Share

บทที่ ๕ แรงจูงใจ

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-01 18:00:30

“ฮะ! ฉันเหรอ!?”

พูนซึ่งนั่งฟังวาระการประชุมแผนจับโจรอยู่ถึงกับลั่นขึ้นมาด้วยสำเนียงเสียงเหน่อ พร้อมกวาดสายตามองไปยังเหล่าเพื่อนร่วมงานชาวพระนครที่ต่างเห็นพ้องต้องกันให้เขาที่เป็นน้องใหม่เป็นคนแฝงตัวเข้าไปหนึ่งในชุมโจรเจ้าของคดีที่สน.เขาได้รับมาทำต่อ

ย้อนกลับไปอีกสักนิดก่อนจะเกิดมตินี้ขึ้น สน.พระนครแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ารวมตัวคนมีฝีมือโดยเฉพาะท่านผู้กำกับการ พันตำรวจเอกไกรวิชญ์ ก้องภัชรกุลซึ่งตอนนี้ถือเป็นเพื่อนซี้หนึ่งเดียวของไอ้พูน ที่ทำคุณูปการเอาไว้มากมายเกินกว่าตำรวจบ้านนอกอย่างเขาจะทราบได้ทั้งหมด จึงไม่แปลกเลยที่สน.นี้จะได้แต่งานยาก ๆ มาทำรวมถึงงานนี้ที่ต้องจับสามโจรพันธุ์เสือที่ล่อจะขโมยของชาวบ้านลูกเดียว!

ซึ่งวิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการส่งคนแฝงตัวเข้าไปในกองโจรสักกลุ่มเพื่อไล่ตามเบาะแสความเชื่อมโยงกันกับกลุ่มที่เหลือจะได้รวบรัดจับกุมในทีเดียว แต่ด้วยความที่ทุกคนในสน.ต่างถูกเห็นหน้ากันมาหมดแล้ว ส่วนไอ้ไกรนี่ไม่ต้องพูดถึง ก็จะมีแต่ตำรวจบ้านนอกคอกนาอย่างเขาที่เหมาะสม

‘ไกร...ฉันไม่ทำได้ไหม’

พูนกระเถิบเข้าไปกระซิบกระซาบข้างหูหัวหน้า

‘ไม่ได้’

‘โถ่ ฉันยังจีบน้องแผนไม่ติดเลยนะ’

‘แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดี’

ทำไมเพื่อนช่างโหดร้ายทารุณ เราเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมกันไม่ใช่หรือไร เลือกแผนอื่นที่ไม่ทำให้เขาต้องไปผจญเรื่องราววายป่วงเหมือนสมัยอยู่นครปฐมจะได้ไหม นี่ยังจำกลิ่นโคลนกลิ่นหญ้าตอนปลอมขึ้นไปเป็นนักพากย์ตั้งเสากางผ้าได้อยู่เลย แล้วนี่ต้องไปเป็นโจร คิดแล้วก็ขนลุก นึกว่ามาพระนครแล้วจะได้ทำงานหน้าโต๊ะเดินเอกสาร แก้ปัญหาหมาแมวหายสบาย ๆ เสียอีก

‘ก็มัน-

‘ทำ’

‘แต่-

‘ถ้าเอ็งทำสำเร็จแล้วเอาไปเล่าให้น้องแผนเขาฟัง เขาจะไม่ภูมิใจในตัวเองเหรอวะ’

‘ฉันทำเอง ใครบอกไม่ทำกัน โว้ะ!’

เมื่อเพื่อนพูนมีแรงจูงใจในการทำงานไกรวิชญ์ก็พลอยโล่ง ตั้งแต่ร่วมกันมาหลายเดือนมันอาจจะดูขี้เกียจขี้กลัวไปบ้างในบางครั้ง แต่อ่านประวัติมาแล้วถ้าไม่เก่งจริง คงไม่สามารถไต่เต้าขึ้นมาได้ถึงยศนี้หรอก

เมื่อสรุปการประชุมช่วงเช้าวางแผนเตรียมการเสร็จสรรพก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดิบพอดี พูนจึงได้มานั่งเปิดปิ่นโตฝีมือป๊าเติมพลังลงท้อง ทว่าดูเหมือนตำรวจพระนครจะใช้ชีวิตต่างออกไปจากเขาที่เคยชินกับการพกข้าวมากินในที่ทำงาน คนไหนหมดเวรก็พากันออกไปกินตามร้านด้านนอก อย่างไรเสียสน.นี้ก็อยู่ไม่ไกลจากตลาดย่านการค้ามากนัก ยิ่งไอ้ไกรมันเป็นคนติดบ้าน มื้อเที่ยงทีไรก็เดินกลับไปกินข้าวที่บ้านอยู่ตลอด หรือว่าเขาควรเอาอย่างบ้างดี เผื่อวันไหนจะได้พาน้องแผนออกไปร้านข้างนอกบ้าง

คิดไปคิดมาทั้งข้าวและกับในภาชนะโลหะก็หมดเกลี้ยง มองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงนิด ๆ แน่นอนว่าเดินออกไปแวะซื้อขนมให้น้องแผนตอนนี้อย่างไรก็ทัน คิดเสร็จนายตำรวจก็หยิบหมวกขึ้นสวมให้ครบเครื่อง จัดแจงจัดปิ่นโตให้มาซ้อนกันดังเดิม เพราะเขาว่าจะเอามันไปฝากไว้ที่ร้านบะหมี่ แล้วค่อยแวะซื้ออะไรติดไม้ติดมือวกกลับมาสถานี

เดินตลาดหาซื้อของกินไปก็ย้อนไปนึกถึงคืนแรกที่เขาอาสาพายเรือไปส่งบ้าน แต่เจ้าน้องทำตัวแปลก ๆ ดูแล้วเหมือนไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้บ้าน จะมองว่าโลกส่วนตัวสูงก็ย่อมได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอีกฝ่ายจะยอมให้เขาพายเรือมาส่งสองต่อสองได้ถึงขนาดนั้นหรือไร น้องแผนมีแต่เรื่องเข้าใจยากทั้งนั้นเลย

“กล้วยแล้วก็มันอย่างละครึ่งจ้ะ”

พูนกล่าวสั่งกล้วยแขก ระหว่างรอป้าแกจัดแจงคีบของทานเล่นลงกระทงใบตอง เขาก็พลันสงสัยขึ้นมาปกติมื้อเช้ามื้อเที่ยงน้องแผนเขากินอะไร หรือว่าชอบทานอาหารประเภทไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า เขาจะได้หาซื้อมาให้บ่อย ๆ

“สิบสตางค์จ้ะ”

“นี่เงินจ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะ”

พูนไม่รู้ว่าการไปหาแบบนี้ทุกวันจะทำให้น้องลำบากใจเหมือนคราวที่ตัวเองโดนสะกดรอยตามจากคนรักเก่าหรือเปล่า ไว้เดี๋ยวคงต้องถามสักหน่อยแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

“ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรนะ”

“จริงเหรอ?”

“จริง”

พูนได้ยินสิ่งที่น้องเจ้าตอบมาก็โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง ตลอดทางที่เดินมาเขากังวลแทบตายว่าน้องแผนจะไม่ชอบสิ่งที่เขาทำให้เสียอีก

แผนนั่งเคี้ยวกล้วยแขกทอดกรอบกรุบ ๆ บางทีพี่ตำรวจแกอาจจะคิดว่ามาหาทุกวันอาจจะทำให้เขารำคาญกระมัง แต่ถ้ามาพร้อมของกินหรือของฟรี จะเป็นใครเขาก็ยินดีต้อนรับเสมอนั่นแหละ ทว่าบางทีเขาก็คิดว่านี่มันชักจะเยอะเกินไปเหมือนกัน เพราะมันทำเขาเริ่มรู้สึกผิดน่ะสิ...

‘นี่นะ พี่ต้องปลอมเป็นโจรด้วย...’

แผนมองพี่ตำรวจข้าง ๆ ซึ่งกำลังพร่ำบ่นงุ้งงิ้งเรื่อยเปื่อยถึงงานที่ทำท่ามกลางบรรยากาศโล่งแจ้งของดาดฟ้าสถานีไร้ซึ่งผู้คน ที่บอกว่ารู้สึกผิดคงเป็นเพราะสิ่งที่เขาได้รับมามันไม่ใช่เพียงสิ่งของแต่มีความรู้สึกดี ๆ พ่วงติดมาด้วยเสมอ ทีแรกเขาคิดว่ามันจะเหมือนที่ผ่านมาแต่เมื่อเวลาไหลผ่านไปเรื่อย ๆ มันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

“แล้วโจรที่นี่มันต้องแต่งตัวยังไงเนี่ย”

“ผมว่ามันก็เข้ากับเฮียดีนะ”

“เราหมายความว่าเฮียใส่ชุดตำรวจแล้วไม่เท่เหรอ!?”

นี่น้องแผนกำลังจะบอกว่าเขาเหมาะจะไปเป็นโจรมากกว่าตำรวจเหรอ พี่หล่อขนาดนี้มองให้เป็นโจรไปได้ยังไงกัน!?

“กะ...ก็ไม่บอกว่าตำรวจมันไม่เท่สักหน่อย”

“แล้วคิดว่าระหว่างโจรกับตำรวจเฮียเป็นอะไรเหมาะกว่ากัน”

“ถ้าบอกว่าเป็นโจรจะไปยื่นใบลาออกเลยรึไง”

แผนพูดไปก็หัวเราะในลำคอ พี่ตำรวจคนนี้แกก็ถามแปลก

“ถ้าขโมยหัวใจเราได้เฮียก็จะทำครับ”

“พูดอะไร...ไร้สาระอีกแล้ว”

แผนพูดคุยมาเรื่อยชักจะทำตัวไม่ถูก จากปกติที่คิดว่ามันเป็นเพียงคำหยอกเอินขำขันแท้ ๆ ทำไมเขาจึงไม่โวยวายออกไปเล่า แล้วไอ้หูเจ้ากรรมมันจะรู้สึกร้อนขึ้นมาทำพระแสงอะไรเนี่ย!

นายสถานีบ่ายเบี่ยงเลี่ยงการสนทนาจากพี่ตำรวจยิ้มแฉ่งโดยการหันมาตั้งอกตั้งใจกินมันทอดในกระทงให้หมดจะได้ไม่ต้องมีช่องว่างให้ตัวเองพูดตอบ เอาเป็นว่าต่อจากนี้เขาจะตอบแต่ ‘อืม’ กับ ‘อื้อ’

นายตำรวจคนพี่นั่งมองน้องเจ้าทานขนมหวานเต็มกระพุ้งแก้มใจก็นึกอยากเข้าไปฟัดให้ชื่นใจสักครั้งสองครั้ง แต่ด้วยสถานะแล้วหากทำคงได้โดนตอบรับด้วยพื้นรองเท้าเน้น ๆ เป็นแน่

“เฮียไม่รู้ว่าคนที่นี่เขาแต่งตัวกันยังไง เราพอจะรู้มาบ้างไหมครับ?”

“อือ”

“ถ้าอย่างนั้นวันที่เรามีวันหยุดตรงกัน เราไปช่วยพี่เลือกซื้อเสื้อผ้าได้ไหมครับ?”

“อื้อ-หือ!?

“ตกลงแล้วนะครับ”

“อื้อ! อือ อื้อ อื้อ!!”

“ฮ่า ๆ เฮียรู้แล้วว่าอยากช่วย”

ไม่ใช่โว้ย! เขาไม่ได้อยากออกไปไหนเลยต่างหาก โถ่เอ๊ย! ทำไมมันชิ้นนี้ถึงได้กลืนไม่ลงสักทีนะ จะต้องเคี้ยวไปอีกกี่นาทีกันกว่าเขาจะเปิดปากมาเถียงกับตำรวจคนนี้ได้

แผนรีบเคี้ยว ๆ กลืนให้ไวเมื่อเห็นช่องว่างจึงตั้งใจจะแทรก

“เราชอบอาหารแบบไหนเป็นพิเศษรึเปล่าครับ วันนั้นพี่จะได้พาเราไปกินด้วยเลย”

“ชะ... ชอบที่รสไม่จัดมาก”

ไอ้แผน! ทำไมเอ็งต้องใจอ่อนกับของกินมากขนาดนี้ด้วย ถึงจะไม่ส่อไปในทางนั้นแต่แผนรู้สึกเสียเหลี่ยมเฮียพูนอย่างไรอย่างนั้น กล้าเอาของกินมาล่อตาล่อใจกันได้ลงคอนะ!!

ยิ่งได้ยินเจ้าพี่พูดว่าจะซื้อนู่นซื้อนี่ให้ แผนจึงไม่มีเหตุให้ต้องปฏิเสธการเชิญชวนครั้งนี้ มันดีเสียอีกที่จะได้เอากับข้าวที่เหลือบนโต๊ะกลับมาใส่ตู้ให้คนที่บ้านได้กินต่อไปอีกหลายมื้อ

“เดือนนี้เราหยุดวันไหนบ้างนะครับ?”

“อังคารกับพุธ...”

“เฮียหยุดวันพุธกับอาทิตย์พอดีเลย เราจะสะดวกมาเจอกันที่สถานีกี่โมงเหรอครับ?”

“ผมได้ตั้งแต่เจ็ดโมงเลย”

“งั้นเรามาเจอกันสักประมาณเจ็ดโมงครึ่งนะครับ”

“อื้อ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

แผนกลับมาถึงบ้านหลังทำงานร้านเหล้าก็ได้แต่ย้ำถามกับตัวเองว่าจะไปรู้สึกผิดทำไมนักหนา เฮียเขาแค่ขอให้เราไปเป็นเพื่อน แล้วเราก็ตกลงบวกได้การเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทนก็เท่านั้น ที่ผ่านมาเอ็งก็ทำมาตลอดไม่ใช่เหรอ แล้วจะเก็บมาคิดมากทำไมเล่า

แผนคิดจะรีบพาตัวเองไปอาบน้ำอาบท่าล้างความคิดในหัวออกให้หมดจะได้เข้านอนให้มันจบ ๆ วันไปเสียที เพราะวันนี้ไปทำงานมาก็เลิกดึกไหนจะไอ้อาการปวดเนื้อปวดตัวนี่อีก พอมีเป้าหมายจะหาเงินก้อนทีไรสิ่งเหล่านี้ต้องมาพร้อมกันทุกครั้งเลยสิน่า

ว่าแล้วหลังกลับมาจากการอาบน้ำว่าจะไปดูเงินที่ซ่อนไว้เสียหน่อย เพราะเงินเดือนเขาออกมาสักพักแล้ว วันพุธที่จะถึงนี้ขากลับก็คิดจะแวะเข้าธนาคารเอาเงินไปฝากด้วยเลยทีเดียว

*โครก* จู่ ๆ ท้องที่ไม่เคยร้องหิวมื้อเย็นกลับส่งเสียงออกมาให้เขาได้ยิน เอาเข้าจริงเขาก็ว่าร่างกายตัวเองแปลก ๆ มานานสักพักแล้ว ปกติเขาจะกินแค่มื้อเช้ากับมื้อเที่ยงเพื่อการประหยัดเงิน แต่หลังจากถูกเฮียพูนประโคมของกินเพิ่มมาเป็นเท่าตัวกลายเป็นว่ากระเพาะมันใหญ่ขึ้นเสียอย่างนั้น

แผนถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย นี่สินะผลการปล่อยให้ตัวเองโดนเลี้ยงจนเคยตัว ต่อจากนี้คงต้องควบคุมตัวเองหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นได้ท้องร้องจนนอนไม่หลับแน่

วันนี้น่าแปลกที่พ่อไม่อยู่บ้าน จากปกติจะนั่งดื่มเหล้าไม่ก็นั่งสูบบุหรี่ริมระเบียง คงจะออกไปเดินเล่นไม่ก็นั่งก๊งอยู่สักที่ในชุมชนกระมัง

*แกร๊ง!*

ไม่มี....

เงินที่เก็บไว้...หายไปหมดเลย

แผนจู่ ๆ ก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวจนเผลอทำกล่องขึ้นสนิมหล่นลงพื้น ดีที่เพียงหลับสนิทไปแล้ว ริมฝีปากแห้งผากสั่นระริกด้วยความโกรธ ทว่าขอบตากลับรื้นแดงฉ่ำน้ำด้วยความโศกเศร้า ไม่ว่าเมื่อไหร่ นับตั้งแต่เหยียบบ้านหลังนี้ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันก็ไม่เคยทำตัวเป็นพ่อที่ดีเลยสักครั้ง เขาเปลี่ยนจุดซ่อนเงินมาไม่รู้กี่ที่ต่อกี่ที่ในบ้าน ทว่าสักวันมันก็จะเป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป

เขาอยากจะเอาเงินที่ได้ไปฝากธนาคารทุกครั้งที่รับมาเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่องานมันรัดตัวเขาจึงทำได้เพียงเก็บรวมเงินเอาไว้เป็นก้อนเดียวและนำไปฝากธนาคารทุกต้นเดือน ยังดีที่เขาแยกเก็บเงินค่าสมัครสอบพยาบาลของเพียงเอาไว้อีกที่ มันจึงยังอยู่ครบดี

พี่ชายเสาหลักของบ้านหยิบกล่องใบน้อยขึ้นมากำก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อตั้งสติเหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มา เอาเป็นว่าตอนนี้เขาต้องตามหาตัวพ่อให้เจอ คนที่ไม่เคยออกจากเขตสลัมเลยสักครั้งคงมีที่ใช้เงินไม่กี่ที่หรอก

แผนปาดน้ำตาที่เอ่ออยู่ออก จัดการอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทาง คีบรองเท้าแตะวิ่งออกตามหาคนเป็นพ่อไปทั่ว ก่อนจะได้ยินเสียงคนพูดคุยหัวเราะเสียงดังเป็นกลุ่มใหญ่แว่วมาจากซอก ๆ หนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปเขารู้ได้ในทันทีว่าพ่อเอาเงินที่เขาหามาอย่างลำบากไปใช้กับอะไร

‘เอ้า! จ่ายมา ๆ ฮ่า ๆ โดนอีกแล้วนะไอ้อ่ำ

‘โถ่เว้ย! ได้ป๊อกเก้าแล้วแท้ ๆ เชียว เอ้า! มึงเอาไป’

“พ่อ!!”

แผนเดินเข้าไปกระชากแขนชายสูงอายุออกมาจากวงไพ่ แล้วจึงพอเห็นว่าเงินตัวเองอยู่ในตำแหน่งใดบ้างของวง มองแล้วอารมณ์ที่คุกรุ่นเป็นทุนเดิมกลับยิ่งทวีคูณขึ้นเป็นเท่าตัว

“พ่อเอาเงินฉันมาเล่นแบบนี้อีกแล้ว!! เสียไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ออกมาเลยนะ!!”

“กูกำลังจะแก้มืออยู่นี่ไงวะ!”

“ไม่พ่อ! ออกมา!!”

“เอ้า ๆ ลูกมาตามแล้ว เอ็งก็กลับบ้านกลับช่องไปเถอะไอ้อ่ำ ถือว่าพวกข้าให้เงินที่เหลือเอ็งไปซื้อข้าวกิน ฮ่า ๆ”

แผนฉุดกระชากบิดาอยู่นานกว่าจะลากพากลับมาบ้านพร้อมกับเงินที่เหลืออยู่กึ่งหนึ่ง อย่างไรส่วนที่เสียไปจากการพนันไม่อาจเอากลับคืนมาจากคนในวงได้ แต่นั่นมันก็ตั้งหลายร้อยบาทเชียวนะ เอาไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าเล่าเรียนของเพียงหรือค่ามื้อพิเศษสักมื้อได้เลยนะ

คนเป็นลูกชายเมื่อปิดบ้านลงกลอนประตูเสร็จหลังพาพ่อขังไว้ในห้องน้ำก็คิดจะรีบเอาเงินออกไปซ่อนที่อื่น ทว่าในขณะที่กำลังรีบเก็บเงินนั้นเอง

“โอ๊ย!!”

“มึงทำกูเสียหน้านักนะไอ้แผน”

เส้นผมถูกมือเหี่ยวแห้งจิกงัดขึ้นอย่างไม่ปรานี ถึงร่างกายจะหนุ่มกว่าแต่เพราะทำงานมาดึกดื่น ทั้งพึ่งสู้รบกันไปตอนนี้ร่างกายจึงเพลียหนัก แค่เปิดเปลือกตาขึ้นยังไม่ค่อยไหวแล้วเลย และที่พ่อออกมาได้คงจะเป็นเพราะไม้ที่เขาเอาไปขัดหูจับประตูมันผุกร่อนไปแล้วสินะ

“อึก!”

“แล้วไหนบอกกูว่าไม่มีเงิน ตอแหลเก่งเหมือนแม่มึงไม่มีผิด!”

“อั้ก!!”

ศีรษะซึ่งตรึงไว้ถูกเหวี่ยงจนร่างเซไปกระแทกกับโต๊ะขาสิงห์กลางบ้าน แผนพยายามหนีแต่ข้อเท้าดันมาแพลงเอาตอนรีบหยัดตัว อุปกรณ์ยาสูบชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทุบตีทำร้ายลูกชายในสายเลือด และเขาที่ใส่เสื้อกล้ามตัวบาง ผิวกายจึงรับแรงปะทะจากของแข็งเหล่านั้นอย่างจัง

“วันนั้นกูไม่น่าพามึงมาด้วยเลย น่าจะปล่อยทิ้งไว้เหมือนที่อีกะหรี่นั่นมันทำกับกู!

“อั้ก...”

“มึงมันไม่น่าเกิดมาเลย!!”

*พลั่ก!!*

กำปั้นหนังหุ้มกระดูกตรงเข้าหน้าแก้มอย่างจัง จนใบหน้าเขาตอนนี้รู้สึกชาไปหมด ต่อให้โกรธแค่ไหนก็ไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด

แผนผู้เป็นลูกชายถูกปล่อยร่างให้นอนบอบช้ำอยู่กับพื้นไม้เย็นเฉียบ ในขณะที่พ่อผู้กระทำเดินหัวเสียไปก้มหยิบเหง้าไผ่ขึ้นมาเตรียมจุดสูบยา เมื่อแผนเห็นว่าบิดากำลังเคลิ้มไปกับควันเหม็นเหล่านั้นจึงค่อย ๆ หยัดตัวขึ้น พาร่างสะบักสะบอมของตัวเองกลับเข้าห้องเตรียมตัวจะนอน

“พี่จ๊ะ...”

“พี่ทำเราตื่นเหรอ ขอโทษนะ”

“พ่อทำต่างหาก มานี่มา”

เด็กสาวผมสั้นประบ่าลุกขึ้นจากที่นอนมาจุดตะเกียงสวมแว่นตาพันเชือกเพราะขาแว่นหักไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คนเป็นน้องหยิบกล่องปฐมพยาบาลขึ้นเปิดฝากล่องจัดแจงทำแผลให้พี่ชาย เพราะพ่อมักจะรุนแรงกับพี่อยู่เป็นประจำแบบนี้เธอจึงอยากเรียนพยาบาล ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยรักษาอาการพ่อที่ติดยาด้วย

“เงิน...เหลือมาได้แค่สี่ร้อยกว่าบาทเอง”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะจ้ะ”

“ไม่ได้หรอกเพียง...”

เขาอุตส่าห์คิดเสริมเอาไว้ว่าหากมีเงินเก็บจะแวะร้านเครื่องเขียนซื้อหนังสืออ่านเตรียมตัวสอบเข้าพยาบาลเล่มใหม่ให้น้องสาว หรือไม่ก็จะพาไปตัดแว่นเสีย แต่ทุกอย่างมันพังครืนลงมาทั้งหมดในชั่วพริบตา แผลตามตัวของเขาตอนนี้ยังไม่เท่าแผลใจที่ถูกบิดาแท้ ๆ หักหลังเลย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก   เรื่องนอกวัง ๓ โคมขาว

    เหตุผลที่พูนยังไม่ให้ศรีภรรยาไปพบพ่อกับป๊านั้นนอกจากอาการน้องน้อยไม่ค่อยจะสู้ดีแล้ว ทั้งสองคนเองก็ไม่ว่างเช่นกันเพราะช่วงนี้เป็นช่วงเวลาจบการศึกษาของโรงเรียนกลาง การไปมอบประกาศณีบัตรหรือการพูดสุนทรพจน์จึงจำเป็นต่อการส่งต่อเจตนารมณ์ ส่วนเขาก็ได้แต่นั่งทำงานงก ๆ อยู่ในห้อง การมาฟูเหรินได้วันละครั้งแบบนี้ก็ถือว่าบุญหัวแล้วตอนนี้เป็นยามเย็นของวันซึ่งเขาชวนภรรยามาเดินเล่นในสวนตำหนักมุกอันใกล้ถึงจะไม่ได้ใหญ่เมื่อเทียบกับสวนสาธารณะกลางหรือป่าเขาที่ชาวบ้านชอบไปเดินเก็บพืชผักแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอุดอู้อยู่ในตำหนักเขาทราบมาจากหัวหน้าช่างแต่งกายว่าฟูเหรินวันทั้งวันไม่ยอมออกมาจากนอกห้องเลยนอกจากจะมีอาจารย์มาสอนหนังสือ ซ้ำยังมีบางครั้งที่แอบไปร้องไห้อยู่คนเดียว พอชาวใช้จะขอเข้าไปทำความสะอาดเพื่อแอบดูอาการเจ้าตัวก็เงียบไม่ยอมเปิดห้อง ซ้ำยังบอกให้สาวใช้วางถังน้ำอุปกรณ์เอาทิ้งเอาไว้จะทำเองอีกต่างหากและวันนี้ตอนมาถึง ก่อนที่จะเอ่ยเรียกเขาพึ่งมาได้ยินเสียงร้องไห้นั้นชัด ๆ มันไม่มีคำตัดพ้อหรือเรื่องราวที่ถูกพูดออกมาระบายความเศร้า มีเพียงสะอื้นไห้แต่เพียงเท

  • มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก   เรื่องนอกวัง ๒ โคมเขียว

    สถานที่อันลึกลับและแฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนจากไฟสลัวในอาคารไม้หลังเก่า ตกแต่งปิดบังอายุด้วยการตกแต่งด้วยผ้าหลากสีสัน เสียงดนตรีจีนวัยเยาว์ออกมาจากห้องซึ่งมีราคาสูงโดยที่แผนนั้นรู้ดีว่ามันกำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางในไม่ช้าเขาเดินเข้ายังภายในร้านแน่นอนว่าหากไปพบขุนนางในสภาพชุดเก่าเยินแบบนี้ละก็จากที่จะได้เงินคงจะได้คำเหยียดหยามด่าทอมาแทน ดังนั้นเขาจึงมาขอยืมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มีสารร่างที่พอจะดูได้ขึ้นมาบ้าง กระนั้นที่แห่งนี้ก็ใช่ว่าจะมีเงินถุงเงินถังมาซื้อเครื่องประดับหรือผ้าดี ๆ มาตัดเย็บนักหรอกผ้าเนื้อหยาบสีสดใสถูกสวมแทนที่เสื้อใยฝ้ายใกล้ขาด ใบหน้าเปื้อนดินเปื้อนผงถ่านถูกทำความสะอาดและแต่งแต้มด้วยผงสี จนในตอนนี้ตัวเขาในกระจกกลายเป็นคนละคนกับชาวนาทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินคนนั้นอย่างสิ้นเชิงพรมลายดอกไม้พื้นเก่าเกิดเสียงแผ่วเบาเมื่อฝ่าเท้าเปล่าคู่บางก้าวผ่านธรณีประตูออกมาจากห้อง ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าราวกับจงใจให้เวลาล่วงผ่านไปเพื่อสัมผัสความสงบตระเตรียมใจ ก่อนจะเผชิญกับพายุโหมกระหน่ำ บรรยากาศที่เย็นเยือกยามราตรีส่งให้ทุกอย่างดู

  • มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก   เรื่องนอกวัง ๑ โคมแดง

    แดนแห่งเสรีชน แดนอันเปิดกว้างสำหรับความคิดและการแสดงออกอย่างเสรีท่ามกลางวัฒนธรรมอันเคร่งครัดของสังคมจีน สถานที่ที่ผู้คนสามารถดำรงชีวิตตามวิถีทางของตนเองได้โดยปราศจากการกดขี่ ประหนึ่งสรวงสวรรค์ของผู้ที่ต้องการความเป็นอิสระในการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง ความคิดสร้างสรรค์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้รับการยอมรับและเฉลิมฉลอง เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และให้โอกาสทุกคนในการเลือกทางเดินชีวิตของตนเองกระนั้นที่ใดมีปวงชนที่นั่นย่อมมีผู้นำ ดินแดนอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ถูกปกครองด้วยกษัตริย์ซึ่งเป็นผู้ถูกคัดเลือก เป็นผู้เดินนำหน้าทุกผู้ทุกคนมายังดินแดนอันเคยแร้นแค้นแห่งนี้และยืนหยัดเพื่ออุดมการณ์ของตนเอง กษัตริย์ปกครองเคียงคู่พระมเหสีเพียงพระองค์เดี๋ยวโดยไร้ซึ่งอนุ สำหรับอาณาจักรอื่นแล้วการมีสนมคือการถ่วงอำนาจ คือการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นเลิศในด้านหน้าตาและคุณภาพขึ้นมาวางบนจานเพื่อให้รสชาติอาหารออกมากลมกล่อม แต่แดนเสรีชนไม่ใช่แบบนั้นหากสามัญชนผู้ใดมีชู้จะถูกประณาม หากเศรษฐีผู้มั่งคั่งมีอนุจะถูกผู้คนทอดท

  • มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก   บทพิเศษ ๑๓ หงส์โบยบิน

    เทียบ × อำพัน“ป๊า ฉันขอลาออกจากคณะ” คนเป็นพ่อซึ่งนั่งจิบเหล้าแกล้มยำแตงกวาถึงกับไอสำลักเมื่อไอ้ลูกชายหลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานก็ดันมาขอลาออก พวกเขายังเหลืองานที่นี่อีกตั้งหลายวันกว่าจะหมดสัญญา แถมงานต่อไปยังเป็นการไปแสดงถึงใจกลางประเทศอย่างพระนคร อนาคตสดใสแบบนี้ทำไมอาไจ่มันถึงมาลาออก“ลื๊อมีคนมาทาบทามรึ?”“ไม่จ้ะ ฉันจะออกมีผัว”“แค่ก!...แค่ก!...”พ่อเฉิงคราวนี้นอกจากจะไอโขลกแล้วยังตกใจตาโตมองเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่แววตาไม่สั่นคลอนสักนิด ไอ้เขาอยู่กับมันมาก็หลายปี รู้หมดนั่นแหละว่ามันชอบอะไรไม่ชอบอะไร แต่จู่ ๆ มาบอกลาออกกะทันหันด้วยเหตุผลนั้นใครเขาจะไม่ตกใจกันบ้างเล่า!นอกจากพ่อเฉิงจื่อที่รู้เรื่องแล้วคนอื่น ๆ บางส่วนในคณะก็บังเอิญมาได้ยินบทสนทนาก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อน ๆ นักแสดงคนงานมาดูสถานการณ์ด้วยโดยมีหัวหอกคืออาเจ๊ใหญ่ไพลินที่จับตามองน้องชายผู้จะออกไปล่าฝัน เก่งมากอาตี๋! ขนาดเจ๊อยากมีผัวก็ยังไม่สามารถมุ่งมั่นได้ขนาดนี้เลย!“แล้วใครจะมาเป็นผ

  • มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก   บทพิเศษ ๑๒ หงส์บนดิน

    เทียบ × อำพันแสงไฟจากโคมกระดาษสีแดงสดส่องสว่างรอบเวทีไม้ที่ถูกสร้างขึ้นซึ่งประดับประดาไปด้วยป้ายแขวนเครื่องเงินเครื่องทองเทียมเล่นแสงเติมเต็มความมีชีวิตชีวา กลิ่นธูปหอมอบอวลในอากาศสร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนในชุมชนทั้งเด็กผู้ใหญ่ต่างนั่งล้อมวงกันบนเสื่อกกทอมือหรือเก้าอี้ไม้เก่า มองดูเวทีที่พาดแขวนตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงสดพร้อมฉากหลังที่วาดภาพทิวทัศน์ในฝันอย่างวิจิตรถึงทิวทัศน์อันงดงามของสวนจีนโบราณซึ่งประกอบขึ้นมาจากเส้นหมึกอันละเอียดอ่อนของพู่กัน สร้างความลึกซึ้งซึ่งสื่อถึงความพิถีพิถันในทุกมุมของภาพวาดเสียงกลองและฉาบดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ผู้คนต่างพากันรวมตัวหน้าศาล บรรยากาศรอบเวทีเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยที่เจือไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อม่านเปิดออก นักแสดงงิ้วในชุดเสื้อผ้าอันงดงามปักลวดลายทองคำสีสันสดใสดึงดูดสายตา ก้าวออกมาด้วยท่วงท่างามสง่า เสียงร้องของนักแสดงที่ไพเราะทรงพลังดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ เรียกความสนใจจากผู้คนเดินไปมาและตรึงผู้ชมหน้าเวทีได้อย่างไม่ยากเย็น“林妹妹,你總是這麼憂愁,何必呢?”

  • มนต์รักหนุ่มพิษณุโลก   บทพิเศษ ๑๑ ทิวเขา

    ตั้งแต่รับสองเด็กเข้ามาพวกเขาก็มีโอกาสได้ตระเวนเที่ยวต่างจังหวัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพิษณุโลกบ้านของพี่พูน นครปฐมซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียง หรือจะทะเลที่สมุทรปราการพวกเขาก็พาเด็ก ๆ ไปเปิดหูเปิดตามาแล้วยิ่งในพระนครยิ่งไม่เหลือ รบรามที่ได้เข้าไปดูงานเขียน งานสถาปัตยกรรมในวัดวาอารามค่อนข้างตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงการได้วิ่งเล่นว่าวในสนามหลวงกับพ่อก็เป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ โปรดปรานเช่นกันในวันนี้เองก็เป็นการพักผ่อนอีกครั้งซึ่งพวกเขาจะเดินทางขึ้นเหนือไปเที่ยวดูธรรมชาติที่เชียงใหม่ ถึงคุณปู่จะสุขภาพถดถอยไปตามวัยแต่เด็ก ๆ ก็รับปากแล้วว่าจะซื้อโปสต์การ์ดซื้อของท้องถิ่นกลับมาฝากแน่นอน“เด็ก ๆ แปรงฟันมาแล้ว ห้ามกินขนมแล้วนะ”“จ้ะ/คร้าบ”รบตอบฉะฉานในขณะที่พี่ชายอย่างรามกล่าวด้วยความไม่สบายอารมณ์เท่าไรนักเพราะเจ้าตัวบ่นกระปอดกระแปดว่าอยากกินทองม้วนที่ซื้อมาเมื่อหลายวันก่อน แต่ด้วยเวลารถไฟที่ใกล้เข้ามา พวกเขาจึงไม่มีเวลามาเอ้อระเหยสุดท้ายสองเด็กก็ถูกจับให้แปรงฟันและออกมาในทันที แม้จะน่าเศร้าสำหรับลูกราม แต่เดี๋ยวเช้าพรุ่งนี้ก็กินขนมที่พกมาได้แล้วกา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status