ที่อาคารผู้ป่วยของโรงพยาบาลประชาชนชั้น 10 ในห้องพักระดับวีไอพี หลิวฮุ่ยหลิงพูดอย่างจริงจังกับคุณยายหลิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“แม่คะ หนูรู้สึกว่าผู้หญิงที่ชื่อซ่งเชี่ยนต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ๆ!”
“ปัญหาอะไร?” คุณยายหลิงพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องครอบครัวหรือสถานะทางสังคมของหล่อนก็ได้ค่ะ แต่หนูรู้สึกว่าไม่มีคำพูดไหนที่ออกจากปากหล่อนเป็นความจริงเลย ไม่รู้ว่าหลิงหยางสมองมีปัญหาหรืออย่างไร ถึงได้มองว่าหล่อนดี แล้วยังพาไปจดทะเบียนแต่งงานกันอีก!” หลิวฮุ่ยหลิงบ่นต่อ
“นี่แหละคือพรหมลิขิต” คุณยายหลิงพูดพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เราเคยจัดหาคู่ให้หลิงหยาง จัดการนัดบอดหลายครั้ง เขาไม่เคยชอบใครเลย ไม่คิดว่าเด็กดื้อคนนี้จะแอบไปจดทะเบียนกับซ่งเชี่ยนอย่างลับๆ ที่สำคัญคือ ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนช่วยชีวิตฉันอีก ฉันว่าหล่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่ดี หลิงหยางแต่งกับหล่อนแล้วไม่เสียหายหรอก ฉันชอบ!”
หลิวฮุ่ยหลิงรู้ดีว่าเธอคงโน้มน้าวใจคุณแม่ที่ดื้อดึงคนนี้ไม่ได้ จึงบ่นพึมพำ “ยังไงหนูก็คิดว่าเด็กคนนี้มีปัญหา เทียบกับจางเมิ่งเสวี่ยไม่ได้เลย”
“เลิกพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยเสียที หล่อนทำได้แค่ทำให้เรามีความสุขและถูกใจแค่นั้นเอง มีอะไรนอกเหนือจากนี้อีกไหม?” คุณยายหลิงเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ
“อย่างน้อยหนูก็รู้จักจางเมิ่งเสวี่ยดี ครอบครัวเธอแม้จะสู้บ้านเราไม่ได้ แต่ตัวเธอมีความสามารถมากพอ ที่จะคู่ควรกับหลิงหยางของเราได้!” หลิวฮุ่ยหลิงไม่ยอมแพ้
“พวกเราอย่าทะเลาะกันเลยนะ หลิงหยางเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขามีสิทธิ์เลือกและตัดสินใจเองได้ ส่วนเรื่องว่าเขาจะอยู่กับใครหรือแต่งงานกับใคร พวกเราก็ไม่สามารถควบคุมได้ เลิกกังวลในเรื่องนี้เถอะ” หลิงฉิงเห็นว่าภรรยาและแม่ของเขาเริ่มมีปากเสียงกัน จึงพยายามไกล่เกลี่ยด้วยการพูดอย่างด้วยน้ำเสียงใจเย็น
ในตอนนั้นเอง…เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หลิงฉิงหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก เขาจึงกดรับสายเพื่อสอบถาม
“คุณคือหลิงฉิงใช่ไหม?”
“คุณเป็นใคร มีอะไรหรือเปล่า?” หลิงฉิงขมวดคิ้วถาม
“ผมคือสารวัตรเฉินจากหน่วยสืบสวนอาชญากรรม จากสถานีตำรวจประจำเมือง เราจับคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ชนแม่ของคุณแล้วหลบหนีได้แล้วครับ ขอให้ญาติของผู้เสียหายมาที่สถานีตำรวจด้วย...”
“โอเค ขอบคุณครับ!”
หลังจากวางสายแล้ว หลิงฉิงก็พูดกับแม่ที่นอนอยู่บนเตียง
“แม่ครับ ตำรวจโทรมาบอกว่าจับคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชนแม่ได้แล้วครับ เราต้องไปสถานีตำรวจสักหน่อย”
“อืม” คุณยายหลิงโบกมือให้ลูกชายและพูดอย่างใจเย็น “พวกเธอไปเถอะ คนๆ นั้นคงไม่มีเงินมากนักหรอก ก็จัดการเรื่องให้เรียบร้อยละกัน อย่าทำให้เขาลำบากเกินไป”
“ครับ ผมทราบแล้ว!” หลิงฉิงพยักหน้าเล็กน้อย และบอกกับภรรยา “ฮุ่ยหลิง เธออยู่ดูแลแม่ด้วยนะ ผมจะไปที่สถานีตำรวจ”
หลิวฮุ่ยหลิงสงสัยว่าซ่งเชี่ยนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงอยากไปเป็นเพื่อนสามีเพื่อฟังความเป็นไป “ไม่ได้! ฉันจะไปกับคุณด้วย!”
“ถ้าพวกเราไปหมด แล้วใครจะอยู่ดูแลแม่?”
“พวกเธอไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร!” คุณยายหลิงไม่อยากอยู่คนเดียวกับลูกสะใภ้ จึงโบกมือให้พวกเขาไปด้วยกัน
“งั้นก็ได้ แม่พักผ่อนก่อนนะ ผมจะไปบอกกับพยาบาลให้ดูแลแม่แทนเราไปก่อน แล้วเราจะไปจัดการเรื่องที่สถานีตำรวจให้เสร็จ แล้วจะรีบกลับมาดูแลแม่ครับ”
หลังจากหลิงฉิงบอกลาคุณแม่ เขาก็รีบออกจากห้องผู้ป่วยทันที ต่อจากนั้นก็บอกพยาบาลสาวให้ช่วยดูแลแม่ของเขา แล้วพาหลิวฮุ่ยหลิงลงไปขึ้นรถ ขับออกจากโรงพยาบาลประชาชนเมืองทันที หลิงฉิงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยให้คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชนแม่ของเขาแล้วหนีไปลอยนวล จะต้องให้ได้รับโทษอย่างสาสม!
ในห้องสอบสวนของสถานีตำรวจ
ซ่งฟงถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้สอบสวนพิเศษ ตำรวจสองนายที่รับผิดชอบการสอบสวนและบันทึกปากคำก็นั่งอยู่ที่โต๊ะสอบสวนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า การสอบสวนเริ่มขึ้น
“ทำไมหลังจากที่คุณขี่มอเตอร์ไซค์ชนคนแล้วถึงได้หนีไป?” ตำรวจที่ทำการสอบสวนถาม
“ผะ...ผมกลัว” ซ่งฟงพูดติดๆ ขัดๆ
“กลัวอะไร?” ตำรวจถามต่ออย่างเฉียบขาด
“ผมกลัวว่าไม่มีเงินชดใช้...” ซ่งฟงตอบตามตรง
“ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 133 ระบุไว้ว่า หากมีการหลบหนีหลังจากก่ออุบัติเหตุทางจราจรหรือมีกรณีร้ายแรงอื่นๆ ผู้กระทำผิดจะต้องถูกจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 7 ปี และหากการหลบหนีนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต จะต้องถูกจำคุกไม่น้อยกว่า 7 ปี คุณไม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“ไม่...ไม่ทราบครับ” ซ่งฟงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “คุณตำรวจ ผะ...ผมไม่อยากติดคุก...”
“เรื่องนี้คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ ต้องรอให้ญาติของผู้เสียหายมาถึงก่อน แล้วค่อยดูว่าพวกเขาจะยินดีเจรจากับคุณหรือไม่!”
ตำรวจจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
เมื่อเกาหมิงขับรถคันหรูมาถึงหน้าสถานีตำรวจ พ่อแม่ของซ่งเชี่ยนก็มาถึงก่อนพวกเขาแล้ว โดยนั่งรถแท็กซี่มา ทันทีที่เห็นหลิงหยางและซ่งเชี่ยนลงจากรถ พ่อแม่ของเธอก็รีบเดินเข้าไปหา
“พวกคุณไม่ได้ตัดขาดจากเราหรือยังไง? ทำไมพอเกิดเรื่องในครอบครัวแล้วถึงยังมาหาเราให้ช่วย?” ซ่งเชี่ยนทำหน้าบึ้งและตะโกนถามด้วยความโมโห
“เสี่ยวฟงเป็นน้องชายของลูก เขามีปัญหา ไม่หาลูกแล้วจะไปหาใครล่ะ?” ซ่งปันซานพูดอย่างมั่นใจ
“คุณพูดกับเสี่ยวเชี่ยนแบบนี้ได้ยังไง?” อู๋ซิ่วหลานรู้ดีว่าซ่งเชี่ยนยังโกรธอยู่ และไม่อยากทำให้เธอโมโหมากขึ้น จึงหันไปดุสามี “เวลาขอความช่วยเหลือก็ควรจะมีท่าทีที่เหมาะสม คุณเข้าใจไหม?”
ซ่งปันซานรู้ตัวว่าผิด จึงเงียบไม่พูดอะไรอีก
“ลูกเขยจ๊ะ น้องเขยของเธอโดนตำรวจจับไปแล้ว เธอต้องช่วยเขาออกมานะ...” อู๋ซิ่วหลานหันไปหาหลิงหยางด้วยใบหน้าที่ดูอมทุกข์
“เขาทำผิดอะไรกันแน่ถึงได้ถูกตำรวจจับ?” หลิงหยางพูดอย่างไร้อารมณ์
“ลูกชายฉันขี่มอเตอร์ไซค์ชนคนแก่บนถนนแล้วหนีไป ตำรวจตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด จนเจอป้ายทะเบียนรถและตามมาจับตัวเขาที่บ้านเรา...” ซ่งปันซานเป็นคนอธิบาย
“ฮะ! พ่อพูดว่าอะไรนะ?” ซ่งเชี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “พ่อบอกว่าซ่งฟงชนคนแก่แล้วถูกตำรวจจับไป?”
“ใช่ ตอนที่ตำรวจมาที่บ้านเพื่อจับตัวเขา ก็บอกกับฉันแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดมากกว่านี้หรอก” ซ่งปันซานตอบตามความจริง
“ซ่งเชี่ยน ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเป็นน้องชายของเธอที่ขี่มอเตอร์ไซค์ชนคุณยายของฉันแล้วหนีไปสินะ? ที่จริงแล้วแผนนี้เป็นอย่างที่คุณแม่ฉันพูดเอาไว้เลย เธอตั้งใจจะทำดีกับคุณยายเพื่อหลอกฉันใช่ไหม?” หลิงหยางจ้องมองไปที่ซ่งเชี่ยนด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง
“ฉันไม่ได้ทำ หลิงหยาง คุณต้องเชื่อฉัน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่ชนคุณยายของคุณคือซ่งฟง ฉันแค่พาคุณยายไปโรงพยาบาลเท่านั้น คุณฟังฉันอธิบายก่อนเถอะ...” !” ซ่งเชี่ยนพยายามแก้ต่างอย่างเต็มที่
“ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องอธิบายแล้ว เธอพูดกับฉันไปก็เท่านั้น รอให้พ่อแม่ของฉันมาถึงแล้วค่อยไปอธิบายกับพวกเขาเถอะ!”
หลิงหยางพูดกับเธออย่างเย็นชา
หลิงหยางมองดูชายหัวล้านตรงหน้า ด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ที่แท้ลูกพี่ที่ว่าก็คือเขาคนนี้นี่เอง"อาคัง นายกล้าจริงๆ เหรอ ส่งลูกน้องมาแย่งของจากฉัน แถมยังจะช่วยออกหน้าอีก นายมีเงินมากหรือว่ามีอำนาจใหญ่โตขนาดเชียวเหรอ?"ชายหัวล้านรีบยิ้มอย่างประจบ "คุณชายหลิง ผมจะกล้าได้ยังไง เมื่อเทียบกับคุณแล้ว พวกเราเป็นแค่เศษฝุ่นในสายตาคุณ ถึงจะให้ผมมีความกล้าร้อยเท่า ผมก็ไม่กล้าแย่งของจากคุณหรอก!""ถ้างั้นนายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าควรทำยังไง?" หลิงหยางพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก"รู้แล้วครับ" อาคังพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบยกมือขึ้นตบผู้ชายที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ก่อนจะตะโกนด่า "ไอ้หนู นายอยากตายใช่ไหม? รีบคุกเข่าลงขอโทษคุณชายหลิงเดี๋ยวนี้!"ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นและขอโทษหลิงหยาง "คุณชายหลิง ผมขอโทษครับ ผมตาไม่ดีเองเอง ไม่ควรแย่งของจากคุณ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!"หลิงหยางไม่สนใจและไม่ได้แสดงท่าทางใดๆ ว่าจะยอมรับคำขอโทษนั้น แต่กลับจับมือซ่งเชี่ยนออกจากร้าน คนมาซื้อของดีๆ กลับถูกหาเรื่องเสียได้"ที่รัก ไปกันเถอะ!"ซ่งเชี่ยนคล้องแขนเขา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านเครื่องป
หลังจากลงมายังชั้นล่าง ก็เห็นรถยนต์ของหลิงหยางจอดอยู่ที่หน้าอาคาร ซ่งเชี่ยนนั่งลงที่ข้างๆ คนขับ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยาง“คุณคะ คุณเพิ่งใช้เงินไป 6 ล้านหยวน เพื่อซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนให้ฉัน นั่นก็เยอะพอแล้ว ฉันจะกล้าขอให้คุณซื้อแหวนแต่งงานให้ฉันได้ยังไง?”“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าฉันไม่ซื้อเครื่องประดับที่เหมาะสมให้ คนอื่นจะดูถูกเอาได้ ดังนั้นให้ฉันซื้อให้เถอะ”ซ่งเชี่ยนลังเลเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”“ดี งั้นตอนนี้ฉันจะพาเธอไปที่ร้านเครื่องประดับ”หลิงหยางพูดเสร็จก็สตาร์ทรถ และขับไปที่ร้านเครื่องประดับไฮโซ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ไม่นานนักหลิงหยางก็ขับมาถึง ที่นี่เป็นหนึ่งในร้านเครื่องประดับที่หรูหรา และมีสไตล์ที่สุดในเมือง มีเครื่องประดับหลากหลายประเภท ทั้งแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ, กำไล, และจี้ ในบรรดาเครื่องประดับเหล่านี้ มีผลงานของนักออกแบบชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เป็นเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลิงหยางจอดรถเรียบร้อย ซ่งเชี่ยนควงแขนเขาแ ละเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปด้วยกัน พนักงานขายสาวอายุประมาณย
หลังจากหลิงหยางส่งวิดีโอ ที่จางเมิ่งเสวี่ยถูกจับได้ว่าเป็นชู้ไปให้แม่ของเขาดู หลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่โทรกลับมาอีกเลย น่าจะเป็นเพราะท่านรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของคนอื่น จึงไม่กล้าพูดถึงจางเมิ่งเสวี่ยต่อหน้าเขาอีก และยิ่งไม่อยากช่วยพูดแทนแล้วเรื่องนี้ทำให้หลิงหยางและซ่งเชี่ยน รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมาก จากนี้ไปหลิวฮุ่ยหลิงก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะจับคู่หลิงหยางกับจางเมิ่งเสวี่ยอีกต่อไปแล้ว และจะไม่มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วยเมื่อครู่ขณะที่ทั้งสองคนเล่นรักกันบนโซฟายาว ในห้องทำงานของผู้จัดการทั่วไป มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก และพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมโจวหยุนหลงถึงชอบให้จางเมิ่งเสวี่ย มาพลอดรักในห้องทำงาน มันเป็นการเล่นที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดเสียวปัจจุบันห้องทำงานนี้รวมถึงบริษัททั้งหมด เป็นของซ่งเชี่ยนแล้ว อย่างไรก็ตามในมุมมองของหญิงสาว แม้ว่าพวกเธอจะทำเรื่องส่วนตัวในห้องทำงาน โดยที่ไม่มีใครว่าอะไรแต่มันก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์"เพราะคุณเลย! คนนิสัยไม่ดี!" หลังจากจัดเสื้อผ้าและผมของเธอเรียบร้อยแล้ว ซ่งเชี่ยนหันมามองหลิงหยางด้วยสายตาตำหนิ "ต่อไปห้ามทำอะไรฉ
วิดีโอที่หลิงหยางส่งมา เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรงหน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการบริษัทหลานเถียน ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ขณะที่ภรรยาของโจวหยุนหลงมาจับชู้ เมื่อดูจบหลิวฮุ่ยหลิงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงพยายามแก้ตัวให้จางเมิ่งเสวี่ย “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เมิ่งเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอจะไปมีอะไรกับผู้ชายแก่ๆ ได้ยังไง?”“ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก? ภรรยา คุณควรยอมรับความจริงได้แล้ว วิดีโอนี่เป็นของจริง โชคดีที่หลิงหยางไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้น ไม่งั้นตระกูลหลิงของเราคงเสียหน้าไปหมดแล้ว!” หลิงฉิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ดูวิดีโอด้วยกันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลิวฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว “หมายความว่าจางเมิ่งเสวี่ย หลอกเราให้เห็นว่าเธอเป็นเด็กดี?” “ชีวิตส่วนตัวของเธอไม่ดีนัก ถ้าไม่ใช่การแสดงแล้วจะเป็นอะไร?” หลิงฉิงไม่ได้สนิทกับครอบครัวนั้นเหมือนภรรยา รู้จักเพียงแค่ผิวเผินจึงพูดไปตามเนื้อผ้า “ดูเหมือนว่าหลิงหยางตัดสินใจถูก ที่ไม่ไปคบกับจางเมิ่งเสวี่ย และเลือกแต่งงานกับซ่งเชี่ยนแทน!” มาถึงตอนนี้แม้ยากจะยอมรับ แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง หลิวฮุ่ยหลิงถอนหายใจออกมาดังๆ“ใช่แล้ว แม้ว่า
จางเมิ่งเสวี่ยขับรถกลับบ้าน แล้วก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ก่อนจะซบหน้าลงบนเตียงและร้องไห้ออกมา จ้าวชิงหย่าเปิดประตูห้องเห็นลูกเศร้าโศกจึงเดินเข้ามาถาม "เมิ่งเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เพื่อตรวจสอบการทำงานของพนักงานหรอกเหรอ? ทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ร้องไห้แบบนี้ล่ะ บอกฉันสิใครรังแกเธอ?"จางเมิ่งเสวี่ยกลัวว่าแม่ของเธอ จะรู้เรื่องที่เธอแอบมีความสัมพันธ์กับโจวหยุนหลงในห้องทำงาน และภรรยาของโจวหยุนหลงจับได้ พนักงานในบริษัทก็แห่ไปดูเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงนั่งขึ้นมาจากเตียง และตอบด้วยน้ำตาคลอเบ้า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่เลย แม่ออกไปก่อนเถอะ ให้หนูได้อยู่คนเดียวสักพัก!""ไม่!" จ้าวชิงหย่าปฏิเสธอย่างหนักแน่น "ถ้าลูกไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จะไม่ออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด รีบบอกมาว่ามีเรื่องอะไร""ฉัน... ฉันโดนไล่ออกแล้ว..." ถูกคาดคั้นเลยจำเป็นต้องตอบ เพราะอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี"อะไรนะ? โดนไล่ออกเหรอ?" จ้าวชิงหย่าถามด้วยเสียงตกใจ "ใครไล่เธอออกล่ะ? หรือว่าคุณโจวไล่ออก ทำไมเขาทำแบบนั้นล่ะ ลูกไปทำอะไรผิดพลาดไว้หรือเปล่า?""ไม่ใช่ค่ะ" จางเมิ่งเสวี่ยส่ายหัว "ฉันถูกหลิงหยา
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยางซื้อบริษัทโฆษณาหลานเถียนในนามของเธอ และซ่งเชี่ยนเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเมื่อสามีตัดสินใจไล่โจวหยุนหลงและจางเมิ่งเสวี่ยออก เธอจึงรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันไม่มีปัญหา แต่ฉันขอไล่คนเพิ่มอีกสองคนได้ไหม?” “เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ใครที่อยากไล่ก็ไล่ได้เลย ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นฉัน” ยิ้มกว้างให้ภรรยา ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ขาดอย่างเต็มที่ จะไล่ใครก็ตามสะดวก“ถ้าอย่างนั้น” ซ่งเชี่ยนหันไปมองซุนจิ่นเหยาแล้วพูด “วันนั้นคุณร่วมมือกับหลิวจื้อกังและจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อรังแกฉัน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ตั้งแต่ตอนนี้คุณและหลิวจื้อกังจะไม่ใช่พนักงานของบริษัทโฆษณาหลานเถียนอีกต่อไป เก็บข้าวของของคุณแล้วออกไปได้เลย” “ท่านประธานซ่ง ฉันผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันมีพ่อแม่ต้องดูแลและลูกเล็กๆ ฉันไม่อยากเสียงานนี้ไป!” ซุนจิ่นเหยารีบคุกเข่าขอร้อง “แล้วตอนที่คุณร่วมมือกับจางเมิ่งเสวี่ยเพื่อต่อต้านฉัน ทำไมคุณไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้าง?” ไม่ได้อยากใจร้าย แต่คนพวกนี้ทำร้ายเธอก่อน จะมีหน้าร่วมงานกันได้อย่างไรอีกซุน