"หยางหยาง นี่ลูกพูดกับแม่อย่างนี้ได้ยังไง?" หลิวฮุ่ยหลิงถามเสียงดัง ไม่พอใจที่ลูกชายเข้าข้างผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า หล่อนเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆ ก็มาแต่งงานกัน คงไม่พ้นหวังสมบัติแบบที่คิดแน่
"ผมก็พูดแบบนี้แหละ แล้วแม่จะทำไม? แม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าเธอ เจอหน้ากันครั้งแรกก็ทำเหมือนกลืนยาขม คอยจับผิดเธอ เพียงเพราะผมไม่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้ไปอยู่กับจางเมิ่งเสวี่ยคนนั้น" เขาพูดอย่างจริงจัง ประกาศให้รู้ว่าเรื่องคู่ครองเขาต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น
"ลูกพูดผิดแล้ว จางเมิ่งเสวี่ยไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นหรอกนะ แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างลูกต่างหากล่ะที่เป็นคนเจ้าเล่ห์!" หลิวฮุ่ยหลิงยังคงตั้งแง่กับลูกสะใภ้ที่เธอไม่ยอมรับ
"หลิวฮุ่ยหลิง เธอต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้รังเกียจซ่งเชี่ยนเธอมีอะไรดีนักหนากัน หึ วันนั้นฉันถูกมอเตอร์ไซค์ชน ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งเชี่ยนรีบพาฉันส่งโรงพยาบาล คงนอนตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว เด็กสาวที่จิตใจดีขนาดนี้ เธอกลับหาว่าหล่อนเป็นคนเจ้าเล่ห์ นี่เธอสมองกลับไปแล้วหรือไงกัน หรือว่าอยากจะทำให้ฉันโมโหจนตายกันแน่!" ในที่สุดคุณย่าหลิงที่เงียบอยู่นานก็ทนไม่ไหวต้องออกปากปกป้องแม่หนูคนนั้นอีกแรง
"แม่คะ แม่อย่าให้ภาพลวงตาพวกนี้มาหลอกลวงนะคะ แม่ไม่เห็นเหรอว่าหล่อนแกล้งทำดีกับแม่ ใครจะรู้ หล่อนอาจจะร่วมมือกับคนขี่มอเตอร์ไซค์คนนั้นก็ได้!" เห็นแม่สามีเริ่มโมโหก็เสียงอ่อนลง แต่ยังไม่เลิกจับผิด
คำพูดนี้ทำให้ซ่งเชี่ยนโกรธจนตัวสั่น เธอไม่เคยรู้จักคุณย่าหลิงมาก่อน ตอนนั้นแค่เห็นว่าคุณย่าได้รับบาดเจ็บจากการถูกชนและล้มลงกับพื้น เธอสงสารจึงช่วยพยุงขึ้นมาและโทรเรียกรถพยาบาลไปส่ง นอกจากนี้ยังจ่ายค่าผ่าตัดและค่ามัดจำให้ด้วย
เธอแค่ทำความดี ทำไมกลายเป็นคนร้ายในปากของแม่สามีล่ะ
"หลิวฮุ่ยหลิง หยุดพูดยุแยงได้แล้ว! ฉันอาจจะอายุมากแต่ยังไม่แก่จนสติฟั่นเฟือน ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้ชัดเจนยิ่งกว่าคนอื่น!" คุณย่าหลิงมองหลิวฮุ่ยหลิงด้วยสายตาดุดัน
"แม่อย่าโกรธฮุ่ยหลิงเลยนะ หล่อนพูดไปแบบนั้นเพราะห่วงหยางหยาง เราได้แจ้งความเรื่องที่แม่ถูกรถชนแล้ว เพื่อนที่สถานีตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ ต้องจับตัวคนร้ายได้ก่อนจึงจะสรุปเหตุการณ์ได้..." เห็นแม่โมโหก็รีบออกตัวแทนภรรยา
"แม่ ผมรู้ว่าแม่ไม่ชอบซ่งเชี่ยน แต่แม่ไม่มีสิทธิ์กล่าวหาเธอแบบนี้" หลิงหยางจ้องไปที่แม่ของเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาจะไม่ยอมถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่แม่เลือกให้เด็ดขาด
"แม่ไม่ได้กล่าวหาอะไร ถ้าแม่พูดผิดไป คงจะรู้ในภายหลังเอง แต่หวังว่าลูกจะไม่เสียใจเมื่อความจริงกระจ่าง!" หลิวฮุ่ยหลิงยังคงพูดอย่างไม่ยอมแพ้
"ไร้สาระ" หลิงหยางมองแม่ของเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะจับมือซ่งเชี่ยน "ถ้าแม่ไม่ต้อนรับเธอ งั้นก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ไปกับผมเถอะ!"
ซ่งเชี่ยนหันไปมองคุณย่าหลิงด้วยสายตาเว้าวอน ในตอนนี้เธอเป็นสาเหตุทำให้แม่ลูกทะเลาะกัน หญิงสาวไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เธอไม่อยากทำให้ครอบครัวของใครร้าวฉาน แต่คุณย่าหลิงเข้าใจความรู้สึกของซ่งเชี่ยนและโบกมือให้เธอ
"ซ่งเชี่ยนอย่ากลัวไปเลย ย่าเชื่อในตัวเธอและสนับสนุนให้เธออยู่กับหลิงหยาง ตอนนี้ย่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เธอไปเถอะ!"
"ค่ะ คุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะคะ!"
ซ่งเชี่ยนกล่าวลาและออกจากห้องพักฟื้น หลิงหยางตามไปติดๆ ทั้งสองเดินตามทางเดินของโรงพยาบาลไปยังลิฟต์ ตอนนี้ในใจของหญิงสาวเหมือนถูกไฟสุม เธอไม่ชอบที่เป็นต้นเหตุของความแตกแยก
"ที่รัก เธอจะไปไหน?"
"ไปที่สำนักงานทะเบียนสมรส!" ซ่งเชี่ยนตอบโดยไม่ลังเล หันไปมองเขาตาขวางยังจะเรียกแบบนี้อยู่อีก ไม่รู้สถานการณ์บ้างเลยหรือไงกัน!
"ไปทำไมที่นั่น?" เขาขมวดคิ้วสงสัย
"ไปหย่าไง!" เธอไม่อยากปล่อยให้เรื่องค้างคาอีกแล้ว รีบหย่าเสียตอนนี้เขากับครอบครัวจะได้กลับมาคืนดีกัน อีกอย่างเพิ่งแต่งงานกันไม่นานก็วุ่นวายขนาดนี้แล้ว อนาคตคงไม่ต้องพูดถึง
"ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าเอ่ยถึงคำว่าหย่าต่อหน้าฉัน!" หลิงหยางพูดอย่างหนักแน่น ผู้หญิงคนนี้นี่ยังไง เขาพร่ำบอกเสมอว่าอย่างพูดเรื่องนี้ เหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ!
"แต่ฉันไม่อยากให้คุณต้องทะเลาะกับแม่เพราะฉัน ไม่อยากเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณ!"
"ไม่เห็นต้องกังวลเลย แม่แค่ไม่รู้จักเธอดีพอเท่านั้นแหละถึงได้พูดจาไม่ดีแบบนั้น!" คิดว่าหากมารดาได้รู้จักซ่งเชี่ยน มั่นใจว่าแม่จะต้องชอบเธอมาก
เหมือนที่เขาชอบเธอ!
"แล้วคุณล่ะ รู้จักฉันดีหรือยัง?" ซ่งเชี่ยนถามอย่างจริงจัง อันที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานนี้เอง แทบไม่รู้นิสัยใจคอเลยด้วย อีกอย่างตัวตนของเขาเธอก็ยังไม่รู้ แล้วจะดันทุรังต่อต้านผู้ใหญ่ไปเพื่ออะไร
"เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันดี"
"ทำไมล่ะ?" ซ่งเชี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจ
"เพราะเราตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าจะจดทะเบียนสมรสกันเพื่อตบตาครอบครัว เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันดีมาก่อน ฉันก็ไม่คิดว่าหลังจากที่แม่เห็นทะเบียนสมรสแล้วจะมีปฏิกิริยาแรงขนาดนี้!"
"เพราะจางเมิ่งเสวี่ยใช่ไหม?"
"ใช่ ฉันก็ไม่รู้ว่าจางเมิ่งเสวี่ยทำอะไรกับแม่ ถึงได้ชอบหล่อนขนาดนั้น และพยายามจับคู่เราให้แต่งงานกัน!" หลิงหยางตอบอย่างตรงไปตรงมา
"จริงๆ แล้ว จางเมิ่งเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ทั้งสวยและเก่ง พวกคุณเหมาะสมกันจริงๆ" พูดแล้วก็ขมขื่น จางเมิ่งเสวี่ยเกิดในตระกูลสูงส่ง ดูแล้วหลิงหยางก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน ฉะนั้นก็ควรแล้วที่จะแต่งงานกัน
"เธอไม่บอกว่ารู้จักจางเมิ่งเสวี่ยนี่ ทำไมถึงรู้ว่าเราเหมาะสมกัน?"
"ความจริงแล้ว จางเมิ่งเสวี่ยเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนโฆษณาของเรา ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของพวกคุณ เลยแกล้งบอกว่าไม่รู้จักเธอ..." เป็นการคาดเดาที่ผิดไปมากทีเดียว เพราะเธอโกหกก็เลยทำให้วุ่นวาย รู้แบบนี้บอกความจริงไปแต่แรกก็จบแล้ว
"ฉันว่าแล้ว พอพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยเธอก็ทำท่าแปลกๆ แถมพูดจาไม่ชัดเจน ที่แท้หล่อนก็เป็นหัวหน้าของเธอเอง?"
"ใช่ ถ้ารู้แบบนี้ ฉันคงไม่ไปจดทะเบียนสมรสกับคุณตั้งแต่แรก!" ซ่งเชี่ยนยิ้มเจื่อน
"ทำไมล่ะ?"
"เพราะต่อไปนี้ ฉันต้องทนทั้งความโกรธจากแม่คุณ และต้องเผชิญการแก้แค้นจากจางเมิ่งเสวี่ย ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้ว"
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะปกป้องเธอเอง แค่เธอเป็นภรรยาของฉันก็พอแล้ว ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอแน่!"
"เฮอะ ฉันไม่เชื่อหรอก!"
ซ่งเชี่ยนพูดพลางเบะปาก
ยากหน่อยนะพี่หยาง เมื่อพ่อแม่มีว่าที่ลูกสะใภ้ในใจแล้ว น้องเชี่ยนก็เกรงใจอีก ไม่อยากให้พี่ทะเลาะกับครอบครัว
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน