสมุนไพรจึงโชยเข้าจมูกอีกฝ่ายโดยที่นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น

“เพราะพระสวามีเข้าไม่ถึงภาพวาดของหม่อมฉันน่ะสิเพคะ  หากรู้ว่ามันคืออะไร  พระองค์คงไม่ตรัสเช่นนี้กระมัง”  สิ้นคำมือขาวก็ยื่นออกไปเกลี่ยแผงอกแกร่งอย่างหยอกเย้า

“อย่ามาทำลุ่มล่ามกับข้า” เขาจับมือนางดันออกอย่างไม่ไยดี  และแทนที่ชายาตัวน้อยจะโกรธกลับยิ้มอ่อนเสียนี่

“ไปสรงน้ำเถิดเพคะ  ตัวเหม็นจะแย่”  เอ่ยโดยไม่มองหน้า  เพราะยามนี้นางกำลังหันมาสนใจแผ่นกระดาษเพื่อจัดเรียงใหม่

ปึ้ง!  ฝ่ามือเรียวฟาดลงบนโต๊ะทันที  จากนั้นร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายให้ใจเย็นลง

ผ่านไปพักใหญ่เขาก็ออกมา  และพบว่าชายาตัวน้อยยังนั่งอยู่ที่เดิม  และกำลังขีดเขียนบางสิ่งอยู่  เห็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก  เพราะการอยู่อย่างเงียบสงบมันน่าจะดีกว่า

“พระสวามีบรรทมได้เลยนะเพคะ  หม่อมฉันจะนอนตรงนี้”  ตันหยางเอ่ยโดยไม่ได้หันกลับมามองอีกฝ่ายสักนิด  ร่างสูงจึงหยุดชะงักเพราะเขาเดินออกมานั้นเบามาก  แล้วนางรู้ได้เยี่ยงไรว่าเขาออกมาแล้ว  หรือเห็นแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น

แต่นางก็นั่งหันหลังมิใช่หรือ  แล้วจะเห็นได้เยี่ยงไรกัน

ทว่าแม้เขาจะสงสัย  ถึงกระนั้นจิ่นหรงก็ไม่ได้ถาม  เขาเดินมานั่งที่เตียงก่อนจะเอนตัวลงเพื่อเข้านอน  ในเมื่อนางอยากยื่นข้อเสนอให้  เขาก็ยินดีที่จะสนองให้ตามต้องการ

ยามจื่อ [ 23:00-00:59 ]

แสงเทียนยังคงวูบไหวในมุมหนึ่งของห้อง  พร้อมกับเงาร่างของตันหยางที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา  นางก้มเงยอยู่เช่นนั้นราวกับสิ่งที่ทำอยู่ไม่อาจหยุดชะงักได้

กระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจให้นางต้องเอ่ยขึ้น

“นอนไม่หลับหรือเพคะ”  เอ่ยถามโดยไม่ได้หันมามอง

จิ่นหรงได้แต่นิ่งไป กระทั่งใบหน้างามนั้นหันมาหาเขา  แต่นางก็หันกลับไปไม่แยแสเมื่อเห็นเขายังคงไม่ตอบ  จากนั้นตันหยางก็วาดภาพต่อ  ราวกับในห้องนี้มีแค่ตนผู้เดียว  ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กลับไปนอนต่อ  ทว่านอนอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับ  สายตายังคงจับจ้องมาที่ร่างอรชรของชายาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาวาดภาพ  ราวกับว่าต้องทำให้มันเสร็จภายในคืนนี้

แต่เพียงไม่นานแสงเทียนที่ส่องสว่างกลับเริ่มดับวูบลงทีละดวง  กระทั่งเหลือเพียงแค่แสงรำไรเท่านั้น  

ไม่ถึงอึดใจร่างที่เขาเห็นนั่งอยู่ก็ขยับลุกขึ้น  นางเดินตรงมาที่เตียงแล้วหยุดยืนมองเขาด้วยแววตาราบเรียบ

‘อะไรของนาง’  จิ่นหรงคิดอย่างกังวล  

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   10. ทวงบุญคุณ

    ตันหยางยกยิ้มกับท่าทางของสตรีตรงหน้า ต่างจากฮองเฮาที่นั่งมึนงงด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเมื่อครู่ญาติผู้น้องตนเอ่ยเองว่า ผู้ที่ช่วยคนไว้คือตันหยาง และคนที่เฝ้าไข้บุรุษแปลกหน้าทั้งวันคืนก็ยังเป็นตันหยาง แล้วเหตุใดยามนี้ กู้อิงเถาถึงได้เอ่ยว่าคนผู้นั้นคือตนเอง ความสงสัยมีมาก ฮองเฮาจึงหันกลับมาหาตันหยางที่นั่งนิ่งทว่าริมฝีปากกลับยกยิ้ม‘เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ แล้วนี่คนที่เสี่ยวอิงเอ่ยถึงคือรัชทายาทกระนั้นหรือ’ ฮองเฮาได้แต่นึกในใจเพราะไม่กล้าถาม ด้านจิ่นหรงเมื่อได้ฟังคำของสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ‘นางคือหญิงสาวที่ช่วยเราไว้กระนั้นหรือ’“รัชทายาทจำหม่อมฉันไม่ได้จริงหรือเพคะ ตอนเจ็บป่วยหม่อมฉันหรืออุตส่าห์นั่งเฝ้าพระองค์ทั้งวัน ไยถึงลืมกันง่ายเพียงนี้เพคะ” อิงเถาเอ่ยตัดพ้อพร้อมกับยกมือขึ้นมาทำทีสะอื้นไห้“ขะ… ข้าขอโทษ ยามนั้นเจ้าปิดหน้าไว้ข้าเลยจำไม่ได้ แล้วนี่เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร” เมื่อได้สติเขาก็รีบถาม“หม่อมฉันเป็นญาติผู้น้องฮองเฮาเพคะ”“อย่างนี้เองหรือ” จิ่นหรงยิ้มอ่อน ก่อนจะหันมาหาชายาตนที่นั่งก้มหน้ามองกล่องในมืออย่างไม่แยแสอันใด“ลุกสิ ไยเจ้า

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   9.หวง

    หลังจากจัดการตนเองเรียบร้อย ตันหยางก็รีบออกจากห้อง วันนี้นางตั้งใจจะไปเยี่ยมไทเฮาที่ตำหนักใหม่ เพราะนี่ก็สามวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนยังไม่ได้ไปถามไถ่อาการเลย แต่จะว่าไปนางเองก็เพิ่งฟื้นเมื่อบ่ายวาน จึงไม่ได้ไปเยี่ยมผู้ใด“เจ้าจะไปไหน” จิ่นหรงเอ่ยถามชายาตัวน้อยเสียงอ่อน วันนี้นางแต่งกายด้วยอาภรณ์พลิ้วไหวสีชมพูอ่อน มันช่างขับกับผิวพรรณขาวผ่องของนางดีเหลือเกิน เสียก็ตรงเนินอกมันดูล้นจนเกินไป ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเดินมาหา แล้วยกผ้าที่คล้องอยู่บนแขนขึ้นมาพาดลงปิดส่วนที่ล้นออกมา“ใครเขาทำอย่างนี้กันเพคะ” ตันหยางท้วง พร้อมกับดึงผ้าลงมาไว้ที่แขนตนตามเดิม แต่อีกฝ่ายก็ยังจับพาดบ่าเช่นเคย“อย่าดื้อ มันดูไม่งามมิเห็นหรือ” เอ่ยพร้อมกับจ้องมาที่เนินเต้าอวบอิ่มของชายา และเขาก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น“คนชีกอ คิดว่าคนอื่นเขามีตามองแต่ตรงนี้เหมือนพระองค์หรือเพคะ ลามก” นางต่อว่าเขาก่อนจะรีบเดินหนีจิ่นหรงมองตามพร้อมกับขมวดคิ้ว แล้วหันมาหาคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล “คนเช่นข้าหรือชีกอ นางแต่งกายไม่มิดชิดข้าก็แค่ตักเตือน แต่นางกลับด่าข้ากระนั้นหรือ”สองสหายยิ้มแหย แต่ไม่มีใครกล้าตอบอันใด “

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   8.สตรีต้องซื่อสัตย์

    ความเงียบเข้าปกคลุมในทันที ไม่มีใครกล่าวอันใดอีกจนกระทั่งเกศาที่ถูกเช็ดมันเริ่มแห้ง ตันหยางจึงเอ่ยว่า“หม่อมฉันจะไปเอาหวีมาสางให้นะเพคะ”“อืม” จิ่นหรงรับคำ พร้อมกับเหลือบมองร่างอรชรที่เดินห่างออกไป ‘ทำไมนางถึงได้ดีกับข้านัก ทั้งที่ข้ามักจะว่าร้ายนางอยู่ตลอด หรือนางจะตกหลุมรักข้าอย่างที่จินเฉิงกล่าว’ เขานึกถึงคำพูดของคนสนิทที่เอ่ยบอกเมื่อวันก่อน มู่ตันหยางพยายามเข้าใกล้เขา และคอยยั่วยวนอยู่เสมอ คืนนี้ก็เช่นกัน เขาคิดจนเหม่อ กระทั่งร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้จึงได้สติรีบหันหนีตันหยางยกยิ้ม ก่อนจะเดินมายืนซ้อนด้านหลังเขาเพื่อหวีผมให้ “ทำไมเพคะ ทรงคิดหาวิธีก่นด่าหม่อมฉันอีกหรือ”“ข้าอยากรู้…” เสียงทุ้มกลับขาดหายไป“ว่า?” คิ้วสวยขมวดเป็นปมทันที มือก็ชะงัก“เหตุใดเจ้าถึงดีกับข้านัก” ในที่สุดเขาก็ถามตันหยางเงียบไปครู่หนึ่ง ทว่านางก็ไม่ได้ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน เมื่อมือขาวเริ่มขยับ ปากนางก็พูดไปด้วย“หม่อมฉันแต่งให้พระองค์แล้ว ไม่ให้ดีกับพระองค์จะให้ไปดีกับผู้ใด มีสามีได้สองสามคนก็ว่าไปอย่าง หากเป็นเช่นนั้นรับรองว่าพระองค์จะไม่เอ่ยถามเช่นนี้แน่ เพราะหม่อมฉันคงขลุกอยู่เรือน

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   7.ผ่อนคลาย

    จิ่นหรงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมนานกว่าหนึ่งก้านธูป จนกระทั่งเสียงหวานของสนมเกาแว่วมาให้ได้ยิน ร่างสูงจึงรีบลุกพรวดแล้วเดินขึ้นเรือนชายาของตนไปในทันที ทำเอาสนมคนงามได้แต่ยืนนิ่งงัน เพราะไม่กล้าตามขึ้นไป “บ้าจริง ข้ามาช้าไปหรือนี่” นางบ่นพึมพำ ก่อนจะเดินย่ำเท้าย้อนกลับไปยังเรือนพักด้วยอาการหงุดหงิดส่วนคนที่หนีขึ้นเรือนมาก็กำลังเดินตรงมายังห้องนอน เมื่อเห็นเพียงสาวใช้ของชายาตนอยู่ก็ไม่เอ่ยถามอันใด เพราะคิดว่าตันหยางคงกำลังอาบน้ำ จิ่นหรงจึงเอ่ยสั่งว่า “เจ้าไปเอาชุดที่ตำหนักมาให้ข้าที”“เพคะ” มู่หลิงรับคำแล้วก็ออกไปจากห้อง เมื่อประตูปิดลงร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังมุมห้องเพื่อเข้าไปยังห้องอาบน้ำ“อยากดูก็เดินเข้ามาสิเพคะ ไม่เห็นต้องทำตัวเป็นพวกถ้ำมองเลย” เสียงตำหนิดังขึ้นตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ก้าวขาเข้ามาเสียด้วยซ้ำ ร่างสูงจึงชะงักเล็กน้อยแต่ก็เดินต่อจนมาหยุดที่ข้างขอบบ่อที่กว้างกว่าเตียงนอนเป็นเท่าตัว“จะอาบด้วยกันไหมเพคะ” ตันหยางเอ่ยเชิญชวน เพราะนางไม่ได้เปลือยผ้าอาบเหมือนผู้อื่น ยังมีผ้าพันผูกรอบกายอยู่ ทว่าหากนางลุกขึ้นมันย่อมเผยทรวดทรงองเอวให้เห็นเด่นชัดแน่จิ่

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   6.รับบทเมียเอก

    อี้ฟานยืนนิ่งไม่ต่างจากรูปปั้น เพราะประโยคที่ได้ยินทำเขาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เลยทีเดียว“ช่างเถิด ข้ารู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ห่วงใย ทว่าเรื่องที่ข้าสั่งใต้เท้าก็ทำตามเถิด คนของข้าดูแลข้าได้ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่ม”“แต่ว่า…”ตันหยางเงยหน้ามองพร้อมกับใช้สายตากดต่ำจ้องเขา สุดท้ายองครักษ์หนุ่มจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงมิได้ขณะนั่นเอง…อรชรของสนมชิงก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง “หม่อมฉันสนมชิงบุตรสาวเจ้ากรมขุนนาง ขอถวายพระพรพระชายารัชทายาทเพคะ” ชิงอวี้หรูกล่าวอย่างนอบน้อม ท่วงท่าที่แสดงออกมาก็อ่อนช้อยนัก “นั่งสิ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ” ตันหยางเอ่ยอย่างเป็นมิตร เพราะนางไม่ใช่คนที่ชอบตั้งแง่กับผู้ใดตั้งแต่แรกเห็น“หม่อมฉันแค่อยากมาเยี่ยมเพคะ ก่อนนี้มาแล้วทว่าพระชายายังไม่ได้สติ วันนี้ได้ข่าวว่าฟื้นแล้วเลยรีบมาดู”“ขอบใจนะข้าสบายดี แค่หลับนานไปหน่อยเท่านั้น”“ดีจริงเพคะ เห็นเช่นนี้หม่อมฉันก็เบาใจ” อวี้หรูยิ้มจนเห็นฟันขาว ทว่าเมื่อเห็นผู้ที่ตนเอ่ยด้วยมีสีหน้าเรียบเฉย นางก็หุบปากลงในทันที “พระชายาทรงกำลังคิดว่าหม่อมฉันมาถามเพื่อเอาใจพระองค์ใช่หรือไม่เพคะ” ดวงตาเรียวเล็กกะพริบถี่รัว“

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   5.ห่วงหรือ

    จิ่นหรงได้แต่นั่งนิ่งมองชายาของตนอย่างชื่นชม แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอันใด ตำหนักอันสวยงามก็พังครืนลงมา และเป็นช่วงที่เหล่าองครักษ์ฝ่ายในดับไฟที่ประตูทางเข้าได้พอดี“ฝ่าบาท! กระหม่อมขออภัยที่อารักขาล่าช้าพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์จินอู่เอ่ยพร้อมกับหมอบลงอย่างสำนึกผิด“เรื่องสำคัญยามนี้ควรต้องรีบพาคนเจ็บไปรักษา รีบพาทุกคนออกไปจากที่นี่ก่อน” จิ่นหรงออกคำสั่งเอง ยามนี้ร่างกายเขาเริ่มกลับมามีแรงบ้างแล้ว เพียงแต่มันยังไม่เต็มที่นัก จากนั้นเขาก็หันมาหาร่างอรชรที่นอนแผ่หราบนพื้นหญ้า“พระชายาเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” มู่หลิงรีบมาประคองผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดว่าตันหยางหมดสติ ก่อนหน้านี้นางไม่ได้รับอนุญาตให้ตามเข้ามา จึงต้องรออยู่ด้านนอกรวมกับองครักษ์ของรัชทายาท “หลินเอ๋อร์รีบดูน้องสิ” ผู้เป็นย่าร้องเตือนด้วยความกังวล เพราะเกรงหลานสะใภ้ตนจะหมดสติ จิ่นหรงจึงรีบเข้ามาจับนาง “อื้อ…อย่ากวนคนจะนอน” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ ทำให้ผู้ที่เป็นห่วงถึงกับส่ายศีรษะไปตาม ๆ กัน“ดูท่าหยางเอ๋อร์คงจะเหนื่อยมาก หลินเอ๋อร์เจ้าพาน้องกลับไปพักเถิด” ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงเอ็นดูจิ่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status