“อิ่มแล้วหรือธี กินอะไรเพิ่มอีกหน่อยดีไหม เช้า ๆ ต้องกินให้อยู่ท้องเข้าไว้นะ แล้วค่อยไปเบาตอนมื้อเย็น ๆ"
ธิดาเอ่ยกับลูกชายระหว่างนั่งรับประทานอาหารมื้อเช้าด้วยกันพร้อมหน้าในห้องอาหารของครอบครัว เช้านี้แม่บ้านคนสนิทของหล่อนทำข้าวต้มปลาไว้ให้ และก็ไม่ลืมอาหารเช้าสไตล์อเมริกันอย่างขนมปัง แฮม เบคอน ไข่ดาว ให้ชายหนุ่มอย่างธีทัตด้วย
“ขอเป็นขนมปังปิ้งกับกาแฟอีกแก้วก็พอครับ” แม่บ้านได้ยินก็รีบจัดมาให้ ธีทัตเอ่ยขอบคุณตอนที่แม่บ้านรินกาแฟดำร้อน ๆ ใส่แก้วให้เขา สำหรับคุณธี กาแฟดำไม่ใส่นมไม่ใส่น้ำตาล เมื่อก่อนธีทัตชอบดื่มโอเลี้ยง แต่เมื่อเรียนใกล้จบและเริ่มสังเกตว่าเพื่อนหญิงในคณะมักจะมองว่าผู้ชายที่ดื่มกาแฟดำเพียว ๆ นั้นเท่กว่า เขาจึงบังคับตัวเองให้ดื่มแต่กาแฟดำมาตั้งแต่นั้นเพราะอยากเท่ในสายตาสาว ๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพอะไรทั้งสิ้น“แล้ววันนี้ต้องรีบเข้าออฟฟิศหรือเปล่า”
“ไม่รีบครับ วันนี้แม่จะให้ธีพาไปไหนหรือเปล่า”
ธีทัตถาม เพราะบางวันที่แม่เขามีธุระนอกบ้าน จะเรียกให้ลูกชายมาขับรถให้
“วันนี้แม่ไม่ใช้บริการเราหรอก พ่อเขาจะขับรถพาแม่ไปเอง แค่ว่าถ้าธีไม่รีบ แม่ก็อยากจะชวนคุยเรื่องหมั้นกับส้มหวาน”
คงเดชเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ทันที
“ทำหน้าแบบนั้นทำไมพ่อนายธี”
“พ่อแค่แปลกใจ ไม่เห็นแม่เคยพูดเรื่องหมั้นหมายอะไรให้พ่อได้ยิน”
“แม่เพิ่งพูดที่ไหน พูดมาตั้งหลายทีแล้วเรื่องที่อยากให้ธีหมั้นกับหลานขององุ่นน่ะ”
คงเดชสีหน้ายอมแพ้ ก่อนหันไปทางลูกชายคนเดียว
“คุยกับแม่เขาเองนะธี เรื่องนี้พ่อจะไม่ยุ่ง”
“ต๊าย คุณคงเดช พูดแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน องุ่นรู้เข้าจะน้อยใจเพราะเหมือนหลานสาวเขาไม่สำคัญ นี่เลือกลูกสะใภ้เลยนะ พ่อจะไม่ออกความเห็นอะไรเลยได้ยังไง”
“ใจเย็น ๆ นะแม่ พ่อหมายถึงแม่ชอบใครพ่อก็ชอบด้วย แล้วหลานขององุ่นมันก็คนกันเอง พ่อก็เลยไม่ยุ่งเพราะไว้ใจทั้งแม่และองุ่นยังไงล่ะจ๊ะ”
“แล้วไป”
ธิดาว่า สีหน้าพอใจมากขึ้น คงเดชหัวเราะแหะ ๆ เป็นแฟนกันมาตั้งแต่เรียน ม.ปลาย จนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะไม่เออออห่อหมกไปกับภรรยาสุดที่รัก
“ว่าไงธี แม่ขอให้ลูกหมั้นกับน้องเขาให้เป็นเรื่องเป็นราวสักทีได้ไหมจ๊ะ ถ้าอยากให้แม่หาฤกษ์ให้ก็ได้ หรือลูกจะใช้ฤกษ์สะดวกก็ได้ แม่ได้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“แต่ว่าผมกับน้องเพิ่งจะทำความรู้จักกันได้ไม่นานเองนะครับแม่”
"ไม่นานอะไร ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก" "ก็แค่เคยได้ยินชื่อต่างหากครับแม่ เพราะธีกับส้มหวานก็ต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่เคยวนมาเจอกันสักที มีแต่แม่กับน้าองุ่นเท่านั้นที่ไปมาหาสู่กัน ถ้าจะนับช่วงเวลาที่ธีกับส้มหวานที่ได้รู้จักพูดคุยกันจริง ๆ ก็เพิ่งจะแค่สามเดือนเท่านั้นเอง"“เพิ่งรู้จักก็หมั้นได้นี่ลูก แม่ยังไม่ได้ให้รีบแต่งสักหน่อย”
ธิดายังไม่ยอมแพ้ ธีทัตยังคงอธิบายอย่างใจเย็น“ผมว่ามันก็ข้ามขั้นเกินไปอยู่ดีนะครับแม่ ยังไม่ได้ทันได้เป็นแฟนกันเลย จะให้กระโดดเป็นคู่หมั้นแล้ว เกรงใจน้อง”
“ก็เพราะเกรงใจแม่ถึงอยากให้หมั้นไว้ก่อน คนเขาจะได้ไม่เอาน้องไปนินทาเสีย ๆ หาย ๆ ผู้หญิงดี ๆ แบบส้มหวานหาไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะสมัยนี้ เป็นแม่บ้านแม่เรือน กิริยามารยาทเรียบร้อย แถมยังว่านอนสอนง่าย”
“ถ้าเป็นเมื่อสามสิบ สี่สิบปีก่อน ผมคงไม่เถียงล่ะครับว่านั่นน่ะสุดยอดไปเลย แต่ว่าสมัยนี้...ผู้หญิงที่ผมอยากได้มาเป็นคู่ชีวิต ผมอาจต้องการอะไรมากกว่านั้นนะครับแม่”
“หมายความว่ายังไง" ธิดาตาโตใส่ลูกชายทันที เหมือนเขาพูดอะไรที่ไม่เข้าหูเธอเลย "แม่ก็เห็นลูกเทียวไปเทียวมาหาน้องตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ทำไมวันนี้พูดจาเหมือนกับว่าเขาไม่ดีพอที่จะมาเป็นแฟนเราล่ะ”
“โถ่ เดี๋ยวครับแม่ อย่าเพิ่งตีความคำพูดผมไปแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่าส้มหวานไม่ดีพอ น้องส้มน่ะดีเกินพอเสียอีกครับ แต่บางครั้งสิ่งที่ดีพอก็ไม่ใช่สิ่งที่พอดีกับเรานะครับแม่”
“นั่นไง แกพูดแบบนี้แปลว่ากำลังจะปฏิเสธน้องเขาแน่ ๆ”
“ฟังลูกอธิบายก่อนสิแม่ พ่อว่าที่ลูกพูดมา ก็ถูกของลูกนะ"
คงเดชเห็นจังหวะที่ต้องเอ่ยออกมาบ้าง
“เด็กมันเพิ่งจะคุ้นเคยกัน แม่ไปเร่งรัดให้เขาหมั้นกันแล้วถ้าเกิดมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทีหลังล่ะ ลูกเราน่ะไม่เท่าไรหรอก พ่อเป็นห่วงชื่อเสียงหลานองุ่นเขามากกว่า”
ธิดาหน้างอนิด ๆ เพราะสามีพูดจามีเหตุผลจนไม่รู้จะเถียงอย่างไร และดูท่าแล้วก็คงบังคับลูกชายไม่ได้จริง ๆ
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ฉันยอมแพ้ ให้คบหากันไปอีกสักหน่อยค่อยมาพูดเรื่องนี้อีกทีก็แล้วกัน แต่ระหว่างนี้แม่หวังว่าธีจะใส่ใจน้อง แล้วก็ไม่ทำอะไรที่ไม่ให้เกียรติน้องนะ เพราะว่า...”
ธิดายังบอกแกมบ่นไปอีกยืดยาว ธีทัตได้แต่ปิดปาก พยักหน้าเป็นระยะ แล้วหันไปสบตาบิดาที่สีหน้าขบขันเป็นบางที สองคนพ่อกับลูกอาจมีอะไรต่างกันหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนคือพร้อมจะทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ไม่เคยมีใครกล้าหือกับเมียและแม่ได้เลยสักคน
**แสงแดดยามสายของเชียงใหม่ยังไม่ร้อนจัด ยิ่งหน้าบ้านที่มีต้นไม้หลายชนิดอย่างบ้านหลังนี้ยิ่งให้บรรยากาศร่มรื่นชื่นเย็น ป้ายไม้เก่าหน้าร้านแกะเนื้อไม้เป็นตัวอักษรแล้วทาสีทับอ่านได้ว่า “ร้านต้นไม้นายขาม” เป็นป้ายที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ของเจ้าของคนปัจจุบัน
ที่นี่เปิดตรงเวลาเสมอ เจ็ดโมงเช้าทุกวันไม่มีวันหยุด มนิษาเป็นเจ้าของร้าน และยังมีคนงานอีกสามคนช่วยกันดูแล พื้นที่ลานดินหน้าบ้านถูกใช้เป็นโซนเพาะกล้า ด้านหน้าที่ติดถนนสายหลักทำเป็นซุ้มไม้ระแนงสูงโปร่ง จัดเป็นโซนวางกระถางและถุงใส่กล้าไม้พร้อมขาย โต๊ะไม้เก่าตั้งอยู่มุมหนึ่งของร้าน ใช้เป็นที่คัดแยกต้นอ่อนและจัดกระถาง ทางเดินกรวดทอดยาวเข้าไปถึงด้านในที่มีบ้านสองชั้นตั้งอยู่ ระหว่างทางเดินขนาบข้างด้วยกระบะเพาะกล้าต้นอ่อนของพริก กะเพรา และโหระพาเรียงเป็นแถว ถัดไปเป็นโซนต้นไม้ขนาดกลาง มีต้นมะนาวปลูกในเข่งใบใหญ่ตั้งอยู่เป็นแนว อีกด้านมีซุ้มเฟื่องฟ้ากับโต๊ะไม้ตั้งไว้ให้คนงานหรือลูกค้าได้นั่งพักร้อนเวลาเข้ามาเลือกต้นไม้นาน ๆ
คนงานสองคนเพิ่งเสร็จจากการนำกล้าไม้ขึ้นบรรทุกเต็มท้ายรถเพื่อไปส่งลูกค้า เมื่อรถกระบะแล่นพ้นรั้วออกไป เสียงระฆังหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกรอบบอกให้รู้ว่ามีลูกค้าเข้ามาใหม่ มนิษารีบหันไปเอ่ยต้อนรับเพราะคนงานอีกสองคนกำลังง่วนกับการจัดแปลงกล้าใหม่
แต่เมื่อเห็นว่าใครคือลูกค้าวอล์กอินคนแรกของเช้านี้ รอยยิ้มกว้างของคนเป็นเจ้าของร้านก็หุบฉับทันที
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท